ความคิดเห็นที่ 1 ตกลงที่ ร่ายค่าใช้จ่ายมานี่ ทำงานเหมือนเดิมใช่ไหมครับ (เช่น เปียแชร์ ระหว่างทำงาน โทรเล่นหวย ระหว่างทำงาน นินทาระหว่างทำงาน... เป็นต้น) จากคุณ : You'll never walk alone เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:21:09

ความคิดเห็นที่ 2 โหวตแล้ว จากคุณ : สตางค์ยังรู้หมด ตดยังรู้เหม็น เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:22:48

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวก็น่าสนับสนุน300 บาท  แต่พวกทำไปวันๆ ก็อีกเรื่อง จากคุณ : บารากู เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:28:41

ความคิดเห็นที่ 4 งดเล่นหวย เดือนนึงก็ลดได้มากโข งดกินเหล้า กินกันทุกคืน ก็ลดได้มากโข งดดูดบุหรี่ ซองนึงก็หลายบาท ปลูกผักไว้ที่บ้านกอนเอง ก็ช่วยได้หลายตัง คนที่มีเงินเดือนทำงานบริษัท แล้วไม่เคยสัมผัสชิวิตคนงาน มีเงินเท่าไหร่เขาก็กินเท่านั้น อาจจะซื้อปลาแห้งตัว ผักจิ้มน้ำพริก แค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว ที่อยู่ไม่ได้ก็คือไม่มีตังกินเหล้า จากคุณ : chaiwaru เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:32:07

ความคิดเห็นที่ 5 300มีข่าวว่าได้แค่ในกรุงเทพ จากคุณ : fitterTM เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:33:26

ความคิดเห็นที่ 6 โหวตให้ค่ะ ถูกใจมาก จากคุณ : ซึอิกะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:34:12

ความคิดเห็นที่ 7 และถ้าไม่มีเงินจ้างล่ะ ผู้รับจ้างก็ตกงานนะครับ ผมอยากให้เพิ่มนะครับแต่ต้องแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่ใช่ในเร็วเร็วนี้ ไม่งั้นเศรษฐกิจรวนเร แน่นอน ผลเสียน่าจะมากกว่าผมดี จากคุณ : ใบเตย (bananagraphic) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:38:21

ความคิดเห็นที่ 8 ค่ามือถือเดือนละ..... ค่าหวย.........ค่าพนันบอล.........ค่าเหล้า........... นี่คือที่มาของกู้นอกระบบ หลังจากนั้น จ่ายดอก................... ต่อให้วันละ 500 ก็ไม่พอครับ แล้วพอขึ้นให้ ทุกอย่างก็ขึ้นหมด ไม่ใช่ขึ้นตามต้นทุนแต่ขึ้นจนกว่าจะกำไลเกิน รัฐก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ปัญหางูกินหาง ไม่ใช่ไม่ให้ขึ้น แต่ต้องคำนวนให้เหมาะสมไม่ให้กระทบต้นทุนการผลิตมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นผลย้อนกลับไม่ใช่เกิดกับคนรวยครับ คนแรงงานนี่แหละ จะโดนก่อน จากคุณ : oated เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:43:48

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าว่าปัจจุบันค่าครองชีพสูงมาก ลูกๆพอโตมาเป็นวัยสะรุ่นก็ต้องช่วยหาเงินด้วยนะคะ เพราะถ้าพ่อแม่ต้องแบกหมดคงไม่ไหว เราพ่อรับราชการก็ขอทุนเพื่อแบ่งเบา ตอนม.ปลายก็ต้องขยันเพราะถ้าเอ็นต์ไม่ติด ต้องเรียนรามพ่อไม่ส่งเข้าเอกชนแน่นอนแพง เอ็นต์ติดก็สอนพิเศษหารายได้เสริม ตอนนี้เรียนจบ25%ก็ส่งที่บ้าน พูดมาไม่เกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำ แต่ถ้ารายจ่ายมากลูกๆก็ควรช่วยแบ่งเบาด้วย ปล.แม่บ้านที่บริษัทส่งลูกเรียนม.กรุงเทพซะงั้น จากคุณ : PuppYJr. เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:48:04

ความคิดเห็นที่ 10 คห.1และ3  ดูถูกแต่คนอื่น  ถ้ามีตาม คห.1 ว่า  ก็มีกฏระเบียบของบริษัทอยู่แล้ว  การสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานให้ไมเกี่ยวกับ 300  คนเงินเดือน 30000 ถ้ามีนิสัยแบบ คห.1 ว่า  มันมีทุกองค์กร  ส่วนเล่นหวย ดื่มสุรา  ดูดบุหรี่  คนเงินเดือน 20000 - 30000  มันก็เป็น  ไม่เกี่ยวกับค่าแรง 300  หรอกครับ จากคุณ : ประลองยุทธ์ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:48:52

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าคิดยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น เจ้าของก็ไม่ยากเพิ่มต้นทุน ลูกจ้างมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้หมด ต่อให้มีห้าร้อยต่อวันก็ยิ่งใช้เปลืองกว่าเก่า ผมว่ามาดูจุดที่เป็นกลางดีกว่าครับ ตัดเรื่องว่าบริษัทกำไรแล้วไม่แบ่ง ตัดเรื่องแรงงานเอาไปใช้ไร้ประโยชน์   ผมว่าการขึ้นในรวดเดียวคนจะทำให้ระบบเศรษฐกิจรวนแน่นอน เพราะเป็นการก้าวกระโดด แต่เห็นตอนเช้า นายกตัวจริงบอกว่าเฉพาะกรุงเทพเท่านั้น ซึ่งถ้าขึ้นกรุงเทพก็ไม่มีปัญหาเพราะกรุงเทพราคาประมาณนี้อยู่แล้ว ขึ้นอีกเล็กน้อยไม่มีปัญหา แต่ถ้าต่างจังหวัดผมว่ามันแรงไปต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่งั้นแรงงานเถื่อนเต็มแน่  ไม่ใช่ว่าเจ้าของกิจการใจไม้ไส้ระกำเห็นแก่ตัวเอง เห็นแก่กำไรบริษัทเป็นหลักนะครับ เค้าก็ต้องดำเนินกิจการให้รอดไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะเป็นไงต่อไป แต่ผมว่าคงต้องดูต่อไปว่าจะทำอย่างไรครับ รัฐคงมีวิธีแก้ไว้ ไม่งั้นคงมีการต่อต้าน หรือแรงดันจากกลุ่มลงทุนแน่ครับ จากคุณ : lekguru (anuthep_t) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:53:39

ความคิดเห็นที่ 12 โหวตค่ะ ^^ จากคุณ : zelimony เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:59:43

ความคิดเห็นที่ 13 ทำไมไม่คิด หารายได้เพิ่ม   เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เผลอๆ  ได้มากกว่าวันละ 300 จากคุณ : จิตสบาย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:03:28

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นหน้าใหม่ที่มาแสดงความคิดเห็นครับ ประเด็นอยู่ที่ว่า ใครจะเลือกมุมมองใหนเป็นเกณฑ์ ถามผู้ประกอบการเขามีความเห็นอย่างหนึ่ง ถามแรงงานก็มีความเห็นอีกอย่าง จูนกันไม่ง่ายหรอกครับ ไม่งั้นเราจะเห็นหน่วยงานประเภทไตรภาคื ที่ต้องมาคอยสรุปหาจุดที่พอยอมกันได้ สิ่งที่กำลังจะทำมันแค่ไปแตะ ๆ อาการของปัญหาเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปแก้ที่สาเหตุของปัญหา ทำอย่างไรที่ขึ้นค่าแรงแล้ว แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและผู้ประกอบการก็อยู่รอดได้ และที่สำคัญขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ได้ลดลง ประเทศไทยยังไง ๆ ก็ยังต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ เราต้องออกไปแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ อีก ผมเห็นหลายคนพูดว่าความจริงผู้ประกอบการจ่ายเกินอยู่แล้ว ใช่ครับ ธุรกิจผมก็จ่ายเกินครับ แต่ไม่ใช่ค่าแรงขั้นต่ำเป็นค่าแรงงาน ค่าอาหาร เสื้อผ้า สวัสดิการ ต่าง ๆ รวมแล้วเฉลี่ยเกิน 300 บาท แต่ถ้าค่าแรงขั้นต่ำถูกบังคับใช้ที่ 300 บาท ผมคิดเฉพาะตัวเลขกลม ๆ ผมคงจะต้องจ่ายเพิ่มแน่ ๆ ไม่ต่ำกว่า 80-90 บาทต่อคน ทำให้ค่าเฉลี่ยจะกระโดดไปแถว ๆ 400 กว่า ๆ เจอเรื่องนโยบายปริญญาตรี 15,000 บาท เข้าไปอีกดอก ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรมากไปกว่าจะหาทางเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างไร หากทำไม่ได้หรือช้าเกินไป ผมก็ต้องกลับมาพิจารณาเรื่องผลตอบแทนของคน เพราะข้อเท็จจริงคุณภาพการทำงานของคนของเรายังไม่มี ประสิทธิภาพพอ กว่าจะพัฒนาแต่ละขั้นก็ใช้เวลาที่นานครับ อย่างไรก็ตามก็ขอยืนยันความเห็นที่ว่า 3 เรื่องนี้ต้องไปด้วยกัน อาจจะไม่พร้อมกันแต่ต้องอยู่ในกรอบเวลาที่ไม่ห่างเกินไป คือ แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและผู้ประกอบการก็อยู่รอดได้ และที่สำคัญขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ได้ลดลง แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 10:15:22 จากคุณ : KopSiam เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:12:09

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท. ก็แจ้งค่าใช้จ่ายให้ดูแล้ว หลาย ๆ ความคิดเห็นก็ไม่คิดจะรับฟัง ว่าค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบัน มันอยู่ไม่ได้หรอกในชีวิตเมืองหลวง #13 เคยทำงานระดับล่าง ๆ หรือเปล่าครับ? ประสิทธิภาพในการทำงาน มันไม่ใช่มาจากคนกลุ่มนี้นะครับ ต้องมาจากผู้บริหาร/เจ้าของว่าจะจัดการยังไง คนงานเก่งแค่ไหน แต่ process การทำงานโดยเจ้าของกำหนดมามันห่วย ก็ตันอยู่แค่นั้น แล้วที่บอกว่าทำไม ไม่หารายได้เพิ่ม ก็ค่าแรงขั้นต่ำ ทำงาน 8 ชั่วโมงมันอยู่ได้ที่ไหนล่ะคุณ เค้าก็ต้องทำ OT แล้วทำ OT คุณคิดว่าเค้าจะเหลือเวลาอีกวันล่ะกี่ชั่วโมงในการหารายได้เพิ่ม? จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:12:44

