ความคิดเห็นที่ 1 สวิสเป็นประเทศหนึ่งที่มีขนาดเล็กมาก ถ้าเปรียบเทียบแล้วก็มีขนาดประมาณเชียงใหม่กับโคราชรวมกันเท่านั้นเอง แต่มาตรฐานความเป็นอยู่ของบ้านเขากับบ้านเราต่างกันอย่างสิ้นเชิง ส่วนใหญ่แล้วประเทศที่มีอาณาเขตเล็กๆอย่างนี้จะหาหนทางทำมาหากินได้ไม่มาก ดังเช่นฮ่องกง สิงคโปร และสวิส ที่เป็นประเทศเล็กก็จริงแต่ก็เล็กพริกขี้หนูนะจ๊ะ ... กล่าวคือความเล็กของประเทศ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการบริหารความเสี่ยงแต่อย่างใด (ถ้ารู้จักใช้มัน) เพราะแม้ว่าประเทศเล็กๆจะไม่มีทรัพยากรที่สามารถใช้ได้อย่างสบาย แต่ก็ต้องบริหารให้ประเทศของตัวเองนั้นเป็นประเทศที่มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างความน่าเชื่อถือได้ ดังนั้นมาตรฐานของสวิสจึงอยู่ที่การเงิน และการลงทุนเป็นสำคัญ เขาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากกว่าภาคการเกษตรหรืออุตสาหกรรมซะอีก ถ้าเปรียบเทียบความสามารถในเชิงการเงินกันแล้ว อย่างฮ่องกงจะเปรียบเสมือนตลาดการเงินใหญ่ของทวีปเอเชียเลยก็ว่าได้ ตลาดหุ้นฮั่งเส็งมีความน่าเชื่อถือและจำนวนเงินมหาศาลที่เข้ามาลงทุนที่นี่ทำให้ที่นี่เป็นตลาดเงินที่สำคัญที่สุดของเอเชีย และเป็นอันดับต้นๆของโลก ความสำคัญของตลาดฮั่งเส็งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางตลาดของภูมิภาคและตลาดในทวีปยุโรปด้วยเช่นกัน ส่วนความสามารถของสวิสจะแตกต่างกันคือไม่ใช่สถานที่ระดมทุน ... แต่มันคือตู้นิรภัยของโลกก็ว่าได้ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:17:53

ความคิดเห็นที่ 2 คุณเชื่อหรือไม่? สวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีจำนวนเศรษฐีต่อประชากรมากที่สุดในโลก คือราว 2.7% ของประชากร ส่วนรองลงมาก็คือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1.8%, สิงคโปร 1.7%, นอร์เวย์ 1.3%, ญี่ปุ่น 1.2%, สหรัฐอเมริกา 1% และเยอรมันี 1% (ข้อมูลปี 2007) ในการนับว่าใครเป็นเศรษฐีจะนับจากจำนวนทรัพย์สินที่มีทั้งหมดรวมกัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วคำว่าเศรษฐีในที่นี้คือมีทรัพย์สินมูลค่าราว 4 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป (ประมาณ 120 ล้านบาท) คำนวณอย่างง่ายๆ : จำนวนประชากรในสวิสฯ ทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 7.8 ล้านคน ถ้าคิด 2.7% นั้นออกมาก็จะเป็นเศรษฐีซะประมาณ 210,000 คน และ ถ้าคิดออกมาว่าแต่ละคนมีทรัพย์สินเฉลี่ยที่ราวๆ 4 ล้านเหรียญ เบ็ดเสร็จจำนวนเศรษฐี 2.7% ของสวิสก็จะเท่ากับทรัพย์สินประมาณ 840,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 25.2 ล้านล้านบาท น่าจะมากพอให้ประเทศไทยบริหารประเทศได้นานนับสิบสิบปี หลายๆคนคงอาจจะเคยอ่านนวนิยายต่างๆที่จะมีความลับซ่อนเร้นในตู้เซฟของธนาคารสวิส อย่างเช่น Da Vinci Code สิ่งที่ท่านอ่านบางที่ก็จริงบางที่ก็ไม่จริง แต่ส่วนใหญ่ข้อมูลที่นำไปเขียนนวนิยาย ก็มักมีเค้าโครงจากของจริงอยู่แล้วเช่นกัน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีการยักย้ายถ่ายเทเงินและทรัพย์สินเข้าประเทศเพื่อเก็บเอาไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารสวิสในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินที่นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะนโยบายด้านการเก็บรักษาความลับอย่างเข้มงวด (Privacy Policy) ของธนาคารสวิสที่จะเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้อย่างมิดชิด ไม่เหมือนกับการเปิดบัญชีทั่วไปอย่างที่ธนาคารในไทยเราที่ต้องยื่นเอกสารหลักฐานว่าใครคือเจ้าของบัญชี แต่ที่นั่นขอเพียงคุณมีเงิน คุณก็เปิดบัญชีนิรนามได้ทันที โดยในสัญญาการเปิดบัญชีจะมีเงื่อนไขอยู่หลายข้อที่ต้องปฏิบัติตาม หนึ่งในนั้นคือการรักษากุญแจที่เมื่อหายแล้วมีความเสี่ยงในเรื่องการออกกุญแจใหม่ซึ่งอาจจะเป็นไปไม่ได้หรืออาจจะไม่ออกกุญแจใหม่ให้เลย ลูกค้าต้องรักษาสมบัติของธนาคารซึ่งก็คือกุญแจนี้ไว้อย่างดีเท่าชีวิตของตัวเองเช่นกัน ทรัพย์สินที่เก็บรักษาในธนาคารสวิสก็มีตั้งแต่เงินสด พันธบัตร เพชร ทอง อาวุธ ของโบราณ อัญมณี หรือแม้แต่ของหายากต่างๆ ของที่ถูกโจรกรรม ของที่ผิดกฎหมาย และเงินจากการคอรัปชั่นของรัฐบาลต่างๆมากมาย สิ่งสำคัญเหล่านี้เคยมีการกระตุ้นให้สวิสเปิดเผยความลับเรื่องการเปิดเผยทรัพย์สินที่อาจผิดกฎหมาย เพราะในแต่ละปีรัฐบาลแต่ละประเทศอาจต้องสูญเสียเงินกว่าหลายพันล้านเหรียญในการถูกคอรัปชั่นและเงินเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะธนาคารสวิสเองมีกฎด้านการรักษาความลับของลูกค้าอย่างเข้มงวดมาก จนบัดนี้นโยบายด้านการเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นก็ยังไม่คืบหน้าเพราะสวิสเอง เป็นประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมในประชาคมโลกเท่าไหร่ จึงไม่ได้จำเป็นต้องถูกกดดันทางด้านนโยบายต่างๆทางการเมือง รวมถึงสหประชาชาติที่สวิสเองพึ่งจะเข้าร่วมไปเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมานี้เอง จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:18:43

