ความคิดเห็นที่ 1 แนะนำกระทู้นี้ครับ แจ่มแน่ๆ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10664209/I10664209.html คิดแบบง่ายๆ ไม่ต้องเอาเกือบ 20 % อย่างที่กองทุนทำ คิดแค่ 12% ต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 1 % ลงทุน 1 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท ช่วงไม่กี่เดือนแรกผลตอบแทนอาจจะน้อย แต่ยิ่งลงทุนนานผลตอบแทนจะยิ่งเยอะ เพราะในแต่ละไตรมาสกองทุนอสังหาฯ แต่ละกองจะปันผล เมื่อ"กองทุนหน่วยลงทุน" ได้รับปันผลมา ก็จะเอากลับไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาฯกองทุนนั้น ทำให้ไตรมาสต่อไปได้ปันผลเยอะกว่าเดิมอีก  หรือที่เรียกว่า การทบต้น แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 03:51:36 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 03:33:03 จากคุณ : mrdew เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 03:32:04

ความคิดเห็นที่ 2 สมมุติ ใส่เงินไป 1 ล้านบาท โดยหลังจากนั้นไม่ต้องใส่เงินเพิ่ม อีกประมาณ 20 ปี เงินกลายเป็น 10 ล้านบาท ลองเอาอันนี้ไปเล่นดูครับ http://www.mfcfund.com/mfc/incfile/BeforeInvestment_Millionaire.php แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 03:52:59 จากคุณ : mrdew เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 03:40:48

ความคิดเห็นที่ 3 เห็น เจ้าของกระทู้ อยากรับเงินปันผล แต่กองทุนที่ผมแนะนำให้ศึกษา เค้ามีนโยบายไม่จ่ายปันผล เรื่องนี้ก็ไม่ยากครับ ก็ทะยอยขายหน่วยลงทุนออกมาสำหรับใช้จ่ายก็ได้ครับ อย่าลืมว่า - รับเงินปันผล ต้องเสียโดนหักภาษี 10 % - แต่กำไรจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน(Capital gain) ไม่โดนหักภาษี แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 03:48:38 จากคุณ : mrdew เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 03:47:52

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ายังไม่อยากเสียงมากในการเล่นหุ้น ลองขยับมาซื้อกองทุนบางกองที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นก็ได้ครับ เช่น กองที่มีนโยบายแบบ Active หรือกองดัชนี หรือกองที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มใดกลุ่มนึง ราคาอาจจะขึ้นลงหวือหวามากกว่ากองที่คุณถืออยู่ปัจจุบัน ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น(หรือขาดทุนมากขึ้น) ไม่ต้องโยกเงินลงทุนทั้งหมดมานะครับ ลองแบ่งๆมาหน่อยพอให้เราได้ศึกษาติดตามดูก่อนก็ได้ เหมือนเป็นการปรับพอร์ทการลงทุนในไปตัว จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 08:42:44

ความคิดเห็นที่ 5 "... ถ้าซื้อพวกกองทุนไปประมาณ 7 หลัก รับเเต่ปันผลอย่างเดียว มันก็พออยู่ได้ เเต่มันจะได้ไม่มาก เเต่ไม่เสี่ยง อย่างนี้ดีกว่า ..." จขกท. เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ ลงทุนในหุ้น ไม่ว่าจะเล่นเอง หรือ ผ่านกองทุน ผมว่าความเสี่ยงเท่ากันนะครับ แต่ด้วยเงินที่มากขึ้น ความสามารถในการกระจายความเสี่ยงเลยมากขึ้น ทำให้ค่าเฉลี่ยออกมา ดูเหมือนมีความเสี่ยงน้อยกว่า เน้นว่า "ดูเหมือน" นะครับ ถ้าเข้าสู่สภาวะขาลง ไปหมด แหล่ะครับ การลงทุนเป็นวัฎจักร ครับ หุ้นเป็นส่วนหนึ่ง หุ้นกู้ ตราสารหนี้ ทอง หรือแม้แต่ เงินฝาก หรือ ที่ดิน ก็ควรจะอยู่ในมุมมองด้วย (ลงทุนหรือไม่ลงทุนเป็นอีกเรื่องนะครับ) จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 08:55:55

ความคิดเห็นที่ 6 ลองเอาเงิน 7 หลัก .. ไปซื้อพวกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์  หรือ ไม่ก็ กองทุนรวมหุ้นปันผล HI-DIV แล้วคุณจะรู้ว่า .. การอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ต้องทำงานอะไรเลย .. แต่มีเงินปันผลมาให้กิน ให้ใช้ ทุก ๆ ไตรมาส .. มันช่างสุขสบายเสียยิ่งกะไร จากคุณ : ห ล่ อ ทุ ก อ ณู รู ขุ ม ข น เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:00:31

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็อยากมี "อิสระภาพทางการเงิน" เหมือน คคห. 6 ครับ อิอิ จากคุณ : mrdew เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 14:58:27

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ mrdew ขอบคุณค่ะ คุณ ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ คือในความรู้สึกของเราล้วนๆเลย เราไม่สันทัดเรื่องหุ้นไงค่ะ เลยดูว่าให้คนอื่นเล่นให้ เเบบกองทุน มันน่าจะเสี่ยงกว่าเล่นเอง อะคะ คุณ ห ล่ อ ทุ ก อ ณู รู ขุ ม ข น (แหม อยากเห็นหน้าจริงๆเเหะ 555) ตอนนี้ก็อยู่บ้านเฉยๆค่ะ เลี้ยงลูก ไม่ได้ทำงาน เพราะไม่มีสามีมาช่วยเลี้ยง  อยากมีอิสระทางการเงินเหมือนกัน เพราะเงิน 7 หลักก้อนนี้ เก็บมาตั้งเเต่ตอนเรียน เอาไว้เป็นทุนการศึกษาลูกชายน่ะค่ะ ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยเงินค่าเช่าคอนโด เดือนละ 50K ก็พออยู่ได้ เเต่มันจะไม่พอเอา จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 20:39:33

ความคิดเห็นที่ 9 ขนาดเดือนละ 50,000 บาท ยังบอกแค่พออยู่ได้ สมมุติว่า ไม่นำรายได้ค่าเช่ามาคิด แบบนี้ถ้าลงทุนตามที่ผมบอก แล้วอยากมีอิสระภาพทางการเงิน ต้องใช้เงิน 5 ล้านบาท ขึ้นไปแล้วล่ะมั้งนะ เหอๆๆ จากคุณ : mrdew เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 21:28:18

ความคิดเห็นที่ 10 คืออีก 4 ปี พ่อเราจะเกษียนเเล้วน่ะค่ะ เเม่ก็เป็นเเม่บ้านมาตลอด น้องชายก็จะไปเมืองนอกเเล้ว ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนบ้านยังไม่หมดเลย เเล้วค่าเทอมเดี๋ยวนี้ก็เเพงซะ 50K เราก็มองว่ามันไม่ค่อยพอเท่าไหร่ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 22:00:49