ความคิดเห็นที่ 1 ผมลองใส่ TCAP เข้าไปดู ไหงมันทำตัวแปลกกว่าเพื่อนล่ะครับเนี่ย ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:35:30

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่มีไรมั้งฮะ เทียบอัตราส่วนเฉยๆ (รึเปล่า) จากคุณ : พินอบพิเทา เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:43:57

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่รู้ว่า$BANKคือตัวไหน แต่คิดว่าคือดัชนีของกลุ่มแบงค์ ฉนั้นตัวที่อยู่เหนือ$BANKเป็นหุ้นที่over perform ตัวที่ต่ำกว่าก็under perform มองแบบBB band พวกที่overราคาจะตก พวกที่underราคาจะขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจะโยกเงินจากพวกover-->underนั่นเอง นี่ไม่ได้สนเรื่อข่าว/พื้นฐานนะครับ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:47:33

ความคิดเห็นที่ 4 #2 กราฟ week เหมือนกัน แต่ทำไมตัวเลขด้านขวาไม่เหมือนกันกับของผมน่ะครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:49:25

ความคิดเห็นที่ 5 ขอถามครับ กราฟเปรียบเทียบแบบนี้ ทำใน metastock ได้หรือเปล่าครับ How to ?? Please... จากคุณ : Ultraman_Denis เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:49:44

ความคิดเห็นที่ 6 #3 $BANK คือ ดัชนีรวมของกลุ่มแบงค์ครับ  ถูกต้องแล้วครับ ถ้ายึดเอาตามความเห็นของคุณ ANUBIS[TJ] โดยตัดเรื่องพื้นฐานออกไป นั่นหมายความว่า KBANK over perform เมื่อเทียบกับกลุ่มแบงค์ ในขณะที่ BBL, SCB นั้น ยัง under perform อยู่ ? ในอดีต TCAP คง super over perform น่าดู กราฟสูงเป็นภูเขาเลย ? ผมเข้าใจถูกต้องเปล่าครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:54:07

ความคิดเห็นที่ 7 พี่คนจน ของผมออกมาเป็นแบบนี้อ่ะ จากคุณ : พินอบพิเทา เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:58:26

ความคิดเห็นที่ 8 สนใจตัวนี้เหรอพี่ จากคุณ : พินอบพิเทา เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:01:00

ความคิดเห็นที่ 9 #8 ป่าวครับ  พอดีเห็นว่าวันนี้มีกระทู้บ้านปูเยอะ เลยยกตัวอย่างลองทดสอบเฉยๆ จุดประสงค์ผมแค่อยากรู้ว่ามันใช้ดูเพื่อบอกอะไรเราน่ะครับ ว่าแต่ ... ก็แอบมีมองๆอยู่เหมือนกัน ตัวนี้ต้องถามพี่ everandever ครับ  เขาเป็นผู้ถือหุ้นราย(เกือบ)ใหญ่ อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:05:16

ความคิดเห็นที่ 10 TCAP เล่นข่าวควบรวมครับ ผมแอบอ่านเจอเมื่อนานมาแล้ว จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:09:43

ความคิดเห็นที่ 11 #10 ถ้าสมมติฐานที่ราคาก่อนหน้าของ TCAP สูงเป็นยอดภูเขาเพราะมีข่าวควบรวม นั่นก็หมายความว่า 3 แบงค์ใหญ่นั้น เป็นหุ้นที่ไม่เล่นกับข่าว พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ 3 แบงค์ใหญ่เป็นหุ้นที่มีเส้นทางเดินตามวิถีของมัน ขึ้นลงด้วยกลไกปกติ ไม่มีเล่นข่าว ? แท่งเทียนจึงไม่ฉีกไปจาก $BANK ซึ่งเป็นดัชนีของกลุ่มมากนัก ผมพูดอย่างนี้ ถือว่าถูกไหมครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:15:13