ความคิดเห็นที่ 3 เหตุผลที่สวิสเองไม่ได้เข้าร่วมสหประชาชาติมาตั้งแต่นมนานก็คือประชาชนสวิสส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะเข้าร่วมสหประชาชาติ เพราะเกรงที่จะเสียความเป็นกลางซึ่งเป็นนโยบาย “หลัก” ของสหพันธรัฐสวิส ก่อนหน้านั้นในปี 1986 รัฐบาลสวิสจัดให้ลงประชามติเพื่อเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งมีการลงประชามติอีกครั้งในเดือนมี.ค. 2002 เสียงส่วนใหญ่ของประเทศร้อยละ 54.61 เห็นด้วย ส่วนอีก 45.39 ไม่เห็นด้วย โดยเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นด้วยมีจำนวน 12 รัฐ ส่วนอีก 11 รัฐไม่เห็นด้วย (สวิสมี 23 รัฐ) ดังนั้นการเข้าร่วมสหประชาชาติครั้งนี้สวิสเองก็เกือบจะพลาดไปอีกรอบ แต่ก็ได้คะแนนเสียงมาอย่างหวุดหวิด เราจึงเห็นได้ว่าความเป็นสวิส เอกลักษณ์สำคัญที่สุดคือความเป็นกลาง ความเป็นกลางของสวิสทำให้สวิสเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เพราะด้วยประเทศไม่ได้เข้าร่วมอะไรกับใคร ไม่ได้มีมิตร แล้วก็ไม่มีศัตรู จึงทำให้สวิสมีความเป็นเอกภาพอย่างมาก ถ้าพูดถึงเรื่องการทหารแล้วสวิสเองก็ไม่ใช่ประเทศที่จะมาสู้รบปรบมือด้วยง่ายๆ สวิสเองเป็นสหพันธรัฐที่วางตัวเป็นกลาง แต่ในด้านกองทัพก็มีการตระเตรียมเป็นอย่างดี มีระบบกำลังพลที่มีประสิทธิภาพมากทั้งกองทัพบกและกองทัพอากาศ (ไม่มีกองทัพเรือเพราะไม่ได้เป็นประเทศติดทะเล) ชาวสวิสในแต่ละบ้านจะมีเครื่องแบบและอาวุธประจำกายพร้อมกระสุน 1 อัตรายิง เมื่อมีการระดมพลก็จะทราบกันทันทีว่าต้องไปรวมพลหรือรายงานตัวที่ไหน ถึงเวลาก็สามารถทำได้ทันที พูดได้ง่ายๆคือพร้อมทุกสถานการณ์ การฝึก การเตรียมตัวและความพร้อมในด้านความมั่นคงของประเทศ สวิสเองเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพร้อมเหล่านั้นมากเป็นอันดับต้นๆของโลกเช่นกัน เรื่องเทคโนโลยีความทันสมัยอาจจะสู้มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาไม่ได้ แต่เรื่องความพร้อมและประสิทธิภาพ ต้องยอมรับว่าสวิสเองเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี เพราะในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องมีการเตรียมพร้อมเอาไว้หากเยอรมันบุกสวิสเมื่อใดก็ต้องพร้อมทันที สวิสเองก็ไม่ได้เข้าร่วมสหภาพยุโรปกับเขาด้วยเช่นกัน กล่าวคือสวิสยังคงดำรงความเป็นกลางของตัวเองเอาไว้อยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ตัวเองจะอยู่ในทวีปยุโรป แต่ก็ไม่ได้อยากจะเป็นยุโรปไปกับเขาด้วย เพราะสำหรับสหภาพยุโรปแล้ว สภายุโรปเองก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแก้ไขและ (แอบ) แทรกแซงบทบาททางการเมืองของประเทศเหล่านั้นที่เป็นสมาชิกเช่นกัน กฎหมายของสภายุโรปถูกกำหนดเอาไว้เยอะมากเป็นมาตรฐานมากกว่า 5 แสนข้อ ตั้งแต่กฎหมายเล็กๆเช่นป้ายฉลากขนม อาหาร หรือของใช้ จนไปถึงเรื่องใหญ่ๆอย่างการป้องกันอาวุธหรือก่อการร้าย สภายุโรปจึงเสมือนกับเป็นสภาที่ปกครองประเทศสมาชิกด้วยอีกทีหนึ่ง ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสวิสจึงไม่เข้าร่วม แล้วก็ไม่ต้องหวังว่าชาตินี้สวิสจะไปเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้นมาตรฐานเงินตราภายในประเทศสวิสยังคงใช้ฟรังก์สวิสตามปกติ แต่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวสวิสสามารถขอวีซ่าเชงเก้นได้ เพราะสวิสเข้าร่วมในกลุ่มเชงเก้น ซึ่งเป็นกลุ่มทางด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นข้อกำหนดเหล่านี้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในกลุ่มเชงเก้น สวิสจึงสามารถรับได้ และนักท่องเที่ยวสามารถนำเงินยูโรมาใช้ในสวิสได้เช่นกัน จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:19:20

