ความคิดเห็นที่ 1 Q: " เมื่อปีก่อนผมได้อ่านกระทู้คุณ m_ple เรื่องกรีซ ซึ่งได้วิเคราะห์ว่ากรีซน่าจะดีฟอลท์ แต่คุณ m_ple ให้ความเห็นว่า ผลกระทบต่อไทย จะไม่มากนัก (..) เผอิญผ่านไป 1 ปี ไม่แน่ใจว่ามีอะไรจะ update ไหมครับ อยากฟังความเห็นหน่ะครับ" A: ขอเรียนอย่างงี้นะครับ ข่าวหน่ะ มีอัพเดททุกวันครับ แต่ความเห็นผมเกี่ยวกับเรื่องกรีซ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากที่เขียนไว้เมื่อหนึ่งปีก่อนเลยครับ ;) ผมลองยก Executive Summary ของกระทู้ "เกิดอะไรขึ้นที่กรีก?13ca" http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2010/05/I9314827/I9314827.html (ต่อไปขอเรียกว่ากระทู้ตัวลูกนะครับ)  มาให้ดู "ตลาดยังไม่เชื่อมั่นว่ากรีกจะแก้ปัญหาหนี้สินของตัวเองได้ แม้ EU และ IMF จะออกมาตรการออกมาช่วยเหลือก็ตาม เนื่องจากวิเคราะห์ในแง่ Debt Sustainability จะพบว่าปัญหาของกรีกค่อนข้างซับซ้อน และเป็นไปได้ยากในทางปฎิบัติ ส่งผลให้ นักลงทุนต่างพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ บลาๆๆ) ออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก้อตาม  ผมยังยืนยันว่า ผลกระทบของกรณีกรีกต่อประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะไทย มีจำกัดมากๆ   ที่สำคัญ ไทยยังไม่มีปัญหาเหมือนอย่างที่กรีกเผชิญอยู่ ไม่ต้องกังวัลครับ ;)" อ่านแล้ว แหม เหมือนเพิ่งเขียนเมื่อคืนเลย (ฮา) ปัญหา Debt sustainability ของกรีซอ่ะ คงยาก(มากกกกกก)ที่จะแก้ได้โดยไม่ default ครับ อย่างไรก็ดี เหมือนที่เขียนไว้ใน คห.80 ในกระทู้นั้น ผมยังคิดว่า กรีซคงไม่ default ภายในเร็วๆ นี้ ผมเขียนไว้ว่า อาจจะ default ภายในสองสามปี ตอนนี้ผ่านมาปีหนึ่งแล้ว ผมยังคิดว่า ถ้าจะเกิด default น่าจะเกิดภายในปีนี้ ปีหน้าครับ รายละเอียดก้ออย่างที่เขียนไว้ในกระทู้นั้นล่ะครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:43:39

ความคิดเห็นที่ 2 Q: อะไรกัน เห็นในกระทู้ก่อน เขียนว่ามีทางเลือกเยอะแยะ นี่เวลาผ่านมาตั้งปีแล้ว เวลามันไม่ใช่ให้อะไรๆ มันดีขึ้นเลยเหรอ? A: อย่างที่คุณลุลาว่าไว้ เวลาไม่ช่วยอะไรครับ ;) จากกระทู้ "เกิดอะไรขึ้นที่กรีก?" http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2010/03/I8937089/I8937089.html (ต่อไปขอเรียกว่ากระทู้ตัวแม่นะครับ) ผมเสนอไว้ว่า กรีซมีทางเลือกหลักๆ อยู่ 6 ทาง   ผ่านไปหนึ่งปี ผมก้อยิ่งมั่นใจว่า ทางเลือกต่างๆ ที่ผมเคยเสนอไว้ ยังไง๊ยังไง กรีซก้อไม่สามารถทำได้ครับ ผมจะไล่ให้ฟังทีละข้อดังนี้ครับ เริ่มจากข้อ 6 Strong economic growth ผมบอกไว้ว่า debt จะ sustain ได้ GDP จะต้องสูงกว่า bond yield (เพราะอะไร ลองอ่านกระทู้ตัวลูก) แต่ปี 2010 ที่ผ่านมา อย่าว่าแต่จะโตเลยครับ GDP กรีซติดลบถึง 4.4% ขณะที่ไตรมาส 1 ปีนี้ ยังติดลบอีก 4.8%  -_-" ซึ่งก้อแหง๋ล่ะ รัฐต้องลดรายจ่ายมหาศาล คนตกงานเยอะแยะ ประชาชนไม่เชื่อมั่น ลดรายจ่าย GDP มันจะขยายตัวได้อย่างไร ขณะที่ bond yield เฉลี่ยทั้งปีของกรีซ สูงถึง 5% โดยเฉลี่ย แล้ว debt มันจะ sustain ได้อย่างไรละครับ จริงไหม จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:46:16

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับทางเลือกเรื่อง inflation/deflation อันนี้ก้อแทบจะปิดตายไปแล้ว เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งเป็นผู้ควบคุม inflation โดยตรง ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสูงไปหรือต่ำไปเด็ดขาด เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา  อยู่ๆ พี่แกก้อออกมาบอกว่า เงินเฟ้ออาจเป็นปัญหา พร้อมๆ กับ populize คำว่า "strong vigilance" ซึ่งตลาดตีความได้อย่างเดียวเลยว่า พี่แกจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่อเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นในยูโรโซน ถ้าใครตามข่าวช่วงนั้น จะเห็นว่า มีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำทั้งหลาย ต่างออกมาทัดทาน ECB ว่า อย่าเลย อย่าเพิ่งขึ้นเลย เพราะจะยิ่งทำให้ประเทศที่มีปัญหาหนี้สาธารณะลำบากเข้าไปอีก และจะทำให้การแก้ปัญหายากยิ่งขึ้น ECB แกสนใจที่ไหนละครับ สุดท้าย การประชุมในเดือนต่อมา พี่แกก้อขึ้นดอกเบี้ย แถมวันพฤหัสก่อน มาอีกแล้วครับ Strong vigilance ทุกฝ่ายเลยคาดว่า การประชุมของ ECB เดือนหน้า ECB คงปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่ นี่แสดงให้เห็นว่า การแก้ปัญหาโดยใช้เงินเฟ้อหรือเงินฝืดเป็นตัวช่วย ถูกปิดตายอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก ECB ไม่เล่นด้วยครับ แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายๆ ท่านก้อยังไม่ยอมแพ้นะครับ พยายามเสนอเรื่องเงินเฟ้อมาเรื่อยๆ เพราะเห็นว่า มีทางนี้นี่ล่ะที่จะช่วยลดแรงกดดันหนี้ภาครัฐโดยไม่ต้องปล่อยให้ default บ้างก้อบอกว่า ให้ดูตัวอย่างจากธนาคารกลางอังกฤษซะบ้าง (BOE) ที่ทำท่าเนียนๆ จะปล่อยให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก้อดี ส่วนตัวผมคิดว่า ต่อให้ ECB เล่นด้วย แต่ยากมากกก ในการปั่นเงินเฟ้อในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อธิบายหยาบๆ คือ ต่อให้ลดดอกเบี้ยลดเป็น 0 หรือทำ QE อย่าง Fed ก้อใช่ว่า เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นพรวดพราด (ดูอย่าง Fed สิครับ ทำ QE มาตั้งนานแล้ว เงินเฟ้อยังไม่ไปไหนเท่าไรเลย) (จะว่าไปอันนี้ ถ้าจะคุยกันจริงๆ ค่อนข้างยาว เขียนกระทู้ได้อันหนึ่งเลยล่ะครับ) จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:47:07

ความคิดเห็นที่ 4 ซึ่งทำให้กรีซเหลือแค่ทางเลือก 2 กับ 3 เท่านั้นครับ (bail-out & fiscal consolidation) ซึ่งสองอันนี้มาพร้อมกัน IMF/EU ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือกับกรีซมูลค่า 110 พันล้านยูโร โดยมาตรการดังกล่าวจะทยอยจ่ายภายในเวลา 3 ปี ซึ่งการจ่ายเงินให้กับกรีซแต่ละก้อน จะมีเงื่อนไขกำกับทุกก้อน และกรีซจะต้องพยายามทำตามเงื่อนไขดังกล่าวให้ได้ เงื่อนไขส่วนใหญ่ก้อเป็นเรื่องการทำ fiscal consolidation ละครับ เช่น กรีซจะต้องลดงบประมาณด้านนั้น ด้านนี้ให้ได้เท่านี้นะ ต้องเพิ่มทุนตรงนี้ให้ได้เท่านั้นนะ และต้องขายสินทรัพย์/แปรรูปตรงโน้นนะ บลาๆ เพื่อให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณลดลง รวมถึงมาตรการในการฟื้นฟูประเทศในระยะยาว เช่น มาตรการ reform ต่างๆ เพื่อให้กรีซกลับมาแข่งขันในตลาดโลกได้อีกครั้งหนึ่ง ถ้าทำได้ (หรืออย่างน้อย ทำให้ IMF/EU พอใจ) กรีซก้อจะได้รับเงินช่วยเหลือก้อนต่อไป ทีนี้ ปัญหาคือ กรีซทำไม่ค่อยได้หน่ะสิครับ (ไม่ขอลงในรายละเอียดนะครับ ส่วนมากก้อเป็นเรื่องว่า ให้ไปตัดงบประมาณตรงนี้ให้ได้ 10% นะ แต่ปรากฏว่ากรีซลดได้แค่ 5% เท่านั้น อะไรทำนองนั้น) จากรูป (รูปจาก IIF ครับ) เป้าที่ตั้งไว้ตอนแรก กับตัวเลขคาดว่าออกมา ค่อนข้างห่างกันพอสมควร ทำให้ตลาดกังวลว่า กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่ ม้าสามหัว หรือ "Troika" อย่าง IMF/EU/ECB จะออกมาตรการหรือจะแก้ไขปัญหาของกรีซอย่างไร ปวดหัวเนอะครับ เห็นไหมครับ ในเมื่อทางเลือกอื่นๆ มันเริ่มตีบตันลงไปทุกทีๆ ผมก้อเลยมองว่า ยังไง๊ยังไง การ default คงเลี่ยงไปได้ยากครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:47:43