ความคิดเห็นที่ 12 เดี๋ยวนี้ พี่คนอยากจนที่รวย หันมาสนใจเทคนิคมากขึ้นนะครับ ผมมีคำถามอยากถามพี่อยู่เหมือนกันครับ สำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่มีเงินกระปิดกระปอย ถ้าเล่นแนว VI แล้วมาเจอตลาดกระทิงดุดุ ทำอย่างไรครับ ผมหมายถึง หุ้นมันไม่ค่อยเหลือ MOS ที่น่าสนใจแล้ว จะซื้อเติมไปเรื่อยๆ จนมัน over value หรือ ถือเงินสดรอมันลงมาครับ ? จากคุณ : Ultraman_Denis เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:17:10

ความคิดเห็นที่ 13 #12 เจอแบบนี้ ผมขอตอบดักก่อนเหมือนที่เคยอ่านเจอบ่อยๆในห้องสินธรนะครับว่า "ไม่ว่าแมวจะสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ" เข้าเรื่อง ถ้าเล่นแนว VI แล้วมาเจอตลาดกระทิงดุดุ ทำอย่างไรครับ? ถ้าจะให้ตอบตามหลักการและความเป็นจริง VI จะไม่สนใจกับสภาพตลาด เพราะนักลงทุนจะมุ่งเน้นไปที่ผลการดำเนินงาน และความเป็นไปของบริษัทที่สนใจเป็นหลัก ตลาดกระทิงดุ อาจจะไม่เกิดผลกระทบกับหุ้นที่เราถือลงทุนอยู่ก็ได้ ในทางกลับกัน หุ้นที่เราเลือกลงทุนอาจสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าพอใจในยามภาวะตลาดหมีก็เป็นได้ครับ ดังนั้น ถ้าถือหุ้นอยู่แล้ว  ก็ไม่ควรสนใจภาวะตลาด เพราะนักลงทุนแนว VI จะไม่ทำนายดัชนี ถ้าเราคำนวณมาอย่างดีแล้วว่าหุ้นนั้นมี MOS เท่านี้ แล้วราคาขึ้นมาใกล้หรือเกิน ก็ตัดสินใจอย่างหนึ่ง หรือถ้าราคายังห่างไกลจาก MOS ที่เราคำนวณไว้  เราก็จะตัดสินใจอีกอย่างหนึ่ง เห็นไหมครับ คำตอบมันมีอยู่ในตัวหลักการอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เราคำนวณ MOS หรือ target value ได้ถูกต้องหรือเปล่า ? แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 22:26:19 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:24:59

ความคิดเห็นที่ 14 คห.4 สามารถคลิกเม้าส์ที่ฝั่งตัวเลขด้านขวา เพื่อเปลี่ยนค่าได้ครับ มี 4 ( แต่ควรเลือก liner หรือ log ) ค่าให้เลือกว่าจะเอาอันไหนก็ติ๊ก แต่อย่าติ๊กที่มี (tic) เพราะมันจะถาม แล้วต้องเลือก continue ไม่อย่างงั้นมันจะปิดจอกราฟครับ อยากจะเอากราฟมาโชว์แจมด้วย แต่โปรแกรมมันเป็นอะไรไม่รู้เปิดไม่ได้ เมื่อกี้ที่เอามาโชว์ ทำจากคอมฯ ที่ที่ทำงานครับ จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:34:17

ความคิดเห็นที่ 15 #13 ขอบคุณครับพี่คนจน.. ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง... จากคุณ : Ultraman_Denis เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:36:41

ความคิดเห็นที่ 16 #14 แงๆ อดเห็นกราฟของคุณ mspaint  เลย จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:43:55

ความคิดเห็นที่ 17 โชคดีไม่ใช่สายเทคนิค...งงตาย 5 ปล. หนูสายพาณิชย์ค่ะ (ข่าวสาร ตลาดโลก การเงิน สถานการณ์การลงทุน น้ำมัน และทอง) จากคุณ : ink (siam) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:07:35