ความคิดเห็นที่ 16 ... ขออภัยอ่านไม่จบ... แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 10:21:54 จากคุณ : Nioka เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:20:08

ความคิดเห็นที่ 17 300 * 25 = 7,500 นายจ้างไม่ได้มีแต่รายใหญ่ รายย่อย ๆ ตัวน้อย ๆ สตางค์จะจ้าง net กับรายรับแล้วแทบไม่เหลือก็มีนะจ๊ะ - -! เห็นใจกันบ้างง ไม่งั้นก็ต้องขึ้นค่าของ สุดท้ายต้นทุนสูงคนจ้างอยู่ไม่ได้ คนรับจ้างก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันน้า ค่อยเป็นค่อยไปน่าจะดีกว่าจ้า ถ้าไม่ไหวจริง ๆ นายจ้างก็ทำเอง เอาลูกหลานมานั่งช่วยทำ คนรับจ้างก็ไม่มีใครจ้าง ทีนี้แทนที่จะได้ 215 ก็จะเป็น 0 ไปเลยนะ คิดดูดี ๆ จากคุณ : Gatjan เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:22:39

ความคิดเห็นที่ 18 คนกลุ่มนี้อยู่ได้ด้วย OT ถ้าไม่มี OT ก็เป็นหนี้สิน จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:24:48

ความคิดเห็นที่ 19 ขอให้สมหวังนะครับสำหรับคนที่หวังค่าจ้างวันละ 300 และก็ขอให้ได้ทำงานต่อไป ไม่โดนนายจ้างไล่ออกเพื่อปรับตัวให้เข้ากับรายจ่ายที่มากขึ้น โชคดี จากคุณ : ผมมันคนบ้านนอก เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:27:33

ความคิดเห็นที่ 20 จากที่มีลูกน้องอยู่ จึงทำให้รู้ว่าค่าใช้จ่ายของลูกน้อง ผ ช คือ กินเหล้าอะครับ ถ้าเค้าเก็บก็น่าจะมีอยู่ ส่วน ผ ญ คือเล่นหวย กับซื้อของสวย ๆ งามๆ คนไหนขยันเห็นผลงานยังไงก็ต้องให้เงินเดือนเพิ่มจากเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าเล่นเพิ่มทีเดียวบริษัทมีต้นทุนมากขึ้นโขแน่ ๆ บางบริษัทก็ต้องเอาค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปบวกเพิ่มกับสินค้าที่ขาย สุดท้ายก็งูกินหาง ลูกค้าหรือตัวพนักงานเอง( ถ้าเป็นสินค้าที่ต้องซื้อใช้ในชีวิตประจำวัน ) ต้องซื้อใช้ในราคาที่แพงขึ้นอยู่ดี แต่ถ้าเพิ่มในระยะเวลา 3 ปี ก็น่าจะโอเคนะ จากคุณ : Bluehat เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:33:10

ความคิดเห็นที่ 21 รอให้นายจ้างปิดกิจการ ความหวังจาก 300 เหลือ 0 บาท เผลอๆ เดือนสุดท้ายโดนเบี้ยวอีกต่างหาก จากคุณ : อาร์ตี้ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:40:07

ความคิดเห็นที่ 22 คิดได้อย่างนี้ แล้วทำไมไม่ ไป กศน หรือที่ฝึกฝีมือแรงงาน จะได้เป็นแรงงานมีฝีมือ ไม่ต้องมานั่งรอขอรับขั้นต่ำ..... กรรมจิงๆ . ลูกน้องผมก็มี2ประเภท ประเภทแรก ก็แบบนี้แหละ อีกประเภทนึง เราไม่ขึ้นเงินให้เค้าไม่ไ้ด้เค้าไฝ่รู้จิงๆ อย่างช่างซ่อม นี่คนนึงอยู่ไปทำไปงั้นๆ อีกคน ตกเย็นรีบไปเรียน ไฟฟ้า อิเลคโทรนิคเพิ่ม ผมถามว่าไปเรียนทำไม เค้าบอกว่า เฮีย อนาคต เครื่องจักรมันก็เป็นอิเลคโทรนิคหมด ไม่หาความรู้เพิ่ม อีกหน่อยก็ทำอะไรไม่ได้พอดี เออ ฟังเข้าท่า พอทำเป็นผมก็ต้องขึ้นค่าแรงให้เขามากกว่าอีกคน มันแน่อยู่แล้วว   ส่วนเสมียนผมคนนึง ปวช ตกเย็นก็ไปเีรียน ปตรี ด้านบัญชีเพิ่ม เรียนจบ จะไม่ขึ้นค่าแรงให้เขาได้ไง   ไม่เห็นคนพวกนี้จะต้องมาร้องขอค่าแรงขั้นต่ำสักคน.... จากคุณ : Wai-ta-min เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 10:41:59

ความคิดเห็นที่ 23 ค่าแรงขึ้นแล้วคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็ดีครับ เพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ กลัวก็แต่ว่าค่าครองชีพมันจะขึ้นไปมากกว่าค่าแรงที่ได้เพิ่มเนี่ยสิครับ จากคุณ : MNgern เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:02:50

ความคิดเห็นที่ 24 9เก้าก้าว   ดูของจริง นี่  หมายถึงข้อมูลพวกนี้ ไปเก็บมาจริง ๆ เหรอครับ  หรือนั่งเทียนเอา พวกแรงงานฝีมือ ยกเว้น ไม่ต้องเอามาพูดนะครับ ถ้าฝีมือจริงได้อยู่แล้ว ไซต์งานเดียวกัน คนงานยังได้ค่าจ้างไม่เท่ากันเลย ฝีมือจริง เงินปรับขึ้นตลอดอยู่แล้วครับ ไม่งั้น หนีไปซบนายใหม่ เรื่องที่มันเม็คเซนส์อย่างงี้่ ใคร ๆ ก็รู้ ไม่ต้องเอามาพูดครับ แต่ไอ้พวก วัน ๆ ไม่ทำอะไร ทำเท่าที่สั่ง ไม่สั่งก็ไม่ทำ ( ซึ่งก็มีเยอะซะด้วย ) ใครจะบ้าไปขึ้นให้ล่ะครับ ขนาดลูกหลานเค้าเอง เค้ายังขี้เกียจสอนเลยครับ ( เค้าบอก เดี๋ยวโตไปมันก็รู้ภาษาเอง คงเจริญกันไปถึงลูกถึงหลานล่ะครับ) จากคุณ : ผู้ชาย... เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:04:35

ความคิดเห็นที่ 25 ค่าข้าว ลดได้ ถ้าหากรู้จักทำอาหารทานเองครับ ... ทำเอง ต้นทุนไม่ถึง 15 บาท/มื้อ ถ้าหากทานหลายคน ยิ่งถูกลงไปอีก.. อย่างปลากระป๋องราดข้าว..  ร้านข้าวแกงขาย 30 บาท/จาน แต่ถ้าเอามาทำเอง ปลากระป๋องนึง 15 บาทมั้ง บีบมะนาว สับพริกใส่.. ข้าวถุงละ 10 บาท x 2 ถุง ทานได้อย่างน้อย 2 คนครับ..  บางที 3 คนด้วยซ้ำไป ยิ่งถ้าหุงข้าวเอง ยิ่งราคาถูกไปใหญ่.. พูดตรงๆ นะ... life style ที่คุณไปสัมภาษณ์มานี่ เหมือนกับพวกมนุษย์เงินเดือนเลยครับ ไม่เหมือนผู้ใช้แรงงานที่ต้องรับค่าแรงขั้นต่ำเลยครับ .. คนใช้แรงงาน เค้าสร้างบ้านชั่วคราว กินนอน แถวๆ ไซต์งานเลยครับ.. ไม่มีค่าใช้จ่ายพวกค่าเดินทาง แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 11:13:17 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:06:11

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าคิดง่ายๆ ตามที่ จขกท. ว่าป่านี้แรงงาน อดตายกันหมดแล้วมั้งคับเพราะคอนนี้เค้้าก็รับกัน 215.. วันนี้ที่ 215- เค้าก็ยังอยู่กันได้ มันมีหลายๆ เหตุผลนะคับผมว่า แล้วคนที่มีฝีมือจริงๆ ขยันๆ ได้มากกว่า 300- แน่นอนคับ จากคุณ : MoNoMoN เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:18:51

ความคิดเห็นที่ 27 ตย.นี้ดูแปลกๆ ทำงานหลายปีจนลูกเป็นวัยรุ่นนี่ ยังได้ขั้นต่ำอยู่ ไม่น่าจะยกมาเป็นตัวแทนได้นะ เหมือนโพลสมัยนี้ อยากได้ผลเป็นยังไง ก็เลือกสุ่ม ตย.หรือตั้งคำถามให้มันเข้ากัน จากคุณ : apivus เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:20:22

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยหากมีการปรับเงินให้แต่ค่าใช้จ่ายคงที่  แต่ถ้าค่าใช้จ่ายปรับไปตามรายได้ หรืออาจมากกว่ารายได้ ก็ไม่เห็นด้วยครับ ปล. ความจริง ค่าใช้จ่ายที่ให้หักใน ภงด.90, 91 น่าจะปรับตามอัตราก้าวหน้า ตามฐานภาษีบ้าง หรือไม่ก็ ควรปรับเพิ่มตามภาวะเงินเฟ้อ ทุกวันนี้น้อยคนจะใช้จ่ายแค่ปีละ 60,000 บาท T^T จากคุณ : Nrosida81 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:20:37