ความคิดเห็นที่ 5 Q: แปลกเนอะ ทำไมเค้าไม่ยอมพูดถึงเรื่อง default เสียที? A: ไม่นะครับ ผมกลับมองว่าทางเลือกในการ default นี่ อยู่ในหัวของ Troika มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่า รูปแบบต่างหากที่ Troika กะลังคิดว่า แบบไหนถึงจะส่งผลเสียน้อยที่สุด ถ้าสังเกต พักหลังๆ จะเริ่มมีคนออกมาพูดเรื่อยๆ แต่เค้าจะไม่พูดคำว่า default ตรงๆ เช่น debt restructuring มั่ง โดยมี adjective เติมไปด้วยว่า soft-form หรือ modest-form เพื่อเพิ่มความนุ่มนวล (ฮา) หรือเช่น เมื่อเดือนก่อนมีศัพท์ใหม่โผล่มา ชื่อว่า Reprofiling (มันมาจากวงการศัลยกรรมครับ) ซึ่งให้ตายเหอะ ผมฟังแล้วก้อยังงงๆ อยู่ ว่าแปลว่าอะไรแน่ แต่เห็นเค้าให้นิยามกันว่า จะขอยืดอายุหนี้ออกไป (extend maturity date) โดยที่ไม่มีการลดหนี้ แต่แหม อย่างไงก้อมันคือ default ล่ะครับ ประเด็นสำคัญคือ Troika ต้องการ default แต่ไม่ต้องการให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า credit event คือ การ default ที่อาจก่อให้เกิดกระบวนการทางด้านกฏหมาย และเข้าข่ายที่ trigger causes of Credit Default Swap (CDS) พูดง่ายๆ คือ ไม่อยากให้ผลกระทบมันเกิดไปวงกว้าง (contagion) ไปยังผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย เดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่ แหม พูดง่ายเนอะ จะ default แต่ไม่อยากให้ตลาดมองว่านี่เป็นการ default ^^" จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:48:44

ความคิดเห็นที่ 6 Q: อ๋อๆ ที่วานซืนเค้าออกมาพูดเรื่อง เวียนนาอินิชิเอเทิฟ เอทีฟ อะไรนั่นป่ะ? A: ใช่ครับ อันนี้เป็นก้อนหินอันล่าสุดที่ถูกโยนออกมาจาก Troika โดยขอ "อาสาสมัคร" (Voluntary) ของผู้ถือพันธบัตรของกรีซที่กำลังจะครบกำหนดจ่ายเงินต้นคืน ให้ roll-over พันธบัตรอันเก่า ด้วยพันธบัตรอันใหม่ (ที่ถูกขยาย maturity) ออกไป โดยกรีซยินดีจะจ่ายดอกเบี้ยในราคาตลาดปัจจุบัน โดยตลาดมักเปรียบเทียบมาตรการดังกล่าวกับ Vienna Initiative เนื่องจาก crisis ปี 2008 กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ได้ใช้มาตรการทำนองเดียวกันนี้จนประสบความสำเร็จมาแล้ว อันนี้น่าสนใจ เพราะดูเหมือนว่า ECB ก้อแอบจะเห็นด้วยกับมาตรการอันนี้ และอาจเป็น default ในรูปแบบที่เค้าต้องการก้อได้ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:49:05

ความคิดเห็นที่ 7 Q: แล้วคุณว่า จะประสบความสำเร็จป่ะ? A: ถ้าตอบว่าไม่ จะใจร้ายไปหน่อยเปล่าครับ 55+ เอาเป็นว่า ผมมองว่า ยากมากกกกก ละกันครับ มาตรการอันนี้ แม้จะไปประสบความสำเร็จที่อื่น แต่คงล้มเหลวกับกรีซค่อนข้างแน่นอน เนื่องจาก 1. การ roll-over หนี้ใหม่ ด้วย market-rate yield จะยิ่งทำให้ปัญหา debt sustainability ของกรีซเลวร้ายลงไปอีก ผมไม่ทราบว่า หนี้ที่จะครบกำหนดในวันนี้ มี yield เท่าไรตอนออกขายทีแรก สมมติว่าเป็นพันธบัตรอายุ 5 ปี ซึ่งตอนออกขายเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้น yield มันแค่ประมาณ 3% เองนะครับ แต่ปัจจุบัน market-rate มันสูงกว่า 15% ไปแล้ว จ่ายดอกแค่ 3% ต่อปียังยาก ให้มาจ่าย 15% มันจะไหวหรอครับ 2. หนี้ที่จะถูก roll-over คือหนี้ที่กะลังจะหมดอายุเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นส่วนน้อยต่อปัญหาหนี้ทั้งหมด   จากรูป (รูปจาก Bloomberg) พี่ๆ จะเห็นว่ากรีซมีพันธบัตรที่ต้องจ่ายปีนี้ ประมาณ 15 พันล้านยูโร ถ้าสมมติว่า ใช้มาตการนี้จริงๆ ภายในปีนี้ หนี้ 15 พันล้านยูโรคงยังไม่ต้องจ่าย ยืดเวลาไปอีกนิด แต่หนี้ทั้งหมดกว่า 347 พันล้านยูโรนั่น มาตรการนี้แทบไม่ได้ช่วยเลยนะครับ เลยนะครับ ดังนั้น การ roll-over จึงไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอครับ (พูดภาษาอังกฤษคือ มาตรการนี้อาจช่วยแก้ปัญหา short-term liquidity ได้ แต่ไม่ได้แก้ปัญหา insolvency ครับ) 3. จะก่อให้เกิด spillover ในตลาดเงิน กล่าวคือ ถ้าสมมติว่า กรีซจะใช้มาตรการนี้จริงๆ แม้ปากจะบอกว่าสมัครใจ แต่คนที่ถือพันธบัตรกรีซที่จะหมดอายุ คงถูกขอให้ roll-over ทั้งหมด แน่นอน มันจะต้องมีบางคนที่ไม่สมัครใจแน่ๆ คนที่ไม่สมัครใจ เค้าจะทำอย่างไรครับ? เค้าก้อต้องเทขายพันธบัตรออกมาก่อนที่มันจะหมดอายุหน่ะสิครับ จริงไหม ;) การเทขาย จะยิ่งทำให้ yield ของพันธบัตรกรีซพุ่งสูงขึ้นไปอีก และจะยิ่งทำให้กรีซต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น และจะยิ่งส่งผลให้ คนที่ถูกบังคับให้สมัครใจ เริ่มกังวลว่าหนี้ของกรีซมีความเสี่ยงมากขึ้น ก้อจะยิ่งทำให้บางคนเทขายออกมาอีก ส่งผลเป็นวงเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เห็นไหมครับ Vienna initiative นอกจากจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเท่าไรแล้ว อาจจะยังก่อให้เกิดความยุ่งยากเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ถ้ามองให้ดี จะเห็นว่า มันเหมือนกับการออกมาตรการช่วยเหลือกรีซ แต่เงินที่เอามาช่วย แทนที่จะมาจาก Troika กลับให้ผู้ที่เป็นเจ้าหนี้เดิมออกให้แทน แค่นั้นเอง จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:49:40

ความคิดเห็นที่ 8 Q: แล้วมันจะจบแบบไหนเนี่ย? A: Defualt ครับ แบบไหนแค่นั้นเอง (แม้มุมมองจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่ความมั่นใจเรื่อง defualt ผมเพิ่มจากเดิมเยอะเลย ฮา) อย่างไรก้อดี, in the mean time,  Troika คงออกมาตรการมาซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เผื่อปาฏิหารย์ (คือ อยู่ๆ เศรษฐกิจกรีซฟื้นขึ้นมา จนรัฐจัดเก็บรายได้มากพอไปใช้หนี้ได้) หรือ รอเวลาเหมาะๆ ที่คิดว่า การ default จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนักครับ ขณะเดียวกัน Troika คงกำลังปรึกษากันเรื่องรูปแบบของการ default ด้วยล่ะครับ ว่าแบบไหนจะส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวมน้อยที่สุด วันที่ 20 นี้ จะมีการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มยูโรกัน น่าจะมีความคืบหน้าอะไรบ้างเรื่องนี้อ่ะครับ ก้อรอดูกันต่อไปครับเรื่องกรีซ คงเป็นหนังชีวิตอีกสองสามปีละครับ อัพเดทเรื่องกรีซคงจบแค่นี้ล่ะครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:51:02