ความคิดเห็นที่ 18 # 17 คุณink (siam)บอกกว่าเป็นสายพาณิชย์ ส่วนผมเป็นพวก สายเสมอครับ  ซื้อหุ้นสายกว่าชาวบ้านเสมอ ... จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:11:37

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่รู้ล่ะ...ไป Long BBL มาแล้ว...พาณิชย์ล้วนๆ..อุอุ จากคุณ : ink (siam) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:15:41

ความคิดเห็นที่ 20 ที่ผมเคยได้ยินมานะครับ scb, kbank, bbl วิ่งทางเดียวกัน หากตัวใดตัวหนึ่งวิ่งไปก่อน ก็เป็นไปได้ที่อีก 2 ตัวจะวิ่งตาม แล้วก็มีเรื่อง spread อีกหาก bbl outperform ให้ long bbl ไว้ แล้ว short ตัวที่ underperform เพราะเวลาขึ้น bbl จะขึ้นแรงกว่า ส่วนเวลาลง scb, kbank จะลงช้ากว่า เรื่องนี้ logic ในการ short, long ผมอาจผิด แต่มีการ short, long ได้เพื่อ hedge ความเสี่ยงได้ครับ แล้วก็ tcap ต่างกับตัวอื่นก็แปลว่าวิ่งคนละทาง พื้นฐานไม่คล้ายกัน และไม่ใช่ตัวนำกลุ่ม bank จากคุณ : trusthaha เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:16:38

ความคิดเห็นที่ 21 สายเทคนิค ตากลมผมยาว  แล้วไสพี่บ่าวไม่มาดูแล ตึงโป๊ะ จากคุณ : Bach_Ho เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:27:50

ความคิดเห็นที่ 22 #19 พึ่งรู้ เดี๋ยวนี้สายพาณิชย์มี long ด้วยวุ้ย อิอิ #20 ขอบคุณครับ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะผมเล่น TFEX ไม่เป็น เห็ด เหิด ประกันความเสี่ยง ฯลฯ ความรู้ผมยังมีไม่มากพอครับ แหะๆ แต่อย่างไรก็ขอบคุณครับ #21 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:32:19

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาอ่านเพราะเล็งๆ tcap ไว้เหมือนกัน ต่ำกว่า 30 บาทค่อยว่ากัน ปล. MOS สูงไว้ก่อนเป็นดี เพราะทั่นสาระขันสอนให้...อิอิ จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:42:36