ความคิดเห็นที่ 29 หุงข้าว 1/2 กิโลกรัม ถ้าหุงเสร็จแล้ว น้ำหนักก็เพิ่มประมาณ 1 กิโลกรัม ข้าวสวย 1 จาน (4 ทัพพี) ประมาณ 200 กรัม สรุปว่า ข้าว 1/2 กิโลกรัม ทานได้อย่างน้อย 5 จาน ข้าวสารหอมมะลิ กิโลละ 24 บาท แต่หุงเป็นข้าวสวยได้ 10 จาน ตกต้นทุน จานละ 2.4 บาท เพิ่มค่าน้ำค่าไฟหุงข้าว ก็เป็นจานละ 3 บาทละกัน มีคนบอก 215 บาท/วันไม่พอ เอาแต่ life style ของผมเอง ยังไม่ถึง 215 บาท/วันเลยครับ (ถ้าไม่รวมค่าน้ำมันขับรถมาทำงาน) กินข้าวที่ร้านข้าวแกงทุกมื้อ มื้อละ 30 บาท  ค่าน้ำเปล่า 1.5 ลิตร 15 บาท  ดื่มได้ 1 วัน  ค่าขนมนมเนย (ไม่ค่อยกิน) วันละ 30 บาท รวม 90 + 15 + 30 = 135 บาท/วัน แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 11:26:51 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:20:55

ความคิดเห็นที่ 30 เอามุมมองนี้ให้กระจ่างก่อน ่ค่าแรงสำหรับจ้าง 1 คนหรือทั้งครอบครัว (อันนี้ถกเถียงกันมานานแล้วครับ) การคิดนี่คิดได้ทุกอย่างละครับ อยู่ที่ตั้งเป้าไปทางไหน ขอแต่ให้ยืนบนฐานเดียวกันก่อน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:20:56

ความคิดเห็นที่ 31 คนงานแถวบ้าน หรือในโรงงานที่ผมเคยทำงานอยู่ บางคนใช้มือถือดีกว่าผมอีก เปลี่ยนบ่อยมากๆ บางคนอยู่ห้องเช่าหรูกว่าพนักงานเงินเดือนเสียอีก บางคนเล่นทั้งหวย ทั้งบอล บางคนกินหรูหรามากมาย กินก๋วยเตี๋ยวชามละ40ในตลาด เพียงเพราะว่าร้านนี้อร่อยมากๆๆ บางคนกินเหล้าเมายา ทั้งๆที่เงินยังจะไม่มีกินข้าว สิ่งที่ต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วนคือเรื่องการศึกษา ทั้งในเรื่อง การศึกษาเรื่องพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การศึกษาเรื่องการวางแผนทางการเงินแบบง่ายๆ การศึกษาเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยตัวเองแบบง่ายๆ การศึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัวแบบง่ายๆ (แปลกๆแฮะ คนงานแถวบ้านผม ฐานะไม่ดี แต่กลับมีลูกหัวปีท้ายปี และแถมมีตั้งแต่ยังรุ่นๆเลย รวมทั้งลูกตัวเองก็ยังมีลูกเร็วอีกด้วย บางคนเป็นย่ายายตั้งแต่อายุยังไม่ 40เลย ถ้าไม่แก้ที่ต้นทาง มันก็จะเป็นวงจรแบบนี้ไปตลอด) ผมไม่อยากให้รัฐหาปลามาให้ประชาชน แต่อยากให้รัฐสอนให้ประชาชนสร้างเครื่องมือหาปลาเอง ขอบคุณครับ ปล.แก้คำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 11:27:55 จากคุณ : เด็กไม่รู้ครับ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:25:57

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเคยไปเช่าห้องอยู่แถวอ่อนนุช ไม่มีแอร์ ห้องละ 2500 ต่อเดือน เข้าไปลึกเหมือนกัน รวมค่าน้ำค่าไฟค่าจิปาถะที่จขกทพูดถึง ก็ตกเดือนละ 3000 ไม่ได้อยากค้านจขกท แต่อยากเสนออีกมุมมองนึงว่าค่าแรง 215 ถ้าประหยัดจริงๆก็อยู่ได้ ผมมองว่า 3000 บาทต่อเดือนสำหรับค่าเบ็ตเตล็ดทั้งเดือน " สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน ตัดผม ค่าสันทนาบันเทิงเล็กน้อย(งดเที่ยวคลับบาร์) ค่าสังคม ขอค่ามือถือสัก 1 เครื่อง และอื่นๆ " นั้นผมว่ามากไป มือถือผมใช้รุ่นราคา 780 ซึ่งผมใช้ได้ประมาณ 5 ปี เปลี่ยนที เอาแบบถ้าหน้าจอไม่พังไม่เปลี่ยน ค่าโทรซิมใช้ซิมเปิ้ล ไว้รับอย่างเดียว ปีนึงตก10 บาท ก็อยู่ได้ ค่าข้าว มือละ 30-35 แต่ถ้าเลี่ยงกินข้าวไข่เจียวมื้อนึง 20 (ไม่ได้กินทุกวัน) หรือเลี่ยงทำกับข้าว ยิ่งประหยัด ตอนอยู่นั่นผมก็กินข้าวไข่เจียวประจำ ค่ารถสองแถว 3 บาท (ไม่ใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง) รถเมล์ 7 บาท (ไม่ใช้รถไฟฟ้า ตื่นเช้าหน่อย เพื่อจะได้ไม่เจอรถติด) ไปถึงที่ทำงาน ต่อวัน ไปกลับ 10x2 ต่อวัน ค่าข้าว 20x3 (ข้าวไข่เจียว) น้ำฟรี ค่าที่พักกับค่าน้ำไฟและอื่นๆ 3000 ต่อเดือน สรุปแล้ว เดือนละ 180 หากรายได้ 215 ยังมีเงินเก็บอีก 35 บาทต่อวัน ปีนึงเก็บได้ 12,775 เอาไปตั้งตัว ทำธุรกิจเล็กๆได้สบาย ส่วนเรื่องลูกอันนี้ถ้ายังไม่พร้อมไม่มีก่อนดีกว่าไหม จริงๆการรัดเข็มขัดแบบที่ผมว่ามา ก็ไม่ได้บอกว่าให้คนใช้แรงงานเป็นแบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่แค่เสนอว่าหากตั้งใจจริงแค่ปีเดียว ก็มีเงินเก็บได้ แล้วพยายามดิ้นรนผันตัวเองไปทำอย่างอื่นเช่นขายลูกชิ้นหรืออะไรก็ได้ ที่ได้มากกว่านี้ เมื่อรู้ว่าเป็นลูกจ้างไม่รวย ก็ต้องดิ้นรน ไม่ใช่ขอเป็นแค่ลูกจ้าง อีกอย่าง อยากให้มองในมุมต่างบ้าง ไม่ใช่เจ้าของกิจการเห็นแก่ตัวไม่แบ่งคนจนไปซะหมด เจ้าของกิจการบางคนก็เคยเป็นลูกน้องมาก่อน เคยใช้ชีวิตด้วยค่าแรงถูกๆอย่างที่จขกทว่า แต่เพราะความขยันอดออม เก็บเงิน เก็บประสบการณ์จากการทำงาน หัวคิดหาช่องทาง จนสามารถออกมาตั้งกิจการเล็กๆเองได้ (ไม่รวมเจ้าของกิจการที่เกิดมาบนกองเงินกองทองนะ ภาพของเจ้าของกิจการในสายตาหลายๆคนมันเป็นแบบนั้น) มันยุติธรรมแล้วเหรอ กับคนจำนวนนึง (ผมคิดว่าเป็นคนส่วนน้อยที่จะทำแบบนี้ได้ แต่มีแน่ๆ) ขยันทำงานอดทนจนตั้งตัวได้ กับคนส่วนใหญ่ คิดแค่ทำงานอยู่ไปวันๆ รู้อยู่ว่าเงินตรงนี้น้อย แต่ไม่คิดพัฒนาตนเอง ไม่หาช่องทางใหม่ๆให้ตัวเอง ปล่อยเวลาไปวันๆ นี่ไม่รวมพวกกินเหล้า เล่นการพนัน หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะ ผมว่าเรื่ิองนี้เถียงความถูกผิดยังไงก็ไม่จบ ผมเห็นด้วยควรขึ้นค่าแรงหากพนักงานทำงานขยันขันแข็ง (คนแบบคหที่ 22 สิถึงควรขึ้นแค่แรงให้) และเจ้าของกิจการกำไรมากมาย แต่ก็ไม่เห็นด้วยหากพนักงานนั่งๆนอนๆคอยแต่เงินเดือนขั้นต่ำ หรือเจ้าของกิจการก็ไม่ได้รวยอะไรมาก เห็นด้วยกับคห 31 รัฐบาลควรสอนให้ประชาชนหาปลามากกว่าหาปลามาให้ครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 11:36:06 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 11:32:04 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 11:29:40 จากคุณ : ษุภณัฏฐ์ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:26:30

ความคิดเห็นที่ 33 ขึ้นอยู่กับว่ามองมุมไหน  ถ้าไปโพสต์ที่ห้องแรงงาน  เสียงส่วนใหญ่ก็คงสนับสนุน แต่ถ้าโพสต์ที่ห้องสินธร ที่ส่วนมากเป็นชนชั้นกลาง และคนมีเงิน ความเห็นส่วนใหญ่ก็ต้องไปทางผู้ประกอบการครับ ส่วนตัวผมเฉยๆ เพราะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร แค่มองว่านายจ้างจากที่เคยสุขสบายก็คงลำบากเพิ่มขึ้นถ้าไม่รู้จักปรับตัว ถ้ามองง่ายๆ นายจ้างเสียประโยชน์  = ตีซะจ่ายเพิ่ม 80บาท/คน/วัน  >> 80*21 = 1680/คน/เดือน โรงงานขนาดกลางที่มีแรงงานสัก 80 คนจะมีรายจ่ายเพิ่ม = 134,400/เดือน จากที่เคยซื้อรถคันหลายล้านชิวๆ ปีนึงเที่ยว ตปท.เยอะๆ ก็คงเพลาๆลงบ้าง หาลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นบ้าง.... คล้ายๆกับที่ ส่วนมากบอกให้คนจนทำกับข้าวเอง เลิกหวย บลาๆ นั่นแหล่ะครับ  (คนเรามันมีกิจกรรมผ่อนคลายไม่เหมือนกัน แต่อย่างว่าพวกนี้บางคนก็ไม่รู้จักคิดจริงๆ  แต่อย่าลืมว่าถ้าทุกคนฉลาด...รู้จักคิดกันหมด  เราจะหาใครมาเป็นชนชั้นแรงงานครับ ??) ดังนั้นที่โรงงานต้องทำก็คงมี 2 ทาง 1. อาจจะลดแรงงานลง 2. สร้างรายได้เพิ่ม สังคมแห่งการแข่งขัน ใครปรับตัวได้ก็อยู่รอดไปต่อไป แค่นั้นเอง จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:32:54

