|
ส่วน M-Property จะเปิดกว้างกว่า คือ การทำ AR จะทำตามกระแสเงินสดที่ได้จากเงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ ที่กองทุนไปลงทุน และเปิดกว้างให้ทำ AR กำไรส่วนเกินทุน (Capital Gains)ไว้ด้วย ปีนี้ ..ONE-PROP รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรก
.. รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ หลังจากจัดตั้งกองทุนมาเพียง 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2552 โดยกองทุนรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ เมื่อ 22 มี.ค. 2553 คิดเป็นผลตอบแทน 2.26% โดยผู้ถือหน่วยที่ซื้อกองทุนตั้งแต่เปิดขายครั้งแรก 1 หมื่นหน่วย หน่วยละ 10 บาท จะขายคืนหน่วยลงทุน 215 หน่วย หรือเท่ากับ 2,268 บาท ครั้งที่สอง
เมื่อ 24 มิ.ย. 2553 รับซื้อคืนอัตโนมัติ หน่วยลงทุนในอัตรา 2.25% ครั้งที่สาม รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ในอัตราร้อยละ 1.80 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด ในวันที่ 17 กันยายน 2553 รวม 3 ครั้ง
ผู้ถือหน่วยลงทุนทีซื้อตั้งแต่ครั้งแรก 1 หมื่นหน่วย ได้เงินคืนไปแล้ว กว่า 5 พันบาท ในระยะเวลา 8 เดือนกว่า ส่วน M-Property ปีนี้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรก.. เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 ป็นการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 19 ตุลาคม 2552 ถึง 13 มกราคม 2553 ในอัตรา 0.27 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นร้อยละ 50 ของการเพิ่มขึ้นในทรัพย์สินสุทธิ ครั้งที่ 2.. เมื่อ วันที่ 26 เมษายน 2553 เป็นวันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 26 มกราคม ถึง 26 เมษายน 2553 เป็นจำนวน 0.30 บาทต่อหน่วยลงทุน ครั้งที่ 3 .. เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2553 เป็นวันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ เป็นจำนวน 0.32 บาทต่อหน่วยลงทุน รวม 3 ครั้ง
ผู้ถือหน่วยลงทุนทีซื้อตั้งแต่ครั้งแรก 1 หมื่นหน่วยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ได้เงินคืนไปแล้ว กว่า 8 พันบาท
ผลงานที่ออกมานั้นบอกแค่บางส่วนครับ แต่อาจจะไม่ได้สื่อถึงความเสี่ยงชัดเจนนัก
อาจจะไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่ากองทุนนั้นน่าลงทุนเสมอไป การลงทุนนั้นมีความหลากหลายและมีสไตล์ การลงทุนถึงแม้นโยบายเดียวกัน ความเสี่ยงก็อาจจะต่างกันไป ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาลึกลงไปสักนิดว่า
ชอบสไตล์การลงทุนของ บลจ. นั้นหรือเปล่า
. ศึกษากองทุนอสังหาฯที่เขาลงทุนใน Portfolio ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดูแล้วมั่นใจไหม ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ..?