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเองเมื่อก่อนก็สายพื้นฐาน แต่ส่วนมากจะเป็นพื้นฐานสายเสมอ ส่วนใหญ่ผู้ที่มองพื้นฐานเชี่ยวจริงๆ ต้องสามารถมองนำหน้าผู้อื่นไปหลายก้าว อย่างน้อยก็ต้องใกล้เคียงเจ้าของบ. ไม่ใช่ว่า เป็นผู้เสพข่าวเพียงอย่างเดียว เพราะการเสพข่าว ก้เท่ากับมีผู้รู้ก่อนเรา นี่ คือ แก่นของการมองพื้นฐาน อย่างที่ดร.นิเวศน์เห็นใน CPALL อย่างที่เซียน VI เห็นใน JAS อย่างที่ดร.สุวรรณเห็นใน SVI เพราะถ้าทุกคนรู้เหมือนกันทั้งตลาด ยังไงราคาก็ต้องวิ่งตอบรับล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพอผมเข้าใจถึงตรงนี้แล้ว ผมก็เริ่มที่จะรู้ว่า ตัวผมไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น ต่อให้ดูพื้นฐาน เข้าใจงบมากเพียงใด แต่ที่ขาดไปคือการคาดการณ์อนาคต อันนี้สอนกันไม่ได้ มันอยู่ที่พรสวรรค์ละมั้ง พอรู้อย่างนี้ ผมก็เริ่มหันมาดูสายเทคนิก เทคนิกไม่สนใจอะไรเลยนอกจากข้อมูลราคาในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นการเอาข้อมูลในอดีตมาทำสถิติหาความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเทคนิกเชื่อว่า ราคาเป็นสิ่งที่สะท้อนทุกอย่างแล้วของบ. และ history repeats itself เสมอ พูดง่ายๆราคาเป็นของจริง ส่วนข่าวยังมีจริงมีหลอก เพราะฉะนั้นสายเทคนิกจะช้ากว่าคนที่เป็นเซียนพื้นฐานเสมอ เพราะเซียนพื้นฐาน อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าของบ.ที่เข้าถึงข้อมูลคนแรก และถูกต้อง ซึ่งต้องยอมรับว่า เทคนิกไม่มีทางสู้เซียนพื้นฐานได้แน่ๆ ตามหลักของ Wave นะครับ พวกเซียนพื้นฐานจะอยู่ Wave 1 อันเดียวกับเจ้าของบ. ส่วนพวกเทคนิกส่วนใหญ่จะอยู่ที่ Wave 3 (ความเห็นส่วนตัวจริงๆนะ เพราะถ้าให้ผมเทียบบิดาของ VI = ปู่บัฟเฟต กับบิดาของเทคนิก = จอร์จ โซลอส ผมก็ไม่รู้ผมเทียบถูกมั้ยนะ แต่ตามที่จัดอันดับความั่งคั่งเค้าก็ให้ปู่บัฟเฟตนำอยู่) แต่อันนี้แหละ คือ ข้อดีของเทคนิกสำหรับคนที่ไม่ใช่เซียนพื้นฐาน เพราะในเมื่อเรารู้ตัวว่า เราไม่สามารถเป็นเซียนพื้นฐานได้ ทางที่ทำได้ คือ เป็นพวกเทคนิกซะ แต่กับผมก็คงไม่ใช่เทคนิกเพียวๆ ก็จะมีพื้นฐานผสมด้วย คืออย่างน้อยก้ต้องขอเลือกหุ้นหน่อยละ ดูหน่อยละ ถูกเปล่า แพงไปเปล่า หุ้นปั่นหรือเปล่า อะไรทำนองเนี่ย ถ้าผิดทางก็มี stop loss ละ ไม่ดื้อถือจนติดดอย สรุป คือ กลายเป็นลูกผสม กึ่งๆ ไม่รู้ว่า ผิด หรือถูกนะ แต่ก็จะลองดู เอิ้กๆ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:42:52

ความคิดเห็นที่ 25 #24 โชคดีจริงๆที่ผมได้มีโอกาสอ่านความเห็นของคุณ kanstk คืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดีแล้วครับ ผมคงไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติม เพราะหากอ่านด้วยใจเป็นกลาง ก็จะต้องเห็นด้วยกับข้อความที่พิมพ์มา เดือนนี้ gift ผมหมด ผมให้สิ่งนี้แทน มีค่าไม่ด้อยไปกว่ากันเลยครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:53:12

ความคิดเห็นที่ 26 #23 อุ้ย ภาพนี้ไม่ได้เห็นนานเลย ขอ save เก็บไว้ก่อน อิอิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:55:25

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ จริงๆเคยเห็น version ที่เคาะไวกว่านี้ แต่ไม่ได้ save ไว้อ่ะ ไปนอนก่อนนะครับ... จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:22:50