ความคิดเห็นที่ 34 พอดีเห็นส่วนมาก เอาแต่บอกให้คนจน ประหยัดอย่างโน้นอย่างนี้ ก็เลยขอเสนออีกมุมบ้างครับ ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้ออะไร แต่ก็ไม่ได้ตระหนี่เกินไป ปล. ว่าแต่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำนี่เรารู้เงื่อนไข ของรัฐบาลแล้วเหรอครับ ?   ว่าได้ทุกคน หรือว่าแค่แรงงานฝีมือ ?  เห็นบ่นกันจัง.... คนไหนที่มันทำงานแย่ๆเช้าชามเย็นชาม ก็จ้างออกเถอะครับ ผมว่า ถ้า 300จริง มันก็ทำให้เราสามารถหาคนงานใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 11:38:35

ความคิดเห็นที่ 35 ผมก็ไม่รู้นะว่านายจ้างมีภาระขนาดไหน แต่อย่างนึงที่เป็นสุภาษิตกันทุกยุคสมัยคือ อย่าทำนาบนหลังคน เข้าใจว่านายจ้างมีต้นทุนในการทำงาน แต่อย่างนึงที่เห็นอยู่คือ เวลามีกำไร ก็จะคิดแต่ว่าเป็นฝีมือตัวเอง คิดจะให้โบนัสกับลูกจ้าง หรือ คิดถึงผลประกอบการโดยรวมแล้วให้ลูกจ้างไม่ค่อยมี งานพวกใช้แรงงานเราดูถูกกัน ใครมาทำก็ได้ แต่จริงๆ แล้วในต่างประเทศ พวกงานตัดหญ้า ล้างจาน ทำไมเขาให้ค่าจ้างเยอะได้ เพราะเป็นงานที่ไม่มีคนทำ ถ้าคิดในอีกแง่มุมนึง คุณลดกำไรลง แล้วมาช่วยเหลือลูกจ้างให้มีชีวิตที่ดีขึ้น คุณไม่ต้องไปบริจาค หรือทำบุญไรเลย ทำบุญช่วยเหลือคนนี่แหละดีแล้ว ผู้ประกอบการที่ออกมาบอกว่าไม่คุ้มอยากให้แจงกันหน่อยว่า ถ้าจ้างเท่านี้ไม่คุ้มจะเอาเทคโนโลยีแบบไหนมาแทน หรือ จะไปจ้างแรงงานต่างด้าวแทน มีอีกหลายบริษัทที่เขาจ้างคนไทยและให้เงินเดือนได้ดี เกิน 300 บาทต่อวันด้วยซ้ำ ทำไมเขาทำได้ จริงๆ แล้วภาครัฐน่าจะเข้าไปตรวจสอบบริษัทพวกที่บอกว่าจ้างแล้วขาดทุนนะ ว่าเขาขาดทุนตรงไหน ไปดูบัญชีเขาเลย ให้สรรพากรไปดูเยอะๆ ผมเคยทำงานโรงงานเจ้าของเปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น ให้เงินเดือนเซลล์สูงๆ แต่กับลูกจ้างในโรงงาน แม้แต่ตู้น้ำดื่มหรือห้องน้ำกว่าจะทำให้ได้ก็เรียกร้องกันนาน นี่แหละความแตกต่างของชนชั้นของจริง จากคุณ : peggo เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 12:01:59

ความคิดเห็นที่ 36 #34 เห็นมีหลายท่านพูดคล้าย ๆ กับท่านในประเด็นที่ว่า เรื่องค่าแรงขั้นต่ำนี่เรารู้เงื่อนไข ของรัฐบาลแล้วเหรอครับ ?   ว่าได้ทุกคน หรือว่าแค่แรงงานฝีมือ ?  เห็นบ่นกันจัง.... ______________ ผมกลับคิดว่านี่เป็นอีกเรื่องที่แปลกแต่จริงสำหรับผม ตอนหาเสียงประกาศโครม ๆ ว่าจะทำอะไร แต่พอได้บอกว่าให้ฟังเงื่อนไขก่อน ถ้าบ้านเมืองมีแต่นักการเมืองอย่างนี้ ผมว่ามันก็คง..หายกันหมด (ขอโทษนะครับ ถ้าไม่สุภาพ นึกคำอื่นแทนไม่ออก) สำหรับผมเองผมคงยอมรับวิธีการอย่างนี้ไม่ได้หรอกครับ ไม่ว่านักการเมืองคนนั้นจะเป็นใครหรือฝ่ายใหนก็ตาม จากคุณ : KopSiam เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 12:07:10

ความคิดเห็นที่ 37 ก็คนที่เลือกส่วนใหญ่นึกว่าจะได้ทุกคนไง เคยไปฟังเรื่องที่ป้าคนกวาดถนนอยากได้ค่าแรงวันละ 300 บาท.. ก็เลยกาเลือกเบอร์ 1 ที่ห้องรัชดาครับ โทษนะครับ.. คำนิยาม ของคำว่า "ค่าแรงขั้นต่ำ" คืออะไร ไม่รู้ว่ารัฐบาลเข้าใจเหมือนที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 14:22:27 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 14:22:08 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 14:21:07

ความคิดเห็นที่ 38 คนที่เลือกเค้ายังไม่ออกมาเรียกร้องหรือเดือดร้อน คนที่ไม่เลือกโดนน้ำร้อนลวกกันมากกว่าอีกนะเนี่ย ค่าแรงขั้นต่ำ  300 จะขึ้นก็ขึ้นได้ ขึ้นรวดเดียวยิ่งดี ข้าวของมันคงไม่กระโดดขึ้นมากขนาดนี้ มัวขึ้นทีละ 5%ๆๆๆ ข้าวของขึ้นไปดักรอบละ 10-20% เหนื่อยใจ จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:44:01

ความคิดเห็นที่ 39 ที่จขกท. แจกแจง ผมเข้าใจว่าเป็นค่าครองชีพ กทม. แต่นโยบายมันของทั่วประเทศ แบบนี้เทียบกันลำบากครับ เพราะค่าครองชีพ ตจว. ต่ำกว่าเยอะ ถ้าบอกว่านโยบายคือค่าแรงขั้นต่ำ กทม. ว่ากันอีกทีครับ ปล. ผมว่านโยบายจะทำให้อัตราคนว่างงานสูงขึ้นครับ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:39:59

ความคิดเห็นที่ 40 พอบอกจะขึ้นค่าแรง ค่าสินค้ามันก็ขึ้นตามไปก่อนแล้ว ข้าวที่เคยกินจานละ 30 บาท ต่อไปก็อาจจะกลายเป็น 40 บาท แก้ปัญหาค่าครองชีพด้วยวิธีนี้ ผมเชื่อว่าค่าแรงไล่ตามค่าสินค้าไม่ทันหรอก แต่ผมก็เอาใจช่วยนะ ผมก็อยากเห็นจริงๆ ว่ามันจะเป็นยังไง ที่ผ่านมาเราก็ได้แต่พูดในแง่ของทฤษฎี เวลาจะขึ้นค่าแรงทีก็มีเหตุผลแบบที่ยกมานี่ประจำ ก็ลองดูสักตั้ง ขอให้สำเร็จเถอะ   คนจนรวย คนชั้นกลางก็ต้องรวยขึ้น คนชั้นสูงก็ยิ่งต้องรวย รวยกันทุกคน ก็ไม่มีใครเสียอะไร จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:11:32

ความคิดเห็นที่ 41 ่ระวังน๊า นายจ้างจะหันไปจ้างแรงงานต่างด้าวมาทำแทน เพราะค่าแรงถูกดี จากคุณ : Dr.modx เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:14:06

ความคิดเห็นที่ 42 ที่ๆ ผมทำอยู่ ค่าแรง 215 รวมโอที อีก 4 ชั่วโมง รวมเป็นเงิน161.25+215=376.25 บาท รายได้ต่อเดือนของแรงงานขั้นต่ำคือ 11287.5 บาท ทำโอข้าวเย็นฟรี ข้าวเที่ยงฟรี ที่พักฟรี คนงานมีค่าใช้จ่าย เฉพาะ แล็คตาซอย  1 กล่องตอนเช้า จากคุณ : thirawhut เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:20:25

ความคิดเห็นที่ 43 เมืองไทยอัตราส่วนคนรวย/คนจน มันห่างกันมาก ลดช่องว่างก็เป็นสิ่งที่ดี ส่วนคนงานอู้ขี้เกียจหรือยังไง อันนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกรับคนแล้ว จากคุณ : 3N เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:50:19