ความคิดเห็นที่ 4 ธนบัตรสวิสฟรังก์เป็นเงินตราสกุลหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูงและมีคุณค่าในตัวของมันเอง ซึ่งรัฐบาลกลางสวิสมีการสำรองทองคำแท่งเป็นทองคำหนุนหลังธนบัตรมากถึง 16% และสวิสมีทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตัน ถือเป็นประเทศที่มีการสำรองทองคำมากที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลก หากเทียบกับไทยแล้ว ไทยเรามีทองคำสำรองอยู่ราวๆ ไม่เกิน 100 ตัน และมีสัดส่วนการสำรองของทองคำอยู่แค่ 2.5% เท่านั้นเอง สวิสมีการส่งออกสินค้าประเภทเครื่องจักรและอุตสาหกรรมเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือกิจการธนาคารของสวิสที่สามารถสร้างรายได้ให้สวิสมากถึง 11% ของ GDP ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดที่เราเรียกกันคุ้นหูว่า Swiss Bank อันที่จริงสวิสแบงค์คือ เรียกแบบรวมๆ ธนาคารที่เป็นของสวิสและมีหน้าที่ในการดูแลทรัพย์สินนี้ว่าสวิสแบงค์ แต่อันที่จริงธนาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวิสแบงค์คือ UBS ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสวิส และมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด มีความมั่นคงแบบสุดๆ แม้แต่พนักงานเองก็ไม่รู้ว่าลูกค้าเอาอะไรมาเก็บและมีเงินเท่าไหร่ พูดง่ายๆคือระบบต่างๆถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับส่วนบุคคลของลูกค้าเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์จะเข้ามาดูถ้าไม่ใช่เจ้าของหรือไม่ได้รับสิทธิ์ในการจัดการทรัพย์สินตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของบัญชีเท่านั้น ธนบัตรสวิสเป็นหนึ่งในธนบัตรที่มีความปลอดภัยสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานความปลอดภัยของธนบัตรประเทศอื่นๆ หากใครเคยสะสมธนบัตรสวิสหรือเคยไปเที่ยวสวิสแล้วสังเกตความสวยงามและความประณีตของธนบัตรสวิสแล้วล่ะก็ ผมรับรองว่าคุณต้องหลงไหลไปกับมนตร์เสน่ห์ของความวิจิตรบรรจงที่ธนาคารกลางสวิสสร้างสรรค์ธนบัตรที่ถูกกล่าวได้ว่ามีการปลอมแปลงน้อยที่สุดในโลก เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การใช้ลวดลายและสีสันบนธนบัตร ด้วยเทคนิคพิเศษทีเรียกว่า Micro Printing ที่ค่อยๆฉีดสีเป็นเฉดออกมาอย่างละเอียดและชัดเจน ซึ่งบรรดาเครื่องพิมพ์ธนบัตรอื่นๆที่มีอยู่ในหลายๆรัฐบาลบนโลกนี้ ยังไม่สามารถมีเทคโนโลยีเช่นนี้ได้ ความพิเศษสวิสคือเป็นประเทศที่มีการป้องกันและอุดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นสวิสจึงเป็นสวรรค์ของผู้เก็บทรัพย์สมบัติให้ปลอดภัยจากเงื้อมมือของทั้งคนชั่วและคนดี ... จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:20:01

