ความคิดเห็นที่ 1 . แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 12:48:37 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:26:08

ความคิดเห็นที่ 2 ต่างกันอย่างไรครับ... จากคุณ : kkkai525 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:33:51

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่า.. ผมเลิกหาหนทาง เทคนิคอื่น หรือ ศึกษาหาความรู้ด้านกราฟชั้นสูงเพิ่มดีกว่า ยิ่งศึกษา ยิ่งไม่เข้าใจ สู้เอาเวลาไปพัฒนาเทคนิคของตัวเองที่มีอยู่ทุกวันนี้ ให้ทำกำไรได้อย่างที่ต้องการตามงบประมาณอันมีจำกัด เพื่อหาทางหนีที่ไล่ ที่ดีกว่าเก่าดีกว่า เพราะผมคิดว่า ผมยิ่งศึกษาเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ผมยิ่งสับสนมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันเหมือนต้องเริ่มต้นใหม่ตลอดเวลา หรือผมอาจเป็นเพราะว่า ผมมันอ่อนหัด แถมไม่เอาไหนก็เป็นได้ ขอบคุณนะครับ ที่ตั้งกระทู้ให้ผมได้คิด ปล. ผมว่า ปัญหาของผม อยู่ที่ "ความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่" มากกว่า อิอิ.. จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:36:08

ความคิดเห็นที่ 4 #1 ขอบคุณครับจารย์ปลา  ไม่ได้คิดมากครับ แต่มันชอบคิดโน่นนี่นั่นไปเรื่อย แหะๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:40:52

ความคิดเห็นที่ 5 #3 นิยาม "กราฟชั้นสูง" ของคุณ mspaint นี่หน้าตาเป็นยังไงหรอครับ ? แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 12:46:28 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:42:33

ความคิดเห็นที่ 6 ลบ ลบ ลบ ลบ ลบ ลบ ลบ ลบ ลบ เหลือแต่ความว่างเปล่า เหมือนไม่มีอะไรในนี้ มีแต่ 2, 3   อีกสักพัก # ก็จะหายไปแล้วก็อิอิ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:48:09

ความคิดเห็นที่ 7 อีกนิดก็เป็น Head and Shoulder แล้วครับ -0- จากคุณ : Chikaras เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 12:59:54

ความคิดเห็นที่ 8 ก็พวกใช้ Indicator หลายตัว ต้องมานั่งเรียนรู้ว่าตัวนั้น ตัวนี้ คืออะไร ใช้ยังไง เมื่อไหร่ ทำอะไร เอามาทำ Backtest อีก ว่ามันชัวร์หรือไม่ อะไรประมาณนี้แหละครับ เพราะทุกวันนี้ ผมอยากจะศึกษาเพิ่ม อยากรู้นั่น รู้นี่เพิ่มอีก อยากจะให้ตัวเองเก่งขึ้น เก่งขึ้น เรื่อย ๆ น่ะครับ แก่นแท้จริง ๆ ของการอยากศึกษาเพิ่ม ก็คือ "เพื่อให้ได้วิธีการที่ดีกว่า วิธีการเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน" น่ะครับ ผมจึงบอกว่า "ผมไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่" จริง ๆ วิธีการเทคนิคทุกอย่างที่ผมมี ผมคิดว่า มันดีแล้ว แต่ขาดเงินทุน แต่บางครั้ง ก็เจอความผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ เพราะมันไม่เป็นอย่างใจ ตัวอย่างเช่น " สมมุติว่า week หน้า ผมมองว่า มันจะกลับตัว หากมันไม่กลับตัวเหมือนอย่างที่ผมมองไว้ ผมก็จะมานั่งหา นั่งศึกษา วิธีการใหม่ ๆ แทนวิธีการเดิม เพื่อเอาวิธีการใหม่มาหักล้างวิธีการเดิมน่ะครับ (โดยคิดเสมอว่าวิธีการเดิมที่ผมมีมันห่วย) แทนที่ผมควรจะกลับไปนั่งคิด นั่งศึกษาวิธีการเดิมว่าอะไร ทำให้เราคิดหรือทำอย่างนั้นลงไปแล้วผิดพลาดน่ะครับ" ประมาณนี้ พอเข้าใจมั้ยครับ (ยาวไปหน่อยต้องขออภัย อิอิ...) ยกตัวอย่าง บางกระทู้ที่ผมเอา Macd เข้าไปคุย หรือว่า เข้าไปถามเกี่ยวกับเรื่อง indicator หรือแล้วทางการเทรดแบบ daytrade อะไรอย่างนั้น อย่างนี้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 13:06:56 จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:00:11