ความคิดเห็นที่ 28 #11 tcapขึ้นไม่ใช่เพราะเล่นข่าวครับ แต่เพราะพื้นฐานเปลี่ยน การควบรวมนอกจากสินทรัพย์ใหญ่ขึ้นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มสาขา เพิ่มลูกค้าอย่างปัจจุบันทันด่วน และยังเกิดeconomy of scaleด้วยครับ แทนที่จะมีhead quater2แห่งก็เหลือแห่งเดียว คณะบริหารก็ลดลง บลาๆๆ 3แบงค์ใหญ่ตัวเล่นข่าวเลยครับ เดี๋ยวสินเชื่อสูงเป็นประวัติการณ์ เดี๋ยวnpaลดลง เดี๋ยวยอดบัตรเครดิตสูงขึ้น ราคาขึ้นตามข่าว/ขึ้นตามfund flow แล้ว3แบงค์ใหญ่ไม่แปลกที่จะวิ่งด้วยกันเพราะพื้นฐานใกล้เคียงกัน และที่ไม่ฉีกจากดัชนีแบงค์เพราะ3ตัวนี้รวมกันก็marketcapเกือบครึ่ง/มากว่าครึ่งของดัชนีแบงค์แล้วครับ ฉนั้น$BANKวิ่งตาม3แบงค์ใหญ่นะครับ ไม่ใช่3แบงค์วิ่งตามดัชนี เหมือนที่setวิ่งตามPTT/PTTEP/banpu... #20 ท่านshort/longผิดฝั่งแล้วครับ ในภาวะตลาดเป็นside way จากรูปมีเส้นmeanสีน้ำเงิน และแถบbb bandสีเขียวกับแดง ในกรอบสีแดงแท่งเทียนจะแตะแถบล่างซึ่งเท่ากับunder perform เราควรlongครับ เพราะต่อมาราคาจะขึ้น ในกรอบสีดำแท่งเทียนแตะแถบบนเท่ากับover perform ต้องshortเพราะต่อมาราคาลง แต่ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นหรือขาลงชัดเจนเช่นตอนวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์และการฟื้นตัวหลังจากนั้น ต่อให้แตะแถบbb bandแล้วมันก็ยังไปต่อได้(ลง/ขึ้นต่อโดยไม่พักตัว) จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:26:23

ความคิดเห็นที่ 29 กราฟครับ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:27:12

ความคิดเห็นที่ 30 กราฟระยะวีค ของhsceiปี2008-2009 จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:31:11

ความคิดเห็นที่ 31 ต่อเรื่อง3แบงค์สักนิด ที่ตอนนี้ขึ้นเพราะเก็งข่าวผลประกอบการไตรมาส1นะครับ ผลออกก็ลง ลองท่านไม่สนข่าวดูแต่ปัจจัยเศรษฐกิจ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผลประกอบการต้องออกมาดีกว่าเดิมเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น เงินเฟ้อ+ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ส่งออกดี การย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้น ความต้องการสินเชื่อต้องเพิ่มเป็นธรรมดา ราคาควรค่อยๆขึ้นไปสิ แต่ทำไม3แบงค์นี้ราคาขึ้นซะขนาดนี้ครับ ก็เพราะข่าวที่ปล่อยมาตอนนี้ไงล่ะ สำหรับผมถ้าเล่ยแบบviผมไม่ซื้อแบงค์ตอนนี้หรอกครับ ซื้อตั้งแต่หมดมาตราการกระตุ้นอสังหาแล้วครับ เพราะผมคิดตอนนั้้นว่า ขายบ้านได้มาก อะไรจะดี ก็พวกวัสดุก่อสร้าง แต่ตอนนั้นข่าวพวกวัสดุก็ตามมากับอสังหาผมเลยไม่สน มองต่อไป ก็เจอแบงค์เพราะคนซื้อบ้านไม่มีใครซื้อเงินสดหรอก ข่าวแบงก็น้อย มีแค่เศรษฐกิจฟื้นตัว nplลดลง ข่าวสินเชื่อสูง ใช้บัตรเครดิตเยอะ ไม่มีหรอกครับ โดนข่าวอสังหากลบหมด จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:47:01

ความคิดเห็นที่ 32 โพสซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 00:47:59 จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:47:37

ความคิดเห็นที่ 33 กลุ่ม Bank Q2 นี้ต้องลุ้นตัวโก่งเลยนะดอกเบี้ยเริ่มขึิ้นเร็วขึ้น ไม่รู้จะขยายสินเชื่อได้ดีเหมือนเดิมไหม จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 00:50:32