ความคิดเห็นที่ 5 ค่าเงินฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา สวิสฟรังก์ก็แข็งค่าลงมาตลอดและต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าต่อได้อีกจากมาตรการทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นตัวเร่งเร้าให้เงินสหรัฐอ่อนค่าลงมาเอง และความไม่แน่นอน ความกังวลในเสถียรภาพและเศรษฐกิจโลกที่กำลังสั่นคลอน เงินปริมาณมหาศาลและทรัพย์สมบัติจำนวนมากมาย จึงหลั่งไหลเข้ามาในสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งความปลอดภัย ... จบแล้วครับ เชิญแสดงความเห็นกันได้เต็มที่ ติ ชม คอมเม้นท์ แนะนำ ร้องเรียน แก้ไข โหวต ให้กิฟ กันได้ตามสบายคร้าบบบบบ ^^ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:22:20

ความคิดเห็นที่ 6 ได้ความรู้มากครับ ถ้าเทียบกับออสเตรเลียละครับ ต่างกันมากหรือเปล่าครับ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:39:49

ความคิดเห็นที่ 7 เทียบ AUD กับ CHF แล้วพบว่ามีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเลยครับ จะมีการแกว่งแรงๆก็ช่วงวิกฤติ 2008 แต่โดยรวมแล้วก็มีความบาลานซ์ระหว่างสองสกุลนี้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:44:33

ความคิดเห็นที่ 8 สวิสฟรังก์กำลังแข็งมากจนแลกไม่ลงเลยตอนนี้ ปล.-มีธนบัตร 1000ฟรังก์ในกระเป๋าแล้วกระเป๋ามันบางดีจัง (แต่กลัวทำแบงค์ขาด) จากคุณ : TEN. (WanderingPace) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:54:26

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณครับ ผมชอบกระทู้ของคุณ venezier มากเลยครับ จากคุณ : บิลลี่ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:55:35

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อ....เพิ่มเติมค่ะ ชายชาวสวิส จะไม่มีการเข้ารับเกณฑ์ทหารเหมือนเมืองไทยนะคะ แต่ เมื่อถึงอายุ ทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกทหารทุกคนและอยู่ในวาระจนกระทั่งอายุ 55 ปี ค่ะ และ เหตุที่บรรดา ประเทศใหญ่ ๆ อย่าง เยอรมันนี ฝรั่งเศส สมัยที่ ยังแบ่งแยกดินแดน เกิดสงครามและกำแพงเบอร์ลินในเยอรมัน ไม่เข้าไปคุกคามสวิส หรือแม้แต่ประเทศอื่น ๆ ไม่มีใครกล้าที่จะเบ่งกับสวิส ก้เป็นเพราะว่าเหล่าบรรดาเศรษฐี และนายพล ทหารใหญ่ ๆ หลาย ๆ คนที่มีอำนาจ ได้นำทรัพย์สิน เข้าไปฝากไว้ที่ธนาคารของสวิส นั่นเอง          และก็มีบรรดาเศรษฐี หลาย ๆ คนทั่วโลก ต่างก็พร้อมจะ จ่ายเงินเพื่อขอซื้อสัญชาติเป็นชาวสวิส แต่ ทางรัฐบาลของสวิส ก็หวงแหน สัญชาติของเขามาก ไม่ยอมรับเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น มีทางลัดทางเดียวที่จะได้สัญชาติมาก็คือ ......แต่งงานกับคนสวิส และมีลูกกับเขาซะ ......             ด้วยพื้นดินที่จำกัดในการเพราะปลูก ถ้าใครเคยไปเที่ยวจะเห็นได้ว่า ที่ดินแค่หยิบมือเดียวเขาก็เนรมิตรเพื่อปลูกองุ่นพันธุ์ดีมาปรุ่งไวน์เลิศรสได้ อย่างเช่น ที่น่าทึ่งคือ เส้นทางที่เดินทางไปโลซานน์ จะผ่านทะเลสาปเลอมังค์ แต่ด้านขวา มองขึ้นไปเป็นเนินเขา จะเต็มไปด้วยแปล องุ่นเต็มไปหมดเลย ..... และ ไวน์ชั้นดีของที่นี่ จะปรุงดื่มเองในประเทสไม่พอขายค่ะ .....รสชาติดีทีเดียว              ชาวสวิสไม่มีภาษาเป็นของตัวเอง แต่จะเป็นแบบว่า ชายแดนติดกับใครก็ได้ภาษานั้น เช่น Zermatt ติดกับ ชายแดนอิตาลี่ คนที่นั่นก้พูดภาษาอิตาเลี่ยน  โรซานน์ใกล้ฝรั่งเศสคนที่นั่นก็จะได้รับอิทธิพลภาษาฝรั่งเศส  และ  interlaken Lucern นี่ใกล้เยอรมันก็จะได้ภาษาเยอรมัน ส่วนภาษาอังกฤษเห็นใช้แพร่หลายกันที่ เจนีวา ..... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 22:12:53 จากคุณ : ฟ้าสางที่เชียงดาว เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:09:02

