ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นอย่างที่บอก เป็นผมให้แค่ 7 วันก็พอแล้ว ถ้าธนาคารฯไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการอายัดมาแสดงก็แจ้งความยักยอกทรัพย์กับธนาคารครับ จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 23:30:55

ความคิดเห็นที่ 2 ใครที่ไหนจะมาอายัดกับแบงก์กันง่ายๆ โดยเจ้าของบัญชีไม่ทราบเรื่องเลยได้หรอครับ ต้องศาลสั่งสถานเดียวรึเปล่าถึงจะอายัดได้ รบกวนขอความรู้จากผู้มีประสบการณ์ด้วย เพราะกลัวว่า วันดีคืนดีจะโดนกรณีนี้เข้าบ้าง จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 23:41:31

ความคิดเห็นที่ 3 วิธีแก้มีอยู่ทางเดียวครับ คือฟ้องคดีต่อศาลให้มีคำสั่งเพิกถอนการอายัดบัญชี เนื่องจากเราไม่ได้เป็นหนี้ใครและธนาคารก็ไม่ชี้แจงให้ทราบว่าใครเป็นผู้อายัด หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติมคุยกันหลังไมค์ได้ครับยินดีช่วยเหลือครับ จากคุณ : ไอบีแบ็ค (ไอบีแบ็ค) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 23:41:40

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบคุณตี๋แก้มยุ้ย  การอายัดเงินในบัญชีมีได้ 2 กรณีครับ 1 ศาลมีคำสั่งอายัด เนื่องจากคู่ความในคดีร้องขอให้อายัด 2 กรมบังคับคดีเป็นผู้อายัด เนื่องจากเจ้าของบัญชีคนใดคนหนึ่งในกรณีนี้เป็นหนี้บุคคลอื่นและมาอายัดเงินในบัญชี ซึ่งในกรณีนี้แม่ของญาติเจ้าของกระทู้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นหนี้ใคร ดังนั้นสันนิษฐานได้ครับว่าเจ้าของบัญชีอีกคนหนึ่งน่าจะเป็นหนี้บุคคลอื่นและศาลพิพากษาให้แพ้คดีและมาอายัดเงินในบัญชี ซึ่งในกรณีนี้ถูกอายัดเงินจำนวน 220,000 บาท เกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งของเงินในบัญชีเลยครับ ซึ่งน่าจะถามเจ้าของบัญชีอีกคนหนึ่งด้วยนะครับว่าเป็นหนี้ใครและถูกฟ้องคดีรึป่าวครับ จากคุณ : ไอบีแบ็ค (ไอบีแบ็ค) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 23:45:50

ความคิดเห็นที่ 5 ถึง พี่ไอบีแบ็ค  คห. 4 ครับ เรียนขอความรู้  เพิ่มครับ ก่อนจะถึงขั้นอายัด ต้องมีเอกสารจากกรมบังคับคดี  หรือหมายศาล  มาถึงเจ้าของบัญชีร่วมก่อนไหมครับ เหมือนเป็นการพูดคุยกันก่อน หรือเขาสามารถอายัดได้เลย เพราะกลัวเจ้าของบัญชีจะโยกย้ายเงิน จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 23:57:23

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าเพิ่งโมโหไปครับ อ่านดูดีๆแล้ว จขกท.  บอกว่าเป็นบัญชี  มารดา  และ/หรือ  เพื่อนมารดา เป็นบัญชีที่มีชื่อสองคน  น่าจะลองตรวจสอบข้อมูลของเพื่อนมารดาดูว่าไปทำอะไรไว้หรือเปล่านะครับ แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 00:10:35 จากคุณ : AF No.8 เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 00:07:25

ความคิดเห็นที่ 7 ปกติ การสั่งอายัดต้องเป็นลายลักษณ์อักษร และก็มีหลายหน่่วยงานที่มีอำนาจ ตามกฎหมายที่จะสั่งอายัดบัญชีได้ เช่น ปปง. ปปส. เป็นต้น แต่ผมมองว่า กรณีนี้ไม่น่าจะเป็นการอายัดจากทางราชการ เพราะปกติเขาจะสั่ง อายัดทั้งบัญชี และก็มักจะให้ธนาคารส่งเงินในบัญชีไปให้ด้วย ไม่เหลือไว้หรอก แต่กรณีนี้มันต่างออกไป เพราะอายัดเิงินเพียงบางส่วน และเป็นเลขกลมด้วย ประกอบกับบัญชีเปิดมาเกิน 10 ปีแล้ว (ปี 2538) ผมสันนิษฐานว่า การอายัดนี้น่าจะเกิดเกิน 10 ปีด้วยเช่นกัน ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์อาจไม่มี จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ทันที และเอกสารที่เกี่ยวข้องก็อาจถูกทำลายไปแล้วด้วยเช่นกัน (กฎหมายให้ธนาคารเก็บเอกสารไว้ 10 ปี) ธนาคารถึงยังไม่ตอบเจ้าของบัญชีไม่ได้เสียที ว่าอายัดด้วยสาเหตุใด ผมเห็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการอายัดโดยธนาคารเอง ตามคำสั่งของ "เจ้าของบัญชี" แต่เพื่อวัตถุประสงค์ใด อันนี้ไม่ทราบ เพราะมันมีหลายอย่าง หลักๆ ก็เช่น ค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ผมแนะนำว่า ลองตรวจสอบ STATEMENT ย้อนหลังดูเท่าที่ธนาคารจะออกให้ได้ ตรวจดูว่า ตั้งแต่เปิดบัญชีเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีช่วงเวลาไหนบ้างที่ ยอดคงเหลือในบัญชี น้อยกว่า 220,000 บาท หลังจากนั้น จึงจะพอบอกได้ว่า การอายัดเกิดขึ้นประมาณปีใด   อย่างไรก็ตามถ้าธนาคารไม่สามารถหาหลักฐานคำสั่งอายัดบัญชี หรือ หลักฐาน อื่นใดที่แสดงภาระผูกพันของเงินจำนวนนี้ในบัญชีเงินฝาก ธนาคารต้องยกเลิกอายัด และเจ้าของบัญชีก็สามารถเบิกถอนเงินในบัญชีได้ สงสัยนิดนึง บัญชีนี้เป็นบัญชีร่วม แล้วทำไมเจ้าของบัญชีร่วม เพียงคนเดียว ถึงต้องการถอนออกหมด แล้วเจ้าของบัญชีอีกคนเขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 00:57:28

