คำว่าร่ำรวย ต้องแยกแยะไปด้วยว่าแต่ละคนมีพื้นฐานของการมองคำว่าร่ำรวยอย่างไร บางคนมีเงินเกินล้านบาทก็เรียกรวยแล้ว บางคนมีเงินแค่พันล้านก็ยังว่าเฉยๆไม่ได้รวยมากมาย แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนไป
คนที่รวยกว่า ดร.นิเวศก็มีเยอะ เพียงแต่เขาไม่ได้ดัง ไม่ได้ออกสื่อเท่านั้นเอง โดยมากก็เป็นพวกนักธุรกิจ ที่ประกอบธุรกิจโดยที่ไม่ได้เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะไม่จำเป็นต้องเข้า แค่กำไรก็อู้ฟู่มากๆ
ชนชั้นฐานะร่ำรวยของเราในประเทศไทยมีอยู่สองแบบด้วยกันคือ 1. ร่ำรวยเพราะธุรกิจของตัวเอง เติบโตมาจากเสื่อผืนหมอนใบเงินไม่เท่าไหร่อาศัยใช้แรงงานแล้วก็สร้างฐานะร่ำรวย 2. รวยเพราะสมบัติเก่าที่รุ่นก่อนสร้างไว้ อาจจะมีวิธีอื่นทำให้งอกเงย แต่ไม่ได้ประกอบธุรกิจ เช่นกลุ่มพวกเชื้อพระวงศ์ หรือขุนนางเก่า
ส่วนลำดับการจัดประเภทเศรษฐีเป็นการนับรวมทรัพย์สินล่าสุดตามราคาปัจจุบัน อาจจะเป็นหุ้น อสังหา สินทรัพย์ ธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งเขานำมาคำนวณรวมเป็นความมั่งคั่งสุทธิของแต่ละคนว่ามีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ อย่างไรบ้าง ในราคาปัจจุบันของปีนั้นๆ ถ้าอย่างวอร์เรนบัฟเฟต์ เคยมีอยู่ช่วงนึกที่แซงหน้าบิลเกตขึ้นมาเป็นเศรษฐีรวยที่สุดในโลก แต่หลังจากวิกฤติซัพไพรม์ 2008 อันดับของคุณปู่ก็ร่วงลงไป เพราะมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของปีนั้นของคุณปู่ก็ราคาร่วงลงมาตามกลไกของตลาดหุ้น ส่วนบิลเกตก็พยายามร่วงลงเรื่อยๆ เพราะทรัพย์สินถูกแจกจ่ายในรูปแบบมูลนิธิไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็ยังมีอีกเยอะและยังอยู่ในอันดับ Top5 เสมอมา
สำหรับ ดร.นิเวศน์ เท่าที่ผมทราบทรัพย์สินหลักๆอยู่ในหุ้นทั้งหมด แต่ไม่ได้มีที่ดินหรืออาคารสิ่งก่อสร้างที่ประเมิณเป็นทรัพย์สินได้ รวมแล้ว ดร.นิเวศน์น่าจะมีทรัพย์สินอยู่ในหลักแค่ประมาณพันล้าน ไม่น่าจะเกิน 3 พันล้าน เมื่อเทียบกับเจ้าสัวที่ติดอันดับ 3 คนนั้น
เขามีทรัพย์สินระดับ "แสนล้าน" ครับ
ส่วนการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นประจำปีนี้ในประเทศ ดร.นิเวศน์ ก็ไม่ได้ติด 1 ใน 10 บุคคลที่รวยหุ้นแต่อย่างใด เพราะว่าส่วนใหญ่เศรษฐีหุ้นทั้ง 10 ลำดับต่างก็เป็นผู้บริหาร หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในตระกูลของเจ้าของกิจการเหล่านั้น
สำหรับผม ดร.นิเวศน์ จัดอยู่ในระดับของบุคคลที่มีการลงทุนอย่างมีสไตล์และทรัพย์สินสุทธิงอกเงยและเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงครับ แม้ไม่ได้ติดอันดับประเทศ อันดับโลก แต่ผมเชื่อว่า ดร.เองก็ไม่ได้อยากจะติดอันดับอะไรนั่นเท่าไหร่หรอก แค่ลงทุนไปเรื่อยๆ หาบริษัทดีๆ ลงทุนเห็นกำไรผลตอบแทนงอกเงยก็เพียงพอ ... ณ วันนี้ ดร.เอง ผมเชื่อว่าถ้าเลิกลงทุนแล้วกินปันผลอย่างเดียว ก็น่าจะมีชีวิตอย่างมีความสุขไปจนวันตายแล้วหละ ... ซึ่งผมว่านั่นคือความสุขที่แท้จริงมากกว่า
ปล. บ่นเยอะไปมั้ยเนี่ย
จากคุณ |
:
venezier
|
เขียนเมื่อ |
:
18 พ.ค. 54 00:52:06
|
|
|
|