ความคิดเห็นที่ 11 ยินดีครับคุณบิลลี่ คห.9 และขอบคุณคุณฟ้าสางที่เชียงดาว คห.10 ที่มาช่วยเพิ่มเติมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับ ^^ ปล. เดี๋ยวต้องหาเงินไปเที่ยวสวิสมั่งแว้ววววววววววววววว อิอิอิ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:12:30

ความคิดเห็นที่ 12 *** เพิ่มเติมอีกนะคะ มองต์เธอร์ ถือว่าเป็นสวิส ริเวียร่า เลยทีเดียว เพราะความหรูหรา ทั้งโรงแรม และ ฐานะของคนไปเที่ยวที่นั่น สังเกตุจาก รถสปอร์ตราคาแพงหรู จะจอดกันหนาตามาก ๆ         **** เป็นที่สังเกตุอีกอย่างคือ เมืองเบริ์น ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวง แต่ช่างแตกต่างจากซูริคมากนัก ที่มีสนามบินนานาชาติ คราคร่ำไปด้วยผู้คน และเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจ แต่เบริ์นนั้น จะเห็นแต่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ และเงียบสงบกว่ามากนัก และ ที่สำคัญ ตึกรัฐสภา ตั้งอยู่ไม่ห่างจาก บ่อนคาสิโนเลย            **** น่าหลงใหลไปกับการคมนาคมในประเทศมาก ๆ ที่ระบบรถไฟดีเยี่ยมมาก ๆ ขนาดคนไม่เคยไปนะ รับรองเลยค่ะว่า ไม่มีหลงทางแน่นอน แค่พุดและสื้อสารภาษาอังกฤษและอ่าน map ได้ก็พอแล้ว          **** ภูมิประเทศ เต็มไปด้านภูเขามากมาย พื้นราบน้อยมาก ไม่มีด้านไหนาติดกับทะเลเลย มีแต่ทะเลสาปน้ำจืด ขนาดใหญ่ คือ เลอมังค์ ที่เมื่อมองไปอีกฝั่งโน้นไกล ๆ ก็คือ ประเทศออสเตรีย ..... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 22:23:32 จากคุณ : ฟ้าสางที่เชียงดาว เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:22:28

ความคิดเห็นที่ 13 เยี่ยมครับ ^^ จากคุณ : plamorsri เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:25:42

ความคิดเห็นที่ 14 อ้างอิงจาก คห.4 UBS คือธนาคารใหญ่ที่สุดในสวิส UBS ย่อมาจาก Union Bank of Switzerland ครับ (ช่วยเสริมนิดหน่อย) ^^ จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:25:48

ความคิดเห็นที่ 15 สวิสเป็นประเทศหนึ่งที่ประทับใจมาก ภูมิประเทศสวยงาม ชมสะพานไม้ชาเปล วันที่ไปตรงกับวันที่เขาฉลองเปิดสะพาน หลังจากโดนไฟไหม้ มีวงดุริยางค์ ผู้คนมากมาย นาฬิกากุ๊กกูสวย น่ารัก น่าซิ้อ จากคุณ : กังสดาล เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:43:01

ความคิดเห็นที่ 16  ขอบคุณคร๊าบ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 00:21:51

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อมูลยอดเยี่ยมเหมือนเดิม อ่านเพลินเลยครับ จากคุณ : Scuderia เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 00:27:38

ความคิดเห็นที่ 18 แจ่มครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 00:42:36

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ เยี่ยมมากเลยครับ จากคุณ : เด่นดวง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 01:00:35

ความคิดเห็นที่ 20 สวดยอด จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 01:03:30

ความคิดเห็นที่ 21 ทำให้อยากไปเลยครับ จากคุณ : Yothin_id เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 07:24:52

ความคิดเห็นที่ 22 ได้ความรู้ดีมาก  โหวต! จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 08:39:39

ความคิดเห็นที่ 23 เยี่ยม จากคุณ : CCi200 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 08:44:30