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนอื่นขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้คำแนะนำนะครับ ตื่นมาเช้านี้ ผมอ่านทุกความเห็นแล้ว ก็โทรศัพท์ไปคุยกับมารดาน้องสาวเองเลย ได้ข้อมูลเพิ่มเติมตามที่หลายท่านสงสัยดังนี้ครับ 1.ผมโทรศัพท์สอบถามจากมารดาของน้องสาวแล้ว ได้ข้อมูลว่า ท่านเคยถูกฟ้องคดี เคยเป็นหนี้บุคคลอื่น แต่ก็เคลียร์หนี้สินหมดแล้วครับ ส่วนเพื่อนของมารดาน้องสาว ผมก็โทรศัพท์คุยด้วยตัวเองเช่นกัน ได้รับคำยืนยันว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยฟ้องใครที่ศาล และไม่เคยถูกฟ้องศาล ไม่เคยถูกอายัดเงิน และไม่เคยเป็นหนี้ใครเลยครับ 2.เจ้าของบัญชีทั้งสองท่าน เป็นเพื่อนกันครับ ทำธุรกิจมาด้วยกัน เหตุที่มารดาน้องสาวไปขอถอนเงินเพียงคนเดียว ก็เพื่อความสะดวกเท่านั้น เพราะบัญชีนี้ คนเดียวสามารถถอนเงินได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทั้งสองคน นอกจากจะไปปิดบัญชีเท่านั้น ที่ต้องไปครบสองคน กรณีนี้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ 1.ผมคิดว่า ไม่ว่าผู้ที่สั่งอายัดเงินในบัญชีจำนวน 220,000 บาท จะเป็นศาล หน่วยงานราชการอื่นใด หรือแม้กระทั่งตัวเจ้าของบัญชีเองเป็นผู้สั่งอายัดเงินในบัญชีนี้  ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของธนาคารฯ ที่จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่ว่าจะตรวจสอบจากเอกสาร ตรวจสอบจาก statement หรือตรวจสอบด้วยวิธีใดๆ ( statement มีอยู่ที่ธนาคารฯครับ เอกสารต่างๆก็มีอยู่ที่ธนาคารฯครับ ที่เจ้าของบัญชีไม่มีครับ ) ดังนั้น จึงไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าของบัญชีที่จะต้องไปหาวิธีตรวจสอบข้อมูลอายัด แต่เป็นหน้าที่ของธนาคารฯที่ต้องทำการตรวจสอบ และแจ้งให้เจ้าของบัญชีทราบเหตุผลที่อายัด (ถ้าหากเจ้าของบัญชีเสียชีวิตไปทั้งคู่ จะทำอย่างไร) 2.ถ้าหากธนาคารฯจะอ้างว่า บัญชีเปิดมานานเกิน 10 ปีแล้ว ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ไม่มี จึงไม่อาจตรวจสอบได้ทันที และธนาคารอาจทำลายเอกสารไปแล้ว (กฎหมายให้ธนาคารเก็บเอกสารไว้ 10 ปี)  ก็เป็นเรื่องของธนาคารฯครับ ไม่เกี่ยวกับเจ้าของบัญชี ถ้าธนาคารฯทำลายเอกสารไปแล้ว หาหลักฐานไม่เจอ จะโทษใครครับ ก็ต้องโทษธนาคารฯเอง ใช่มั้ยครับ ส่วนกรณีที่ไม่อาจตรวจสอบได้ทันที เจ้าของบัญชีเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ เค้าก็เข้าใจระบบของธนาคารฯดี เค้าก็ให้เวลาธนาคารฯตรวจสอบนี่ครับ ไม่ใช่ว่า ขอถอนปุ๊ปแล้วจะเอาเงินในทันที ให้เวลาธนาคารฯตรวจสอบตั้งนาน แต่ธนาคารฯโดยผู้จัดการและสมุห์บัญชีต่างหากที่มีปัญหา ใช้เวลาตรวจสอบเกือบสองเดือนแล้ว ยังไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้ขออายัดบัญชี อายัดด้วยเรื่องอะไร อายัดแต่เมื่อใด พอเจ้าของบัญชีเห็นว่านานมากแล้ว เข้าไปสอบถาม กลับแสดงอาการโมโห ฉุนเฉียว ใช้คำพูดไม่ดีกับลูกค้า ที่มันมีปัญหาก็คือ เมื่อเจ้าของบัญชีไปขอทราบกรอบเวลาในการตรวจสอบว่านานเพียงใด ผู้จัดการและสมุห์บัญชีบอกกับเจ้าของบัญชีสรุปได้ว่า . ธนาคารฯมีอำนาจตรวจสอบไปได้เรื่อยๆ ไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนในการตรวจสอบ จะใช้เวลาตรวจสอบนานเท่าใดก็เป็นเรื่องของธนาคารฯ ไม่เกี่ยวกับเจ้าของบัญชี เจ้าของบัญชีมีหน้าที่รอฟังว่าธนาคารฯจะแจ้งผลการตรวจสอบไปเมื่อใด ถ้าหากธนาคารฯตรวจเจอข้อมูลการอายัดเมื่อไหร่ ธนาคารฯก็จะแจ้งให้เจ้าของบัญชีทราบ ถ้าหากธนาคารฯยังไม่ติดต่อไป แสดงว่า ธนาคารฯยังหาข้อมูลการอายัดไม่เจอ ให้เจ้าของบัญชีรอไปเรื่อยๆ ถ้าหากเพื่อนสมาชิก เป็นเจ้าของบัญชี แล้วได้รับคำตอบจาก ผู้จัดการและสมุห์บัญชีของ บมจ.ธนาคารนครหลวงไทย สาขาวัดพระยาไกร แบบนี้  เพื่อนสมาชิกจะรู้สึกอย่างไรครับ ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่าน เข้ามาวิจารณ์ และเข้ามาแนะนำ ผมยังรอคำแนะนำจากเพื่อนสมาชิกอยู่นะครับ ขอบพระคุณมากมากครับ จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 08:41:04