ความคิดเห็นที่ 44 "ทีทีแอลกรุ๊ป" จากฮ่องกงประกาศโละคนงานบริษัทไทยการ์เมนต์ฯ ที่ปราจีนบุรีร่วม 700 คน พร้อมทบทวนแผนลงทุนในไทย นายสุกิจ  คงปิยาจารย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ให้ความเห็นกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกรณีว่าที่รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ประกาศจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน ทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2555 มองว่าจะเป็นการนับถอยหลังการเลย์ออฟ หรือทยอยเลิกจ้างคนงานและพนักงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานอย่างเข้มข้นมีผู้เกี่ยวข้องร่วม 1 ล้านคน ทั้งนี้จากค่าจ้างที่จะปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือเพื่อชดเชยภาระผู้ประกอบการได้ ต้นทุนของผู้ประกอบการจะสูงขึ้นมาก และจะทำความสามารถในการแข่งขันจะลดลงอย่างมาก จะมีการปรับลดขนาดธุรกิจ หรือปิดกิจการในที่สุด  อีกด้านหนึ่งผู้ประกอบการที่มีศักยภาพจะทยอยออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น เช่น เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา ที่ยังมีแรงงานเป็นจำนวนมาก และค่าจ้างยังถูกกว่าไทย ซึ่งจะไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจเขาแทนที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย "เราจะพยายามสื่อถึงว่าที่รัฐบาลใหม่ว่า การปรับขึ้นค่าแรงลูกจ้างจะได้ประโยชน์ระยะสั้น  แค่ 6 เดือน หรือ 1 ปี หลังจากนั้นเตรียมตกงานได้เลย เพราะนายจ้างจะอยู่ไม่ได้ และจะส่งผลให้ภาครัฐต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือคนตกงานมากขึ้น" ด้านนายสมบูรณ์  เจือเสถียรรัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยการ์เมนต์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด กล่าวว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 300 บาทต่อวัน ถือเป็นการปรับที่ก้าวกระโดดมาก เพราะปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยต่ำสุดทั่วประเทศอยู่ที่ 167 บาทต่อวัน และในเขตกรุงเทพฯ อยู่ที่ 215 บาทต่อวัน หากปรับเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท ในข้อเท็จจริงนายจ้างจะต้องแบกรับภาระจ่ายสูงกว่านั้น เพราะยังมีค่าทำงานล่วงเวลา(โอที)อีก ซึ่งจากการคำนวณ 1 วันคนงานทำงาน 8 ชั่วโมง หากคำนวณที่ 300 บาท/วัน ตกชั่วโมงละ 37.50 บาท ส่วนค่าโอทีหากคิดที่ 2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งต้องจ่าย 1.5 เท่าของค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมง นายจ้างต้องจ่ายเพิ่มอีก 112.50 บาท ( คำนวณจาก 37.50 บาท คูณ 1.5 เท่า คูณ 2 ชั่วโมง) รวมต้องจ่ายถึง 412 บาทต่อวัน "การปรับค่าแรงแม้จะเป็นผลดีต่อลูกจ้าง แต่ก็ต้องเห็นใจนายจ้างที่ต้องอยู่รอดด้วย จากปัจจุบันต้นทุนด้านนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของต้นทุนในภาพรวม ซึ่งหากเทียบกับประเทศคู่แข่งขันแล้ว เราสูงกว่าเขามาก ลูกค้าก็จะตัดสินใจไปสั่งซื้อประเทศอื่นแทนจากเวลานี้ก็แข่งขันค่อนข้างลำบากและมีกำไรค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว" นายสมบูรณ์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มในภาพรวมประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมาต่อเนื่อง รวมถึงมีปัญหาประสิทธิภาพผลผลิตของแรงงานไทยค่อนต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างจีน เวียดนาม มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย เพราะแรงงานไทยไม่ค่อยใฝ่เรียนรู้ ไม่ค่อยขยัน และเปลี่ยนงานบ่อย รวมถึงผลจากบีโอไอของไทยห้ามใช้แรงงานต่างด้าว จากหลายเหตุผลที่กล่าวมา ล่าสุดผู้บริหารของทีทีแอลกรุ๊ปที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไทยการ์เมนต์ได้ตัดสินใจจะปลดพนักงานในโรงงานผลิตของไทยการ์เมนต์ที่จังหวัดปราจีนบุรี ออกประมาณ 600-700 คน จากที่มีอยู่ 1,500 คน ในสิ้นเดือนนี้ (ไทยการ์เมนต์มีโรงงานอยู่ 3 แห่ง ที่นนทบุรี สมุทรสาคร และปราจีนบุรี) โดยจะย้ายไลน์ผลิตสินค้าตัวหนึ่งไปผลิตที่โรงงานในเครือที่ประเทศจีน และมาเลเซีย ที่สามารถผลิตได้ดีกว่า และต้นทุนที่ถูกกว่าแทน "ทีทีแอลบริษัทแม่ของเรากำลังจับตามองว่านโยบายของรัฐบาลไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องค่าแรงที่ปรับขึ้นอาจมีผลต่อการทบทวน และตัดสินใจทำธุรกิจในเมืองไทย" แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับขึ้นค่าแรงถือเป็นการบีบให้ผู้ประกอบการออกไปลงทุนต่างประเทศ และต่อไปผู้ประกอบการก็จะให้ความสนใจในการออกไปลงทุนสร้างความเจริญเศรษฐกิจในต่างจังหวัดของไทยลดลง เพราะค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ จากอดีตจะมีความเหลื่อมล้ำกันเพื่อจูงใจให้ออกไปลงทุน นอกจากนี้จะทำให้เกิดการเรียกร้องปรับขึ้นค่าแรงไม่รู้จบ เพราะเมื่อค่าจ้างขั้นต่ำแรกเข้าของคนงาน ได้ถึง 300 บาทต่อวัน พนักงานที่มีประสบการณ์ที่มีอยู่เดิมก็จะเรียกร้องปรับขึ้นบ้าง จากเดิมในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มพนักงานใหม่รายวันจะจ่ายค่าจ้างตามประสิทธิภาพของงานที่กำหนด เช่น ทำได้ 70% ใน 8  ชั่วโมงก็จะได้ตามค่าจ้างขั้นต่ำ แต่หากมีประสิทธิภาพงานสูงตามข้อกำหนดก็จะได้ค่าจ้างมากกว่า ส่วนในคนงานเก่าที่มีอยู่เดิม จะจ่ายตามอายุงาน ซึ่งอาจทำงานมาแล้ว 10-30 ปี ในส่วนนี้เป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือสูง และมีประสิทธิภาพการผลิตสูง จะได้ค่าแรงรายวันมากกว่า ซึ่งค่าแรงนี้เรียกว่า ค่าแรงติด เช่นในปีนี้อยู่ที่ 320 บาทต่อวัน ได้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีอีก 5 บาทต่อวัน ก็จะได้รับ 325 บาทต่อวัน(ไม่รวมโอที) ในปีต่อๆไปก็จะมีค่าแรงติดตัวสะสมไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของคณะกรรมการไตรภาคีอยู่แล้ว ขณะที่การปรับขึ้นเงินเดือนคนจบปริญญาตรีของว่าที่รัฐบาลใหม่ก็จะส่งผลให้พนักงานที่จบปริญญาตรีที่มีอยู่เดิมเรียกร้องขอปรับบ้าง ซึ่งผู้ประกอบการจะอยู่ยากหากขายสินค้าไม่ได้ และไม่มีกำไร แม้รัฐบาลจะช่วยลดภาษีรายได้นิติบุคคลจาก 30% ลงเหลือ 23%  ก็คงช่วยไม่ได้ ส่วนนายชัยพงศ์  เวชมามณเฑียร ประธานกรรมการบริหาร ลิเบอร์ตี้กรุ๊ป กล่าวว่า จากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และยังเตรียมปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด บริษัทจะหันไปขยายการลงทุนในเวียดนาม และอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น โดยที่เวียดนามซึ่งปัจจุบันทางกลุ่มมีโรงงานผลิตเสื้อผ้าอยู่ 1 โรง มีคนงาน 3,500 คน ในปี 2555 จะขยายในเฟสที่ 3 เพิ่มจ้างงานเป็น 5,000 คน และโรงงานที่อินโดนีเซีย ปัจจุบันในเฟสแรกมีคนงาน 700 คน จะขยายในเฟสที่ 2 เพิ่มจ้างงานเป็น 1,500 คน ส่วนโรงงานในเมืองไทยที่มีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ ปราจีนบุรี และร้อยเอ็ด ในอนาคตหากฐานการผลิตในเมืองไทยไม่สามารถแข่งขันได้อาจเปลี่ยนสภาพโรงงานหรือปรับสภาพพื้นที่ไปทำอย่างอื่น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:51:44

ความคิดเห็นที่ 45 ต่างจิตต่างใจ ขึ้นอยู่กับมุมมอง คนที่ค้านตะพึดตะพือ อย่าง "หมอก้อนหิน" นั่น อธิบายอย่างไร เขาก็ไม่ฟัง เพราะความคิดที่มีอีโก้สูง ตัวเองถูกอย่างเดียว ฝ่ายเดียว สำหรับเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท โดยปกติแล้วโรงงานทั่วไป ต้นทุนที่แฝงอยู่ในค่าแรงอยู่ที่ 5 - 15% (คุณโทรไปถามฝ่ายบุคคลได้) นั่นหมายถึง หากค่าแรงขึ้นจาก 215 ไปเป็น 300 นั่นคือขึ้นไป 40% จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นระหว่าง 2 - 6% แต่ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ในสัดส่วน 5 - 15% นั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำไปเสียทั้งหมด เพราะฉะนั้นต้นทุนที่ผมคำนวณให้ไปที่ว่า จะไป impact 2 - 6% จริง ๆ แล้วจะน้อยกว่านี้ แต่เท่าไรขึ้นอยู่กับสถานประกอบการนั้น ๆ แต่สำหรับการขึ้นค่าแรง ที่จะไปกระทบกับต้นทุนของผู้ประกอบการที่ได้กล่าวมาข้างต้น รัฐบาลก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ โดยการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง ซึ่งไม่ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเลยหรือไร อีกประเด็นที่สำคัญคือ การที่พนักงานระดับล่างมีรายได้เพิ่มขึ้น ตัวนี้จะไปเพิ่มเงิน และกำลังซื้อในระบบ ให้กลับคืนสู่โรงงานผู้ผลิตมากขึ้น ศก.ประเทศก็ดีขึ้นตาม ด้วยการเสียสละของผู้ประกอบการ ที่ต้องการเห็นการพัฒนาของประเทศ และสิ่งสุดท้าย คุณ และอีกหลา่ย ๆ คน ทำไมไม่นึกถึงคนที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้เขาลืมตาอ้าปากได้บ้าง คุณสนใจแต่ผู้ประกอบการ และบางครั้งก็เอาตัวเลข แบบบางทีผมเห็นแล้วตลก บอกว่า ขึ้นค่าแรง จาก 215 เป็น 300 บาท จะทำให้ของแพงขึ้น 40% พวกนี้นี่ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาว่าดี บิดเบือนเสียไม่ีมี และบางที คุณก็ประนามพนักงานระดับล่างว่า ทำงานไม่เต็มที่ ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย ทำงานมีความรับผิดชอบ ขอโทษที พนักงานทำความสะอาดห้องน้ำเขา ทำงานแค่คนเดียว เลี้ยงเมีย เลี้ยงลูกได้สบาย เที่ยวต่างประเทศได้อีกด้วย แน่นอนด้วยความกดดันที่น้อยกว่าคนไทย เขาจึงทำงานได้เต็มที่กว่าคนไทยทำมากมาย สำหรับคนไทย ทำงานใกล้เสร็จ อ้าวต้องรีบ เพราะต้องไปรับจ๊อบต่อ ค่าเทอมลูกต้องจ่าย แล้วอย่ามากระแดะเลยว่า นโยบายรัฐบาลเรียนฟรี ถ้ามันมีเรียนฟรีจริง คงไม่มีข่าว แม่เครียดโดดตึุกตายเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก ซึ่งลูกเขาเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพฯ นะ อยู่แถวสายสองนี่เอง คนญี่ปุ่นทำงานร้านอาหารธรรมดา ค่าแรงชม.ละ 500 บาทเทียบเป็นเงินไทย พนักงานสตาร์บัคอเมริกัน ค่าแรงชม.ละ 240 บาท (8 เหรียญ) กาแฟสตาร์บัคอเมริกันก็แก้วละ 150 บาทพอกันกับเมืองไทย ทำไมเขาจ้างได้ แล้วทำไมเมืองไทยจ้างไม่ได้ พนักงานทำงานในโรงงานเยอรมัน ค่าแรงชม.ละเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเดือนนึงรับ 100,000 บาทขั้นต่ำ บินมาเที่ยวพัทยากันโครม ๆ หากพวกคุณยังกดแรงงานไว้อยู่อย่างนี้ ประเทศไทยมันจะไปพัฒนาได้อย่างไร   คุณจะเห็นใจแต่ผู้ประกอบการ โดยไม่สนใจแรงงานอย่างนั้นหรือ คุณไม่สงสารคนไทยด้วยกันหรืออย่างไรคับ จากคุณ : ขอแฟนรวย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:57:51