แต่ไม่แนะนำ
ดูแต่ Performance กองทุนแต่เพียงอย่างเดียว อันนี้คือข้อมูล ทรัพย์สินที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ตัวแรก คือ CPNRF: ถือครองสิทธิการเช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 2 และ 3 และปินเกล้า
.มีความแน่นอนของรายได้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าเช่า
..มีความเสี่ยงต่ำจากสภาพคล่องในการซื้อขายที่สูง ..แต่ละวันสูงกว่า 1 ล้านหุ้น
มีผลตอบแทนเงินปันผลทุกไตรมาสเฉลี่ยระดับ 0.2 บาท/หน่วย คิดเป็น Dividend Yield มากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Property Fund กลุ่ม สูงเกือบ 9% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด
ล่าสุดในรอบบัญชี 1 เมษายน -30 มิถุนายน 2553 จ่ายปันผล 0.2435%
..มีแผนที่จะการขยายกองทุนหรือเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยขจัดปัญหาการ ขาด สภาพคล่องการซื้อขาย ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด มองแนวโน้มไตรมาส 3/2553 ว่า ยังทรงตัวสูงจากไตรมาส 2/2553ละยังขยายตัวโดดเด่นจากไตรมาส 3 /2552 จากการสร้างรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นของโครงการใหม่อย่างปิ่นเกล้าเป็นหลัก ขณะที่สินทรัพย์เดิมอย่างศูนย์การพระราม 3 และ พระราม 2 ยังมีผลการดำเนินโดดเด่น โดยคงมีอัตราการเช่าระดับสูงเหนือ 95%
สำหรับแผนการลงทุนเพิ่มเติมในศูนย์การค้าใหม่เซ็นทรัล ภูเก็ตจากบริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด หากโครงการนี้เกิดขึ้น แม้จะต้องมีการเพิ่มทุนเพิ่มเติม แต่คาดกองทุนน่าจะระดมทุนผ่านการกู้ยืม (Leverage) บางส่วนเหมือนตอนที่ลงทุนเพิ่มในปิ่นเกล้า ผลที่ตามมาก็คือ ..จะทำให้การเพิ่มทุนใหม่มีสัดส่วนน้อยลง และสร้างโอกาสให้เงินปันผลต่อหน่วยเพิ่มสูงขึ้น
นอกเหนือจากสินทรัพย์ใหม่เข้ามาสร้างรายได้ให้เติบโตมากขึ้น
. ตัวทีสอง TFUND : เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน พร้อมโรงงานและคลังสินค้ารวมจำนวน 210 โรง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 487,109.5 ตารางเมตร
.มีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตส่าหกรรมหรือคลังสินค้าให้เช่า ซึ่งในระยะยาวยังมีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งค่าเช่าที่ปรับตัวขึ้น และมูลค่าเพิ่มจากราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการสินทรัพย์ภายใต้การดูแลของมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ยาวนานอย่าง บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น และบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี นอกจากผู้ลงทุนจะได้ทรัพย์สินที่มีคุณภาพแล้ว กองทุน TFUND ยังมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
โดยที่ผ่านมาสามารถจ่ายเงินปันผลได้ปีละ 4 ครั้ง ในอัตราประมาณ 0.20 บาทต่อไตรมาส ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากค่อนข้างมาก ล่าสุดในรอบบัญชี 1 เมษายน -30 มิถุนายน 2553 จ่ายปันผล 0.2 %
..มีปริมาณหุ้นซื้อขายแต่ละวันสูงกว่า 1 ล้านหุ้น
.มีแผนที่จะการขยายกองทุนหรือเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยขจัดปัญหาการ ขาด สภาพคล่องการซื้อขาย ตัวที สาม SPF: ถือครองสิทธิการเช่าในสนามบินสมุย
มีความโดดเด่นในเรื่อง Dividend Yield จ่ายเงินปันผลทุกไตรมาสเฉลี่ย 0.2 บาท/ หน่วยทุกไตตรมาส โดยการประกันรายได้ 6%
..มีปริมาณหุ้นซื้อขายแต่ละวันสูงกว่า 1 ล้านหุ้น
.มีแผนที่จะการขยายกองทุนหรือเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยขจัดปัญหาการ ขาด สภาพคล่องการซื้อขาย
ล่าสุด จ่ายผลตอบแทนสำหรับงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2553 รวมหน่วยละ 0.20 บาท แบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงาน 0.1727 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินเฉลี่ยคืนจากการลดเงินทุนจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด คาดการณ์ว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาฯ สนามบินสมุย หรือ SPF ในไตรมาส3 ปี 2553 จะปรับตัวดีขึ้นจาก ไตรมาส 2 ปี 2553 เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังสถานการณ์การเมืองในประเทศคลี่คลายดีขึ้น
อีกทั้งปกติช่วงไตรมาส 3ยังเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ซึ่งจะผลักดันจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินลงสู่สนามบินสมุยให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยตัวหนุนหลักมาจากค่าใช้จ่ายของกองทุนลดลงเหลือเพียง 9-10 ล้านบาทต่อไตรมาส
จากคุณ |
:
todbig
|
เขียนเมื่อ |
:
7 มิ.ย. 54 21:28:30
|
|
|
|
|