ความคิดเห็นที่ 9 ...ถ้าธนาคารไม่มีหลักฐานแจ้งอายัด ปรึกษาทนายฟ้องคดีน่าจะดีกว่า เอกสารสำคัญอย่างนี้ไม่ควรถูกทำลายหรือสูญหายง่ายๆ... จากคุณ : Sleepless In August เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 09:11:39

ความคิดเห็นที่ 10 อยู่ดีๆมาอายัด แถมไม่สามารถหาหลักฐานในการอายัดแจ้งต่อเจ้าของบัญชี ได้  แบบนี้แจ้งความได้เลยครับ ข้อหายักยอกทรัพย์ คงโดนกันยกแผงแน่ๆ เพราะถ้าแบบนี้สมมุติผมเป็นผู้จัดการธนาคาร แล้วเช็คบัญชีเงินฝากลูกค้าที่มีเงินเยอะแต่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวบ่อย แล้วบันทึกว่าอายัดไว้แล้วเอาเงินส่วนนั้นไปใช้ฟรีๆก็ได้นี่ การกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานนี่โดนเต็มๆครับ เรื่องเงินๆทองๆไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว  อีกอย่างการอายัดเงินในบัญชีเงินฝากนั้นกระทำได้ยากมากครับ ขนาดว่าเป็นหนี้อยู่กับธนาคารหนึ่ง แต่มีเงินฝากอยู่อีกธนาคารหนึ่งเป็นล้าน ธนาคารแรกก็ไม่สามารถมาอายัดได้ครับ  ต้องมีคำสั่งจากศาล หรือกรมบังคับคดีแจ้งมายังธนาคารที่ลูกหนี้มีเงินอยู่  และเมื่ออายัดแล้ว ทางธนาคารจะต้องมีหนังสือแจ้งมายังเจ้าของบัญชีว่า ได้รับคำสั่งศาล หรือกรมบังคับคดีให้อายัด หรือนำเงินเหล่านั้นไปชดใช้หนี้ให้กับผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ กรณีนี้เห็นได้ชัดว่า ทางธนาคารมีส่วนรับผิดชอบเต็มๆครับ แค่คำกล่าวอ้างลอยๆว่าบัญชีถูกอายัด โดยที่ไม่สามารถแสดงหลักฐานใดๆแก่เจ้าของทรัพย์สินได้ ธนาคารจะต้องคืนเงินจำนวนนั้นให้แก่เจ้าของบัญชี  จะอ้างว่าถูกอายัดนานแล้วเลยหาหลักฐานไม่เจอ แบบนี้ไม่ได้ เป็นการปัดสวะให้พ้นตัวครับ ขนาดคนทำผิดกฎหมายเขายังมีระยะเวลาเลยว่าคดีนี้มีอายุความกี่ปีๆ 5 ปี 10 ปี 20ปี  ก็ว่ากันไป เมื่อครบกำหนดเขาก็พ้นผิดในคดีความนั้นๆ และธนาคารอ้างว่าอายัดนานแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานแสดง แบบนี้ธนาคารไม่มีสิทธิ์ใดๆเลยที่จะอายัดครับ  แจ้งความดำเนินคดีได้เลยครับ อย่าไปกลัว ผมว่าผุ้จัดการหรือสมุห์บัญชีน่าจะรู้เห็นเรื่องนี้เป็นอย่างดี  มีอย่างที่ไหนอายัดเงินเขาแต่ไม่มีหลักฐานแสดง บ้าไปแล้ว จากคุณ : กวีบนยอดหญ้า (sainttakumi) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 10:53:32

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าเพิ่งแจ้งความครับ บอกเค้าดีๆ ก่อนว่า ขอแจ้งความนะ จะได้ให้ศาลตัดสินออกมาเลย ถ้าบอกแล้ว คาดว่าน่าจะไม่ต้องแจ้งความ จากคุณ : Mi Lady & Mi Lord เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 11:13:34