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาอ่านหาความรู้...ขอบคุณพี่ๆๆ ทุกๆๆ ท่านคะ จากคุณ : MamAnt เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 07:45:06

ความคิดเห็นที่ 35 ที่ว่า  (ข้างล่าง) - คนที่ใช้ปัจจัยพื้นฐาน ช่วยในการเทรด    มีเป็นหมื่นเป็นแสนคน   ไม่น่ามีถึง 100 คนที่ซื้อตั้งแต่เริ่มขึ้น    ดังนั้นไม่น่าถึง 1 %  แต่เม็ดเงินที่เข้าตลาด  จะเยอะ   - คนดูเทคนิดก็เช่นกัน   จะมีคนส่วนหนึ่ง ที่จับทิศทางตลาด ฯ ได้ ตั้งแต่ราคาเริ่มจะขยับขึ้น      ในขณะที่ส่วนใหญ่อาจจะจับคลื่นสาม             แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 08:29:20 จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 08:20:41

ความคิดเห็นที่ 36 #35 100 คนของคนที่ใช้ปัจจัยพื้นฐาน และ คนส่วนหนึ่งที่ดูเทคนิค สองกลุ่มนี้ ถึงได้เรียกว่า "เซียน" ไงครับ นอกเหนือจากนั้น ก็คงเป็นกลุ่มที่จับ "คลื่นสาม" เหมือนที่คุณ keeta2 ได้กล่าวไว้ ว่าแต่ ... คลื่นสาม หมายถึงอะไรอะครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 09:10:59

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ : คนจนที่อยากรวย  ผมลอก คำว่าคลื่นสาม มาจากความคิดเห็นที่ 24    เรื่องคลื่น ผมเคยศึกษา ตอนต้นๆ ของการศึกษาวิเคราะห์ ทางเทคนิค   ( อยากศึกษาก็ลองหามีทั่วไปตามหรือ http://www.taladhoon.com/ )  ต่อมาผมพบคลื่นมีย่อยมาก  ดูแล้วเวียวหัว นับถูกนับผิด  จึงเลิกสนใจไปนานแล้ว     จับทุกคลื่นที่เห็นหรือที่เรารู้  ดีกว่า จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 09:52:30

ความคิดเห็นที่ 38 #37 อ๋อ คลื่นจากทฤษฎีอีเลียตเวฟนี่เอง 555 ยากมาก ไม่เข้าใจ เลยไม่คิดจะสนใจครับ แหะๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 10:39:05

ความคิดเห็นที่ 39 จับทุกคลื่นที่เห็นหรือที่เรารู้ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 12:37:22 จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:07:12

ความคิดเห็นที่ 40 #39 นี่คือเรื่องจริง ผมดูกราฟ คห.39 ไม่เป็นจริงๆนะครับ ทั้งลูกศรแดง/เขียว และเส้น crossing กันระหว่างเส้นทึบและเส้นปะสีแดง ... มันมาจากไหน และบอกอะไรเราได้บ้างครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:13:21

ความคิดเห็นที่ 41 ซื้อที่แนวรับ(เส้นล่างราคา) ถ้ายืนได้ หรือไม่หลุดลงมา  ขายที่เส้นแนวต้าน(เส้นบนราคา) ถ้าไม่สามารถผ่านไปได้   -------------------------- กราฟ เก็บตก(ขำๆ)จากเวบหนึ่ง จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:16:18

ความคิดเห็นที่ 42 กระจุกนี้คงปวดหัวน่าดูนะครับ แหะๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:20:46