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณค่ะ เป็นอีกประเทศที่น่าไปมาก ๆ ^^ จากคุณ : คนน่ารักที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 08:59:13

ความคิดเห็นที่ 25 "หรือประมาณ 25.2 ล้านล้านบาท น่าจะมากพอให้ประเทศไทยบริหารประเทศได้นานนับสิบสิบปี" ไม่เห็นด้วยครับ ผมว่าถ้าบริหารกันอย่างนี้ 2 ปีก็หมดได้ครับ = =' ขอบคุณสำหรับทู้ดีๆ ครับ จากคุณ : ก้องคุง เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:48:58

ความคิดเห็นที่ 26 Re#25 เห็นจะจริงครับ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:59:47

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 20:47:00 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 10:36:59 จากคุณ : survivor1989 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 10:36:02

ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่มเติมครับ Zermatt สวยมากๆๆ interlaken ก็งดงามไม่เเพ้กัน นึกเเล้วอยากไปอีกจัง เเล้วก็ได้ไปคาสิโนครั้งเเรกก็ที่สวิสนี่เเหละครับ ลูกาโน ^^ จากคุณ : soncu (soncu) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:18:20

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ ได้ความรู้เพียบเลย ตอนนี้ยิ่ง in กะสวิสอยู่ค่ะ เพราะเพิ่งได้ไปเที่ยวมาไม่นาน จากคุณ : chabakaew เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:28:27

ความคิดเห็นที่ 30 คล้ายๆสิงคโปร์ในเรื่องการเตรียมการพร้อมรบของพลเรือน สมัยอยู่สิงคโปร์เวลาดูทีวีอยู่ดีๆบนจอก็จะปรากฏสัญลักษณ์ต่างๆกันๆไปบนมุมจอ บางวันก็สัญลักษณ์รูปนึง บางวันก็มี บางวันก็ไม่มี มาทราบทีหลังว่าเป็นการระดมเรียกคนที่อยู่ในแต่ละหน่วย ให้ไปรายงานตัวในแต่ละที่ตามที่นัดไว้ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 13:20:53

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับการ "แบ่งปัน"  ครับ จากคุณ : Matterhorn เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 15:11:55

ความคิดเห็นที่ 32 ทองเป็นสกุลที่แข็งที่สุดในโลกครับ จากคุณ : zagio (zagio) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 16:33:06

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 17:35:24

ความคิดเห็นที่ 34 สุดยอดครับ จากคุณ : ขี่รถถีบไปจีบเธอ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 18:57:52

ความคิดเห็นที่ 35 แหล่มเลย จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 19:15:32

ความคิดเห็นที่ 36 ศิวิลัย สุดๆ จากคุณ : a43b0619 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 20:51:49

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:46:45

ความคิดเห็นที่ 38 กำลังจะไปอาทิตย์หน้าค่ะ ^^ ไปเยี่ยมชมธนาคารได้มั๊ยน๊อ จากคุณ : ใช่สิ ฉันมันตัวร้าย เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:49:05

ความคิดเห็นที่ 39 Re#38 ไปเปิดตู้เซฟเลยก็ได้ครับ ค่าเปิดบัญชีคงไม่เท่าไหร่ ... น่าจะไม่กี่แสนบาทต่อปีสำหรับบัญชีแบบธรรมดา แหะๆ = =" จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:18:05

ความคิดเห็นที่ 40 คราวหน้าไปเที่ยวประไหนดีครับท่าน .. จากคุณ : สังขยาใบเตย เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:02:50

ความคิดเห็นที่ 41 คราวหน้า ตีแตก เยอรมัน และ อิตาลี่ ฐานใหญ่ของยุโรปกันดีกว่าค่ะ เพื่อน ๆ จะได้รู้อะไรดี ๆ อีกเยอะ .... แต่บอกไว้ก่อนนะคะ ฟ้าถนัดขาเที่ยวอิ ๆๆ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 21:34:03 จากคุณ : ฟ้าสางที่เชียงดาว เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:30:02

ความคิดเห็นที่ 42 แสดงว่าเงินพัฒนาประเทศสวิสส่วนใหญ่มาจากเงินบาป   เงินที่คนคอรัปชั่นแล้วเอาไปฝาก   เงินจากยาเสพติด   เงินจากอำนาจชั่ว   คงมีเงินจากนักการเมืองบ้านเราไม่น้อยแน่ๆ     อย่างนี้สหรัฐน่าเข้าไปแทรกแซงนะ   ให้เปิดเผยมาเลยเงินที่โกงประชาชนประเทศต่างๆ    ใครเอามาฝากเท่าไหร่มั่ง   ทีอย่างนี้ทำเฉย    สรุปประเทศนี้รวยมาจากความทุกข์ยากของประชาชนประเทศอื่น ใครโกงเงินประเทศตัวเองไปเท่าไหร่มานี่มาเราจะดูแลให้  เหอ เหอ เหอ   อย่างนี้ไม่ใช่ประเทศสวรรค์แล้ว   มันประเทศนรก จากคุณ : ผ่านนานแล้ว เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:34:10