ความคิดเห็นที่ 9 Q: ไทยจะเจอปัญหาแบบกรีซไหม? A: จาก Executive Summary ข้างต้น ถ้ามุมมองของผมจะเปลี่ยนไป ก้อประโยคสุดท้ายเนี่ยล่ะครับ ปัญหาของกรีซคือ ฐานะการคลังเลวร้ายมาก ภาครัฐใช้จ่ายเกินตัว จนในที่สุด ไม่สามารถจัดเก็บภาษีมาใช้หนี้คืนได้ แม้ตอนนี้ฐานะการคลังของไทยจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ผมไม่แน่ใจว่า ถ้ารัฐบาลใหม่ "ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก้อตาม" เข้ามา และทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ประเทศไทยจะพบจุดจบเหมือนกรีซหรือไม่ ผมเห็นว่า นโยบายที่พรรคต่างๆ แทบทุกพรรค (คือผมก้อไม่รู้นโยบายทั้งหมดสามสิบสี่สิบพรรคหรอกนะครับ เลยไม่อยากใช้คำว่าทุกพรรค) เสนอมานั้น ค่อนข้างเกินเลยไปหน่อยแล้ว ผมไม่รังเกียจประชานิยมนะครับ และผมเชื่อว่าการใช้จ่ายภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะถ้าการใช้จ่ายนั้นเป็นการ re-distribute wealth จากคนที่มี wealth มาก ไปสู่คนที่ wealth มีน้อย เพื่อให้มาตรฐานการดำรงชีพของประชาชนกลุ่มต่างๆ ในสังคม ไม่แตกต่างกันเกินไปนัก แต่นโยบายที่หาเสียงทุกวันนี้ จำนวนไม่น้อย ผมคิดว่า มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของชาติได้ถูกที่นัก ซ้ำร้าย กลับจะยิ่งทำร้ายประเทศในระยะยาว ทุกพรรคต่างให้คำมั่นในการใช้จ่ายเงินในเรื่องต่างๆ เช่น พรรคนี้จะเพิ่มเงินอุดหนุนให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งเกษตรกร คนชราาเป็นเงินเท่าโน้นเ พรรคนี้จะให้อุปกรณ์ไฮเทคจำนวนเท่านั้น พรรคนี้จะตรึงราคาน้ำมันไม่ให้เกินเท่านี้ ไม่เถียงครับ ถ้าทำได้จริง มันช่วยเพิ่มศักยภาพประเทศในระยะยาว แต่ประเด็นคือ มันคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไปไหม ที่สำคัญ ผมยังไม่เห็นมีพรรคไหนออกมาอธิบายอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่า คุณจะเอาเงินที่ไหนมาดำเนินนโยบายดังกล่าว ถ้าวันหนึ่ง รัฐเกิดไม่สามารถจัดเก็บรายได้เท่ากับรายจ่ายที่ต้องจ่ายได้ละก้อ ดูไม่จืดแน่ๆ ครับ อ่านเรื่องกรีซไว้เยอะๆ ครับ วันหนึ่ง เราอาจได้ใช้ ;) จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:51:42

ความคิดเห็นที่ 10 Q: โอเค จบเรื่องกรีซ เรื่องต่อไป เศรษฐกิจย่ำแย่อยู่เนี่ย ทำไมแบงค์ชาติถึงขึ้นดอกเบี้ย? A: แอบเห็นมีพี่คนหนึ่งถามในสินธรแวปๆ ผมขอเรียนว่า logic ของการทำนโยบายการเงินของธนาคารกลางที่ใช้ Inflation targeting เช่น แบงค์ชาติของเราคือ (แบบหยาบๆ เลยนะครับ) ถ้าเงินเฟ้อเป็นปัญหา เค้าจะขึ้นดอกเบี้ย   ถ้าเงินเฟ้อไม่เป็นปัญหา แต่การเติบโตของเศรษฐกิจมีปัญหา (ปกติสองตัวนี้ มันจะผกผันกันครับ กรณีที่มันดันไปด้วยกัน นั่นอีกนะครับ) เค้าจะลดดอกเบี้ย นอกจากนี้ การขึ้น/ลด ดอกเบี้ย มันต้องใช้เวลาส่งผ่านระยะหนึ่ง   ดังนั้น การตัดสินใจขึ้นหรือลงดอกเบี้ยนั่น ต้องดูอัตราเงินเฟ้อในอนาคตเป็นสำคัญ คำถามคือ ตอนนี้เงินเฟ้อในอนาคตเราเป็นปัญหาหรือเปล่า? ลองเปิดรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อของแบงค์ชาติ (เป็นรายงานที่ออกทุกไตรมาสครับ ในนั้นจะเล่าถึงเศรษฐกิจที่ผ่านมา และภาพเศรษฐกิจที่แบงค์ชาติคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต) พบว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีโอกาสพอสมควรที่อาจหลุดกรอบ 3.0% เมื่ออัตราเงินเฟ้อในอนาคตเริ่มเป็นปัญหา แบงค์ชาติจึงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:52:13

ความคิดเห็นที่ 11 Q: แต่เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น มันเป็นผลจากราคาน้ำมันและอาหาร ขึ้นดอกเบี้ยไป ราคาน้ำมันก้อไม่ลดลงมาหรอก? A: จริงครับ ผมเข้าใจว่า สิ่งที่แบงค์ชาติกังวลไม่ใช่ราคาน้ำมันทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งหรอกครับ แต่กังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์และ Second-round effect ต่างหากครับ กล่าวคือ ตอนนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวดี ดังนั้น การที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น มันทำให้ราคาสินค้าอื่นๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามมาได้ง่าย เมื่อคืนเห็นว่า ราคาสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น คนก้อจะแย่งกันซื้อสินค้าในวันนี้ (เพราะถ้ารอไปซื้อพรุ่งนี้มันจะแพงกว่าวันนี้) และจะทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นไปอีก ใน statement ล่าสุดของ กนง. เค้าบอกว่า "แรงกดดันด้านราคาเร่งขึ้นมากกว่าที่คาดตามการปรับราคาในหมวดอาหารสำเร็จรูปตามต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อคาดการณ์ยังทยอยปรับสูงขึ้น นอกจากนี้ ภายใต้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับสูง อุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวดีต่อเนื่องจะยังคงเอื้อให้มีการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นมายังราคาสินค้าโดยทั่วไป ทำให้มีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวต่อเนื่อง และอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานออกนอกกรอบเป้าหมายได้ ภายใต้ภาวการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการฯ เห็นว่า ต้องดูแลไม่ให้เงินเฟ้อคาดการณ์เร่งขึ้นมาก จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย.." เรื่องก้อเอวังด้วยประการฉะนี้ครับ ;) จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:56:38

