|
* การไล่ราคาหุ้น เมื่อได้ปริมาณหุ้นมากพอ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการไล่ราคา แต่การไล่ราคาต้องหาจังหวะที่เหมาะสมเหมือนกัน หากจังหวะนั้น ไม่มีเหตุผลเพียงพอ รายย่อยก็จะขายหุ้นทิ้งเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปสูงพอประมาณ แต่หากหาเหตุผลมารองรับได้ รายย่อยจะยังถือหุ้นไว้อยู่ เพราะเชื่อว่าราคาหุ้น น่าจะสูงกว่านี้อีก กว่าจะรู้สึกตัว ปรากฏว่ารายใหญ่ขายหุ้นทิ้งหมดแล้ว เหตุผลหรือจังหวะที่ใช้ในการไล่ราคา มักจะใช้ 3 เรื่องนี้
- ภาวะตลาดรวมเริ่มเป็นขาขึ้น กราฟทางเทคนิคของราคาหุ้นเริ่มดูดี มีข่าวลือ ซึ่งปล่อยโดยนักปั่นหุ้นว่า หุ้นตัวนี้กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานไปในทางที่ดีขึ้น
การ ไล่ราคา คือ การทำให้ราคาปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วิธีการคือ จะมีการเคาะซื้อครั้งละมากๆ แบบยกแถว แล้วตามด้วยการเสนอซื้อ ( BID ) ยันครั้งละหลายๆ แสนหุ้นจนถึงล้านหุ้น เพื่อข่มขวัญไม่ให้รายย่อยขายสวนลงมา รายย่อยเห็นว่าแรงซื้อแน่น จะถือหุ้นรอขายที่ราคาสูงกว่านี้ รายใหญ่บางคนอาจจะแหย่รายย่อยด้วยการเทขายหุ้นครั้งละหลายแสนหุ้น เหมือนแลกหมัดกับหุ้นที่ตนเองตั้งซื้อไว้เอง รายย่อยอาจเริ่มสับสนว่ามีคนเข้ามาซื้อแต่เจอรายใหญ่ขายสวน ราคาจึงไม่ไปไหน สู้ขายทิ้งไปเสียดีกว่า รายใหญ่จะโยนหุ้นแหย่รายย่อยอยู่สัก 1-2 ชั่วโมง จากนั้นจะตามมาด้วยการไล่ราคาอย่างจริงจังทีละขั้นราคา ( STEP )
ถ้า หุ้นที่ปั่นเป็นหุ้นตลาด คนชอบซื้อขายกัน การไล่ราคาจะไล่แบบช้าๆ แต่ปริมาณ ( VALUME ) จะสูง ราคาเป้าหมายมักจะสูงขึ้นประมาณ 20-25% หากภาวะตลาดกระทิง ราคาเป้าหมายอาจจะสูงถึง 50% แต่ถ้าหุ้นที่ปั่นเป็นหุ้นตัวเล็กพื้นฐานไม่ค่อยดี ปริมาณการซื้อในช่วงเวลาปกติมีไม่มาก การไล่ราคาจะทำอย่างรวดเร็ว ราคาเป้าหมายมักจะสูงถึง 40-50% ถ้าเป็นภาวะกระทิง ราคาเป้าหมายอาจขยับสูงถึง 100%
ช่วงไล่ราคานี้อาจจะกินเวลา3 วันถึง1 เดือนขึ้นกับว่าเป็นหุ้นอะไรภาวะตลาดอย่างไรเช่นถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไรที่ไม่ มีพื้นฐานจะกินเวลาสั้นแต่ถ้าเป็นหุ้นพื้นฐานดีจะใช้เวลานานกว่าและถ้าเป็น ภาวะกระทิงนักปั่นหุ้นจะยิ่งทอดเวลาออกไปเพื่อให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงที่สุด เท่าที่ตั้งเป้าเอาไว้
ในช่วงต้นของการไล่ราคานักลงทุนรายใหญ่อาจยัง คงมีการสะสมหุ้นเพิ่มอยู่บ้างแต่รวมกันต้องไม่เกิน5% ของทุนจดทะเบียนในแต่ละพอร์ตที่ใช้ปั่นหุ้นอยู่พอปลายๆมือจะใช้วิธีไล่ราคา แบบไม่เก็บของคือตั้งขายเองเคาะซื้อเองเมื่อซื้อได้ก็จะนำหุ้นจำนวนนี้ย้อน ไปตั้งขายอีกในราคาที่สูงขึ้นและเคาะซื้อตามอีก ทำเช่นนี้หลายๆรอบสลับ กันไปมาระหว่างพอร์ตต่างๆของตนเองค่อยๆดันราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆหากมีหุ้นของ รายย่อยถูกซื้อติดเข้ามาจนรู้สึกว่าเป็นภาระมากเกินไปก็อาจมีการเทขายระบาย ของออกไปบ้างแต่เป็นการขายไม้เล็กๆในลักษณะค่อยๆรินออกไปเพื่อไม่ให้นักลง ทุนรายย่อยตกใจเทขายตามมากเกินไปตัวหุ้นเองจะได้มีการปรับฐานตามหลักเทคนิค เพื่อจูงใจนักลงทุนรายใหม่ที่ยังไม่ได้ซื้อจะได้กล้าเข้ามาซื้อ