ความคิดเห็นที่ 9 MACD ? นี่ไง MACD ที่เขาว่า เขาบอกให้ซื้อเมื่อ MACD ตัดขึ้น หรือ งอขึ้น จากยอดดอย 1100 ที่ลงมา มีเข้าเกณท์ 3 ชุด แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 13:04:51 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:03:36

ความคิดเห็นที่ 10 MACD ? นี่ไง MACD ที่เขาว่า เขาบอกให้ซื้อเมื่อ MACD เกิดตัว B และขายเมื่อเกิดตัว S แต่โดยส่วนตัวผมไม่ได้ใช้มันแล้วนะครับ แหะๆ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 13:11:17 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:10:11

ความคิดเห็นที่ 11 ตัวอย่าง กราฟชั้นสูง (ตามที่ผมเข้าใจ) พร้อม indicator หลาย ๆ ตัว (ที่คนอื่น) เค้าใช้ แล้วผมสนใจอยากจะศึกษาเพิ่มครับ ปล. อาจจะไม่ครบ แต่เห็นหลาย ๆ ท่านที่ใช้กราฟเอารูปมาลงให้ดู (แล้วผมเกิดอารมณ์อิจฉาครับ อิอิ....) จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:16:06

ความคิดเห็นที่ 12 พี่ kkkai525 วันนี้หยุด หรือว่างไหมครับ อยากให้เปิดกระทู้สอนวิธีการเล่น Daytrade ให้ได้กำไรจังเลยครับ แบบว่า เข้าจุดซื้อยังไง ขายเมื่อไหร่ เลือกหุ้นยังไง ประมาณนี้น่ะครับ ( เอาอีกแล้ว อยากศึกษาเพิ่มอีกแล้ว 555) จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:19:42

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนตัวใช้ log ค่ะ เพราะการซื้อ-ขายมีต้นทุน และเราคิดกำไร-ขาดทุน เป็น% ไม่ใช่กำไรกี่บาท >,,< จากคุณ : PrinceAlwaysLate เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:20:05

ความคิดเห็นที่ 14 มีคนโหวต log scale ด้วย ใครกันหนอ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:20:27

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 13 เข้าใจด้วยเหรอ log & liner อะไรนั่นน่ะ ผมยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจเลย เก่งจริง ๆ 555 จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:22:20

ความคิดเห็นที่ 16 เจ้าของผลโหวตมาแล้ว สวัสดีครับ คุณPrinceAlwaysLate ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ช่วยอธิบายขยายความให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ปล.แล้วปกติดูกราฟด้วย log scale ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:22:26

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ยังไม่พอครับพี่ mspaint ต้องมี MA อีกสัก 5,10,25,75,200 นับได้ 5 เส้น จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:22:41

ความคิดเห็นที่ 18 นั่นแหละครับจานฯ หาใส่ไม่เป็นครับ 555 หากใส่เป็นจะใส่ให้เต็มจอเลยครับ ฮา... จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:24:10

ความคิดเห็นที่ 19 #18  ถ้าใช้ efin smart ใส่ง่ายครับ อย่าว่าแต่ 5 เส้น 5 วันเลย 10 เส้น 10 วันก็ยังทำได้  แต่จะเหนื่อยตรงเลือกสีเส้นหน่อยนะ อิอิอิ parabolic bolinger band macd rsi fast/slow stoch adx +/- volume ema sma obv เอาอะไรอีกล่ะ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:27:53

ความคิดเห็นที่ 20 นี่ถ้าผมแกะเคล็ดเผ่นพันลี้จบ ผมจะเริ่ม MA, BB, Parlbolic, OBV, MACD, SSTO, Vol, RSI เอาให้ครบๆ เลย พี่ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:32:06

ความคิดเห็นที่ 21 #20 ผมไม่เชื่อหรอก  อย่ามาหลอกผมเลยจารย์ปลา อิอิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:34:18

ความคิดเห็นที่ 22 รอให้ผมเรียนจบก่อนดิ หรือพี่คนรวยฯ จะสอนผม เผื่อจะได้ขึ้นทางด่วน ไม่เสียเวลามาก อิอิ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:35:21