ความคิดเห็นที่ 12 Q: ไหนๆ แล้วขออีกข้อ คิดว่า QE3 จะมีไหม? A: สืบเนื่องจากกระทู้ QE เขียนไม่จบ ครั้นจะอยู่ๆ มาเขียน QE3 เลย มันคงแปลกๆ ^^" ผมเลยขอแทรกมุมมอง QE3 ไว้ตรงนี้สั้นๆ แล้วกันนะครับ เห็นมีคนถามแวปๆ เหมือนกัน ;) มีคนพูดถึงเยอะเหมือนกันว่า ช่วงหลังๆ เห็นเศรษฐกิจสหรัฐดูแผ่วลง หุ้นก้อตก คิดว่า Fed จะออกมาตรการ QE เพิ่มเติมเป็น QE3 ไหม ก่อนที่จะตอบคำถามดังกล่าว เราควรจะคุยกันก่อนว่า logic ของการออก QE คืออะไร Fed ทำ QE มาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งทั้งสองครั้ง มีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป ครั้งที่ 1 เริ่มเดือนพ.ย. 2008 จริงๆ อยากจะบอกว่า ครั้งที่ 1 นี้ในความหมายของ Fed มันไม่ใช่ Quantitative Easing ด้วยซ้ำ แต่มันเป็นเพียง Credit Easing* เท่านั้น ตอนนั้น ตลาด credit ตึงตัวอย่างมาก ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจจริงสูง Fed ต้องการให้การปล่อยกู้ในตลาดเงินเป็นไปได้อย่างสะดวกขึ้น จึงออกมาตรการ Credit Easing ออกมาครับ ครั้งที่ 2 เริ่ม เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ตอนนั้น สหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหา Deflation risk เนื่องจาก inflation expectation อยู่ในระดับต่ำมาก จนน่าเป็นห่วง ประกอบกับ Fed ต้องการลดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวลง เพื่อกระตุ้นการลงทุน ราคาบ้าน และราคาสินทรัพย์ ผลลัพธ์ที่ได้ ค่อนข้างน่าพอใจ คือ inflation expectation เพิ่มขึ้น ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น จะสอบตกเล็กน้อย ตรงที่ไม่สามารถทำให้ราคาบ้านสูงขึ้นได้ (ราคาบ้านของสหรัฐเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างครับ แต่ดอกเบี้ยต่ำ มันไม่พอให้คนมาซื้อบ้านครับ) จะเห็นว่า QE ทั้งสองครั้ง มีเป้าหมายชัดเจน ประเด็นคือ เราเห็นอะไรที่เป็นปัญหาต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหานั่นสามารถแก้ได้ด้วย QE ไหม? โดยสรุป ผมเห็นว่าการชะลอลงของเศรษฐกิจสหรัฐ เกิดจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง จนทำให้คนไม่มีเงินไปจับจ่ายสินค้าอื่นๆ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจนเกิด supply disruption ในภาคอุตสาหกรรม คำถามต่อไปคือ QE จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวไหม ผมไม่คิดว่า QE จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งอาจจะยังซ้ำเติมปัญหาด้วย ถ้า QE3 ทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นไปอีก ประกอบกับ หลายฝ่าย (รวมถึง Fed) มั่นใจว่า ราคาน้ำมันจะไม่เร่งขึ้นไปต่อเนื่อง และปัญหา supply disruption จะคลี่คลายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากที่โรงงานในประเทศญี่ปุ่น กลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น QE อาจจะยังไม่จำเป็นสำหรับปัญหาดังกล่าว แต่ถ้าถามว่า ถ้าจะมี QE3 เราต้องเห็นอะไร ผมคงตอบว่า ก้อคงเหมือนตอน QE2 คือ เราต้องเห็น inflation expectation ต้องลดต่ำลงมากๆ และราคาสินทรัพย์ เช่น Dow Jones ต้องตกมโหฬาร นั่นล่ะ Fed  อาจจะกลับมาพิจารณามาตรการ QE อีกครั้งครับ งงไหมครับ เข้าใจว่าเรื่องนี้ ค่อนข้างยาก สงสัยตรงไหนถามได้นะครับ *อย่างที่บอก เรื่องนี้ สามารถเขียนเป็นกระทู้เป็นเรื่องเป็นราวได้เลย แต่ ณ ตรงนี้นี้อยากเรียนสั้นๆ ว่า แม้กระทั่งชื่อเรียก ก้อมีผลต่อการทำนโยบายการเงินอย่างสูงนะครับ กล่าวคือ แม้จะเป็นการซื้อสินทรัพย์เหมือนกัน แต่ถ้า Fed กล่าวนี้ การเข้าซื้อครั้งนี้เป็น Credit Easing ผลลัพธ์ที่ได้ก้อแตกต่างกันกับการที่บอกว่าเป็น Quantitative Easing นะครับ (งงไหมอ่ะ) อยากจะบอกว่า คำพูดทุกคำ ที่ธนาคารกลางหนึ่งๆ คิดขึ้นมา (ไม่ว่าจะเป็น execptionally low for an extended period, Credit Easing, Strong vigilance, etc.)  ไม่ได้คิดเพื่อให้ดูโก้เก๋หรือติดตลาดนะครับ แต่ผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดีแล้ว และคำพูดนั้น ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างสูง ไม่แพ้การขึ้นหรือลงดอกเบี้ยเลยครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:57:18

ความคิดเห็นที่ 13 จบแล้วครับ อาทิตย์นี้ ผมน่าจะแวปมาตอบกระทู้ได้บ่อยๆ ^^" ใครมีประเด็นอะไรสนใจ อยากถาม อยากชวนคุย ได้เลยครับ ตอบได้จะตอบให้ครับ ;) จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:59:23

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากครับ กระทู้ดีๆ มีสาระ ขอฟังอยู่แถวหน้าครับ รบกวนถามครับ มีโอกาสมั้ยครับที่ สรอ. กับยุโรปจะล้มครับ จะล้มเพราะอะไร เมื่อไหร่ครับ เอาเหตุผลสั้นๆก็ได้ครับ เกรงใจ ขอบคุณครับ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:02:51

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ จากคุณ : electrician เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:05:35

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับ จากคุณ : เขียนบน iPhone (nammak) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:13:40

ความคิดเห็นที่ 17 ผลกระทบลูกโซ่ของ ของฝั่งยุโรปเองรุนแรงแค่ไหนครับ ถ้า กรีซ Default จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:16:04

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอดค่ะ โหวต& กิฟท์ จากคุณ : PrinceAlwaysLate เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 17:17:48

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ จากคุณ : auicoco เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 17:18:03

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ จากคุณ : Natural magic เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 17:19:08

ความคิดเห็นที่ 21 อยากรู้เรื่องเศษฐกิจของ "จีน" ครับ พอจะมีเรื่องอะไรมา่เล่าให้ฟังบ้างไหมครับ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 18:33:02

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ ว่าแต่ทำไมผมใช้ smart search ไม่เจอกระทู้คุณ m_ple เลยครับ จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 18:38:05

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับ ไม่ทราบคุณ m_ple มีข้อมูลเรื่อง CDS (Credit Default Swap) ที่ออกมาหนุนหนี้กรีซไหมครับ ผมว่ามันเป็นต้นตอปัญหาเลยหละ ที่ให้รัฐบาลแอบกู้เงินจนมือเติบเกินกว่าเพดานกฏหมายได้ และไม่มีปัญญาใช้ในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าธนาคาร/ประกันไหนเป็นคนออก CDS มากสุดครับ มากขนาดจะทำให้แบงค์นั้นล้มเลยไหม (แบบเดียวกับ CDO ทำให้ AIA ล้มมาแล้ว) เท่าที่ผมอ่านเจอเขาบอกว่าส่วนใหญ่เป็นแบงค์ในอเมริกา แต่ไม่มีข้อมูลว่าแบงค์อะไรครับ ตรงนี้ผมว่าน่ากลัว เพราะหากตลาดมองว่าเกิด default นอกเหนือจากสถาบันการเงินทั้งหลายของกรีซล้มแล้ว อาจทำให้แบงค์ใหญ่ฝั่งอเมริกาล้มด้วยซิครับ ส่วนเรื่องสหรัฐ ผมไม่เชื่อว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้น ตามที่ Fed อยากให้เชื่อครับ เพราะปัญหาเรื่องอสังหายังมีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับตัวเลขว่างงานที่กำลังเลวร้ายลงอีกระลอก และมีข่าวว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ สถาบันการเงินทั้งหลายเตรียมจะปลดคนงานลงอีกระลอกใหญ่   ที่สำคัญปัญหาเรื่องการขาดดุลงบประมาณมหาศาลทำให้ต้องกู้อีกเยอะ แต่ demand พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐกลับลดลง (ญี่ปุ่นไม่มีกำลังซื้อ จีนไม่ต้องการซื้อแล้ว แต่ขายแข่งเสียด้วย) กองทุนในประเทศเองก็ขายออกอีกต่างหากซิครับ ผมว่าประเด็นเหล่านี้แหละที่จะทำให้มี QE3 แน่นอน แต่ก็ตามที่คุณ m_ple เขียนไว้นั่นแหละครับ เขาอาจรอให้ Dow Jones S&P500 Nasdaq พังลงมาซัก 25-30% เสียก่อน (น่าจะภายในเดือน ก.ย.) เพื่อความชอบธรรมในการออก QE3 อีกรอบ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 19:22:09 จากคุณ : *John* เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:21:23

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยตามคุณ John ทุกอย่างเลยครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:25:12

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณคุณ m_ple  มากมายที่อุตส่าห์มาเขียนความรู้ให้อ่านกันครับ แล้วก็อยากขอบคุณตัวเองที่เลือกเรียนโทเศรษฐศาสตร์..เพราะนอกจากจะทำให้ผมอ่านกระทู้นี้รู้เรื่องอย่างดีแล้ว มันยังมีผลต่อการต่อยอดการลงทุนของตัวเองด้วย จากคุณ : ^MoOn_Man^ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:28:17

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านจนเมื่อยตาเลยครับ ตามอ่านกระทู้ลูกจนหมดแล้วครับ ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆความรู้แน่นๆอย่างนี้นะครับทำให้ผมได้รู้อะไรมากขึ้นเยอะเลย^^ งวดนี้ก็ขอให้ถูกหวยล่ะกันนะครับ(วิ่งตัวไหนอยู่บอกผมบ้างก็ได้นะครับ) จากคุณ : littletale เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:33:30

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาอ่าน แม้บางเรื่องจะฟังดูไม่เข้าใจกับคนอย่างผมก็ตาม ขอบคุณที่สุดครับ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:20:35

ความคิดเห็นที่ 28 แจ๋วไปเลย จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:52:05

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากครับ :-) จากคุณ : รูปเงาะเดินสบาย เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:52:42

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ลงทุนด้วยใจ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:54:43

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากครับผม ;) จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:46:30