ความคิดเห็นที่ 46 สงสาร ก็จัดไปวันห้าร้อยเป็นไง ? สามร้อยจะไปพอยาไส้อะไร ? จากคุณ : Ibeye เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:11:58

ความคิดเห็นที่ 47 คะแนนเสียงอยู่ ตจว  แต่ขึ้นเฉพาะ กทม ฮ่าๆๆ ขำกลิ้งลิงกับหมา ฮิฮิ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ เด็กอมมือ หมายถึงมาร์คนะครับ  :-) จากคุณ : abyss_x เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:13:09

ความคิดเห็นที่ 48 บางทีเจ้าของกระทู้จะมองเฉพาะมุมมองของลูกจ้าง ไม่มองภาพรวม ที่หลายๆ คนห่วงการขึ้นเงินค่าจ้าง ไม่ใช่เพราะว่ากลัวว่ากิจการจะได้น้อยลง แต่กลัวว่าจะไม่มีกิจการเลยมากกว่า ถ้ามองในมุมมองของเจ้าของกิจการ ต้นทุน 100 บาท สมมุติว่า เอาไปลงทุนอื่น ได้ผลตอบแทน 20% แต่เอามาทำกิจการเอง ได้ผลตอบแทน 50% ต่อมารัฐปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ ทำให้กำไรลดลงเหลือ 15% ตามหลักเศรษศาสตร์ ยังไง เจ้าของก็ต้องไปลงทุนอย่างอื่น เพราะได้ผลตอบแทนเยอะกว่า เพราะการทำธุรกิจ ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์ที่จะต้องทนทำต่อไป ทั้งๆที่มีการลงทุนแบบอื่นที่ดีกว่า ถ้าเป็นบริษัทต่างชาติมาลงทุน ต้นทุนสูงขึ้นเขาก็ไปหาที่ใหม่ ถ้าส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ ขายแพงกว่า คุณภาพเท่ากัน ใครจะซื้อ ปล. ผมเป็นลูกจ้างครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 18:18:34 จากคุณ : remem เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:18:10

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 45 ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีกอย่างคือวัตถุดิบครับ เพราะถ้าขึ้นเงินเดือน วัตุดิบก็ต้องแพงขึ้นด้วย และการเพิ่มเงิน ต้องเพิ่มทั้งระบบครับ ไม่ได้เพิ่มเฉพาะคนที่ได้ต่ำกว่า 300 ครับ จากคุณ : remem เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:24:50

ความคิดเห็นที่ 50 เท่าที่จขกท.ได้แจ้งรายการค่าใช้จ่ายมาไม่ถูกต้องทั้งหมดนะคะ. ตัวอย่าง กรณีคนงานก่อสร้าง ค่าเช่าบ้าน+น้ำ+ไฟ  นายจ้างต้อง รับหน้าที่จัดสร้างแคมป์ให้อยู่ จ่ายค่าน้ำ+ไฟให้  ดูแลสวัสดิภาพ รักษาพยาบาล กรณีเกิดอุบัติเหตุในงาน และเจ็บป่วยทั่วไปตามสมควร.. ค่าเดินทางไม่มีแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ที่อยู่จะอยู่ใกล้ไซท์ที่ทำงาน หากต้องมีการไปทำงานนอกสถานที่ ก็เป็นหน้าที่ของนายจ้างที่จะต้อง หารถรับส่งไปกลับ ทำงานเกินเวลาที่กำหนดต้องมีการจ่ายOTชดเชย ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของคนงาน  จึงเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับ งานที่ทำ  จึงเรียนมาเพื่อทราบค่ะ.                     จากคุณ : werasiri เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:27:51

ความคิดเห็นที่ 51 ถามหน่อยนะว่า คนที่เข้ามาคัดค้าน ตัวคุณเองน่ะ จะทำมั้ย วันละ 300 บาทน่ะ จากคุณ : Louiz เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:30:33

ความคิดเห็นที่ 52 ผมก็เป็นลูกจ้างครับ เกือบโดนส่งไปทำงานอินโด โชคดีที่ไม่ได้ไป น้องพนักงาน(labor)รายได้ต่อเดือน ประมาณ 12,500 (ค่าแรง+ot รถรับส่งฟรี โบนัสปลายปีเฉลี่ย 2-4เดือน) กินเที่ยวปกติ ผู้ประกอบการร้านเหล้าแถวนี้เจริญครับผุดเป็นดอกเห็ด ไม่ว่าจะกินใช้ สังสรรค์ได้ เศรษฐกิจในจังหวัดดี คนรวย(ผู้ประกอบการ)เพิ่มขึ้น คิดดูครับแรงงานระดับล่างเค้าได้เงินเค้าใช้จ่ายไม่ได้เอาเงินไปเก็บในกรุเหมือนคนรวย จริงๆสมควรไหมก็ไม่สมควร เพราะถ้าออกไปจะเอาเงินที่ไหนทำทุน แต่อย่างว่าครับทุกคนต้องผึ่งพาอาศัยกัน ลูกน้องทำงาน ผู้ประกอบการมีหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริมการทำงาน แบบนี้ถึงจะไปด้วยกันรอด แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มีลูกน้องเหมือนมีทาส กรูจ่ายเงินเมิงทำงาน เมิงไม่ทำเมิงอด แบบนี้ซื้อใจลูกน้องไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่อยากลำบากใจเป็นผู้ประกอบการ ก็ซื้อหุ้นลงทุนอย่างเดียว ไม่ก็ทำธุรกิจแบบ จ้างผู้จัดการดูแลตัวเองมีหน้าที่ดูแลผลประกอบการอย่างเดียว ใช้ระบบการวัดผลประเมิน เจ้าของกิจการส่วนตัวต่างจากกิจการขนาดใหญ่ที่ความเป็นระบบกิจการขนาดใหญ่ทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว จากคุณ : เขียนบน iPhone (opar156) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:45:55

ความคิดเห็นที่ 53 ถามคนที่เห็นด้วยอะครับ ถ้าธุรกิจคุยอยู่ไม่ได้เพราะ 300 คุณจะทำต่อหรือป่าวครับ ผมไม่ได้คัดค้านหัวชนฝานะ แค่อยากให้แต่ละพื้นที่ค่าแรงปรับตามค่าครองชีพ ไม่เช่าเหมาเข่ง แบบนี้มันประชานิยมเกิน จากคุณ : Nioka เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:54:35

ความคิดเห็นที่ 54 ถามคนที่เห็นด้วยอะครับ ถ้าธุรกิจคุยอยู่ไม่ได้เพราะ 300 คุณจะทำต่อหรือป่าวครับ ผมไม่ได้คัดค้านหัวชนฝานะ แค่อยากให้แต่ละพื้นที่ค่าแรงปรับตามค่าครองชีพ ไม่เช่าเหมาเข่ง แบบนี้มันประชานิยมเกิน จากคุณ : Nioka เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:54:35   คุณอย่ามองข้ามสเตปสิ เขาก็คำนวณมาแล้วว่า หากธุรกิจคุณปรับตัว มันก็อยู่ได้ แต่อย่าไปดูพวกการ์เมนท์ทำส่งออกแข่งกับกัมพูชา เวียดนามนะ อันนั้นไม่ขึ้นค่าแรง โดยตัวมันเองก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว จากคุณ : ขอแฟนรวย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:03:38

ความคิดเห็นที่ 55 ผมอายุ 17 ครับ ยอมรับว่า ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกะเรื่องพวกนี้ ว่าขึ้นค่าแรงแล้ว จะไปกระทบต่อธุรกิจอะไรที่ไหนยังไง     คือผมลองคิดของผมนะ    ถ้าไม่ถูกใจขออภัย    ค่าจ้างวันละ  300  บาท * 1 เดือน  30  วัน  เท่ากับหัวหนึ่ง    9000  กว่า บาท     ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่ได้เยอะอะไรแฮะ   ผมพูดในเรื่อง เงินเดือน 9 พันต่อคนไทย  1 คน นะครับ     แล้วผมลองไปดู สังคมรอบข้าง  ครอบครัวผมเปิดร้านทอง  ผมอายุ 17 ลูกชายร้านทอง  กำลังฝึกงานตามเฮีย ป๋าป๊าอยู่  ยอมรับว่าวิจารณ์เรื่องนี้ไม่เต็มปากนัก       แต่อยากจะบอกว่า  พนักงาน พวกช่างทอง พวกเฝ้าหน้าร้านขายทอง พวกยาม พวกนี้  เงินเดือน หมื่น ขึ้นทั้งนั้น       ช่างทอง  12  คน   คนละ 11000   ประมาณนี้       พนักงานเฝ้าหน้าร้าน  4 คน   11000  เหมือนกัน       มียามเฝ้าหน้าร้าน     9500    คน       ถ้าจ้างจาก บริษัท ยาม  ก็ประมาณ 8000  แต่นี่ คนรู้จักกัน เลยให้มาเป้นยาม  9500                คืออย่างที่บอก ผมเป็นลูกช่างทอง  ไม่ได้เป้นลูกบริษัทอื่น  ยอมรับว่าวิจารณ์เรื่องนี้ลำบาก  เพราะมันไม่เหมือนกัน... เน้อ    เรื่องค่าจ้าง เป็นเรื่องข้อตกลงระหว่าง นายจ้าง กะลูกจ้าง  เรื่องนี้เห็นด้วยนะครับ         คือแค่อยากมาแสดงความเห็นที่ว่า 300 บาท ต่อหัว เท่ากับเดือนละ 9 พัน ต่อหัว ส่วนตัว คิดว่า ถือว่าไม่มากเท่าไหร่นะ ครับ     ผมคิดว่าถ้ารัฐบาล คุณปู บริหารประเทศ เศรษฐกิจให้มันดีเหมือน ยุคพี่ชาย  อดีตนายกทักษิณ  พ่อค้าแม้ค้า ขายของดี   คือพูดง่ายๆ บ้านเมืองเศรษฐกิจดี  ท่องเที่ยวคล่อง ต่างชาติมาเที่ยวเยอะ ว่างั้นเถอะ  ค่าหัวละ 300 ต่อวัน - 9 พันต่อเดือน  ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้   สรุป   ทำให้เศรษฐกิจดีก่อนเถอะจร้า เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที  คามเห้นส่วนตัวเด้ออออ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 19:14:04 จากคุณ : panra09 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:08:49