ความคิดเห็นที่ 12 ร่วมโหวต เพื่อเป็นข้อมูลแก่คนทำมาหากิน แล้วต้องเกี่ยวข้องกับธนาคาร  ไว้ศึกษา รู้เท่าทัน คืบหน้าอย่างไร ลงข้อมูลเพิ่มเติมนะครับเพื่อเป็นกรณีศึกษา ******************* ถ้าเงินในบัญชีของคุณแม่ เก็บไว้นาน แล้วไม่เคยทำธุรกรรมเบิกถอนเลย ก็อาจคาดเดาได้อีกกรณีว่า อาจมีการยักยอกภายใน หรือไม่ ใจร้อน...อยากทราบความคืบหน้าโดยเร็วจัง แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 12:45:31 จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 12:42:35

ความคิดเห็นที่ 13 คุณพี่ครับกรณีแบบนี้ถ้าคุณพี่ไม่มีทนาย ผมแนะนำว่าให้นำหลักฐานทั้งหมดไป ที่สภาทนายความฯ ถนนราชดำเนิน แถวแยกคอกวัวนะครับ มันจะอยู่แทบเดียว กับที่ซื้อขายล๊อตเตอรี่ ให้เขาช่วยว่าเราต้องดำเนินการต่ออะไรบ้าง อาจจะต้อง ไปยื่นเรื่องร้องทุกข์กับใคร หน่วยงานใด แต่ผมว่าน่าจะเป็น ธปท. มากกว่านะ อย่าไปรอเลยไม่มีกำหนดว่าจะบอกเราเมื่อไหร่ ไม่ต้องรอไปตลอดชีวิตหรอก หรือ และถ้าเป็นไปได้ฟ้องศาลฯ ไปเลยดีกว่าไหมว่าธนาคารจงใจยักยอกทรัพย์ คดีนี้ได้ทั้งแพ่ง และอาญาเลยล่ะ คือสมุห์ฯ อาจจะติดคุกได้ครับ และเมื่อคดีได้ เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลฯ ไม่ต้องยอมความอะไรทั้งนั้น ให้คดีมันสิ้นสุดตรง ที่ศาลฯ เลย ถ้าเขาจะถอนอายัด และให้เราถอนคดีไม่ต้องครับ อย่างน้อยควรมี ค่าเสียเวลาให้เราบ้างมากกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ สาขาวัดพระยาไกร บ้านเกิดผม เองครับ เพราะผมเคยอยู่ในซอยเจริญกรุง 95 ปัจจุบันตึกรื้อทุบทิ้งไปแล้ว 55+ ปล. สู้คดีไปเลยครับ ถ้าธนาคารหาข้ออ้างอายัดไม่ได้เราเป็นต่อครับ เพราะว่า ถ้าคดีอยู่ในศาลแล้ว โอกาสชนะมีสูง จากคุณ : amphun (Amphun) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 15:52:31

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะเป็นว่าทั้งผจก และสมุหฺ์ ไม่รู้เรื่องการปฎิบัติงาน ถึงกล้าพูดแบบ กวน ว่าธนาคารใช้เวลาตรวจกี่ปีก็ได้ การร้องเรียนที่ง่ายที่สุดก็คือการร้องไปยัง กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารนั้น ทางจดหมายลงทะเบียนตอบรับครับ จากคุณ : Eroica เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 18:14:02

ความคิดเห็นที่ 15 ตีหน้านิ่งๆไว้ บอกว่าถ้าหาเอกสารจำพวกหมายศาลหรือหนังสือบังคับคดี มายืนยันไม่ได้ก็จะแจ้งความผู้จัดการกับสมุห์ เป็นจำเลยที่1และที่2ว่ายักยอกทรัพย์    และโม้ไปว่าลูกเป็นนักข่าวจะเอาเรื่องไปออกสื่อ             เจอดอกนี้น่าจะได้เร็วแล้วนะ จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 19:19:12

ความคิดเห็นที่ 16 คุณเจ้่าของกระทู้ครับ การแก้ไขปัญหา ควรเป็นสิ่งที่ต้องทำร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ หากปล่อย ให้เป็นภาระฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ความล่าช้าก็จะเกิด แบบที่เจ้่าของบัญชีประสบมา การชี้นิ้วโทษอีกฝ่าย เป็นเรื่องง่ายครับ แต่มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย ผมยังมองว่า เจ้าของบัญชี ควรแจ้งให้สาขาจัดเตรียม Statement ออกมา ให้เจ้าของบัญชีตรวจสอบ และพิจารณาความน่าจะเป็นของเรื่องนี้ ว่าเกิด จากสาเหตุใด เผื่อจะหาข้อยุติได้เร็วขึ้น อีกประเด็นหนึ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตว่า ตามที่แจ้งว่าเจ้าของบัญชี 2 คน ได้ร่วมกันทำธุรกิจส่วนตัว จึงได้เปิดบัญชีเงินฝากประจำกับธนาคาร โดยปกติแล้วการทำธุรกิจ บัญชีเงินฝากที่ใช้มักจะเป็นบัญชีหมุนเวียนครับ อย่าง บัญชีกระแสรายวัน หรือ บัญชีออมทรัพย์ หากจะเปิดบัญชีเงินฝากประจำ ก็อาจเพื่อเป็นการค้ำประักันมากกว่า ลองสอบถามเจ้าของบัญชีทั้ง 2 คนครับว่า หากทำธุรกิจซึ่งต้องใช้เงินทุนหมุนเวียน เหตุใด จึงเปิดบัญชีเงินฝากประจำ บางที ถ้านึกเหตุผลออก อาจจะหาคำตอบ ได้เร็วขึ้นว่า บัญชีเงินฝากนี้ติดอายัดเพราะอะไร จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 22:48:24