ความคิดเห็นที่ 32 คห. 14 คุณ kanstk ผมไม่แน่ใจคำว่า ล้ม ในความหมายของคุณคืออะไรนะครับ แต่ถ้าเรานิยามว่า ล้ม คือการที่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ และต้องขอรับความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ นั้น สรอ. กับยุโรป ไม่มีทางล้มในระยะเวลาอันใกล้เลยครับ เศรษฐกิจเค้าค่อนข้างแข็งแกร่ง ใหญ่ กระจายตัวดี มั่นคง ประสิทธิภาพแรงงานสูง เทคโนโลยีล้ำสมัย บลาๆๆ แม้เค้าจะเจอปัญหาเศรษฐกิจเค้าไม่ค่อยโต แต่ก้อไม่ได้หมายความว่า เค้าจะล้มครับ ถ้าเค้าล้ม โลกคงล้มตามไปด้วยล่ะครับ เพราะคงไม่มีใครที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกสองอันดับแรกได้ครับ คห. 17 คุณ opar156 ตอนนี้คงตอบยากครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า default นั้น อยู่ในรูปไหน และตอนนั้นสภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไรครับ แต่ผมเข้าใจว่า ตอนนี้ประเทศต่างๆ พากันลดการถือครองสินทรัพย์ของประเทศมีปัญหาพอสมควรแล้ว (และพวก Troika เนี่ยล่ะครับ ที่เข้าไปช่วยถือแทนผ่านมาตรการความช่วยเหลือต่างๆ) ดังนั้น ผลกระทบแม้จะยังมีมากอยู่ แต่คงน้อยกว่าปีก่อนบ้างครับ คห. 21 คุณ นิสิต มา เรื่องจีน เศรษฐกิจจีนก้อโตดีครับ 8 - 9 % เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ เห็นเค้าพูดกันเยอะๆ ใช่ไหมครับ ที่ว่า จีนจะ Hard landing (เศรษฐกิจชะลอลงอย่างรุนแรง) ไหม เราก้อต้องนิยามกันก่อนล่ะว่า Hard landing แปลว่าอะไร เท่าที่ฟังๆ เค้าพูดว่า Hard landing คือ GDP ขยายตัวต่ำกว่า 7% (แหม 7% นี่เป็นบ้านเรานี่ Hard take off เลยนะเนี่ย ^^" ) ถ้า Hard landing แปลว่าอย่างนั้น ส่วนตัวผมเชื่อว่า มีโอกาสน้อยมากที่จีนจะ Hard landing ครับ เนื่องจาก ภาครัฐของจีนเข้มแข็งมาก ประกอบกับจีนมี resources และ tools มากพอที่จะจัดการความเสี่ยงต่างๆ ได้เป็นอย่างดีครับ เช่น ราคาบ้านสูงไปใช่ไหม รัฐบาลจีนสามารถนำเงินที่ตัวเองมีอย่างมหาศาลเพิ่ม supply ในตลาดได้ ตอนนี้เค้าเริ่มทำ public housing ซึ่งจะออกมาช่วยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าทำไปแล้ว ราคาบ้านตกลงอย่างมาก จีนก้อพร้อมที่จะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ออกไป เพื่อให้ราคาบ้านไม่ตกลงมากนัก logic แบบเดียวกันเนี่ยล่ะครับ สามารถ imply ได้ในทุกๆ เรื่องของจีน ตราบใดที่จีนยังมี resource เหลือเฟือ (แรงงานในภาคตะวันตก ที่ดินว่างเปล่า และทรัพยากรธรรมชาติ) และรัฐบาลยังเข้มแข็งสามารถตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด รวดเร็ว Hard landing เกิดยากครับ คห. 22 คุณ Sylphs ไม่แปลกครับ ผมไม่ค่อยได้เขียนกระทู้เท่าไรหรอกครับ กระทู้ที่พูดๆ ถึงนี่ ก้อเขียนเป็นปีแล้วครับ (ฮา) คุณ 23 คุณ *John* ผมไม่ทราบข้อมูลตรงนี้นะครับ เพราะเข้าใจว่า CDS เทรด OTC ส่วนใหญ่ ที่คุณพูดมา นั่นเป็นประเด็นทีเดียวครับ การ default ของคนหนึ่ง จะทำให้คนขาย CDS นั้น อาจจะต้องเจ๊งตามไปด้วย และนั่นเป็นความกังวลหนึ่ง ที่ทำให้เค้าต้องพยายามหาทาง default ที่ไม่ก่อให้เกิด credit event อย่างที่ผมได้เรียนไปข้างต้นครับ ;) ส่วนเรื่อง assumption ของเศรษฐกิจ แน่นอนครับ หลายฝ่ายก้อไม่เชื่อว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นอย่างที่หวังไว้ ก้อรอดูกันต่อไปครับ ;) จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:07:51

ความคิดเห็นที่ 33 อยากทราบว่าวิกฤตกรีซที่เรียกว่า debt crisis นี้ ในอดีตมีตัวอย่างการเกิดวิกฤตที่เป็น debt crisis แบบนี้หรือไม่ ที่เคยเห็นคือ วิกฤตของประเทศเม็กซิโก แต่เข้าใจว่ามีปัญหา currency crisis ตามมาหลังจากเกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด จึงอยากทราบว่า นับว่าการเกิดวกฤตครั้งนี้จะเปนวิกฤตที่เกิดจาก debt crisis เพียงอย่างเดียวและไม่มีตัวอย่างเทียบเคียง แบบนี้จะถูกต้องหรือเปล่า? ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Nana_naru (Nana_naru) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:17:40

ความคิดเห็นที่ 34 ให้กิฟก่อนอ่าน ^^ จากคุณ : kmir เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:55:48

ความคิดเห็นที่ 35 ขอถามคุณ m_ple ต่อว่า ถ้ากรีซเกิด default จริง ๆ จะส่งผลยังไงกับ EU และกระทบกับโลกของเราอย่างไร รวมถึงไทยล่ะครับ จะโดนผลกระทบมากน้อยแค่ไหนครับ จะรุนแรงเหมือนกับวิกฤต subprime ของอเมริกา หรือเปล่าครับ   ขอบคุณมากนะครับ จากคุณ : baggioo เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:58:38

ความคิดเห็นที่ 36 ความรู้ต่ำต้อย ไม่เข้าใจเลยก๊าบบ .. จากคุณ : DarkEnemy เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 00:01:46

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาโหวต และมาบอกคุณ m-ple ว่า   คุณ j abac  น่าจะเป็นรุ่นน้องคุณ m-ple  หลายปี เพราะผมเคยเจอตัวจริงในงานมีตติ้งสินธรครั้งแรกๆ เห็นตัวจริงแล้วงงเลย   ที่แท้ คุณ j abac ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย(ในตอนนั้น) + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 08:07:36

ความคิดเห็นที่ 38 ชอบลูกเป็ดของ คห.36 อิอิ จากคุณ : นางฟ้าของก้อนหิน เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 09:31:55

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาขอบคุณค่ะ จากคุณ : ninja-mojojojo เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 09:57:41

ความคิดเห็นที่ 40 ขอขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ ขอให้มีกระทู้แบ่งปันความรู้แบบนี้อีกเรื่อยๆนะครับผมจะตามอ่าน จากคุณ : Answers_Guy เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 11:04:08

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : โป๊ะโกะน้อย เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 12:46:04

ความคิดเห็นที่ 42 คห. 33 คุณ Nana_naru เท่าที่ผมนึกออก จะพูดแบบนั้นก้อได้ครับ โลกเราเกิด Debt crisis ขึ้นมาหลายครั้งแล้วนะครับ ทั้ง Mexico ที่คุณพูดถึง หรือจะเป็น รัสเซีย และอาร์เจนตินา ในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 ทุกครั้งอัตราแลกเปลี่ยนมักมีบทบาทอย่างสูง กล่าวคือ ประเทศที่ประสบปัญหามักจะผูกค่าเงินไว้กับเงินดอลลาร์ แล้วรัฐบาล finance ด้วยการกู้ข้างนอก พอเศรษฐกิจในประเทศเกิดปัญหา ต่างชาติไม่เชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ เงินทุนเคลื่อนย้ายก้อไหลออกจากประเทศ กดดันให้ทางการต้องลดค่าเงิน เมื่อค่าเงินถูกลด เงินกู้ที่เคยกู้มาจากต่างประเทศก้อดูในรูปเงินสกุลในประเทศก้อจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็น debt crisis อย่างไรก้อตาม อย่างที่คุณว่าไว้ กรีซงวดนี้ มันแปลกกว่าครั้งก่อนๆ เพราะกรีซไม่มีค่าเงินเป็นของตัวเอง แม้เศรษฐกิจตัวเองจะแย่ขนาดไหน แต่ fundamentals ของค่าเงินยูโรมันไม่ได้แย่ตาม เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศ Core อย่างเยอรมันและฝรั่งเศส ยังคงขยายตัวได้ดี จะว่าไป เนี่ยล่ะครับ เป็นจุดสำคัญของการแก้ปัญหาเลย เพราะประเทศที่แย่ๆ ส่วนมากคือประเทศที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันคือ ต้องขายสินค้าในตลาดโลก ในราคาที่ถูกลงให้ได้ การทำให้สินค้าถูกลงมีสองวิธีคือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้าให้ได้ หรือไม่ก้อ ลดค่าเงิน ให้ได้ ซึ่งประเทศที่มีปัญหาส่วนมาก ค่าเงินมันลดลงมาอยู่แล้วครับ เมื่อค่าเงินถูกลง สินค้าประเทศนั้นในสายตาผู้ซื้อต่างชาติก้อถูกตาม ทำให้สินค้าขายดีขึ้น และทำให้เศรษฐกิจประเทศนั้นฟื้นตามมาในท้ายที่สุด แต่สำหรับกรีซ มันไม่มีการลดค่าเงินเข้ามาช่วย ไอ้ครั้นจะลดต้นทุนการผลิต มันไม่สามารถลดกันได้ง่ายๆ ภายในวันสองวัน บางครั้งต้องใช้ระยะเวลาหลายๆ ปี ซึ่งมันไม่ทันการกับการแก้ปัญหาระยะสั้นๆ ในตอนนี้   คห.36 คุณ DarkEnemy ผมเข้าใจนะครับ ต่อให้บอกว่า ไม่เข้าใจตรงไหนก้อถามมาได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจเลย จะให้ถามมันก้อคงถามไม่ถูกเหมือนกัน ^^" ตอนที่ผมเริ่มสนใจเศรษฐกิจใหม่ๆ ก้อแบบนี้ล่ะครับ อยากให้ลองค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ เรียบเรียง logic ดู ว่าที่ผมพูดว่า ถ้าเกิด 1 จะเกิด 2 จะเกิด 3 ตามมา มันถูกไหม เพราะอะไร มันจะช่วยให้เราเข้าใจเศรษฐกิจได้ทีละนิดๆๆ ครับ คห. 37 เฮียเอนโด จริงหรือครับ ผมเพิ่งทราบนะเนี่ย รู้สึกดีครับ เห็นเด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงๆ รู้สึกประเทศชาติมีหวัง ^^~ ล่าสุด S&P's downgrades rating ของกรีซลงมาอีก 3 notches จาก B เป็น CCC (ซึ่งเป็น rating ที่แย่ที่สุดในโลก o_O") ซึ่ง S&P's กล่าวว่า "there is a significantly higher likelihood of one or more defaults" เห็นหลายๆ ท่าน สนใจเรื่องผลกระทบกันมาก กรณีเกิด default เดี๋ยวผมจะมาเล่าเพิ่มเติมละกันนะครับ ถึงกรณี default และผลกระทบต่างๆ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 16:16:44