ความคิดเห็นที่ 23 #22 ผมจะเอาอะไรไปสอนค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:37:36

ความคิดเห็นที่ 24 #3 คิดเหมือนกันเลยครับ เมื่อก่อนใน indy นู้นนี้เยอะแยะไปหมดสุดท้าย ไม่รู้จะเชื่ออันไหนดี ตอนนี้กำลังแ่ท่งเทียนเพียวๆๆ อยู่แล้วก็ดูเทรนเป็นหลักว่าเทรนหลักคืออะไรแล้วก็เทรดตามนั้นไม่สวนเทรน back to the basic จากคุณ : เม่าอนุบาล เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:37:55

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีครับ จานปลาครับ ตำราสมัยใหม่เค้ายอมรับว่าสัญญาณต่างๆเป็นแค่ความน่าจะเป็น แล้วก็พร่ำสอนว่าสิ่งสำคัญคือ money management ปัญหาอยู่ที่ว่า money management จะใช้ได้ดีบางทีต้องมีเงินเยอะๆ แล้วก็บางทีไม่ได้ทำให้เราได้ผลตอบแทนสุดยอด  แต่ทำให้เราได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสม่ำเสมอในระยะยาว ไม่ทำให้คนที่อยากได้เงินเร็วอย่างผมพอใจได้ จานปลาใช้ money management หรือเปล่าครับ จากคุณ : modern alchemist เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:38:09

ความคิดเห็นที่ 26 parabolic bolinger band macd rsi fast/slow stoch adx +/- volume ema sma obv ไงพี่ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:38:54

ความคิดเห็นที่ 27 เล่นกันอยู่ 3 คน ไม่ออกไปเที่ยวไหนกันเหรอครับ หรือออกไปแล้วเล่นบนมือถือกันครับ 555 อยากได้สุดยอดวิชา เพื่อเอาชนะกระบวนท่า "รู้งี้" ง่ะ... อ้าว.. คนเริ่มเยอะ ดีครับ มีของดีอะไรก็เอามาใส่ มาคุยกันครับ อิอิ.. แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 13:39:45 จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:39:07

ความคิดเห็นที่ 28 money management  หมายถึงอะไรครับ  ผมไม่รู้จริงๆ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:40:14

ความคิดเห็นที่ 29 #26   จารย์ปลาล้อผมเล่นอีกแล้ว  เหอๆ  ผมใช้เป็นที่ไหนล่ะครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:40:56

ความคิดเห็นที่ 30 #27 วันนี้เสาร์ทำงาน แต่ผมแอบเล่นเนทเข้าห้องสินธรอยู่ครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:42:14

ความคิดเห็นที่ 31 พี่ mspaint พูดแบบนี้  ผมอ่ะ น้อยสุด ทุกวันนี้ถ้านับคนใช้กราฟ อย่างผมนี่ ถือว่าน้อยที่สุดในสินธร หรือในหมู่คนใช้กราฟ ทั่วปฐพี เลยนะพี่ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:42:27

ความคิดเห็นที่ 32 money management ใช่การบริหารเงินรึเปล่า.. (เป็นไง แปลตรงตัวป่าว ไม่ใช่ ขี้ ๆ เลยนะเราเนี่ย) 555 จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:42:35

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าพี่คนรวยฯ ยังอยู่ในรัศมี ที่ไปกินข้าวเมื่อคืน เดี๋ยวผมไปให้สอนถึงที่เลยดีกว่า ไปหาพี่ต่วย ให้พี่ต่วยเรียนด้วย สำคัญคือให้พี่ต่วย จ่ายค่าข้าวเย็น เอาป่าว ผมกำลังว่าง จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:43:58

ความคิดเห็นที่ 34 พี่  mspaint  นี่ผมกะจะมาเอาของดีในนี้นะเนี่ย เพราะว่าตัวเองไม่ค่อยจะมีดีเท่าไร 555 จานปลาครับ คำตอบสมกับเป็นจานปลาจริงๆครับ ผมเคยไปสัมมนากับเทรดเดอร์บิ๊กเนมในต่างประเทศแล้วก็งั้นๆ ผมว่าอ่านกระทู้ของจานจะได้ความรู้เยอะกว่ามาก จากคุณ : modern alchemist เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:44:35