ความคิดเห็นที่ 43 -ศร ไม่ต้องดู   ตอนนั้น (ว่างมาก) ลองศึกษาเขียว-แดง  (ซึ่งเขาว่าเป็นสุดยอดวิชาของสำนักหนึ่ง)   ผมดูแล้วสรุปว่าผม  นำมาช่วยได้ประมาณ 20  %  (จริงๆ ไม่ใช้ก็ได้ ) - ที่ให้ดู ความคิดเห็นที่ 39  ดู กราฟเส้น ด้านล่างอย่างเดียว  ผมดูแบบพื้นๆ(เครื่องมือดังเดิม  ที่ปรุ่งปรับบ้าง) ตัดลงขาย (เส้นตั้งหน้า) ตัดขึ้นซื้อ (เส้นตั้งหลัง) ------------------------------------------------------------ เครื่องเก่าๆ  ที่หลายๆคนว่าใช้ไม่ได้นั้นแหละ   ที่ผมใช้ จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:25:10

ความคิดเห็นที่ 44 #43 อ่อ  ขอบคุณครับ ว่าแต่ เส้นด้านล่างนั้น ใช่ MACD signal หรือเปล่าครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:29:45

ความคิดเห็นที่ 45 กล่องเครื่องมื่อหลังรถคุณ เครื่องมือทุกตัวใช้ซ่อมรถ(ซื้อ ขายหุ้น)ได้ทุกชิ้น เพียงแต่คุณเลือกหยิบ อันที่จะใข้ประโยชน์ในยามนั้นๆ  เช่นถอดล้อ ก็อันหนึ่ง  ,ถ้าจะเปลี่ยนหัวเทียนก็อีกอันหนึ่ง จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:37:20

ความคิดเห็นที่ 46 #45 หลังรถผมโล่งโจ้งครับ ไม่มีเครื่องมือแม้สักกล่อง เวลามีปัญหา ใช้โทรศัพท์เรียกที่ศุนย์เอาครับ อิอิ  (ล้อเล่น) กราฟด้านบนคงเป็น slow stoch ด้วย concept ที่เคยได้ยินว่า ตัดขึ้นซื้อ-ตัดลงขาย แต่ zone ด้านบน ก็ตัดซื้อ ตัดขาย หลายครั้งทีเดียว เป็นผม(คนที่ไม่มีความรู้) คงมึนๆน่ะครับ แหะๆ ส่วนกราฟด้านล่าง ที่เห็นเด่นชัดคือกราฟท้องช้าง แต่จะเห็นได้ เหตุการณ์นั้นก็ต้องผ่านมาแล้ว กลัวว่าในอนาคต จะเห็นท้องช้าง ที่อาจมีท้องลูกข้างอีก อิอิ ผมเข้าใจอย่างนั้นครับ ผิดถูกอย่าถือสาผมนะครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:42:53

ความคิดเห็นที่ 47 ปล. โดยส่วนตัวผมชอบนะ แลกเปลี่ยนความเห็นกันทางด้าน technical จะว่าแลกเปลี่ยนก็ไม่เชิง เพราะว่าผมเป็นแต่ฝ่ายรับข้อมูลอย่างเดียว  น่าอายจัง แหะๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:44:50

ความคิดเห็นที่ 48 ตอบ ความคิดเห็นที่ 44 ใช่  MACD signal   (รูป)  ปลาทั้ง 4 ตัว เป็นปลาหมอสี  แต่ ไม่เหมือนกัน จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:47:58

ความคิดเห็นที่ 49 #48 กำลังจะบอกว่า ทุกตัวเป็นปลาหมอสี แต่สีของปลาหมอไม่เหมือนกัน คุณ keeta2 อยากจะสื่อถึงอะไรหรอครับ ? ปล. ตอนนี้ 11:52 set index  -6.81 จุด   แต่ทำไมเราถึงเมืนเฉยอย่างนี้หนอ 555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:51:48

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 46 ที่ว่า กราฟด้านบนคงเป็น slow stoch ด้วย concept ที่เคยได้ยินว่า ตัดขึ้นซื้อ-ตัดลงขาย ใช้แล้ว   แต่ sto.  เป็นเพียงลูกขุน 1 คน ในศาลของ USA .    การจะตัดสินคดี ว่า ซื้อหรือขาย ต้องมาจากเสียงส่วนใหญ่( 4-7 คน) ของลูกขุน จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 11:54:35

