เปิดตัว "เสี่ยแตงโม" เซียนหุ้น "หาดใหญ่" จาก "ช่างตัดผม" ผันสู่...นักลงทุน "พันล้าน
|
|
<font class="Apple-style-span" color="#ffffff"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Tahoma; "><center><h4><a href="http://www.oknation.net/blog/STRATEGICSTOCK/2008/09/16/entry-7">เปิดตัว "เสี่ยแตงโม" เซียนหุ้น "หาดใหญ่" จาก "ช่างตัดผม" ผันสู่...นักลงทุน "พันล้าน</a></h4></center><br><p style="text-align: left; ">เปิดตัว "เสี่ยแตงโม" เซียนหุ้น "หาดใหญ่" จาก "ช่างตัดผม" ผันสู่...นักลงทุน "พันล้าน" <br><br>เส้นทางปั้นดินสู่ดาวของ "สมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์" หรือ "เสี่ยแตงโม" กลายเป็นกรณีศึกษาของนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่สร้างตัวจากเงิน "8 หมื่น" แม้เขาจะถ่อมตัวว่าเป็นนักลงทุนระดับ "ร้อยล้าน" แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเคยซื้อขายหุ้นวันเดียวเกิน "พันล้าน" <br><br>------------------------------- <br><br>"ผมถือคติว่า...น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง จำไว้เวลาหุ้นขาลง แม้ขายขาดทุนก็ต้องขาย ต้องยอมเสีย Civic ไปหนึ่งคัน...ไม่งั้น Mercedes-Benz คุณหาย!!" <br><br>------------------------------ <br><br>ถ้าโชคชะตาไม่เล่นตลก ชีวิตเด็กหนุ่ม "ช่างตัดผม" จากอำเภอหาดใหญ่ คงไม่ผันตัวสู่ชีวิต "เซียนหุ้นพันล้าน" ที่คนในวงการร่ำลือกันว่า มีลีลาเข้า-ออก "หนักหน่วง" และ "โหด" เอามากๆ <br><br>สปอตไลท์ทุกดวงส่องตรงมาที่ชายผู้นี้ "สมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์" หรือ "เสี่ยแตงโม" ทั้งในมุมของ "ผู้ร้าย" และ "ขาใหญ่แห่งทะเลใต้" <br><br>เขาเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะลูกค้าของ "บล.หยวนต้า" ในยุคที่ "สมโภชน์ อาหุนัย" เป็นกรรมการผู้จัดการ ไปกวาดต้อนคนเก่งๆ มาไว้ในอาณาจักร<br><br>ไม่ว่า "สมเกียรติ" จะอยู่ในมุมแดง หรือมุมน้ำเงิน แต่ประสบการณ์ของเขา ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่กาลเวลาจะกลืนหาย เหลือไว้เพียง "ตำนาน" ที่รอวันดับสูญ <br><br>นั่นคือเหตุผลที่ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ต้องนำเรื่องราวของเขา มาเล่าสู่กันฟัง <br><br>"ผมตามเพื่อนเข้าตลาดหุ้น เมื่อปี 2533 ผมเข้าไปได้ 2 สัปดาห์ ซัดดัมก็บุกคูเวต (2 สิงหาคม 2533) ตอนนั้นเพื่อนซื้ออะไร ผมก็ตาม จำได้แม่นว่าซื้อหุ้นตัวแรก บมจ.ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ (TGCI) ตอนนั้นราคา 141 บาท <br><br>...แล้วอีกตัว คือ บงล.นวธนกิจ (NAVA) ราคาก็ประมาณเดียวกัน พอซื้อปุ๊บราคาก็ขึ้นไป 2 บาท...