Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอแนะนำวิธีเล่นหุ้นของผมหน่อยครับ ติดต่อทีมงาน

ที่เขียนนี่ ออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่วิธีของผม รวมๆแล้ว "ไม่เคยขาดทุน"(โดยรวมทั้งพอร์ทนะครับ)

วิธีของผมเนี่ย เป็นวิธีที่เบสิกๆมาก สำหรับการลงทุนในหุ้น ผมเองเข้าตลาดประมาณปี50

ได้เห็นตลาดหุ้นพุ่งสูง และ ดับดิ้นมาแล้ว  ผมเลยมองว่าการที่คนเรามองอะไรในมุมเดียวมากเกินไปนั้น "ไม่ดี" เพราะในตลาดที่ดีมากๆคือช่วงปี50 800กว่าๆทุกคนบอกว่าตลาดหุ้นจะไปได้ไกลมากๆ ปีต่อมาพังยับ ช่วงปี51ตลาดหุ้นอยู่ที่ 300ปลายๆ ทุกคนกลัวไม่กล้าซื้อ แล้วมันก็ขึ้นมา 1100 จุดตอนนี้(ติ๊งต่างว่า 1100 จุดแล้วกันนะ)

เวลาที่ผมเข้าไปซื้อหุ้น ผมจะศึกษาเท่าที่ผมทำได้ ว่าใครคือผู้บริหาร แผนธุรกิจเป็นยังไง คู่ค้า คู่แข่ง งบการเงิน รายได้มาจากการดำเนินกิจการหรือเปล่า ธุรกิจอยู่ใน cycle ไหน  ข้อมูลพวกนี้เนี่ย ลองไปดูเว็บ thaivi ,SAAconsensus รายงานประจำปี ลองอ่านๆดู เพื่อเป็นข้อมูลให้เรามั่นใจเฉยๆว่าหุ้นของเราเนี่ย ดีนะ! พื้นฐานโอเค ไม่เกรียน(ขอวัยรุ่นหน่อยนะครับ)

ทีนี้เนี่ย ผมเชื่อว่า หุ้นจะขึ้นแรงๆจากข่าว ผมก็จะเอาข้อมูลที่ผมได้มา มองว่าคนในตลาดยังไม่เห็นอะไรบ้าง  เช่น ผมเคยเข้าไปซื้อหุ้น ksl ปี51 ราคา8บาท เพราะมองว่าหุ้นน้ำตาลในอนาคต 1-2ปีน่าจะมา เนื่องจากตอนนั้น บราซิลกับอินเดีย ประสบปัญหาหรือลดกำลังการผลิตเนี่ยแหละ และอ้อยก็เอาไปทำแก๊สโซฮอล์มากขึ้น(จริงๆละเอียดกว่านี้ แต่จำไม่ได้) ซื้อที่8บาท ซื้อปั๊ป ลงไปเหลือ6บาทกว่า แต่ผมขายครึ่งนึงตอนมันติดลบ5% พอลงไป6บาทกว่าแล้วเริ่มนิ่งแถวๆนั้น ผมก็กลับเข้ามาซื้ออีก หลังจากนั้นประมาณ1ปี ตลาดก็เริ่มออกข่าวเรื่องน้ำตาลขาดราคาน้ำตาลดีด ราคาksl ก็ขึ้นไป14-15บาทเนี่ยแหละ แต่ผมขายไปหมดแล้วที่13บาท แล้วก็เฝ้าดูห่างๆ

ในกรณีเดียวกันก็คือหุ้น singer  กำไรติดลบทุกปี แต่ค่อยๆน้อยลง และมีการตัดขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรคือรถจักรยานยนต์ออกไป หลังจากดูๆพื้นฐานตามมาตรฐานของผมเอง ผมเลยเข้าไปซื้อ เพราะคิดว่ามันจะติด+ และทำกำไรให้ผมในที่สุด  เนื่องจากราคามันนิ่งมานานที่1บาท และผมมองว่าทุกอย่างมันเริ่มดีนะ มันควรจะขึ้น แต่เข้าไปซื้อที่1บาท มันก็ลงเหลือ 0.85 มั้ง แต่ผมไม่ตกใจ เราทำการบ้านมาดี ผมตัดขายบางส่วนออกไป เพื่อลดต้นทุน พอมันนิ่งๆค่อยเอาเงินที่ขายไปส่วนหนึ่งกลับเข้าไปซื้อ ทำ short against port นั่นเอง แต่ผมก็ยังติดลบอยู่หลายเดือน ผมยอมติดลบเพราะพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนผมยอมขายทิ้ง และเมื่อเวลาผ่านไปเกือบ2ปี จากราคา 0.85 มันก็ขึ้นไป 4.5 บาท กว่าๆ แต่ผมทยอยขายไปหมดแล้วได้ราคาประมาณ 2.8(ซึ่งก็เสียดายเหมือนกัน น่าจะเหลือไว้ครึ่งนึงก่อน let profit run)