ความคิดเห็นที่ 43 #42 ฟ้าว่ามันไม่มีวันนั้นนะคะที่....สหรัฐน่าเข้าไปแทรกแซง.... เพราะ 1. เงินมาจากทุกที่ ก็บอกแล้วว่าผู้ฝาก และผู้รับฝากไม่รู้จักกัน ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร ฉะนั้นไม่มีใครกล้าเสี่ยงค่ะ ไม่แน่ จอร์ท บุ๊ท เอย บลิว คลินตั้น เอย โอบาม่า เอย และ อีกหลาย ๆ คน รวมทั้งจอร์ทโซรอส อาจจะเป็นหนึ่งในสมาชิกในการฝากเงินก็เป็นได้นะคะ 2. เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี และประเทศหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งเศรษฐีเมืองไทย หลายคน ไม่มีใครยอม ให้เปิดเผย หรือ ตรวจสอบอะไรทั้งนั้นหล่ะค่ะ ไม่มีทาง รหัสลับ ถูกเก็บเอาไว้อย่างดีและแน่นหนา ยากกกก...... 3. ก็อย่างที่บอก ประเทศนี้ไม่เคยผิดใจกับใคร ไม่เคยคิดเลือกข้าง ฉะนั้นความเป็นกลางของเขานี่แหล่ะ จึงทำให้ทุกคนเกรงใจ และยินจะปกป้องประเทศ นี้ เอ๊ย....ไม่ใช่สิ ยินดีที่จะปกป้องทรัพย์สินที่ขนมาฝากฝังเอาไว้ที่นี่อย่างไรเล่า .....หึ ๆๆ จากคุณ : ฟ้าสางที่เชียงดาว เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 22:26:42

ความคิดเห็นที่ 44 Re#42 จะพูดงั้นมันก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ แม้มันมีส่วนถูกบ้างเพราะนโยบายการเปิดเผยข้อมูลเขาพยายามสืบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฟอกเงิน กระบวนการละเมิดสิทธิมนุษยชน คอรัปชั่น เงินจำนวนนี้ก็ยอมรับกันว่ามีจริง แต่สวิสคงไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของการเก็บความสำคัญของทรัพย์สิน บางคนที่หาทรัพย์สินมาด้วยความบริสุทธิ์แล้วก็ไม่ไว้ใจธนาคารภายในประเทศ ยกตัวอย่างประเทศไทย ซึ่งตู้นิรภัยของไทยเรามีความปลอดภัยสูงก็จริง แต่ไม่สูงที่สุดครับ เพราะผมคิดว่าระบบรักษาความปลอดภัย ของระบบตู้นิรภัยของไทยเป็นระบบที่ธรรมดา และไม่มีการตรวจสอบได้ชัดเจนจริงๆว่าเป็นเจ้าของตู้นั้นจริงหรือไม่ คือขอแค่มีกุญแจ ก็เข้าไปไขได้แล้ว (ถึงแม้ว่าการเดินเข้าไปจะต้องผ่านกล้องวงจรปิดอยู่แล้วและต้องลงชื่อเพื่อเข้าใช้งานยื่นเอกสารราชการ) แต่มันก็ เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าขั้นตอนเหล่านั้นมันพิสูจน์กับเราได้จริงๆหรือเปล่าว่านั่นคือตู้ของเราจริงๆ ถ้าอย่างของธนาคารสวิสเท่าที่ทราบข้อมูล ระบบจะมีความปลอดภัยสูงมาก คิดว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของตู้จริงๆคือไม่สามารถใช้ได้เลย กล่าวคือขั้นตอนแรกคือการใช้กุญแจ หลังจากนั้นกุญแจถูกต้อง ระบบก็จะไปสู่ขั้นตอนต่อไปคือการกดรหัสผ่านที่เจ้าของตู้กำหนดไว้ ถ้ากดไม่ถูกมันก็ไม่เปิด และขั้นตอนที่สามในการตรวจสอบความเป็นเอกลักษณ์คือการตรวจสอบทางชีวภาพ ซึ่งได้แก่การตรวจลายมือ (ย้ำ ลายมือ คือการสแกนทั้ง 5 นิ้วและทั้งฝ่ามือ) ดังนั้นจึงมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เชื่อถือได้ และไม่เจอกับภัยทางการเมืองด้วย ถ้าอย่างในไทยแค่มีเหตุการณ์ทุบธนาคาร ปล้นธนาคาร เผาธนาคาร ผู้ฝากแต่ละคนก็นอนหลับไม่สนิทกันแล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าทรัพย์สินปลอดภัยก็ตาม ส่วนการมอบทายาทสืบต่อมรดกถ้าจะไขตู้ของสวิสแบงค์ได้เขาจะตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด พร้อมทั้งผู้ตายอาจต้องบอกรหัสเปิดตู้พร้อมให้กุญแจ แก่ผู้รับสืบทอดมรดกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่มอบกุญแจอย่างเดียว ส่วนประวัติเขาก็จะเช็คโดยละเอียด (เรื่องเล่า : บางคนที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด ถึงขนาดให้ธนาคารเก็บชิ้นส่วนทาง DNA เอาไว้เพื่อตรวจสอบกับทายาทได้ด้วย) นอกจากนี้ในกรณีการเก็บรักษาสมบัติหรือวัตถุหายากบางชนิดทั้งของกลุ่มราชวงศ์ หรือพิพิธภัณฑ์ ก็มีความจำเป็นต้องรักษาทรัพย์สินเอาไว้ ด้วยความปลอดภัยอย่างสูงสุด เพราะบางชิ้น บางสิ่ง บางอย่าง มันมีเพียงแค่ชิ้นเดียวในโลก และไม่สามารถสร้างเลียนแบบได้เท่าของจริง ดังนั้นอย่าไปตีความว่ามันเป็นธนาคารรับใช้คนเลว เพียงแต่ข้อดีของมันก็มีเหมือนกัน ทั่วโลกถึงพยายามให้นโยบายการเปิดเผยข้อมูลมีผล เพื่อจะเชื่อมโยงกับการตรวจสอบข้อมูลกับกระบวนการเหล่านั้นครับ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 22:54:31