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบคุณตี๋แก้มยุ้ยความเห็น 5 ครับ การถูกอายัดเกิดจาการถูกฟ้องคดีแพ่งแล้วไม่ชำระหนี้ตามคำบังคับของศาล ซึ่งจะส่งไปยังภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านของจำเลยครับ โดยการอายัดจะมีการส่งหนังสือไปยังธนาคารที่อายัด และส่งหนังสือไปแจ้งให้ลูกหนี้ทราบเพื่อมาคัดค้านการอายัดครับ ตอบคุณเจ้าของกระทู้ กรณีของคุณเกิดในกรุงเทพมหานคร ผมแนะนำให้เดินทางไปกรมบังคับคดี ซอยบางขุนนนท์ครับ เพื่อตรวจสอบชื่อมารดาน้องสาวและเพื่อนมารดดาน้องสาวครับ ว่าถูกใครอายัดเงินในบัญชีหรือไม่ครับ จากคุณ : ไอบีแบ็ค (ไอบีแบ็ค) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 23:34:13

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่มเติมนะครับ กรณีนี้เป็นคดีแพ่งนะครับต้องฟ้องธนาคารนครหลวงไทย ไม่ใช่ตัวผู้จัดการหรือสมุบัญชีนะครับ และไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้ครับ แต่ฟ้องเรียกให้เพิกถอนการอายัด และเรียกค่าเสียหายในความผิดฐานละเมิดได้ครับ หากท่านใดมีปัญหาในข้อกฏหมายต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็ถามที่หลังไมค์ได้นะครับยินดีให้คำตอบและช่วยเหลือครับ แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 23:39:22 จากคุณ : ไอบีแบ็ค (ไอบีแบ็ค) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 23:37:46

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคห.อื่น ๆ ต้องโทรไปบอกว่าถ้าทางธนาคารไม่สามารถระบุสาเหตุให้ได้  และไม่ยกเลิกการอายัติ  ทางจขกท.จะแจ้งความดำเนินคดี  ถ้าได้ยินอันนี้น่าจะดีขึ้น  ถ้าไม่ดีขึ้นก็แจ้งความไปจริง ๆ เลย  จะได้รู้กันซะทีว่าเป็นเพราะอะไร จากคุณ : ArpatAnthakan เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 02:12:29

ความคิดเห็นที่ 20 ผมข้องใจจริงๆ ระบบพวกนี้ คนเขียนโปรแกรมมันไม่มีช่องให้ใส่ข้อมูลหมายเหตุอะไรไว้หน่อยเหรอ เอกสารบางทีมันตามยากก็พอเข้าใจ  ก็น่าจะใส่ข้อมูลเอาไว้ว่าถูกอายัดโดยใคร เพราะอะไร อย่างน้อยก็ใช้ชี้แจงให้ลูกค้าทราบได้ ไม่ใช่ถามทีก็ให้ลูกค้ารอ แล้วต้องไปหาเอกสาร แถมหาไม่เจอก็ไม่รับผิดชอบซะอีก เรื่องแบบนี้ทำปัญญาอ่อนกันแบบไม่มีเงื่อนไขเลย (จริงๆ แล้วมันควรจะทำจดหมายแจ้งลูกค้าให้ทราบอย่างเป็นทางการซะด้วยซ้ำ เพราะนี่เงินตูนะ ไม่ใช่เงินธนาคาร ไม่ใช่อยากอมก็จะอมกันเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องบอกให้ทราบ) แบบนี้แค่ถอนเงินได้ไม่พอหรอก ต้องฟ้องให้มีมันค่าปรับ หรือลงโทษกันด้วย จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 11:23:38

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อมูลต้องมีแน่นอน แต่เพราะเหตุใดไม่ให้ดูไม่ยอมบอก นั่นแหละปัญหา ดังนั้นควรไปหาหลักฐานในการร้องขอทราบเหตุผลการปฏิเสธจ่ายเงินจากธนาคารให้ได้มีหลักฐานในมือแล้วค่อยไปขอความช่วยเหลือที่สภาทนายความค่ะ จากคุณ : Nong-Ngek เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 14:18:22

ความคิดเห็นที่ 22 วันนี้ เวลาประมาณ 13.30 น. ผมได้โทรไปที่ ธปท. เบอร์ 02-2835900 ตามคำแนะนำของเพื่อนสมาชิกแล้ว มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายรับสาย ขอทราบข้อมูลจากผม แล้วบอกว่า จะเอาข้อมูลทั้งหมดไปทำการตรวจสอบให้ แล้วจะแจ้งให้ผมทราบเป็นระยะทางโทรศัพท์ครับ ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 14:21:19

ความคิดเห็นที่ 23 โหวดครับ   ควรแจ้งด้วยธนาคารอะไรสาขาไหน คนอื่นจะได้ระมัดระวัง  การทำธุรกรรม และเพื่อธนาคารจะได้ออกมาชี้แจง จากคุณ : ชื่อนี้ไม่เหมาะสม เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 15:16:10

ความคิดเห็นที่ 24 คห.23 ครับ ผมระบุชื่อธนาคารไว้ชัดเจน ในกระทู้ บรรทัดที่ 8 แล้วครับ .....บมจ.ธนาคารนครหลวงไทย สาขาวัดพระยาไกร...... จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 15:35:31

