|
อืมม....เทรดหุ้น ทั้งของไทย ทั้งของอเมริกา ของไทยน่าเบื่อมากๆ ไม่มีสีสรรเลย
-ตลาดของไทยมีหุ้นให้เล่นแค่ 400 กว่าตัว ของอเมริกามีมากกว่า 300,000 ตัว
-ตลาดหุ้นไทย ในวันหนึ่งๆกำหนดการขึ้นหรือลง ไม่เกิน 30% ของอเมริกาไม่จำกัด บางตัวบางวัน ขึ้นไปกว่า 40 เท่าตัว ( 4,000 % ) , เมื่อปลายปี 2009 มีหุ้นของบริษัทยาตัวหนึ่ง พุ่งจาก $ 0.05 ไปจนถึง $ 36.00 กว่าๆ ประมาณกว่า 700 เท่า หรือ 70,000 %
-บริษัทต่างๆในตลาดหุ้นไทย ดูเหมือนจะไม่มีบริษัทที่สาามารถค้นคว้าสินค้าที่เป็นเท็คโนโลยี่ใหม่ๆ ขึ้นมาได้เอง เป็นบริษัทที่รับสินค้ามาขาย หรือผลิตสินค้าระดับสองออกมาขายแค่นั้น แต่ของอเมริกามีบริษัทแบบนี้มากมายหลายหมื่นบริษัท ซึ่งถ้ามีข่าวว่าคิดอะไรได้ใหม่ๆขึ้นมาได้ ก็จะมีความเติบโตสูงมากๆ ไวมากๆ เช่นบริษัทคิดค้นยาใหม่ๆ รักษาโรคแปลกๆ ..เช่นบริษัทผลิตยา ไฟเซ่อร์ สมัยก่อนเป็นบริษัทกระจอกๆเล็กๆ ราคาหุ้นไม่กี่เซ็นต์ ต่อมาเมื่อบริษัทนี้ ค้นคว้ายา ไวเอกร้า ได้เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน หุ้นก็พุ่งเป็นหลายพันเท่าตัวในวันนั้น และพุ่งๆๆมาเรื่อยๆจนบัดนี้ กลายเป็นบริษัทยายักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก , ..หรือในทางเท็คโลยี่คอมพิวเตอร์ เช่น บริษัทไมโครซอฟต์ หรืออื่นๆอีกมากมาย ที่ค้นคว้าชิปใหม่ๆ ซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อื่นๆ ฯลฯ
-ของอเมริกา เขาไม่สนใจเรื่องปันผล จึงไม่สนใจวันขึ้น XD แต่ของไทย ดูเหมือนวันขึ้น XD จะส่งผลต่อราคาหุ้นมากๆ ในช่วงนั้น
-ของอเมริกา ไม่กำหนดช่วงราคาหุ้น จะเทรดกันราคาไหนก็ได้ เช่น บางตัว ซื้อขายกันในราคา $ 0.0001 (หมายถึงราคา 1 ใน 100 ของ 1 เซ็นต์)
-การส่งคำสั่ง Market Order จะส่งได้ทันที ราคาจะออกมาแบบสุ่มตามราคาจริงๆในตลาดในขณะเวลานั้นเลย ในระยะเวลาน้อยกว่า 1 วินาที แต่ของไทยต้องตั้งกำหนดราคาแน่นอนออกมา แล้วค่อยส่งคำสั่งออกไป ซึ่งที่จริงก็คือ Limit Order นั่นเอง แต่เมืองไทยกลับเรียกเป็น Market Order ..ดูแล้วตลกดี
-การเปิดพอร์ตแบบมาร์จิ้น หรือที่เมืองไทยเรียกว่าแบบ Credit Balance ที่อเมริกาเขาจะให้วงเงินประมาณสามเท่าครึ่ง เช่น สมมุติเรามีเงินสดในพอร์ตฯแค่ 10,000 แต่เราจะสามารถซื้อได้ถึงวงเงิน 35,000 โดยประมาณ เงิน 25,000 ที่เกินนั่นคือเรากู้มาจากพอร์ตฯ และเขาจะไม่ทวงเราใน 3 วันแบบของไทย เราจะแช่ไปนานกี่วันกี่เดือนกี่ปีก็ได้ (ถ้าราคาหุ้นไม่ตกลงจนทำให้เปอร์เซ็นต์ของวงเงินมาร์จิ้นต่ำกว่าระดับมาตรฐานที่เขากำหนดของหุ้นตัวนั้นๆ) เพียงแต่เขาจะคิดดอกเบี้ยไปเรื่อยๆๆๆ..แค่นั้น
-กฏระเบียบของตลาดหุ้นอเมริกา เข้มงวด เอาจริงเอาจังมากๆ ใครปล่อยข้อมูลเท็จเพื่อหวังปั่นราคาหุ้น จะโดนจัดการขั้นเด็ดขาด โดนปรับหมดตัว ติดคุก และโดนลงโทษทางการเงินอีกหลายๆอย่าง
-รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจทางราชการหรือการเมืองของอเมริกา ไม่อาจจะมาพูดหรือชี้นำอะไรในตลาดหุ้นได้ ต้องปล่อยให้ตลาดหุ้นเป็นไปตามกลไกของตลาดเอง
-ตลาดหุ้นของอเมริกา ไม่มีการหยุดพักเที่ยง สามารถเทรดไปได้ตลอดวัน และสามารถเทรดนอกเวลาได้ คือ ตั้งแต่เช้า 8:00 AM ก็สามารถเทรดได้แล้ว และเทรดไปได้เรื่อยจนถึงสองทุ่ม 8:00 PM (เวลาตลาดเปิดปกติคือ 9:30 AM - 4:00 PM หมายถึงเวลาของฝั่งตะวันออก (ET) )
-ถ้าเปรียบเป็นสาวๆ ตลาดหุ้นของเมกา เปรียบสาวสวยจากเวทีประกวดนางงามที่ดูเซ๊กซี่ ยั่วยวน แต่ตลาดหุ้นไทย เปรียบเหมือนสาวบ้านนอกขี้เหร่ ไม่มีอะไรน่าสนใจ
-มูลค่าการเทรดของตลาดหุ้นไทยรวมทั้งตลาดในแต่ละวัน ดูเหมือนจะมีมูลค่าน้อยกว่า มูลค่าการเทรดของบริษัท Google เพียงบริษัทเดียว โดยเฉลี่ย (มูลค่าการเทรดหุ้นของบริษัท Google วันหนึ่งๆ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท)
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 11:50:00
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 11:49:08
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 07:49:40
จากคุณ |
:
Clarke
|
เขียนเมื่อ |
:
31 พ.ค. 54 07:39:36
|
|
|
|
|