ความคิดเห็นที่ 35 เพราะจานฯ ไม่ได้ใช้ indicator ใช่ไหมครับ แต่จานฯ พอมีความรู้เกี่ยวกับพวกนี้บ้าง หรือจานฯ เคยศึกษาแล้วเห็นว่า มันไม่น่าเชื่อถือ ใช่ไหมครับ จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:44:39

ความคิดเห็นที่ 36 บอกตรงๆ เลยว่าเคยฟังผ่านๆ ไม่เคยอ่านหนังสือสักเล่ม แต่มองลงไปแล้ว มันยังไม่เหมาะกับตัวผม อีกอย่างหลวงพี่เผ่นฯ ผมให้ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วค่อยมาคุยกัน ผมก็เลยลืมมันหมด สุดท้ายนึกว่าจะมีของดีให้ ที่ไหนได้ ได้กราฟเปล่าๆ มาแล้วบอกไปนั่งดู เหอๆ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:49:01

ความคิดเห็นที่ 37 อาจารย์ปลานั่งเพ่งกราฟ เพ่งไป เพ่งมา แล้วปิ๊ง แบบอิ๊วคิวซังป่าวครับ แซวเล่นนะครับ จากคุณ : modern alchemist เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:54:42

ความคิดเห็นที่ 38 งั้นผมขอนั่งดูด้วยคนครับ เหอๆ ที่นั่งของผมจองยาวเกิน 1 ปี เลยนะ ดูกันให้อ๊วกออกมาเป็นแท่งเทียนเขียว แดง เหลืองไปเลย   ซาดิสต์ดี ผมชอบ ฮาฮา จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:55:17

ความคิดเห็นที่ 39 พี่ modernฯ ครับ เทคนิคส่วนตัว "บางอย่าง" ของพี่ หากเอามาลงโชว์คุยกันในห้อง อาจต่อยอดให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาหาแนวทางได้นะครับ เหมือนที่ผมศึกษาหาแนวทางของตนเอง โดยการเผยแพร่กราฟของจานฯ ปลาฯ น่ะครับ จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 13:55:51

ความคิดเห็นที่ 40 5555 จัดไป จากคุณ : ดูๆกันไป (watermanshow) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:00:39

ความคิดเห็นที่ 41 แสดงว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากพี่คนรวยฯ งั้น ผมเอาทุนที่ได้จากการโดดภูเขาทองแบบแดรกด่วน ขับรถเล่นคนเดียวแบบ ถึงไหนเบื่อก็จอดก็ได้ อิอิ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:00:49

ความคิดเห็นที่ 42 เอาวุ้ย แขกไม่รับเชิญ ผู้ชายโชว์น้ำมาแล้ว อยากโชว์อะไรโชว์ไป   ผมไปดีกว่า 555 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:02:04

ความคิดเห็นที่ 43 #41  ขอโทษด้วยครับจารย์ปลา  อาทิตย์นี้ผมไม่สะดวกครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:02:50

ความคิดเห็นที่ 44 รบกวนท่านๆช่วยอธิบายเรื่อง log scale กับ linear scale หน่อยครับ ไม่เข้าใจอ่ะครับ จากคุณ : ลูกเหาหลาม เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:29:31

ความคิดเห็นที่ 45 #44 จะขออธิบายตามที่ผมเข้าใจนะครับ ผิดถูกอย่างไร รอท่านอื่นมาช่วยเสริมอีกทีนะครับ Linear scale & Log scale นั้น มีพื้นฐานแนวคิดเดียวกันนั่นคือ ช่วงของราคา เช่น set index 400 ถึง 1000 หากเราแบ่งเป็นช่วงละ 100 จุด นั่นก็คือ 400 500 600 ... 1000 ในการดูกราฟแบบ linear scale นั้น จะมองว่าทุกๆการขึ้น/ลง 100 จุด ณ ช่วงใดๆ  จะให้ค่าที่เท่ากัน นั่นก็คือ จะ 400 ไป 500 หรือ 600 ไป 700 หรือ 900 ไป 1000 ก็คือการขึ้น 100 จุด (ในกรณีทางลงก็คิดแบบเดียวกัน) แต่การดูกราฟแบบ Log scale นั้น สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปก็คือ "อัตราผลตอบแทนที่ได้" เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของราคา จากกราฟหัวกระทู้จะสังเกตได้ว่า กราฟ set log scale นั่น ระดับ 380 - 700  ช่องกราฟจะกว้าง แต่พอช่วง 860 - 1100 ช่องกราฟจะแคบ นั่นก็คือ เป็นการเปรียบเทียบกันว่า คนซื้อหุ้น ณ index ต่ำๆ กับคนที่ซื้อหุ้น ณ index ที่สูงๆ  แล้วเปรียบเทียบกัน ณ ทุกๆช่วงการขึ้น/ลง 100 จุด คนที่ซื้อหุ้น ณ index ต่ำๆจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าคนที่มาซื้อ ณ ตอน index สูงๆแล้วครับ แปลให้ง่ายก็คือ คนซื้อหุ้นตอน index สูงๆ จะได้ผลตอบแทนต่ำกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ซื้อหุ้นตอน index ต่ำๆ ณ ช่วงการขึ้น/ลงของจำนวนหน่วย(ช่อง)ที่เท่ากันครับ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 14:57:49 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:55:21