ความคิดเห็นที่ 25 อืม เท่าที่จำได้และเคยฟังกติกาตรงนี้มา คนที่จะสั่งได้ ต้องเป็นศาล หรือ กรมบังคับคดี หรือไม่ก็สรรพากร เท่านั้นรึเปล่าคะ กรณีสรรพากร จำได้ว่า ไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งศาล สรรพากรสามารถสั่งธนาคารได้เลย หรือไรซักอย่างเนี่ยล่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็น คำสั่งศาล หรือคำสั่งจากสรรพากร จะต้องมีเอกสารยืนยันให้เจ้าของบัญชีดูนี่คะ คือ ประมาณว่า เจ้าของบัญชี มีสิทธิที่จะถามหาที่มาของคำสั่งอายัดนั้นๆได้ ลองนึกดูก่อนว่า เจ้าของบัญชีมีภาษีค้างจ่ายอะไรตอนไหนหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ น่าจะมาจากคำสั่งศาลที่เดียวนะ เราเข้าใจงั้นนะ แต่ถ้าธนาคารไม่มีหลักฐานคำสั่งมายืนยัน เจ้าของบัญชีน่าจะฟ้องร้องเอาผิดได้นา (รอผู้รู้จริงท่านถัดไปค่ะ 555) จากคุณ : 007-s เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 20:13:25

ความคิดเห็นที่ 26 เิงินที่ฝาก เป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารครับ ไม่เข้ายักยอก แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 54 21:55:37 จากคุณ : xevi เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 21:55:17

ความคิดเห็นที่ 27 ติดตาม...สู้ๆ จากคุณ : peanuch เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 22:21:50

ความคิดเห็นที่ 28 น่ากลัวจังสงสัยต้องเก็บเป็นทองคำดีกว่าแล้ว เอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : เหมง เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 22:44:06

ความคิดเห็นที่ 29 #26  เงินเราที่ฝาก เป็น กรรมสิทธิ์ของธนาคารเหรอ  งั้นเราก็ถอนเงินของเราไม่ได้ซิครับธนาคารจะทำอะไรกับเงินของเราก็ได้ ผมหลงโง่อยู่  หลายสิบ  ปินึกว่าเงินเราเป็นกรรมสิทธิ์  ของเรา จากคุณ : ชื่อนี้ไม่เหมาะสม เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 09:27:19

ความคิดเห็นที่ 30 ขำ คห.29 555 เอาใจช่วย จขกท.ให้ทุกอย่างกระจ่างโดยเร็ว ผลสรุปเป็นยังไงอย่าลืมมาเล่าให้ฟัง เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ จากคุณ : ริชแมน เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 10:10:38

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับที่สมาชิกหลายท่านแนะนำค่ะ   อยากจะแนะนำเพิ่มเติม ให้ถามกับเจ้าของบัญชีร่วมอีกท่านให้เคลียร์ก่อนนะคะ ลองนึกดูดีๆว่ามีคดีไหนรึปล่าว เคยใช้บัญชีนี้ค้ำประกันอะไรหรือไม่ เพราะเป็นบัญชีธุรกิจ แต่ทำเป็นบัญชีฝากประจำ   ตรงนี้มันผิดสังเกตนะคะ สมัยก่อนที่เคยเห็น จะเป็นบัญชีประเภทออมทรัพย์ไว้ใช้จ่ายปกติ  บัญชีเดินสะพัด อะไรพวกนี้ ถ้าเป็นบัญชีฝากประจำมักจะเอาไว้ค้ำประกัน หรือขอโอดี ซะส่วนมากนะคะ แต่ฟังแล้วก็หงุดหงิดที่ทางแบงค์บอกว่า หาไปเรื่อยๆไม่มีข้อกำหนด -_- ลองรัน statement ช่วยแบงค์เชคก่อนอย่างที่คุณ knight แนะนำค่ะ ถ้าเกิดว่าต้องการเงินจริงๆ เพราะการแจ้งความ การดำเนินคดี ใช้เวลานานมากค่ะ สามารถดึงเวลาไปได้ยาวมากๆ ลำพังรอคิวขึ้นศาลก็หลายเดือนแล้วค่ะ เป็นวิธีการแก้ปัญหาอีกทางที้ได้ผลแน่นอน แต่ไม่ใช่ทางที่จะทำให้ได้เงินเร็วนะคะ และยังต้องเสียค่าทนายล่วงหน้าอีกด้วย และถ้าแจ้งความแล้วผลตรวจสอบเป็นฝ่ายที่เราไปติดค้ำประกัน หรือโดนอายัติจริง ก็เหมือนเราเสียสองต่อค่ะ ดังนั้น เชคให้มั่นใจก่อนดำเนินการก็ยังไม่สาย จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 13:12:24

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นกรรมสิทธิ์ธนาคารจริงๆเหรอครับ? จากคุณ : Onlyoneshot เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 13:37:52

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าลองติดต่อไปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารก่อนไหมครับแล้วแจ้งเรื่องไป เพราะดูเหมือนว่าทางสาขาจะไม่มีอำนาจหรือไม่อยากทำหรือไม่รู้เรื่องมากกว่าเลยให้คำตอบแบบเชิงปฏิเสธและไม่มีเงื่อนเวลามารับรอง จากคุณ : nonsaint เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 14:17:56