สรุปง่ายๆแนวทางของผมคือ บริษัทต้องดี ต้องมีข่าวซุกซ่อนอยู่ข้างในที่คนอื่นมองไม่เห็น และจังหวะเข้าผมใช้กราฟ(แต่คนอื่นจะใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็แล้วแต่นะ หาจังหวะเข้ากันเอง แต่ผมถนัดกราฟเฉยๆ)

การหาข้อมูล ผมค่อนค้างละเอียด เพราะผมถือว่าหุ้นเป็นการหาเงิน และไม่มีการหาเงินอะไรที่ง่ายโดยไม่ต้องเหนื่อย เพราะฉะนั้น ผมจึงทำการบ้านหนักมากก่อนจะซื้อหุ้นแต่ละตัว อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของผมเอง

แต่ถ้าุทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด ผมก็เคารพวินัยในการลงทุนของผมเอง ซึ่งถ้าหุ้นลง 5% ผมขายทิ้งครึ่งนึง ถ้าลงอีก 5% ของที่มีอยู่ครึ่งนึง ขายทิ้งหมด แล้วหาจังหวะเข้าไปซื้อตัวเดิมอีกถ้าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เนื่องจากผมทำการบ้านมาดีแล้ว ว่าหุ้นตัวนี้จะท้อนผลประกอบการที่แท้จริงออกมาเอง

ผมถือหุ้นแต่ละครั้ง กินเวลานาน แต่ผลตอบแทนโดยส่วนตัวก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับเงินฝาก 2%-3% เงินเฟ้อกินเรียบ?

ผมรู้สึกดี ที่มีคนถามผมว่า คุณซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร....และผมตอบคำถามเขาได้ หุ้นน่าจะขึ้นจากอะไร แม้ผมจะเป็นกราฟ แต่ผมไม่เคยเคยเข้าซื้อเพราะดูจากกราฟอย่างเดียวเลย(ซึ่งนี่คือสไตล์ผม อย่าว่ากันนะ!)

ผมคิดว่าสำหรับมือใหม่ เล่นสไตล์ผม น่าจะดี เพราะมันไม่หวือหวา ไม่ต้องเฝ้าจอมีวินัยในการลงทุน สำหรับผม โชคดีที่เจอวิกฤตปี51 เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าวินัยในการลงทุน สำคัญมากพอๆกับความรู้ในการลงทุน บ้านปู 372 เหลือ 160มั้งถ้าจำไม่ผิด แล้วตอนนั้นมีแต่ข่าวร้าย ถ้าใครขายตอน160 แล้วตอนนี้มันขึ้นมาเป็น700กว่าบาท ก็ช้ำใจสองเด้ง

ผมอยากเขียน เพราะผมอยากเขียน ผมอยากแชร์เฉยๆ เพราะโดยส่วนตัวผมมองว่า ท้ายที่สุด เงินผม ผมรับผิดชอบเอง แต่ผมชอบเสวนากับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อลับคมอยู่เสมอ หลายครั้งที่ผมจะถามบรรดาเซียนว่า ซื้อตัวไหนดีึีัครับ? แต่คำถามหลังจากนั้นคือ แล้วพี่ซื้อเพราะอะไร? ถึงเขาจะมีเหตุผลดี ผมก็ไม่เชื่อ กลับบ้านมานั่งทำการบ้านตาม methods ของผมเองอีกที ถึงจะเข้าซื้อ

ผมสบายใจ ที่ลงทุนในหุ้นแบบนี้ กำไรไม่ได้โอเวอร์ปีละ หลายร้อย% แต่โดยรวม ลงทุนให้ได้ปีละ15% ก็ดีแล้ว (เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยธนาคาร)

ผมคิดว่าวิธีของผม มันก้ำกึ่งกันอยู่ระหว่าง vi และ เทคนิค แต่สุดท้ายแล้ว วิธีที่ผมใช้ ผมคิดว่าเหมาะสมกับตัวผมเองที่สุดครับ

แล้วคุณละครับ เจอวิธีที่เหมาะสมกับตัวคุณเองหรือยังครับ?

ปล.ปิดท้ายอีกครั้งว่าผมไม่ได้เก่ง เพียงแต่นี่เป็นประสบการณ์ของผมที่อยากมาแชรืให้ทุกคนแค่นั้นเองครับ

ขอบคุณครับ

จากคุณ : Diamondoid
เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 03:28:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com