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับ พี่คนรวย แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 54 14:57:20 จากคุณ : ลูกเหาหลาม เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 14:57:00

ความคิดเห็นที่ 47 หวัดดีครับ เคยคิดจะ back to basic. กราฟแท่งกับvolumn. แต่สุดท้ายไปไม่รอดครับ เลยต้องหาที่พึ่งทางใจอย่างอื่นแทน จากคุณ : อาปี้คุง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 16:44:04

ความคิดเห็นที่ 48 #47 สวัสดีครับคุณอาปี้คุง ถ้าเดาไม่ผิด คุณอาปี้คุงน่าจะเป็นอีกหนึ่งคนที่เชื่อถือใน obv ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 16:56:50

ความคิดเห็นที่ 49 ผมคิดว่า VOL ก็เหมือน Comment หรือ reply ในกระทู้ยิ่งเยอะยิ่ง "ยืนยัน" เดาๆๆ กันไป จากคุณ : เม่าอนุบาล เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 18:54:31

ความคิดเห็นที่ 50 time frame ของการราคาหุ้นมันเป็นแบบ day by day อยู่แล้ว และการขึ้นลงของราคาหุ้นก็เป็นแบบต่อเนื่อง ดังนั้นแบบ linear น่าจะเหมาะสมอยู่แล้ว เท่าที่จำได้กราฟของ log-scale  มันจะเหมาะกับการ plot สมการที่เปลี่ยนแปลง ไปแบบยกกำลัง คือมีความผันผวน หรือการเปลี่ยนแปลงที่สูงมาก ทำให้สเกลแบบ linear ไม่สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงหรือบอกแนวโน้มได้ครับ   ตัวอย่างเช่น กราฟของ friction loss in pipe  แกน x ของ Re ก็จะเป็นแบบ log scale ครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 19:14:26

ความคิดเห็นที่ 51 ตอบพี่คนจน ครับ เชื่อในobv อันดับแรก อันดับ สองเป็นmacd ครับ โดยการไล่ไทเฟรม จากเล็กไปใหญ่. บางครั้งอาจจะดูใหญ่ก่อน เพื่อกำหนดความน่าจะเปนที่เกิดขึ้น จากคุณ : อาปี้คุง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 21:53:43

ความคิดเห็นที่ 52 Linear scale ใช้กับการเปลี่ยนแปลงแบบไม่ต่อเนื่อง Discontinuous ส่วน Log scale ( Ln, natural log) ใช้แบบ continuous ก็ดีกันคนละแบบ เพราะตลาดหุ้นในช่วงเวลาเทรดนั้น Log scale ดูจะเหมาะสมกว่า แต่อย่างไรก็ดี ตลาดมีการหยุดพัก มีวันหยุด ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้มีผลต่อการรับข้อมูลใหม่ ทำให้ราคาหุ้นอาจได้รับผลกระทบจาก information และอาจเกิด Jump Diffusion ช่วงเวลาแบบนี้ถือเป็น Discrete Linear scale อาจดูเหมาะกว่า    แต่ลงลึกในรายละเอียดแล้ว ทั้ง Log และ Linear  มีผลต่างกันน้อยมาก จนเรียกได้ว่าใช้แทนกันได้เลยทีเดียว จากคุณ : Definitely เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 23:35:12