ก็ขาย ผมซื้อ 141 บาท ขาย 143 บาท หักค่าคอมฯ ยังเหลือนิดหน่อย" <br><br>เซียนหุ้นลูกน้ำเค็ม เล่าต่อว่า หลังจากซื้อหุ้นไปได้ 2 สัปดาห์ ซัดดัมก็มา "มันสุดยอด" สมัยนั้นยังใช้วิธีเคาะกระดาน ตื่นเช้าขึ้นมาผมก็เห็น "กากบาท" อยู่ทางซ้ายมือ ราคาอยู่ทางขวามือ ก็แปลว่า "ตกฟลอร์" มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ <br><br>"หุ้นตกฟลอร์ทุกวัน ขายยังไงก็ขายไม่ได้ จำได้แม่นว่าผมขายที่ราคา 75.50 บาท ทั้ง 2 ตัว (TGCI และ NAVA) เงินหายไปครึ่งหนึ่ง" <br><br>แต่ที่โชคชะตาเล่นตลก ก็เพราะว่า ราคาที่ขายได้ 75.50 บาทนั้น เป็นราคาเกือบๆ จะ "ต่ำสุด" ที่มันโคตรจะเจ็บใจ ลงฟลอร์แล้วมันก็ขึ้นไปซิลลิ่ง ภายในวันนั้นเลย <br><br>"ผมก็ตามไปซื้ออีกทีที่ราคาซิลลิ่งก็ซื้อไม่ได้ ขึ้นไป 3-4 ซิลลิ่ง ก็ไปซื้อได้ที่ราคาสุดยอด (ดอย) พอซื้อได้ อีกวันมันก็ฟลอร์ต่อ ผมมีทุนไปเล่น 8 หมื่น เล่นจนเหลือ 3 หมื่น" <br><br>ย้อนประวัติของเสี่ยอดีตนักบิด เขาเรียนจบบัญชี (ปี 5) ที่โรงเรียนอำนวยวิทย์บริหารธุรกิจที่อำเภอหาดใหญ่ จากนั้นก็ทำอาชีพแรกเป็น "ช่างตัดผม" ทำได้ประมาณ 2 ปี ก็ทิ้งหวี กับกรรไกรย้อมตัวเข้าสู่ตลาดหุ้น ด้วยเพราะเพื่อนขับรถยนต์ไปยั่วน้ำลาย <br><br>เซียนหุ้นวัย 41 ปี รายนี้ ปะติดปะต่อภาพให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังว่า การสร้างตัวเป็น "พันล้าน" นั้น มีจุดเปลี่ยนเมื่อปี 2536 หรือ 4 ปีให้หลัง <br><br>"จากเงิน 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่น ใช้เวลาเรียนรู้ 4 ปี (2533-2536) ตอนนั้นเริ่มมีวิชาแล้ว ผมไปบอกคุณแม่ว่าผมมีความรู้เรื่องหุ้นแล้วนะ ขอยืมเงินมาลงทุนเพิ่มอีก 5 หมื่น ต้องยอมรับว่าเงิน 8 หมื่นแรก สร้างความรู้ให้เรามาก <br><br>...พอปี 2536 เริ่มมีวิชา ถามว่ามีวิชาได้อย่าไร เล่นหุ้นขาดทุนจนเพื่อนบอกว่าถ้าเล่นหุ้นอย่างนี้กลับไปตัดผมเหอะ เล่นอย่างนี่น่ะ "เจ๊ง" คำพูดของเพื่อนมันเจ็บมาก ด้วยความโกรธ ผมให้ปฏิญาณกับตัวเองว่าให้มันรู้ไปซิว่า กูจะประสบความสำเร็จกับหุ้นไม่ได้" <br><br>ช่วงปี 2536 เขาค่อนข้างโชคดี พอเริ่มเก่งก็มีนักลงทุนรุ่นพี่ที่มีเงิน ชักชวนให้ไปบริหารพอร์ตให้ ตกลงกันว่ามีกำไรแล้วแบ่งกัน นั่นคือ จุดเริ่มต้น <br><br>ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม 2536 (ช่วงดัชนี 980-1,150 จุด) สมเกียรติ เล่าว่าประสบความสำเร็จตอนนั้น ก่อนที่ดัชนีจะวิ่งขึ้นไป 1,700 จุด ในอีก 2 เดือนถัดมา <br><br>"ช่วงก่อนเดือนกันยายน 2536 ผมมีเงิน 6 แสน เดือนกันยายนเดือนเดียวได้กำไรมา "ล้านกว่า" เดือนตุลาคม ได้มาอีก "ล้านกว่า" พอเดือนพฤศจิกายน ช็อกไปเลยครับได้กำไรมา "8 ล้าน" สำหรับผมตอนนั้น คือ รวยแล้ว (จากเงิน 8 หมื่น เพิ่มเป็นสิบกว่าล้านบาท) <br><br>ช่วงนั้นเทรดทุกวันเล่นหลายตัวจนจำไม่ได้ว่าเล่นตัวไหนบ้าง คือ เล่นเก็งกำไรอย่างเดียว ซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้ กำไรทุกวัน" <br><br>สมเกียรติ เรียนรู้ว่า เล่นหุ้นให้ได้กำไรชัวร์ๆ ต้องซื้อที่ "New High" เพราะ "ของดีต้องแพงที่สุด" <br><br>เพราะเคยซื้อหุ้นก่อนแนวโน้ม หลังจากคาดว่ามันจะต้องผ่าน New High แน่ๆ แต่ปรากฏว่ามันไม่จริง... <br><br>"อย่างวิธีการซื้อ ผมจะซื้อสูตร 5-3-2 จะซื้อ 3 ครั้ง ซื้อครั้งแรก 50% ถ้ามันขึ้นซื้ออีก 30% ถ้าขึ้นอีกซื้ออีก 20% แต่ถ้าซื้อแล้วมันลงจะหยุดซื้อทันที แล้วผมจะรอดู ถ้าซื้อไปแล้วมันไม่ขึ้นต่อ ซึ่งการซื้อแต่ละครั้งจะมากพอสมควร (เป็นร้อยๆ ล้านบาท) <br><br>ถ้าซื้อแล้วมีคนขายแล้วออเดอร์ของผมไม่สามารถทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปได้ แสดงว่าผมเจอ (ตอ) ผู้ที่อยากขายใหญ่กว่าเรา ผมจะถอยทันที ขายทิ้งทุกราคา <br><br>...แต่ถ้าซื้อแล้วขึ้น ผมจะลงทุนต่อ (Let the Profit Run) ถ้าซื้อแล้วลง..ผมเลิก" <br><br>เสี่ยแตงโม อธิบายกฎการลงทุนส่วนตัวว่า ถ้าขาดทุน 5% ก็จะ Cut Loss ทันที แต่ถ้าเล่นหุ้นขาขึ้นจะไม่มีลิมิตกำไร เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าหุ้นจะขึ้นไปได้เท่าไร ช่วงที่ขาย คือ ช่วงที่หุ้นปรับตัว หรือ เริ่มอ่อนตัว <br><br>"ถ้าเห็นสัญญาณว่าราคาเริ่มอ่อนตัว ผมจะ Take Profit ทันที คือ ขายเกลี้ยงพอร์ต ผมจะกล้าถือหุ้นตัวที่กำไร และขายตัวที่ขาดทุน...กรอบนี้ผมให้ลงแค่ 5% แม้ใครจะบอกว่าหุ้นตัวนั้นดีมาก ระยะกลางดี แต่ทำไมมันลงล่ะครับ...ถ้าดีจริงมันต้องไม่ลง" <br><br>เหมือนกันถ้าอ่านว่าตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ "ขาลง" ก็ต้องไม่ซื้อ (เลิกเล่นชั่วคราว) รอให้หุ้นตกจนนอนก้น เมื่อไรที่เริ่มหักหัวขึ้น ถึงจะเริ่มเข้ามาเล่นรอบใหม่ <br><br>สูตรง่ายๆ ขาขึ้นให้เพิ่มพอร์ต...ขาลงให้ลดพอร์ต <br><br>"ผมถือคติว่า...น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง จำไว้เวลาหุ้นขาลง แม้ขายขาดทุนก็ต้องขาย ต้องยอมเสีย Civic ไปหนึ่งคัน...ไม่งั้น Mercedes-Benz คุณหาย!!" <br><br>เซียนหุ้นหาดใหญ่ บอกว่า จะลงทุนเยอะในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็น "ขาขึ้น" เท่านั้น จะเล่นเต็มพอร์ตเลย แล้วจะเล่นเครดิตบาลานซ์ด้วย จะเล่นแบบ "ดับเบิ้ล" เพราะช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังดี เราต้องเสริม 2 แรงบวก พอร์ตถึงจะโตเร็ว <br><br>จุดมั่นใจจะเช็คจากการเมืองเป็นหลัก ถ้าการเมืองไม่ค่อยดี (อย่างตอนนี้) ก็จะถอย ตลาดหุ้นจะบอกให้เรารู้ล่วงหน้าว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้เป็นยังไง <br><br>"ถ้าทิศทางไม่ดี ผมก็จะไม่เพิ่มพอร์ต จะเล่นน้อยๆ แบบฉาบฉวย จริงๆคือผมล้างพอร์ต หมดตั้งแต่มีการปฏิวัติ (19 กันยายน 2549) แล้ว การขาดทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องธรรมดามาก" <br><br>ถึงวันนี้หลังจากพอร์ตใหญ่ขึ้น