การ ปล่อยหุ้น เมื่อหุ้นขึ้นมาได้80% ของราคาเป้าหมายแล้วระยะทางที่เหลืออีก20% ของราคาคือช่วงของการทยอยปล่อยหุ้นช่วงนี้จะเป็นช่วงชี้เป็นชี้ตายการลงทุน ของนักปั่นหุ้นถ้าทำพลาดนักลงทุนรายย่อยรู้เท่าทันหรือตลาดไม่เป็นใจเช่น เกิดสงครามโดยไม่คาดฝันนักปั่นหุ้นเองที่จะเป็นผู้ติดหุ้นอยู่บนยอดไม้จะขาย ก็ไม่มีใครมารับซื้ออาจต้องรออีก6 เดือนถึง1 ปีกว่าจะมีภาวะกระทิงเป็นจังหวะให้ออกของได้อีกครั้งอีกทั้งอาจจะไม่ได้ราคา ดีเท่าเดิมหรือถึงกับขาดทุนก็ได้ วิธีการปล่อยหุ้นเริ่มจากการรอจังหวะ ที่ข่าวดีจะประกาศออกมาเป็นทางการนักปั่นหุ้นซึ่งรู้มาก่อนแล้วจะเริ่มไล่ ราคาอย่างรุนแรง4-5 ช่วงราคามีการโยนหุ้นเคาะซื้อเคาะขายกันเองครั้งละหลายแสนหุ้นปริมาณซื้อขาย เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพื่อดึงดูดความสนใจของรายย่อย
เมื่อราย ย่อยเริ่มเข้าผสมโรงนักลงทุนรายใหญ่จะตั้งขายหุ้นในแต่ละช่วงราคาไว้หลายๆ แสนหุ้นและจะเริ่มเคาะนำส่งสัญญาณไล่ซื้อครั้งละ100 หุ้นบ้าง3,000 หุ้นบ้างหรือแม้แต่ครั้งละ100,000 หุ้นหลายๆครั้งเมื่อหุ้นที่ตั้งขายใกล้หมดเขาจะเคาะซื้อยกแถวพร้อมกับตั้ง ซื้อยันรับที่ราคานั้นทันทีครั้งละหลายแสนหุ้นถามว่าเขาตั้งซื้อครั้งละหลาย แสนหุ้นเขากลัวไหมว่าจะมีคนหรือนักลงทุนสถาบันขายสวนลงมาคำตอบคือกลัวแต่เขา ก็ต้องวัดใจดูเหมือนกันหากมีการขายสวนก็ต้องใช้วิธีเคาะซื้อแต่ไม่ใช้วิธี ตั้งซื้อนักลงทุนรายย่อยเมื่อสังเกตว่ามีการไล่ซื้อจะเข้ามาซื้อตามนักลงทุน รายใหญ่ซึ่งคอยนับหุ้นอยู่พอเห็นมีเหยื่อมาติดจะเคาะนำที่ราคาใหม่ที่สูง ขึ้นอีกแต่เพื่อให้ไม่ต้องซื้อหุ้นเข้ามาเพิ่มเขาจะเคาะซื้อไม้หนักๆก็ต่อ เมื่อหุ้นที่ตั้งขายอยู่เป็นหุ้นในกลุ่มของตนเองสมมติตนเองตั้งขาย ไว้500,000 หุ้นเมื่อได้รับการยืนยันจากเทรดเดอร์ว่าเริ่มมีการเคาะซื้อจากนักลงทุนอื่น ถึงคิวหุ้นของตนแล้วเช่นอาจมีคนเคาะซื้อเข้ามา10,000 หุ้นเขาจะทำทีเคาะซื้อเองตามอีก200,000 หุ้นเพื่อให้รายย่อยฮึกเหิมเมื่อซื้อแล้วเขาก็จะเอาหุ้น200,000 หุ้นนี้มาตั้งขายใหม่ยอมเสียค่านายหน้าซื้อมาขายไปเพียง0.5% แต่ถ้าสำเร็จจะได้กำไรตั้ง50-100% เพราะฉะนั้นการไล่ซื้อช่วงนี้จึงเป็นการซื้อหนักก็ต่อเมื่อซื้อหุ้นตนเองตบ ตารายย่อยขณะที่ค่อยๆเติมหุ้นขายไปทีละแสนสองแสนหุ้น
จากคุณ |
:
Indolent
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ค. 54 23:14:25
|
|
|
|
|