ความคิดเห็นที่ 1 ... สร้างโรงงาน ถ้าเศรษฐกิจแย่ลง จะเอาโรงงานไปไว้ไหน การเพิ่มดอกเบี้ยมีส่วนช่วยให้ต้องมีการพิจารณาการลงทุนไม่ให้มากเว่อร์เกินความต้องการที่แท้จริง คร่าวๆตามที่เข้าใจครับ รอฟังผู้รู้ท่านอื่นด้วยคนครับ จากคุณ : netaddict เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:51:14

ความคิดเห็นที่ 2 คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ค่อยมีเงินเก็บ อันนี้คิดไปเองหรือเปล่า เงินออมของประเทศเรามีเยอะมาก เพราะประชากรเราไม่ทำอะไรฝากธนาคารอย่างเดียว ผิดกับประเทศอื่นๆ  ที่เค้าฝากธนาคารน้อย แต่ว่าลงทุนในตราสารอื่นๆ ซะเยอะ ลองอ่าน ออมก่อนรวยกว่า ดู มีตารางเปรียบเทียบให้ดู ส่วนการขึ้นดอกเบี้ย ก็ต้องเลือกเอา ระหว่างเงินเฟ้อ กับภาระ แบงค์ชาติเค้าใช้นโยบายสู้เงินเฟ้อ  ก็ต้องขึ้นดอกนิดหน่อย จากคุณ : ผมปล่าวนา เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:53:14

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้บ้านเราเศรษฐกิจดีมากเกินไปครับ ดูตามโรงงานกำลังผลิตเป็นร้อย คนงานขาดแคลน ถ้าไม่ดี ทำไมคนงานขาด เหมือนประเทศจีน ควรจะชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจโดยการขึ้นดอกเบี้ย จากคุณ : starbless เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:56:57

ความคิดเห็นที่ 4 เงินเฟ้อ ขึ้นดอกเบี้ย= ดูดเงินส่วนเกินออกจากระบบครับ พูดภาษาชาวบ้านคือ ให้คนนำเงินไปฝากเพิ่มขึ้น เงินก็เข้าธนาคาร ธนาคารก็เอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือ ตราสารที่ออกโดยธ.แห่งประเทศไทย จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:04:52

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก และเงินกู้ จะทำให้เงินคงอยู่ในระบบน้อยลง(เงินฝืดขึ้น) เพราะคนก็จะคงฝากเงิน และไม่ค่อยอยากกู้เงินมา ก็คงทำตามที่สอนกันมา ร่ำเรียนกันมา (อภิสิทธิ์ บอกของแพง ก็เลยเพิ่มเงินแก่ลูกจ้างขั้นต่ำ ข้าราชการ  เอาเงินเฟ้อไปสู้ของแพง  ของก็เลยแพงสามสิบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ที่รัฐบังคับนายจ้างให้เพิ่มรายได้ลูกจ้าง ลูกจ้างก็เลยยิ่งอ่วมกับของที่ยิ่งแพง   แค่ตรงน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง ไข่ไก่ ที่ราคาสูงเละเทะ ก็อ้างแต่น้ำท่วมทำ เฮ้อ   อภิสิทธิ์   กร ) จากคุณ : anonyS เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:10:39

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องเข้าใจนิยามของเงินเฟ้อก่อนนะครับ เงินเฟ้อคือ ราคาสินค้าหรือบริการได้ปรับตัวสูงขึ้นเทียบกับปีฐาน เหตุผลสำคัญ ขึ้นดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ไม่ใช่ต้องการเพิ่มภาระให้ เพราะถ้ายิ่งปริมาณเงินในระบบหมุนเวียนสูงขึ้นเรื่อยๆ เงินเฟ้อจากราคาสินค้าสูงยิ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้น ภาระจะตกสู่ผู้บริโภคมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจจะเกิดการชะงัก จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:14:22