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าจะมาเสริมเรื่องการทหารก็คืออย่างที่ทุกท่านว่าไปครับ กองทัพสวิสมีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก (กองทัพอากาศไทยเราก็ซื้อเครื่องบินฝึกรุ่น PC-9 จากสวิสเหมือนกัน) แต่มักจะมีข้อจำกัดแปลก ๆ เช่น ชาวบ้านเขาลงประชามติกันว่า ห้ามเครื่องบินรบสวิสบินเหนือสถานที่ท่องเที่ยวเพราะเสียงดังรบกวน แต่ปัญหาก็คือทุก ๆ ที่ของสวิสก็คือแหล่งท่องเที่ยว เลยทำให้หลายครั้งเครื่องบินรบของสวิสไม่รู้จะไปซ้อมบินกันตรงไหน บางทีก็เลยใช้วิธีไปเช่าพื้นที่ฝึกของสวีเดนแทน พอเขาจะซื้อเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ก็ต้องมีข้อกำหนดว่า เสียงเครื่องบินรบต้องไม่ดังไปกว่าข้อกำหนดที่เขากำหนด เพราะไม่งั้นบินไม่ไ่ด้ เหอ ๆ อีกเรื่องก็คือประเทศของเขาจะมีกลุ่มซึ่งรณรงค์ให้ยุบกองทัพสวิสทิ้งเสีย เนื่องจากเขาบอกว่าสวิสเป็นประเทศเป็นกลาง ดังนั้นจึงไม่ควรมีกองทัพ (กลุ่มนี้ชื่อว่า Group for a Switzerland without an Army) โดยกลุ่มนี้เขามักจะจัดลงประชามติกันบ่อย ๆ ว่าควรยกเลิกกองทัพหรือไม่ แต่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนยังไม่อยากให้ยกเลิก เอาเข้าจริงแล้วผมว่าสวิสก็ไม่รู้จะไปรบกับใคร และก็ไม่รู้ว่าใครจะอยากมารบกับสวิส แต่ที่เขายังเสริมสร้างกองทัพให้ทันสมัยอยู่ก็คงเป็นเพราะว่าอยากจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ฝากเงินล่ะครับ เพราะเรื่องนั้นสำคัญที่สุด จากคุณ : Skyman (Analayo) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 23:02:04

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณค่ะ ^^ จากคุณ : zelimony เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 08:00:03

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าวันใดสวิสลดค่าเงินอย่าลืมมาอัพเดตเพิ่มนะครับ จากคุณ : zagio (zagio) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:39:17

ความคิดเห็นที่ 48 มีเรื่องตลกโหดเกี่ยวกับสวิสเหมือนกัน สวิสเป็นประเทศที่ไม่ติดทะเล และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา แต่พวกเรือเดินสมุทรลำใหญ่ๆ ใช้เครื่องยนต์ยี่ห้อ SULZER, Made in Suisse!!! น่ายกย่องในคุณภาพของคนสวิสจริงๆ ปัจจุบันเครื่องยนต์เรือ SULZER ไม่มีแล้ว เพราะ ด้วยความที่ขายจนผลิตไม่ทัน เลยใช้วิธีขายลิขสิทธ์ให้บริษัทอื่นผลิตขายแทน สุดท้าย SULZER ถูกซื้อกิจการไป โดยบริษัทที่ซื้อลิขสิทธิ์เครื่องจากSULZERเอง จากคุณ : THE_NGAK เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:15:16