ความคิดเห็นที่ 56 ในความเป็นจริง คนที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำคือกรรมกร ซึ่งนายจ้างมักมีที่อยู่ให้ฟรี ดังนั้นไม่ต้องมีค่าเช่า ไม่มีค่าเดินทาง บางทีไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟด้วย ส่วนค่าอาหาร เขาคงไม่ซื้อข้าวแกงมื้อละ 35-40 บาททานทุกวันหรอกค่ะ ส่วนมากหุงข้าวเอง ห่อข้าวไปทานตอนกลางวัน ซื้อแกงคนละถุง แบ่งกันทานในกลุ่ม ประหยัดเงินได้เยอะ ข้าวเย็นถ้าทำโอที นายจ้างเลี้ยงข้าวเย็นอีก และถ้าทำงานจนลูกอายุ 14 แล้วยังเป็นกรรมกรได้แค่ค่าแรงขั้นต่ำอยู่อีกนี่ แสดงว่าไม่มีการพัฒนาฝีมือการทำงานเลย ความจริงถ้าขวนขวายหน่อย ทำไป 2-3 ปี ก็สามารถพัฒนาเป็นช่างปูน ช่างไม้ ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว บางคนทำนานหน่อยก็ได้เป็นหัวหน้าคนงานเลย จากคุณ : Saeba Ryo เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:17:40

ความคิดเห็นที่ 57 เริ่มมาบอกว่าให้เฉพาะ 300 ใน กทม.แล้วไง  ๕๕๕ ทั้งที่คน กทม.เลือกน้อยกว่า ตจว. อย่างงี้คนยิ่งแห่กันมาเข้า กทม. แทนที่กระจายให้กลับไปทำงานตามท้องถิ่น  สารพัดปัญหาจะยิ่งติดตามมา แล้วคนไม่มีเงินเดือนอย่างเราทำไงดีล่ะ  แต่ต้องจ่ายรายจ่ายเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ  จนกว่าเดิมอีก ขนาดยังไม่ขึ้น 300 ข้าวของก็แพงจนเวลาซื้อต้องกัดฟันซื้อแล้ว  เชื่อว่าคนที่ไม่ได้อยู่ใรระบบเงินเดือนประเทศนี้เยอะกว่า อย่างชาวนา ชาวไร่ เงินเดือนไม่ขึ้น แต่ต้องจ้ายข้าวของแพงขึ้น  มีแต่คนจะจนลงไม่ใช่รวยขึ้น หนี้สินท่วมหัวแน่  ได้เงินเพิ่มขึ้นแค่ใช้ไม่เป็น ใช้มากขึ้น  มันแย่กว่าไหม จะได้กินต้มยำกุ้งอีกรอบซะละมัง  สังหรณ์ตงิดๆ แล้วค่าแรงก็คงลงไปสู่สภาพความเป็นจริงในที่สุด  ถึงตอนนั้นจะเละตุ้มเป๊ะแล้วขนาดไหนก็สุดจะเดา แค่คำหาเสียงของนักการเมืองมันจะทำได้จริงจังแค่ไหน  บริษัทในเครือชินน่าจะเป็นแม่แบบนำร่องทำให้ดูก่อนบริษัทอื่นนะ  ไปรอดไม่รอดค่อยออกมาเป็นนโยบายยังไม่สาย จากคุณ : เจ้าชายน้อย (^-^) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:19:11

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นด้วย จากคุณ : หอกข้างแคร่ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:24:50

ความคิดเห็นที่ 59 ไม่จบที่ 300 หรือ 15,000 นะครับ คนเก่าเค้าก็ต้องหวังเหมือนกัน ทำมานานเพิ่งได้ 15,000 รับคนใหม่มาก็ได้เท่ากัน บริษัทก็ต้องปรับเงินเดือนคนเก่าให้สูงขึ้นไปอีก แล้วก็ไปกระทบคนที่อยู่ในอัตรานั้นอีก ก็ต้องปรับขึ้นไปอีกเป็นลูกโซ่ เพื่อขวัญและกำลังใจของคนที่ทำงานมานานก็ต้องรักษาระยะห่างค่าจ้างด้วย จากคุณ : natureZ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:38:19

ความคิดเห็นที่ 60 อะไรก็จะให้เขาประหยัด จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจหัวอกคนจน ที่ต้องงานใช้แรงงานหลังขดหลังแข็ง ยืนจนขาชา เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด คนเราทุกคนก็อยากมีอยากได้กันทั้งนั้น อยากมีความสุขส่วนตัว เงิน215บาทเก็บนานเท่าไรถึงจะได้หมื่น เก็บนานเท่าไรถึงจะมีทุนทำธุระกิจ แล้วจะไม่ให้เขาซื้อเครื่องใช้ใดๆเพื่อความสุขของเขาบ้างหรือ หรือว่าพวกเขาต้องเก็บหอมรอมริบไปจนตาย มันไม่เหมือนคนรวยหรอกครับที่เขามีเงินซื้อได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ แค่ดอกเบี้ยก็จะใช้ไม่หมดแล้วเงินที่ได้มาก็เก็บอย่างเดียวเขาไม่ได้ประหยัดหรอกแต่มันเหลือเฟือจนไม่รู้จะซื้ออะไรแล้ว ถ้าเพิ่มข้าแรงเป็นสามร้อยไม่ทำให้ผู้ประกอบการจนหรอก คอยดูสิ จากคุณ : dragbike2002 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:44:32

ความคิดเห็นที่ 61 ผมอยากให้คิดเรื่องลดคอร์รัปชั่นไปด้วย ถ้าแก้ตรงนี้ได้ผู้ประกอบการก็มีค่าใช้จ่ายลดลงและพวกโครงการของรัฐทั้งหลาย ถ้าไม่มีคอร์รัปชั่นเงินพวกนี้เอากับมาชดเชยตรงนี้ได้ อีกประเด็นที่ไม่ค่อยมีคนพูดกันคือเรื่องปัญหาสังคม ถ้ารายได้ครอบครัวดีขึ้นคุณภาพชีวิตดีขึ้นปัญหาสังคมก็อาจลดลง ส่วนเงินรายได้ที่เพิ่มขึ้นมันก็กลับมาใช้จ่ายหมุนในระบบมีผลทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้นไปด้วย ผมเห็นด้วยในหลักการแต่ห่วงเรื่องวิธีการครับ อีกอย่างที่อยากให้รัฐลงไปดูเรื่องกองทุนประกันสังคม ตอนนี้ก็เก็บมานานแล้วมีตัวเลขทั้งรายรับกับรายจ่าย(ชดเชย)พอที่จะเอามาคิดว่าปัจจุบันเก็บมากเกินไปหรือเปล่าทั้งฝ่ายนายจ้างกับลูกจ้าง ถ้าลดตรงนี้ได้โดยผลประโยชน์เท่าเดิม เอาส่วนของนายจ้างที่ต้องจ่ายให้ประกันสังคมมาจ่ายให้ลูกจ้างแทนซึ่งถ้ารวมของส่วนลูกจ้างที่ลดลงไปด้วยเท่ากับลูกจ้างรายได้เพิ่มขึ้นโดยที่ไม่กระทบต่อนายจ้างมากนัก จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:53:09

ความคิดเห็นที่ 62 ขอยกที่ตอบอีกกระทู้มาตอบนะครับ ____ ดูท่าจขกท.ไม่มีความรู้เรื่องแรงงานจริงๆ งั้นผมจะขออธิบายให้จขกท.ฟังตามนี้นะครับ โรงงานขนาดใหญ่นั้นพนักงานมีค่าครองชีพต่ำกว่าที่จขกท.ยกมาเยอะมากครับ 1.ค่าเดินทาง โรงงานขนาดใหญ่จะมีรถรับส่งพนักงานฟรี บางโรงงานแถบนิคมนวนครหรือบางปะอินมีรถบัสรับส่งพนักงานโรงงานเดียวเกินร้อยคัน ขอบเขตที่ครอบคลุมนั้นไกลถึงสิงห์บุรี หรือถ้าเข้ามาลึกในกทม.ก็ถึงรามคำแหงเลยล่ะ บางที่ี่ไม่มีรถรับส่งก็จะมีสวัสดิการอื่นทดแทน เช่นมีหอพักราคาถูกหรือฟรีให้ ไม่งั้นก็จะมีค่ารถรับส่งให้ ถ้าเป็นโรงงานเล็กจริงๆอาจจะให้พักในโรงงานเลยก็ได้ครับ 2. ค่าอาหาร โรงงานไหนที่จขกท.ไปดูมาแล้วไม่มีค่าอาหารให้พนักงานเป็นเงินพิเศษต่อวันบ้างครับ? โรงงานอาหารบางที่นั้นสวัสดิการอาหารดีมาก ตัวอย่างดีที่สุดคือโรงงานไก่โรงนึงขายต้มข่าไก่ถ้วยละ 4 บาทให้พนักงาน ปริมาณไก่นั้นพูนแทบจะล้นถ้วยเลยล่ะครับ(อันนี้ตัวอย่างดีแบบสุดโต่ง) โรงงานที่ผมเคยไปดูมาที่ไม่มีการช่วยเหลือค่าอาหารก็พอมี แต่ไม่ใช่ในไทยครับ 3. ค่าเช่าบ้าน คุณต้องไม่รู้อะไรเรื่องแรงงานจริงๆแหละถึงได้บอกว่าถูกๆเนี่ยสามพันบาท -*- 4. ค่าเบ็ดเตล็ด รวมทุกอย่างทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เสื้อผ้า ผ้าอนามัย สบู่ แชมพู บุหรี่ ฯลฯ มีเงินเก็บเหลือ ก็ยังไม่ถึงวันละ 100 บาทครับ ที่คุณยกมาทั้งหมดเขาเรียกว่า Living wage ครับ คือค่าครองชีพขั้นต่ำที่สุดที่แรงงานจะอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีระดับหนึ่งได้ โรงงานใหญ่ๆเขาทำสำรวจอยู่แล้วครับไม่งั้นแรงงานหนีหมด ไม่มีคนทำงานกันพอดี แล้วเมื่อโรงงานใหญ่ๆกำหนดค่าแรงไว้ระดับนึงมันก็มีผลกระทบต่อแรงงานในย่านนั้นทั้งหมดเพราะถ้าไม่จ่ายตามราคาโรงงานใหญ่คนงานก็จะหนีไปโรงงานใหญ่หมดครับ ค่าแรงที่คุณว่าแรงงานมีไม่พอใช้ มีลูกหลานจะทำอย่างไร? จะบอกให้ว่าแรงงานที่มาทำงานโรงงานจริงๆเขาให้พ่อแม่ที่บ้านต่างจังหวัดดูแลลูกให้ครับ ส่วนน้อยที่เลี้ยงเอง และถ้าเลี้ยงเองจนอายุ 14-16 ปีตามที่คุณยกมาส่วนใหญ่มีความสามารถหาเงินได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำแล้วครับ เด็กโรงงานที่ขยันและออมเงินเก่ง สามปีเขาส่งเงินไปปลูกบ้านที่ต่างจังหวัดได้แล้ว คนออฟฟิศหลายๆคนยังออมเงินสู้เด็กพวกนี้ไม่ได้เลยครับ เด็กบางคนเก็บเงินไปซื้อที่ปลูกยางแถวบ้าน ตอนลาออกคือหาเงินได้เดือนละหลายหมื่นแล้ว เรื่องแบบนี้คุณเคยรู้บ้างมั้ยครับ? จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 20:10:39