ความคิดเห็นที่ 7 กำลังจะเข้ามาบอกเหมือนคห. 4 เงินเฟ้อ คือการที่มีปริมาณเงินในระบบมากขึ้นค่ะ นั่นหมายถึงว่า มีการใช้จ่ายกันมากขึ้น (การใช้จ่ายมากขึ้น หมายถึงว่า ของแพงขึ้นการใช้เงินก็มากขึ้น อะไรประมาณนี้) ซึ่งถ้าเป็นไปอย่างช้าๆ ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินไป ก็ไม่ดีนัก การเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ก็เป็นนโยบายกระตุ้นให้ ปชช. นำเงินไปฝากมากขึ้น คือลดปริมาณเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบค่ะ แล้วก็เดี๋ยวก็จะไปเข้าตามหลัก ศศ. ก็คือ พอคนเอาเงินไปฝากมากขึ้น ก็คือลดกำลังซื้อหรือการใช้จ่ายของตัวเองลง พออุปสงค์หรือดีมานลดลง แต่อุปทานหรือซัพพลายเพิ่มขึ้น  เข้าหลักเลยค่ะ ราคาก็จะไม่เพิ่มขึ้น (ย่อหน้าสุดท้ายใช่ป่าวคะ รบกวนผู้รู้ตรวจสอบทีค่ะ เรียนมานานละ อาจจะหลงๆลืม) จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:24:27

ความคิดเห็นที่ 8 เศรษฐกิจเราดีมากกกกครับ คนเล่นหุ้นปีที่แล้วกำไรกันอย่างน้อย 30% ทุกคน ทำให้ราคาไข่ราคากับข้าวกับปลาขึ้นกันหมดตามเศรษฐกิจที่ดี รัฐบาลจำเป็นต้องหยุดความร้อนแรงของตลาดหุ้นด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ไม่อย่างงั้นคนที่เล่นหุ้นไม่เป็นจะลำบากครับจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจ เหอะๆๆ ล้อเล่นครับ ^^ เงินเฟ้อมีสองแบบ แบบดี กับ แบบไม่ดี ตอนนี้ผมก็ไม่มั่นใจว่าเราเฟ้อแบบดีหรือไม่ดีแต่รัฐบาลบอกเงินเราเฟ้อแบบดีครับ เศรษฐกิจโตขึ้นมากมายนำโดยผลประกอบการณ์ ปตท. ปูนใหญ่และบ้านปู เพราะฉะนั้นต้องขึ้นดอกเบี้ยลดความร้อนแรง จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:38:13

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เงินเฟ้อคือศัตรูตัวสำคัญของระบบเศรษฐกิจ จากคุณ : You'll never walk alone เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:45:24

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ได้ว่านะ คคห.ที่ 5 ราคาของแพงมันสะท้อนไปหมดทุกประเทศครับ ไม่ใช่ที่ไทยที่เดียว ทุกมิติย่อมมีคนที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ ข้าวของแพงก็มีดีครับทำให้เรามีวินัยทางการเงินคิดจะซื้ออะไรต้องพิจารณา อย่างหุ้นแพงก็ต้องรอ เป็นธรรมดาครับ ส่วนนายกฯ อภิสิทธิ์ หรือท่าน กรณ์ เป็นแค่การขับเคลื่อนนโยบายเท่านั้นครับ จากคุณ : amphun (Amphun) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14:00:33

ความคิดเห็นที่ 11 ธ. ประเทศไทยสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวควบคุมเงินในระบบแบบมหาภาค ถ้าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจก็ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นให้คนเอาเงินมาลงุทนทำให้เกิดเงินไหลสะพัด ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนและเติบโต ไม่ให้เก็บไว้ในแบงก์ ถ้ามองว่าการค้าขายเริ่มกระโดดเกินไปราคาสินค้าแพงมากขึ้น ก็เพิ่มดอกเบี้ยเพิ่มลดเงินในระบบ ให้คนเอาเงินมาฝากแบงก์มากขึ้น ชะลอการลงทุน เพราะดอกเบี้ยเงินกู้ก็มากขึ้น อันนี้เท่าที่เรียนมานะฮะ จำได้แค่นี้ จากคุณ : แว้บ (valeerut) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:47:03