ความคิดเห็นที่ 43 S&Pปรับลดเครดิตกรีซต่ำที่สุดในโลก http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=514910 "สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ เอสแอนด์พี ประกาศเมื่อวานปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ระยะยาวของกรีซลง 3 ขั้นสู่ระดับ CCC จากเดิมอยู่ที่ระดับ B" จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 16:39:12

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับคุณ m_ple เรียนถามเพิ่มอีกหน่อย ถ้ากรีซเกิด default ขึ้นมา ประเทศอื่นๆในข่ายของ PIIGS จะเป็นยังไงต่อ ญี่ปุ่นกลับมาผลิตอีกครั้งท่ามกลางปัญหาไฟฟ้าไม่พอใช้ แผนในการแก้ปัญหาระยะยาววางไว้ยังไง วิกฤตที่เกิดขึ้น จะกระทบกับราคาของ commodity หรือเปล่าครับ แล้วก็ในทางไหน จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 18:18:04

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณมากค่ะ คุณ m_ple อยากทราบอีกนิดว่า ทำไมเราถึงเรียกว่ากรีซเกิดวิกฤตแล้ว มีนิยามหรือเกณฑ์ในการตั้งว่า เกิดวิกฤต debt crisis หรือไม่ ที่เคยเห็นเค้ามีเกณฑ์การเกิด currency ceisis กัน แต่ไม่เคยอ่านงานวิจัยไหนพบว่ามีเกณฑ์ในการเกิด debt crisis หรือว่าจิงๆแล้วมี แต่อ่านไม่เจอเอง อิอิ ^ ^ รบกวนอีกครั้งค่ะ จากคุณ : อยากรู้ตล๊อดดด (Nana_naru) เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 21:10:13

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณ คุณ m_ple มากครับ จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 22:01:23

ความคิดเห็นที่ 47 มีประโยชน์มากครับกระทู้นี้ เป็นกระทู้ทรงคุณค่าเลยครับ ขอบคุณพี่ m_ple มากครับ กี๊ฟหมด ให้ แทนแล้วกัน... จากคุณ : sampunth เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 08:09:20

ความคิดเห็นที่ 48 _/|\_ ขอบคุณมากครับสำหรับความเอื้อเฟื้อจากคุณ m_ple เรื่องพวกนี้เกินความสามารถที่จะวิเคราะห์เองได้ (ซักเสี้ยวก็ไม่รู้จะได้รึเปล่า) - อย่างที่คุณได้ทำให้กับพี่ๆ น้องๆ สินธรนะครับ จากคุณ : teeranet เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 08:35:53

ความคิดเห็นที่ 49 พออ่านแล้ว อยากเรียนโทเศรษฐศาสตร์เลยค่ะ แต่พอไปดูหลักสูตรการเรียนแล้ว คงไม่เหมือนที่พี่เล่า พี่อ่านหนังสือเล่มไหน หาข้อมูลที่ไหนค่ะ อยากทราบจริงๆ ถ้าลองเปิดสอนเรื่องเศรษฐกิจโลก หลักการ วิธีการการแก้ปัญหา (ที่ในห้องเรียนคงไม่มีสอน)  จะมาเรียนเลย จากคุณ : may na tui (May na Tui) เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 16:05:45

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณครับ ได้เข้าใจปัญหาที่เกิดที่กรีซและผลกระทบของมันมากขึ้นอีกครับ ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น จากคุณ : netaddict เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 11:19:34

ความคิดเห็นที่ 52 ขอโทษทีครับ พอดีงานเข้านิดหน่อย เลยยังไม่มีเวลามาตอบกระทู้เลย เรื่อง default เดี๋ยวจะมาตอบให้ ก่อนกระทู้ตกวันอาทิตย์นะครับ เอาคำถามง่ายๆ ก่อน ^^" คห 44. คุณ เถ้าลอย เรื่องวิกฤตพลังงานนี่ ผมคิดว่า มันจะเป็นความเสี่ยงสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งต่อเศรษฐกิจโลกในระยะปานกลางและระยะยาวครับ ในระยะสั้นๆ ญี่ปุ่นคงเอาตัวรอดไปได้ครับ รัฐบาลพยายามเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งอื่นๆ (เช่น ผลิตจากน้ำมัน) แทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ปิดไป ซึ่งตอนนี้ไฟฟ้าเพียงพอต่อการใช้แล้ว แต่ปัญหาคือในช่วงหน้าร้อนนี้ที่ความต้องการไฟฟ้าจะ peak ที่สุดของปี อย่างไรก้อตาม คาดว่าประชาชนคงช่วยกันประหยัดไฟฟ้า และรัฐบาลคงเร่งหาแหล่งผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมให้เพียงพอ หลังจากนั้น สถานการณ์น่าจะกลับมาเป็นปกติครับ โรงงานต่างๆ ที่ปิดไป น่าจะเปิดกลับมาอีกครั้ง และเร่งผลิตชดเชยในช่วงที่หยุดไป และน่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นและโลกในช่วงปลายปีครับ แต่ในระยะยาว ญี่ปุ่นต้องตอบให้ได้ว่า จะผลักดันยุทธศาสตร์ด้านพลังงานไปทางไหน จะกลับไปหาพลังงานนิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งจริงๆ คำถามนี้ ไม่จำเพาะญี่ปุ่น แต่รวมทั้งรัฐบาลทั่วโลกด้วย ส่วนตัวผมเห็นว่า พลังงานนิวเคลียร์เป็นสิ่ง "จำเป็น" สำหรับประเทศต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน นิวเคลียร์เป็นพลังงานที่ สะอาดที่สุด ปลอดภัยที่สุด และถูกที่สุด ชนิดหนึ่งแล้ว เหตุการณ์ชนิด "tail risk" หรือ "Black Swan" ที่ชาติหนึ่งจะเกิดครั้งหนึ่ง แล้วมาบอกว่า นิวเคลียร์มันไม่ดีนะ ผมว่า มันไม่ค่อยถูกต้องนัก อารมณ์เหมือนเครื่องบินอ่ะล่ะครับ  เป็นการเดินทางที่มี สะอาดที่สุด ปลอดภัยที่สุด และถูกที่สุด (ลองคิดดูแล้วกันครับ ว่าจะขนคน 700 คน จากไทยไปยุโรป ด้วยทางไหนดี ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องบิน ขับรถไป ใช้น้ำมันขนาดไหน มลพิษเท่าไร ไปทางเรือแม้จะถูกกว่า หรืออาจจะสะอาดกว่า แต่ใช้เวลานานกว่าเป็นสิบๆ เท่า ประสิทธิภาพมันสู้ไม่ได้) แต่พอเครื่องบินตกมาครั้งเดียว แล้วบอกว่า ต่อไปเราจะเลิกใช้เครื่องบินนะ ผมว่า มันยังไงยังไงอยู่นา ^^~ หน้าที่ของภาครัฐคือ ล้อมคอก ให้ดีขึ้น คิดถึง tail risk ให้เยอะกว่านี้ แล้วหาทางป้องกัน หรือจัดการในช่วงเวลาวิกฤตให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ไปล้มเลิกมัน เรื่องนี้มี implication ต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะพลังงานสูงมากครับ คุณลองคิดดูว่า ถ้าอีกหน่อย เราไม่มีนิวเคลียร์ นั่นแปลว่า เราคงต้องหาแหล่งพลังงานอื่นๆ มาทดแทนการผลิตกระแสไฟฟ้ามากขึ้น พลังงานที่ reliable ที่สุดในปัจจุบัน คงไม่พ้นพวก แก๊สและน้ำมันครับ ลำพังรถยนต์กินอย่างเดียว ก้อจะแย่แล้ว อีกหน่อย จะมีโรงไฟฟ้ามาแย่งด้วย คุณว่า มันจะขนาดไหนครับ? ไหนๆ แล้วกลับมาเมืองไทยหน่อย ผมจะบอกว่า ปัจจุบัน เราสายเกินไปแล้วนะครับ กับนโยบายความมั่นคงด้านพลังงาน ผมฟันธงเลยว่า อีกสิบปี ประเทศไทยจะเจอวิกฤตพลังงานอย่างรุนแรง ตราบใดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่เกิด การสร้างเขื่อนเริ่มเป็นไปไม่ได้ อีกไม่นานแก๊สก้อจะหมดประเทศ จากนั้นประเทศไทยจะไร้ซึ่งความมั่นคงทางพลังงาน และต้องไปยืมจมูกประเทศเพื่อนบ้านในการหายใจ ถ้าวันไหน ประเทศรอบบ้านเราปีกกล้าขาแข็ง แกล้งตัดไฟไม่ส่งมาให้เราสักชั่วโมง เราก้อตายแล้วครับ โรงงานเดินไม่ได้ คนที่ไหนจะอยากมาลงทุน แล้วเศรษฐกิจบ้านเราจะอยู่ยังไง อย่าไปเอาอย่างเยอรมันครับ ที่บอกว่าจะเลิกใช้นิวเคลียร์ เราไม่ได้รวยอย่างเค้า ประเทศเรายังไม่สามารถรองรับค่าไฟฟ้าหน่วยละหนึ่งร้อยได้ เรื่องแบบนี้ นักการเมืองไทยไม่เก่งครับ ให้ไปตัดสินใจเด็ดขาด และส่งผลเสียต่อชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง เค้าไม่ทำหรอกครับ ประเทศไทยอีกสิบปีข้างหน้าจะเป็นไง เค้าก้อไม่สนหรอกครับ ถึงวันนั้น เค้าจะอยู่บนโลกนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย สู้เตะถ่วงมันไปเรื่อยๆ เผื่อให้อยู่บนอำนาจนานๆ ดีกว่า ว่าจะตอบสั้นๆ ยาวเลยอ่ะ พิมพ์ไป รมเสียไป -*- เดี๋ยวมาต่อครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 14:41:39