ความคิดเห็นที่ 34 เงินฝากเป็นกรรมสิทธิของธนาคารค่ะ กฎหมายกำหนดว่าผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องคืนเงินอันเดียวกับที่ฝาก ผู้รับฝากจึงมีสิทธิเอาเงินนั้นออกใช้ได้ผู้รับฝากถูกผูกมัดแต่เพียงต้องคืนให้ครบถ้วนเท่านั้น ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในเงินดังกล่าวตกเป็นของธนาคาร ตาม http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=legal&date=05-02-2008&group=18&gblog=11 จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 14:23:23

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วผู้ฝากมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ รึเปล่าครับ ? เรามีข้อผูกมัดกับธนาคารในสถานะไหนครับ ? ขอความรู้เป็นวิทยาทาน จากคุณ : Onlyoneshot เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 16:21:11

ความคิดเห็นที่ 36 #29 ฝากทรัพย์ อย่างอื่น  กรรมสิทธิ์ไม่โอน  แต่ฝากเงิน กรรมสิทธิ์โอนครับ เรามีสิทธิเรียกร้องเงินคืน เปิด ปพพ เรื่องฝากทรัพย์ดูครับ จากคุณ : xevi เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 16:49:16

ความคิดเห็นที่ 37 ขอความกรุณาทุกคนที่กำลังคุยกันเรื่องอื่นไปเปิดกระทู้ใหม่ดีไหมครับ ถ้ายังคุยไมจบ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 16:57:46

ความคิดเห็นที่ 38 จขกท. อย่าลืมบอกความคืบหน้าด้วยนะครับ... จะได้เป็นกรณีตัวอย่าง...... จากคุณ : pong_b15 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 17:19:07

ความคิดเห็นที่ 39 #35 ผู้ฝากเป็นเจ้าหนี้ค่ะ ตามงบบัญชีของธนาคาร เงินฝากจะถูกบันทึกลงฝั่งหนี้สิน จากคุณ : คุณหนูวุ่นวาย เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 17:38:36

ความคิดเห็นที่ 40 วันนี้ รอโทรศัพท์จาก ธปท. แต่ยังไม่มีมา  เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่คงกำลังตรวจสอบอยู่ พรุ่งนี้ ผมจะโทรศัพท์ไปที่ ธปท. เพื่อสอบถามความคืบหน้าของการตรวจสอบครับ จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 18:51:45

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านถึงนี่ จากคุณ : โสดเสมอเมื่อเจอผู้ชาย เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 11:49:54

ความคิดเห็นที่ 42 วันนี้ตอนสายๆ โทรไป ธปท. สอบถามความคืบหน้าของเรื่องนี้ จนท.บอกว่าส่งเรื่องไปให้ ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ ตรวจสอบ ให้รอผลการตรวจสอบระยะหนึ่ง แล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป สรุปว่า ก็คงต้องรอไปก่อน จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 15:04:49

ความคิดเห็นที่ 43 สรรพากร มีสิทธิ์ แค่ดูยอดเงิน / กระแส / บาลานซ์ เท่านั้นครับ เพ่อสอบฐานรายได้ ในกรณีที่มีการสอบยันครับ จากคุณ : วิถีคนกล้าควบม้าสีหมอกออกทะเล เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 06:50:35

ความคิดเห็นที่ 44 ลองทำเรื่องกู้นอกระบบ (แต่กู้กับญาติตัวเองที่ไว้ใจได้) เท่ากับจำนวนเงินที่ถูกอายัด คิดดอกเบี้ยสูง ๆ ทำเป็นหลักฐานการกู้ยืมไว้เลย เมื่อธนาคารถอนอายัดแล้ว ให้นำหลักฐานการกู้นั้นส่งให้ธนาคารดู บอกว่าเพราะความผิดพลาดในการทำงานของธนาคารทำให้เราเสียหาย เพราะต้องกู้นอกระบบมาใช้ ดังนั้นความเสียหายตรงนี้ขอให้ธนาคารรับผิดชอบด้วย ลองดูธนาคารจะว่าไง จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 08:41:24

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นความเห็น 31 ก็คิดขึ้นมาได้ว่า จขกท.อาจไม่ทราบข้อมูลจริงทั้งหมด ต้องจข.บช. ในปีนั้นที่เปิดบช.เงินฝากประจำนี้ หรือ หลังจากนั้นมา ได้มีการให้ธ.ทำอายัติไว้ส่วนนึง เพื่อค้ำประกันอะไร/ใคร หรือเปล่า อาจเป็นเรื่องในครอบครัวของจขบช. ที่ไม่สามารถเปิดเผยจขกท.ได้หรือเปล่า บางทีเรื่องมันนานมากแล้ว ไม่ได้เอาหนังสือจากหน่วยราชการมายกเลิกการอายัติบช.กับธนาคาร นานจนลืมไปแล้ว ก็เป็นได้นะคะ มีบางครั้งเราก็ลืมเรื่องเก่าๆ ไปแล้ว พอมีคนบอก เราก็อ๋อ เรื่องนั้นนั่นเอง ลืมไปจริงๆ ถ้าจข.บช.จำไม่ได้ คงต้องให้ธ.เป็นฝ่ายหาข้อมูลเก่ามายืนยันน่ะค่ะว่าอายัติไว้ด้วยเรื่องอะไร จากคุณ : NongNuDaddy เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:53:35

