*** 07_11 ผ่า_โลกVI = ดอกเบี้ย,เงินเฟ้อ&ตลาดหุ้น VS โตแบบสูง

Thai_VI   :  Invester's Article      ;     05 กพ. 2010
          อัตราดอกเบี้ย , เงินเฟ้อ & ตลาดหุ้น

     1) อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในระดับที่อยู่ประมาณ1% = หากผู้ฝากเงิน1ล้านบ. เมื่อครบ1ปีจะมีเงินเพิ่มขึ้น1%
         จะซื้อของได้น้อยลง5% เงินเฟ้อทำให้อำนาจเงินลดลง = ผู้ที่มีเงินออม~มีรายได้จากเงินฝากจนลง4%ใน @ปี
         เป็นอย่างนี้ไปอีก3ปี = ผู้ออมเงินจนลงไป12% ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น่ากลัวไม่น้อยทีเดียว
     2) ออมผ่าน กองทุนตราสารหนี้ ปัจจุบันขนาดกองทุนตราสารหนี้ใหญ่กว่ากองทุนหุ้น มาก เพราะว่าหลายคนยังกลัว
         กองทุนตราสารหนี้ที่เป็นที่นิยมมากคือ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 9เดือน 12เดือน ซึ่งให้ผลฯประมาณ2%กว่าๆ
         จะรับประกันผลฯ ซึ่งก็คงจะเป็นเช่นนั้น หากกองทุนตราสารหนี้ไม่ไปลงทุนใน P/E_ของบริษัทเอกชนที่เสี่ยงเกิน
         เมื่อเงินเฟ้อขึ้นไปเป็น5% ผู้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ดังกล่าวก็จะจนลงปีละ3%

     3) ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวอย่างพันธบัตรรัฐบาลอายุ10ปี ก็จะให้ผลฯ วันนี้ที่4.69%ต่อปี ซึ่งก็ยังแพ้เงินเฟ้ออยู่ดี
          หากเป็นพันธบัตรที่อายุสั้นกว่านั้น ก็จะมีผลตอบแทนน้อยลงไปอีก เช่น พันธบัตรอายุ5ปีก็จะมีผลฯ4.16%
     4) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองฯบำเหน็จบำนาญข้าราชการ & กองฯประกันสังคม มีทางเลือกในการลงทุนมากกว่า
         สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของกองทุนฯ ก็ยังเป็นพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เงินฝากธนาคาร ซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำกว่า5%

     5) หุ้นกู้ เอกชนบางบริษัทที่อาจจะให้ผลฯ เกิน5% แต่ก็เป็นส่วนน้อย&น่าจะเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงทางการเงิน
         การลงทุนในหุ้นของหน่วยงาน อยู่ในระดับค่อนข้างน้อยคือ ส่วนใหญ่จะไม่เกิน15%
         ซึ่งผลฯของตลาดปีนี้ไม่ถึง5% ดังนั้นผลฯ ของเงินออมของคนส่วนใหญ่ของประเทศต่ำกว่าเงินเฟ้อทั้งนั้น
         สถานการณ์ตรงนี้อาจจะคงอยู่ไม่นานนัก อาจจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
         เพื่อให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ย&เงินเฟ้อ_แคบลง และเพื่อไม่ให้เงินไหลออกมากเกินไป

     6) ลงทุนในหุ้น ได้รับผลดีจากเงินเฟ้อ คือ หุ้นที่มีสินทรัพย์มากๆ ซึ่งราคาสินทรัพย์น่าจะปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ
          เนื่องจากเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนการก่อสร้างใหม่ๆ_เพิ่มขึ้น ทำให้สินทรัพย์ที่มีอยู่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
     7) การฝากธนาคารในปัจจุบัน ก็เหมือนการซื้อหุ้นที่ P/E = 100 เท่า ~ ต้องจ่ายไป 100 แต่ได้กลับมาปีละ 1กว่าๆ

==> ความรู้เรื่องการลงทุน จะเป็นความรู้ที่มีค่าขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่อยากจนลงปีละ4% หรือ ซื้อหุ้นที่ P/E=100เท่า

==> การฝากเงินอย่างเดียวก็เหมือนเรือที่จอดอยู่บนฝั่งแม้จะไม่จมจากพายุ แต่วันหนึ่งก็จะถูกสนิมกัดกร่อนจนผุ

จากคุณ	: ศิษย์ซุนวู
เขียนเมื่อ	: 4 มิ.ย. 54 17:26:39