ความคิดเห็นที่ 53 ผมอยากเรียนถามคุณ m_ple ครับว่าถ้ากรีญ default จะไม่ส่งผลกระทบถึงตลาดทุนของไทยหรือครับ? อย่างตอน hamberger crisis ไทยเราก็เสียหายไปเยอะ ทั้งที่ตอนนั้นนักวิเคราะห์ทั้งหลายออกมาบอกว่าจะไม่กระทบไทย เนื่องจากนักลงุทนต่างชาติเทขายออกมาอย่างมาก รบกวนขอคำชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : QoO_BoY เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 20:35:52

ความคิดเห็นที่ 54 คห. 45 คุณ Nana_naru เป็นคำถามที่แหวกแนวดีนะครับ ผมชอบ 55+ นั่นล่ะสิครับ ผมก้อไม่เคยเห็นใคร เค้านิยามว่า อะไรถึงเรียกว่า crisis ผมเห็นที่ไหนมีปัญหา เค้าก้อเรียก crisis กันทั้งนั้นล่ะ ส่วนเรื่อง Currency crisis นั่น ผมสารภาพว่า ผมไม่เคยได้ยินนะครับ ว่าเค้ามีเกณฑ์อย่างไรถึงเรียกว่าเป็น crisis ผมเคยเห็น Early Warning System ของ Currency Crisis แต่เค้าก้อมีแค่อินดี้ที่บอกถึงแนวโน้มที่จะเกิด แต่ยังไม่เคยเห็นเลยว่า นิยามของ currency crisis คืออะไร ถ้าอย่างไร จะช่วยบอกกล่าวกันบ้างจะขอบพระคุณอย่างสูงครับ ;) จากคุณ : อยากตอบตล๊อดดดเหมียนกัน ^^ (m_ple) เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 00:28:33

ความคิดเห็นที่ 55 ช่วยแสดงวิสัยทัศน์ในเชิง worse case scenario ด้วยได้มั้ยครับ เรื่องแบบนี้มันอ่านแล้วชวนให้ตื่นเต้นดี จากคุณ : vizion เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 08:54:58

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าดูจากตัวเลขของยอดหนี้ที่จะครบกำหนดแล้วเราอาจจะบอกว่า Greece อาจจะ default ในปีหน้า แต่ตลาดซึ่งคำนึงถึงปัจจัยเรื่องการเมืองและอื่นๆด้วย กำลังพนันว่า จะเกิืดขึ้นเดือนหน้า หรือสัปดาห์หน้าด้วยซ้ำครับ กราฟ Greece CDS , หน้าตาแบบนี้ คือเป็นฟองสบู่ใน CDS แล้ว แห่กันไล่ราคาขึ้นไป น่าจะ Collapse เร็วๆนี้ด้วย 1. Greece Default จริง หรือ 2. มีทางออกอื่น จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 12:01:20

ความคิดเห็นที่ 57 ถึงคุณ m_ple        นิยาม currency crisis เคยมีคนให้คำนิยามไว้ คือ Kurgman(1979) ตามความเข้าใจนะคะ เค้าให้ความหมายของช่วงเวลาเกิดวิกฤตว่าเป็นช่วงเวลาที่สิ้นสุดระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เนื่องมาจากทางการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปในการปกป้องค่าเงินจนหมด ^ ^ มาแบบมั่วๆเพราะข้อมูลไม่แน่น เท่าคุณm_ple ค่ะ จริงๆมีอะไรอยากถามหลายอย่างเลยค่ะ แต่หลังบ้านไม่เป็น ^ ^ ไว้คิดคำถามออกจะมาถามใหม่ค่ะ จากคุณ : อยากถามตล๊อดดด (Nana_naru) เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 13:17:24

ความคิดเห็นที่ 58 "It is clear as a bell to those who pay attention. The mother of all evil is speculation. Leverage debt. The bottom line is, it is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it is a bankrupt business model. It will not work. It is septicemic, malignant and its global. Like cancer, it is a disease. And we got to fight back. How we going to do that?" Wall Street 2 Money never sleep จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 16:46:11

ความคิดเห็นที่ 59 ใช้เวลาหลายวันหยุด จึง อ่านครบทุกกระทู้ รวมกระทู้ลูกครับ อ่านแล้ว ได้ความรู้มากเลยครับ ขอโหวต บวก กีฟ3 ครับ จากคุณ : เด่นดวง เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 14:03:39

ความคิดเห็นที่ 60 แหล่มเลย จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 16:31:38

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าแก้ปัญหาแบบนี้ได้ไหมครับ 1. ถ้ารัฐบาลกรีซขอชำระหนี้เงินกู้เก่าทั้งหมดที่ fix rate สมมุติ 10% ของเงินต้น แต่ขอยืดเวลาเป็นอีก 10ปี (เพื่อลดความไม่แน่นอนในการชำระหนี้) 2. ส่วนเงินกู้ใหม่ก็ขอยืมจากประเทศสมาชิกที่(ไม่)เต็มใจ และจำเป็นต้องช่วยไม่งั้นจะโดนหางเลข เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และ fix ดอกเบี้ยไว้ที่ต่ำๆ (เพื่อมีเงินมาพยุงรายจ่ายภาครัฐ) 3. ลดรายจ่ายภาครัฐ และขอเพิ่มภาษีภาคธุรกิจเอกชนเป็นกรณี่พิเศษ เป็นเวลา ไม่เกิน 5 ปี และห้ามปลดคนงานออก (profit ลดแน่นอน) และสัญญาว่าถ้าพ้นวิกฤษในอนาคตจะให้สิทธิพิเศษด้านต่างๆ (เพื่อเพิ่มรายได้ภาครัฐ) 4. สำหรับคนว่างงาน ก็ขอให้ลดค่าแรงลงถ้าต้องการทำงานในประเทศ และจำนวนหนึ่งส่งคนออกไปทำงานต่างประเทศที่ขาดแคลนแรงงาน คุณ m_ple เห็นว่าอน่างไรครับ จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 17:36:17