ความคิดเห็นที่ 46 วันนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. มีเจ้าหน้าที่ ธปท. โทรมาหาผม ถามผมว่า ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ โทรหาผมหรือยัง ผมก็บอกว่า ไม่มีใครโทรหาผมเลย  ผมเลยสอบถามว่า ธปท.ดำเนินการอะไรไปบ้าง เจ้าหน้าีที่ ธปท.บอกผมว่า ได้ส่งเรื่องให้ ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ ไปทำการตรวจสอบแล้ว และให้แจ้งผลการตรวจสอบให้ผมทราบโดยตรงเลย เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้อดทนรออีกนิดนึง .... ผมก็คงต้องทนรอไปก่อนครับ จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 19:24:00

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเคยโดนครั้งนึงคับ แบงค์กรุงศรี แต่เจ้าหน้าที่แบงค์ตรวจสอบได้ทันที เป็นคำสั่งจากสรรพากร ยอดที่ผมโดนคือ 6หมื่นกว่า แต่ยอดเงินในบัญชีมี 6 แสนกว่า ไม่สามารถถอนได้เลยแม้แต่บาท เดียว ผมว่าเคสนี้ ถ้าแบงค์หาเจอก็แล้วไปแต่ถ้าหาไม่เจอนะฟ้องเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ตามกฏหมายไปเลย ตามความเห็นที่ 44 ดอกเบี้ยเดือนละ 2000 กว่าบาท เลยนะคับ จากคุณ : Cattyz3838 เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 16:49:04

ความคิดเห็นที่ 48 ระบบฐานข้อมูลใน Computer แย่อย่างนี้ ผมคงไม่ใช้บริการแน่นอนครับ ธนาคารไทยชั้นนำ เขาตอบได้ทันทีเลยครับ จากคุณ : A31 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 07:53:56

ความคิดเห็นที่ 49 ยืนยันอีกครั้ง ตามคห. 47 ค่ะ เพราะมีพี่คนนึงเคยโดนสรรพากรอายัดมาแล้ว โดยไม่ต้องมีหมายศาล หรือคำสั่งศาลใดใดแจ้งมาที่เจ้าของบัญชีเงินฝากนั้นๆก่อนล่วงหน้าเลย สรรพากรเขาจะยิงคำสั่งตรงไปยังธนาคารได้เลย แต่ตอนนั้น พี่เขาก็สอบถามจากทางแบงค์ แบงค์ก็มีเอกสารจากสรรพากรยื่นให้เขาดูนะคะ ต้องไปเคลียร์กับสรรพากรค่ะ ไม่ว่าเงินที่อยู่ในบช.จะมากหรือน้อยกว่า ยอดค้างจ่ายสรรพากร ก็จะถูกอายัดทั้งบัญชีเลย ค้างเติ่ง ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เงินยังเข้าได้อยู่(เช่น ถ้าเงินเดือนเข้าบัญชีนี้ก็จะยังเดินเข้าได้ปกติ) แต่ไม่สามารถถอนออกได้แม้แต่บาทเดียว จนกว่าจะไปเคลียร์สรรพากรให้รู้เรื่อง แล้วสรรพากรจึงจะถอนอายัดนั้นออกไป ดังนั้น จากเคสนี้ พูดได้คำเดียวว่า...อย่าทะเลาะกับสรรพากรค่ะ เพราะเรื่องจะยากและยาวมาก (ถ้าคิดว่าเราถูก สรรพากรผิด เราก็ต้องไปฟ้องศาล...เข้าใจว่าน่าจะศาลปกครองหรือไงเนี่ยค่ะ) ฉนั้น จากที่เข้าใจก็คือ ...ถ้ามั่นใจว่า ไม่ใช่ฝีมือสรรพากรแน่ๆ ก็น่าจะต้องเป็นคดีอะไรที่ มาจากคำสั่งศาลเท่านั้น...น่าจะงั้นนะคะ เช่น ถ้าติดหนี้แบงค์ แบงค์ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องไปฟ้องศาลให้คดีสิ้นสุด และศาลสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อน จึงดำเนินการอะไรต่อไปได้ แต่สรรพากร คือ ไม่ต้องเลย จัดหนัก ทันที ......5555 ดังนั้น ตามความเข้าใจ เราคิดว่า ลองทบทวนให้มากๆ ว่าเข้าข่ายมีค้างเก่าอะไรกับสรรพากรหรือไม่ (แต่จริงๆ ถ้าเป็นสรรพากร เจ้าของเงินสามารถเรียกขอเหตุผลแห่งการอายัดนั้นๆ จากธนาคารได้ ทางแบงค์ต้องตอบได้ว่า เป็นคำสั่งของสรรพากรค่ะ) ถ้ามั่นใจว่า ไม่มีคดีใดใด ทั้งจากศาลหรือจากสรรพากร ก็ไม่น่าจะมีใครมาสั่งอายัดได้ นอกจากตัวเจ้าของบช.เอง (หรือผู้รับสืบทอดทรัพย์สิน กรณีตายหรือทุพลภาพ...ซึ่งข้อนี้ ก็ต้องรอศาลสั่งก่อนอยู่ดีค่ะ) คิดว่าน่าจะประมาณนี้นะ (รอผู้รู้จริงท่านถัดไปค่ะ อิอิ) จากคุณ : 007-s เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 15:37:52

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นผมก้หลับไม่ลงแล้ว เงินถูกใครอายัต ไม่รู้ จากคุณ : shokokung เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 16:10:57

ความคิดเห็นที่ 51 วันนี้โทรไปตามเรื่องที่ ธปท. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ได้ส่งเรื่องไปที่ ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่แล้ว โดยให้ ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน แล้วให้รายงานผลภายใน 15 วัน จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 21:53:34