และผ่านประสบการณ์กับหุ้นเก็งกำไรมาเป็นเวลานับสิบปี สมเกียรติ ได้แง่คิดว่า ชีวิตที่อยู่บนเส้นด้ายมาตลอด 14 ปี มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงอีก ผิดกับคนที่เล่นหุ้นพื้นฐาน เขาใช้ชีวิตอยู่บนลวดสลิงเส้นใหญ่ ที่ปลอดภัยกว่ามาก <br><br>"หุ้นตัวใหญ่ผมสั่งซื้อสั่งขายหมดภายใน 1-2 ช่อง ถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไรต้องขายหลายช่องกว่าจะหมด เพราะไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นของผม เคยเข้าใจลักษณะเวลาที่ซื้อเสร็จแล้วราคามันรูดมั้ย คือ ไม่มี Bid (ฝั่งซื้อ) เลย ภาษาหุ้นเขาจะเรียกว่า "ฟันหลอ" หุ้นฟันหลอ คือ หุ้นที่เจ็บตัว" <br><br>เซียนหุ้นหาดใหญ่ตัดพ้อว่า ที่ผ่านมามักถูกตลาดหลักทรัพย์มองในแง่ที่ไม่ดีมาตลอด ว่าเป็นตัวการ "ทุบหุ้น" <br><br>"เหตุผลเดียวที่ขายหนัก ต้องการให้มัน "โฟลท์" ขาดทุนเท่าไรผมไม่สน ต้องออกของให้หมด ตรงนี้แหละที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่า ผม "ทุบหุ้น" จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่า นี่คือ การหนีตาย ทำเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร" <br><br>เมื่อรวยแล้ว สมเกียรติ เริ่มถอยห่างจากหุ้นเก็งกำไร เขาหันมาเล่นหุ้นตัวใหญ่เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคา หุ้นกลุ่ม "พลังงาน" เป็นหุ้นที่ทำให้เขามีกำไรมากที่สุด โดยเฉพาะ "ไทยออยล์" กับ "ปตท." <br><br>นอกจากนี้เซียนหุ้นอดีตช่างตัดผม ยังค่อยๆ ผันเงินกำไรนำไปสะสมที่ดินในอำเภอหาดใหญ่บ้านเกิด รวมทั้งลงทุนก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ เป็นรายได้ระยะยาว ระยะหลังก็เริ่มสนใจไปสะสมที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ และมีโครงการสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ บนถนนนิมมานเหมินท์ ใกล้บริเวณโรงแรม อมารี รินคำ <br><br>อีก 3 ปี นับจากนี้ เขาจะกลายเป็น "เสี่ย" เจ้าของโรงแรม มูลค่า "หลายร้อยล้านบาท" สร้างอาณาจักรใหม่ ที่มั่นคงและปลอดภัย <br></p><span class="style1" style="font-size: 12px; ">โดย <a href="http://www.oknation.net/blog/STRATEGICSTOCK">นักเลงหุ้น</a></span></span>
</font><div><span class="Apple-style-span" style="font-family: Tahoma; color: rgb(0, 0, 0); "><br></span></div><div><font class="Apple-style-span" color="#ffffff"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Tahoma; ">ที่มา </span><a href="http://www.oknation.net/blog/print.php?id=319362">http://www.oknation.net/blog/print.php?id=319362</a></font></div>
จากคุณ |
:
masterdoodee
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแรงงาน 54 09:10:24
|
|
|
|