ความคิดเห็นที่ 62 โทษทีครับ อยู่ๆ งานเข้าซะงั้น ^^" มาต่อกันเลยครับ คห. 57 คุณ Nana_naru โอ้ว ขอบคุณมากครับ เห็น คห. อันนี้ของคุณแล้วขำ ทำให้นึกถึงคนรู้จักผมคนหนึ่ง เป็นรุ่นพี่ผมสี่ห้าปีได้ พี่เค้าเป็นคนเก่งมากๆ สุดๆ เลยอ่ะ วิชาการมากๆ ด้วย เวลาพี่เก่งๆ เค้าคุยกับเพื่อนๆ เค้า (ที่เก่งๆ เหมือนกัน) เค้าจะคุยกันแบบนี้เลยครับ แบบ "ใช่ๆ อย่างที่ Borio 2005 ว่าไว้ครับ คือ... " อะไรเงี่ย คือแบบ refer ชื่อเปเปอร์ (ในการพูดคุย) จนเป็นธรรมดาไปเลย แบบนั้นก้อว่าสุดแล้วนะ มีอยู่วัน เค้าพรีเส้นเรื่องอะไรสักอย่าง ผมนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย พี่เค้าพูด refer ถึงเปเปอร์อีกล่ะ ผมจำไม่ได้ล่ะว่า มันเริ่มต้นอย่างไง แต่มีคนถามถึงเรื่องโมเดลอะไรสักอย่าง พี่แกตอบทำนองว่า "อ๋อ อันนั้นเหมือนกับที่ Bernanke 2000 a บอกครับ คือ..." คนในห้องนี่ ขำกันมาก คือแบบ Bernanke 2000 ก้อไม่รู้เรื่องแล้วนะ นี่มี a ด้วยอ่ะ ใจคอพี่แกจำเปเปอร์ได้หมดเลยมั้งเนี่ย พอๆ กับพี่อีกคน (ตัวละครเริ่มแยะ 55+) เค้าเคยให้ผมไปหาเปเปอร์มาเกี่ยวโมเดลของ ศก. สักอย่าง ผมก้อหามาสี่ห้าอัน แล้วปริ้นมาคุยกะพี่เค้า เค้าอ่านหน้าแรกที่มีแค่ ชื่อเปเปอร์กับชื่อคน (ไม่มี abstract ด้วยนะ) แล้วบอกผมว่า "เอ่อ อันนี้พี่ดูจากคนเขียนแล้ว พี่ว่าไม่น่าเกี่ยวนะ" คือแบบ พี่แกเห็นแค่คนเขียนก้อรู้แล้ว ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร โอ้วววว เทพจริงๆ นอกเรื่องไปยาวเลย ขอบคุณนะครับที่เล่าเรื่อง crisis ให้ฟัง ;) คห. 61 คุณ sweetoil ข้อหนึ่งและข้อสองนั่นคือ default ในรูปแบบหนึ่งครับ และผมเข้าใจว่าอาจจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เค้าคุยกันอยู่ (แต่เหมือนหลายฝ่ายไม่ยอมครับ คือ แหมคุณ สมมติว่าตอนนี้ดอกเบี้ยฝากประจำหนึ่งปีอยู่ที่ 3% แต่ผมบังคับให้คุณเอามาฝากผม (ซึ่งเป็นใครก้อไม่รู้) และผมจ่ายดอกแค่ร้อยละ 0.25 คุณคงไม่ยอมหรอกจริงไหมครับ ;) ส่วนข้อสามและสี่นั่น เป็นสิ่งที่เค้าพยายามทำอยู่แล้วครับ แต่มันยากมาก และเกิดการประท้วงทั่วบ้านทั่วเมือง นึกสภาพว่า อยู่ๆ บริษัทที่คุณทำงานอยู่จะมาลดค่าแรงคุณ หรือถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทอยู่ๆ รัฐจะมาเก็บภาษีเพิ่ม คุณก้อคงไม่ยอมเหมือนกันใช่ม้า อย่างที่เรียนไว้ข้างต้น ปัญหาของกรีซมันยากสุดๆ ในเรื่อง การนำมาตรการที่อยู่ในกระดาษออกไปใช้ครับ  ;) จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 22:22:33

ความคิดเห็นที่ 63 โอเค สุดท้าย ว่ากันเรื่องแนวทางการ default และผลกระทบสั้นๆ ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าจะมี default น่าจะอยู่ภายในกรอบกว้างๆ สามทางนี้คือ 1. (Hard-form) Debt restructuring คือ กรีซจะขอลดหนี้บางส่วน และขอยืดอายุหนี้ที่ต้องชำระออกไปอีก ทางเลือกนี้ จะมีผลกระทบในวงกว้างที่สุด และรุนแรงที่สุด แต่ก้อจะได้ผลที่สุด กล่าวคือ ทั้งจำนวนหนี้คงค้าง (outstanding debt) และดอกเบี้ยจ่าย (interest payment) จะลดลง อีกทั้งหนี้บางก้อนที่จะต้องจ่ายเร็วๆ นี้ ก้อจะถูกยืดออกไปด้วย 2. (Soft-form) Debt restructuring (หรือบางคนเรียกว่า reprofiling) กรีซอาจจะไม่ขอลดหนี้ แต่จะขอยืดอายุหนี้ออกไป โดยจ่ายดอกเบี้ยในอัตราเดิม (extend the maturity with the same coupon rate) วิธีนี้ จะช่วยให้กรีซไม่ต้องจ่ายหนี้ในเร็วๆ นี้ แต่จำนวนหนี้คงค้างและดอกเบี้ยจ่ายจะเท่าเดิม ผลกระทบจะแคบลงมาหน่อย แต่ก้อยังมีผลอยู่ดี 3. Voluntary roll-over กรีซจะขอความสมัครใจให้เจ้าหนี้ที่จะครบกำหนด ขอให้ยืดอายุออกไป แต่กรีซยินดีจ่ายหนี้ก้อนใหม่ด้วยอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน แม้กรีซจะไม่ต้องจ่ายต้นเร็วๆนี้ แต่วิธีนี้จะยิ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก้อดี ในสามทางนี้ ทางสุดท้าย ผลกระทบจะน้อยที่สุด เนื่องจาก(ไม่รู้ว่าถูกชัวไหมแต่ผมเข้าใจเอาเองนะว่า) วิธีที่ 3 นี้ จะไม่ก่อให้เกิด credit event (ขณะที่วิธีที่ 1 และ 2 จะก่อให้เกิด credit event) เมื่อพิจารณาถึงบรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด ผมคิดว่า วิธีที่ 3 มีความเป็นไปได้มากที่สุด ขณะที่ วิธีที่ 2 อาจจะเป็นไปได้เมื่อวิธีที่ 3 ได้ลองใช้แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงค่อยมาหาวิธีที่ 2 ส่วนวิธีที่ 1 ผมยังมองว่าโอกาสที่ทาง Troika จะใช้วิธีนี้น้อยมากๆ เนื่องจากผลกระทบจะลามไปสู่ประเทศอื่นๆ เยอะ อีกทั้งแม้รัฐจะไม่ต้องจ่ายหนี้ แต่คนที่ถือหนี้ส่วนใหญ่คือธนาคาร ถ้ารัฐเบี้ยวหนี้ ธนาคารคงเจ๊ง ถ้าธนาคารเจ๊ง รัฐก้อต้องเข้าไปอุ้มอยู่ดี (เพราะถ้าปล่อยให้ล้ม ประชาชนที่ฝากเงินทั่วไป คงตายกันหมดประเทศ) เดี๋ยวจะเสียน้อย เสียยาก อีกทั้งการปล่อยให้เกิด default อาจจะส่งผลให้เกิด moral hazard ได้ แบบลองมีตัวอย่างแล้ว เดี๋ยวคนอื่นๆ ทำตาม และประเทศที่เกิดปัญหาอาจจะไม่ยอมทำ fiscal consolidation อย่างเต็มกำลัง ทีนี้ กลับมาผลกระทบ ผลกระทบทางตรง แน่นอนว่า จะเกิดกับคนที่ถือพันธบัตรกรีซทั้งหมด ผลกระทบจะเกิดขึ้นแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่ากรีซจะเลือกทางไหน ทาง 1 ก้อเยอะหน่อย ทาง 3 ก้อน้อยหน่อย อย่างไรก้อดี ไม่ว่าทางไหน ผมคาดว่าจะน่าก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินค่อนข้างมาก ค่าเงินยูโร น่าจะอ่อนค่าลง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะสูงขึ้น และยิ่งถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวในครึ่งปีหลังด้วยนะ จะยิ่งกดดันค่าเงินยูโรไปอีก นักลงทุนทั่วโลกน่าจะเข้าโหมด risk-off เงินทุนน่าจะไหลออกจากตลาดหุ้น ไม่เฉพาะหุ้นยูโรปเท่านั้น แต่น่าจะเป็นตลาดหุ้นทั่วโลก และหันไปถือสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่า อาทิ เงินดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างไรก้อตาม ผมไม่คิดว่า ผลกระทบจะมากเท่ากับตอน subprime เนื่องจากขนาดของปัญหาค่อนข้างต่างกันพอสมควร เปรียบเปรยกรณีของกรีซคงเหมือนแค่รัฐเล็กๆ รัฐหนึ่งของสหรัฐฯ มีปัญหาเท่านั้น ขณะที่รัฐใหญ่ๆ เศรษฐกิจยังดีอยู่ แต่การแก้ปัญหามันยากกว่านั้นเยอะ เนื่องจากยุโรปไม่มีรัฐบาลกลางที่จะสามารถเก็บเงินรัฐใหญ่ๆ เพื่อส่งมาช่วยเหลือรัฐเล็กๆ ได้ เอาไว้มีความคืบหน้าอะไรที่แน่นอนว่านี้ ผมจะมาอัพเดทเรื่องผลกระทบให้ฟังอีกทีนะครับ จากคุณ : m_ple เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 00:03:40

ความคิดเห็นที่ 64 อยากถามถึง วิกฤตหนี้กรีซต่อมุมมองที่เป็นบวก หรือลบ ต่อ commodity ครับ ขอบคุณล่วงหน้า จากคุณ : hEREmarK เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:43:49