ความคิดเห็นที่ 12 ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย  แต่แบงค์มักจะขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก น้อยกว่า ดอกเงินกู้ ส่วนต่างก็ห่างกันไปเรื่อย ๆ ประชาชนที่มีเงินออม กลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ผลไปตกอยู่กับแบงค์ แล้วยังเชื่ออีกหรือว่าสกัดเงินเฟ้อได้ เงินเฟ้อปัจจุบันไม่ใช่เฟ้อเนื่องจากเงินมากในระบบ แต่เกิดจาก Cost push ... ทำไมยังดึงดันที่จะใช้ Solution เดิม ๆ ไม่เข้าใจ ถ้าจะว่ากันจริง ๆ สภาวการณ์ขณะนี้คือเงินฝืด ครับ ไม่ใช่เงินเฟ้อ ที่เงินมีค่าด้อยลงเพราะต้นทุนของสินค้า ราคาสูงขึ้น ไม่ใช่ดีมานด์สูงขึ้น ดีมานด์มันเท่า ๆ เดิม เผลอ ๆ ลดลงด้วยซ้ำ ผมอาจจะไม่เก่งเศรษฐศาสตร์ มหภาค จุลภาค หรอกครับ แต่ผมมองในมุมมองของความเป็นจริง และความรู้วิชาเศรษฐศาสตร์ที่เคยเรียนมาบ้าง มาประกอบการวิเคราะห์ คงไม่สามารถไปสู้บรรดา หัวกะทิของประเทศ ในที่ประชุม กนง. ที่คิดได้แค่ว่า เงินเฟ้อ มันต้องแก้ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ตามตำรา เท่านั้น อยากจะบอกกับแบงค์ชาติ และรัฐบาลว่า สถานการณ์ตอนนี้ คล้ายจะเป็นเงินเฟ้อ แต่จริง ๆ มันคือเงินฝืดครับ สถานการณ์ตอนนี้ คล้ายจะเป็นเงินเฟ้อ แต่จริง ๆ มันคือเงินฝืดครับ สถานการณ์ตอนนี้ คล้ายจะเป็นเงินเฟ้อ แต่จริง ๆ มันคือเงินฝืดครับ สถานการณ์ตอนนี้ คล้ายจะเป็นเงินเฟ้อ แต่จริง ๆ มันคือเงินฝืดครับ สถานการณ์ตอนนี้ คล้ายจะเป็นเงินเฟ้อ แต่จริง ๆ มันคือเงินฝืดครับ สถานการณ์ตอนนี้ คล้ายจะเป็นเงินเฟ้อ แต่จริง ๆ มันคือเงินฝืดครับ ขึ้นดอกเบี้ยแค่ไหน คนในแบงค์ชาติ โดยเฉพาะพวก กนง. ก็ไม่เดือดร้อนหรอกครับ เงินเดือนสูง ๆ กันทั้งนั้น จากคุณ : เ ห็ ด ห อ ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 18:09:49

ความคิดเห็นที่ 13 #12 เงินฝืดคือคนมีเงินแต่ไม่ใช้เงินครับ เช่นญี่ปุ่น ตอนนี้เราเจอเงินเฟ้อ ที่มาจากราคาน้ำมันสูงขึ้น (cost push) เนื่องจากน้ำมันเป็นต้นทุนของการผลิตและการขนส่ง Bank of Thailand ต้องขึ้นดอกเบี้ยเพราะต้องการลดความต้องการใช้เงินของภาคธุรกิจและภาคประชาชน เพราะถ้าไม่ทำแล้วราคาสินค้าจะถีบตัวสูงขึ้นไปอีก และจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นคำอธิบายเดียวกับ demand pull จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 19:24:37

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ก่อน คนหนึ่งคน ทำงานไร้เครื่องจักร ได้ผลผลิตจำนวนหนึ่ง ทุกวันนี้ คนหนึ่งคนทำงาน ได้ผลงานมากมายเพราะว่ามีเครื่องจักร คอยช่วยเหลือ เมื่อ productivity เพิ่มสูงขึ้น ค่าตอบแทนและจำนวนเงิน ที่ไหลเวียนมันก็ย่อมมากขึ้น ในขณะที่การแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ เงินฝืด ต่างๆ ยังคงใช้ทฤษฎีโบราณแต่เก่าก่อน จริงๆแล้วมันควรจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ หากอยากดึงเงินออกไปจากระบบ ก็เพิ่มแค่ดอกเบี้ยเงินฝาก และหาจุดที่เพิ่ม ดอกเบี้ยเงินกู้เพียงเล็กน้อยในอัตราที่ต่ำกว่า เพื่อหาจุดสมดุลย์ในการดึง เงินออกจากระบบโดยไม่ไปเพิ่มภาระกับผู้ประกอบการมากนัก (ที่สุดท้ายแล้ว ก็จะผลักภาระไปให้ผู้บริโภคอยู่ดี) แต่ใครล่ะที่จะกล้าทำ เพราะย่อมมีคนบางจำพวกเสียประโยชน์ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 20:02:24

ความคิดเห็นที่ 15 รู้แต่ว่า ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มมากกว่า ได้ดอกเบียฝาก มีเงินฝากในแบงค์แค่ 100 บาท    ส่วนเงินกู้แบงค์ตั้ง 1,000,000 บาท แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 22:48:05 จากคุณ : Chaeh เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 22:44:37