ความคิดเห็นที่ 51 #50 นั่นหมายความว่า การจะติดสินซื้อ-ขายได้ในแต่ละครั้งนั้น ต้องรอมติเสียงส่วนใหญ่จากคณะลูกขุน 4-7 เสียง จากทั้งหมดกี่เสียงครับ ? แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 12:00:56 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:00:18

ความคิดเห็นที่ 52 ความคิดเห็นที่ 49   ทุกตัวเป็นปลาหมอสี ครับ   ปลาหมอสีของคุณ (MACD signal   ) อาจจะเป็น ตัวล่างขวา   แต่ของผมตัวล่างซ้าย จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:00:51

ความคิดเห็นที่ 53 #52 อ๋อ ... ต้องการจะสื่ออย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:02:18

ความคิดเห็นที่ 54 #52 ปลาหมอสีของคนข้างบ้านผม เป็นตัวแบบนี้ (สวยหรือเปล่า ผมมองไม่เป็น) แต่ผมไม่ได้เลี้ยงหรอกนะ  เลยวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของปลาหมอสีไม่ออกครับ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 12:10:02 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:09:21

ความคิดเห็นที่ 55 (ความคิดเห็นที่ 51) เสียงส่วนใหญ่มาจากคณะลูกขุนทั้งหมด 4-7 เสียง  นั้นคือ 4 เสียงก็ โอเค (ถ้าตัดสินหลายคนเกิน เวียนหัว )และ เวลาที่ใช้ประชุมเพื่อพิจารณาคดีก็ ควรไม่นาน ประมาณ  1-5 นาที ต่อ 1 คดี ก็พอ จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:11:00

ความคิดเห็นที่ 56 ภาพประกอบ คห.54 Zone สีแดง คงเดาพฤติกรรมปลาหมอสีได้ยากพอดู ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่ชอบเลี้ยงปลาหมอสีครับ แหะๆ คุณ keeta2 มีความเห็นว่าไงครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:13:05

ความคิดเห็นที่ 57 #55 7 เสียงศาลของ USA ตามที่คุณ keeta2 ว่า ... มีตัวไหนบ้างครับ เผื่อจะลองดูว่า สามารถประยุกต์ใช้ได้กับประเทศไทยหรือเปล่า ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:18:27

ความคิดเห็นที่ 58 ใช่ครับ Zone สีแดง ดูยาก -  ถ้าจะให้สวยงาม(ดูง่าย)  ต้องปรับปรุงสายพันธ์กันบ้าง    ถ้าพันธ์ดังเดิมหรือพันธ์พื้นเมือง ก็จะได้แค่นั้น แหละครับ จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:23:48

ความคิดเห็นที่ 59 (ตอบความคิดเห็นที่ 57) หลายๆอย่าง ผมเขียนไว้ใบ blog แล้ว   ส่วน วิธีอ่านเครื่องมือต่างๆ  ไม่ได้เขียนไว้ เพราะหาอ่านจากที่ไหน ๆก็ได้ มีเยอะแยะแล้ว  ต่างอ่านเหมือนกัน จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:28:11

ความคิดเห็นที่ 60 #58 แสดงว่าคุณ keeta2 เลี้ยงปลาหมอสีเกรด S ที่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามตลาดนัดจตุจักร ? ปลาหมอสีที่ขายที่จตุจักร ผู้คนหาซื้อได้ง่าย และมีเลี้ยงไว้ที่บ้านกันเกือบทุกคน เลยปวดหัวกันไม่จบ ไม่สิ้น อิอิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:29:37

ความคิดเห็นที่ 61 #59 ทั้งหมดที่ตอบโต้กันมา ถือว่าเป็นการคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันสนุกๆตามประสานะครับ ขอบคุณที่อุตส่าห์เสียสละเวลามาร่วมพูดคุยครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:31:39