Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'โสรัตน์ วณิชวรากิจ' ตำรารวย 'เซียนหุ้นพันล้าน' ติดต่อทีมงาน

เจาะลึกเทคนิคพิชิตหุ้น 'หลักปฏิบัติ 8 ข้อ' โสรัตน์ วณิชวรากิจ หุ้นทุกตัวที่ลงทุนต้องสามารถนำมา 'ต่อยอด' ธุรกิจของครอบครัว

ภายใต้คำจำกัดความ 'Value Business Synergy'

หลังจากเจ๊งหุ้นไป 2 รอบ การกลับ "ครั้งที่สาม" โสรัตน์ มีสไตล์การลงทุนซึ่งไม่ต่างไปจากการ "เล่นหุ้นแบบพ่อค้า" นำเอาแนวคิดของ "นักลงทุน" และ "นักธุรกิจ" มาผสมผสานกัน

เขามองว่าหุ้นทุกตัวที่ลงทุนควรสามารถนำมา "ต่อยอด" ธุรกิจของครอบครัวได้ ภายใต้คำจำกัดความ Value Business Synergy โสรัตน์ อธิบายคำจำกัดความสไตล์การลงทุนของตัวเองว่า เป็นการลงทุนแบบ Value Investor (วีไอ) บวกกับ Business Synergy แตกต่างจากสมัย "วัยรุ่น" (ลงทุนครั้งแรก) ที่เน้นเล่นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้นๆ อย่างเดียว ขณะที่ "วัยทำงาน" (กลับมาครั้งที่สอง) จะเล่นแบบแวลูอินเวสเตอร์

โมเดลการลงทุนแบบ Value Business Synergy ของโสรัตน์ คือ การเข้าไปถือหุ้นในบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ "ธุรกิจกำลังเติบโต" ในจำนวนหุ้นที่ "มากพอสมควร" หลังจากนั้นก็งัดบทบาทของนักธุรกิจไป "ปิดการขาย" สินค้า (แผ่นอะครีลิค) ของตนเองในฐานะ "พันธมิตรทางธุรกิจ" นี่คือ "Win-Win Game" ที่ต่างคนต่างได้    

"เมื่อเราขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว ผมก็จะพยายามนำธุรกิจของตัวเองไป "Synergy" กับเขา เพราะนอกจากต้นทุนของบริษัท (ที่เข้าไปซื้อหุ้น) จะลดลงแล้ว เพราะผมคงไม่ขายสินค้าให้เขาแพง ส่วนบริษัทครอบครัวของผมก็จะได้งาน (มียอดขาย) มากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างกรณี RS ผมก็ขายแผ่นอะครีลิคให้เขา (เฮียฮ้อ) นำไปใช้ในงานด้านต่างๆ" โสรัตน์ อธิบาย ซึ่งก็รวมถึงหุ้น SAMART และ HTECH ที่ใช้กลยุทธ์ Business Synergy ด้วย

อย่างไรก็ตาม โสรัตน์ก็ไม่ได้ทิ้งแนวทางการลงทุนแบบ Value Investor โดยมีบุคคลต้นแบบคือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และบุคคลต้นแบบทางฝั่ง Business Synergy คือ ทวีฉัตร จุฬางกูร เจ้าของพอร์ตหุ้น "หลายพันล้านบาท" ทายาทอาณาจักรธุรกิจหมื่นล้าน "ซัมมิทกรุ๊ป"

"ตอนนี้ผมมีบุคคลต้นแบบการลงทุนอยู่ 2 คน ซึ่งผมจะนำเทคนิคต่างๆ มาผสมผสานกัน ฝั่ง Value Investor ต้องยกให้ ดร.นิเวศน์ ส่วนใหญ่จะนำมุมมองเกี่ยวกับกิจการต่างๆ มาใช้ในการลงทุน โดยเฉพาะวิธีการตีมูลค่าหุ้น ที่สำคัญจะนำหลักการความอดทน และความมีวินัยทางการเงินมาใช้...ผมบอกตัวเองเสมอว่า ห้ามใช้มาร์จินเพื่อเบิล (เพิ่ม) พอร์ตเด็ดขาด เข็ดไปจนตาย ส่วนฝั่ง Business Synergy ผมมี ทวีฉัตร จุฬางกูร เป็นแบบอย่าง"

จากการตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นพบว่า โสรัตน์ ถือหุ้น RS อันดับ 2 สัดส่วน 13.70% เป็นรองแค่ "เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เจ้าของบริษัทเพียงคนเดียว ถือหุ้น HTECH อันดับ 2 สัดส่วน 10.52% รองเพียง พีท ริมชลา ถือหุ้น SALEE อันดับ 3 ของบริษัท สัดส่วน 6.87% ถือหุ้น SAMTEL อันดับ 5 สัดส่วน 1.84% ถือหุ้น SAMART อันดับ 8 สัดส่วน 3.59% ถือหุ้น PREB อันดับ 5 สัดส่วน 5.01% ถือหุ้น SVI อันดับ 16 สัดส่วน 0.52% และถือหุ้น PTL อันดับ 5 สัดส่วน 1.22%

โดยหุ้น PTL โสรัตน์จะใช้วิธี "เทรด" ขายไป..แล้วซื้อกลับ โดยเจ้าตัวบอกว่าปัจจุบันพอร์ตลงทุนมีมูลค่าระดับ "พันล้านบาท" แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าการกลับมา "ครั้งที่สาม" จากเงินที่ไประดมทุน (ยืม) จากญาติพี่น้องมาอีก "ร้อยล้านบาท" ภายในระยะเวลา 2 ปี พอร์ตโตขึ้นมาเป็นระดับ "พันล้าน" ได้อย่างไร

นักลงทุนหนุ่มใหญ่วัย 38 ปีรายนี้ ยอมที่จะเปิดเผยเหตุผลการเข้าซื้อหุ้นบางตัว กรณีหุ้น RS เข้าลงทุนช่วงกลางปี 2553 วิเคราะห์ว่าอาร์เอสกำลัง "มูฟ" ตัวเองไปสู่ธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ทางธุรกิจที่กำลังมาแรง และมีอนาคต

"ผมมองว่าเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) เป็น "คนเก่ง" มีอะไรเหนือคู่แข่งหลายอย่าง คิดดูสิ! เขาสามารถผ่านจุด “เกือบเจ๊ง” มาได้ (เหมือนที่ผมเคยผ่านมาได้) จากนั้นเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ผมมองอนาคต 3 ปีข้างหน้า (2554-2556) ธุรกิจของอาร์เอสจะสวยงามมากในแง่ของกำไรสุทธิ น่าจะเติบโตได้ปีละ 30%" โสรัตน์ ออกโรงเชียร์

เขาบอกว่า ตอนแรกตั้งใจจะซื้อหุ้น RS แค่ 10 ล้านหุ้น พอได้ศึกษาเห็นว่าธุรกิจดีเกินคาดเลยอดใจไม่ไหวเก็บมาเรื่อยๆ ตอนนี้มี 120.94 ล้านหุ้น ถามว่าจะซื้อเพิ่มอีกหรือไม่..? ถ้ามีจังหวะก็จะเก็บเพิ่ม ส่วนตัวมองว่าวันนี้ราคาหุ้นยังต่ำกว่าพื้นฐาน แต่ซื้อยังไงก็ไม่ให้เกินหน้าเฮียแน่นอน (ปัจจุบันเฮียฮ้อถือ 202 ล้านหุ้น สัดส่วน 22.89%)

"จริงๆ ผมสนิทกับเฮียฮ้อมากเหมือนเราผูกพันกันมานาน เราจะคุยกันทุกเดือน ฉะนั้นต่อให้ราคาหุ้น RS ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้..ผมก็คงไม่ขายง่ายๆ ส่วนเหตุผลที่ซื้อหุ้น SAMTEL กับหุ้น SAMART ก็จะคล้ายๆ กับหุ้น RS คือผมสนิทกับเจ้าของบริษัท คุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ เรียกได้ว่าเข้ากันได้ดี"

กลุ่มสามารถของคุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ช่วงปี 2540 เขาก็ "เกือบตาย" เหมือนกัน (กับผม) หนี้สินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่สุดท้ายก็สามารถผ่านมันมาได้วันนี้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างในปี 2554 กำไรสุทธิน่าจะโต 50% เพราะได้ธุรกิจ 3จี หนุน

“ตอนนี้ราคาหุ้น SAMART ยังไม่ถึงเป้าหมาย เพราะในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่อง ต้นทุนหุ้นตัวนี้ผมได้มาประมาณ 8 บาท ตอนนี้มีอยู่ 40 ล้านหุ้น”

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20110705/398298/โสรัตน์-วณิชวรากิจ-ตำรารวย-เซียนหุ้นพันล้าน.html

จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา
เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 02:38:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com