ความคิดเห็นที่ 63 บอกว่าขอพูดแทนผู้ใช้แรงงาน แต่คุณไม่รู้จริง อย่าจินตนาการเอา อย่าคิดไปเอง แรงงานสมัยนี้ถ้าไม่มีโอทีเขาไม่ทำงานกันนะครับ มาคิดว่าค่าแรงเดือนนึงได้ 7,500 แบบฝันกลางวันนี่ตลกมากครับ โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ช่วงงานซบเด็กอาจจะได้ราวๆนี้ แต่ช่วงงานชุกๆเนี่ยคุณเคยเห็นแรงงานรับสลิปเดือนละ 18,000 มั้ยครับ? ผมเคยเห็นผมพูดได้ แต่จขกท.น่ะเคยเห็นมั้ยครับ? เคยคิดบ้างรึเปล่าว่าจะเกิดการนำเครื่องจักรมาทดแทนในโรงงานใหญ่ ส่วน SME ที่สู้ไม่ได้จะล้มไป ค่าแรงแรงงานที่เพิ่มต่อคนสูงขึ้นแต่แลกด้วยอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น อุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน สุดท้ายแรงงานระดับล่างได้ประโยชน์จริงเหรอครับ? ไทยอัตราว่างงาน 0.7 แต่ไม่พอใจ อยากได้อย่างอเมริกา ดินแดนที่คนจบด็อกเตอร์เคยทำงานระดับผู้อำนวยการพอตกงานแล้วหางานทำไม่ได้ต้องไปสมัคร McJob ไม่ก็รับคูปองปันส่วนอาหาร อัตราการเพิ่มขึ้นของงานทั้งประเทศประจำไตรมาสไม่เท่าโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ในจีนที่เดียว (ตัวเลขจำแน่นอนไม่ได้ ไม่ใช่ควอเตอร์นี้มีอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นราวๆ 180,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่า Foxconn ในจีนโรงงานเดียวซะอีก) นโยบายนี้ผมเห็นปัญหาผมก็วิจารณ์สิ คุณไม่รู้เรื่องอะไรยังพูดได้แล้วทำไมเรื่องแรงงานที่ผมรู้เยอะกว่าคุณผมจะพูดไม่ได้ล่ะครับ? ที่พูดก็พูดเพราะความเป็นห่วง ตอนนี้โรงงานใหญ่ๆหลายที่เตรียมนำเครื่องจักรมาใช้ในการผลิต เราต้องเตรียมรับการเปิดเสรีแรงงานอาเซียนในอนาคตอันใกล้ แรงงานไร้ฝีมือไทยคุณภาพสู้แรงงานไร้ฝีมือต่างด้าวไม่ได้ แถม SME หลายที่ก็เตรียมถอดใจ ปัญหามันเยอะขนาดนี้แล้วยังจะให้ผมเงียบอีกรึครับ? ถ้าจะยกตัวอย่างพนักงานบริการหรือพนักงานขายในห้างมาคุยว่าแตกต่างจากงานแรงงานผมก็บอกได้นะครับว่าทำไมเขาเลือกทำงานแบบนี้ หรือจะยกตัวอย่างลูกจ้างของรัฐมาเถียงก็ได้นะครับ ยินดีตอบให้ทุกอย่างที่รู้ครับผม จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 20:10:53

ความคิดเห็นที่ 64 เสริมกระทู้นี้หน่อย ต้นทุนแรงงานบ้านเราเพิ่ม ต้นทุนแรงงานประเทศคู่แข่งไม่เพิ่ม ส่วนต้นทุนวัตถุดิบมันขึ้นเหมือนกันหมดทั่วโลกล่ะครับ อุตสาหกรรมที่ต้องใช้คนมากได้รับผลกระทบเยอะแน่นอน พวกการ์เมนต์ที่ใช้แรงงานโรงนึงหลายพันคนจะไปสู้ต้นทุนประเทศคู่แข่งได้ไงครับ เจ้าของโรงงานการ์เมนต์ที่อินโดบอกขอแสดงความยินดีด้วยที่ประเทศไทยได้นายกฯหญิงคนแรก ส่วนเขาเตรียมขยายโรงงานรอรับออเดอร์ที่จะไหลไปที่เขา คำพูดนี้พอบอกอะไรได้บ้างมั้ยครับ? จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 20:15:26

ความคิดเห็นที่ 65 อ้างอิงคห 45 ที่ว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นระหว่าง 2 - 6% แต่การลดภาษีนะ มันลดจากกำไรไม่ใช่ต้นทุน ถ้าคิดกำไรที่ 15% มันลดค่าใช้จ่ายไปแค่ 1% เอง กรณีเลวร้ายสุดจากตัวอย่างที่คุณยกมา ผู้ประกอบการต้องแบกรับ 5% ส่วนที่ว่ามากรณีที่ว่าเงินในระบบเยอะ ทำให้อัตราการซื้อสูงขึ้นชดเชย รายได้ทีหายไป ผมว่าเขาไม่ทำกันหรอก เพราะมันไม่แน่นอน และเมื่ออัตราการซื้อสูงขึ้น ก็ต้องผลิตมากขึ้น หมายความว่าต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้เงินได้เท่าเดิม ไม่คิดว่าตลกเหรอครับ เมื่อทำงานหนักขึ้นมันควรได้เงินมากขึ้นด้วย เพราะงั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรทำคือปรับราคาขาย จาก 115 ควรไปอยู่ที่ 117.5 - 122 ส่วนตัวผมตอนนี้ เพราะคราวก่อนเห็นคุณเม่าไร้พ่ายมาคำนวณให้ดูแล้ว ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับคนชั้นล่าง เพราะเงินเดือนปรับขึ้น 40% การที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมา 2-6 % มัน OK อยู่ แต่พวกคนชั่นกลางจะรับได้มั้ยที่เงินเดือนตัวเองเหมือนถูกลดไป 2-6% เพราะเงินเฟ้อ (ส่วนตัวผมรับได้ แต่ไม่รู้ว่าคนที่สนับสนุนนี่รับกันได้หมดมั้ย) นี่คือปัญหาขึ้นแรก รอบต่อมาจะเป็นผู้ประกอบการที่ส่งออก ขึ้นราคาแล้วส่งออกได้มั้ย ถ้าส่งออกไม่ได้ จะทำยังไง อันนี้เป็นปัญหาของบริษัท ถ้าบริษัทปิดตัว คนตกงาน คนล้นตลาด งานมีไม่พอ จะทำยังไง อันนี้จะกลับมาเป็นปัญหารัฐแล้ว ถ้าไม่มีงานทำ คนก็ต้องรัดเข็มขัด เงินในระบบน้อย คราวนี้ดีไม่ดีจะพลิกกลับมาฝืดแล้ว ปัญหามันบานปลายแล้วก็คาดเดาผลยากด้วย ยังไม่รวมปัญหาพิเศษกรณีแรงงานต่างด้าวนี่อัตราค่าจ้างต่ำกว่าอีก คนไทยจะมีคนจ้างมั้ย ส่วนที่ให้ผู้ประกอบการเสียสละเพื่อให้ประเทศดีขึ้น อันนี้ผมว่าให้เขาตัดสินใจเองดีกว่ามั้ย เพราะเขาทำธุรกิจ ไม่ใช่มูลนิธิ ถ้าเขาคิดจะทำให้ประเทศดีขึ้นคงไม่มาเปิดกิจการหรอกครับ คงไปเป็นพวกนักการเมืองน่าจะดีกว่า บริษัทเล็กๆนะ ไม่ได้มีปัญหาแค่ทำงานไม่เต็มที่หรอกนะครับ ยังมีปัญหาขโมยของ เอาของบริษัทไปใช้ส่วนตัว อะไรอีกไม่รู้จิปาถะ อยากรู้ลองสมัครงานบริษัท SME ดูสิ ถ้าคนทำงานดีทำงานเป็นเขาก็ปรับให้เอง เพราะอยากเลี้ยงไว้ แต่ถ้าทำงานมานาน มีลูกสองคน ก็ยังได้ค่าจ้างเท่าขั้นต่ำอยู่ ก็ควรจะรู้แล้วว่าไม่เหมาะกับสิ่งที่ทำอยู่ พูดตรงๆคือ คุณควรมองดูตัวเองได้แล้วว่าทำงานยังไง แล้วอย่างที่หลายคนบอกนั่นแหละ คนงานผมเห็นเงินขาดทุกเดือน แต่ไม่เคยเห็นห่างเหล้าเลย ส่วนบางคนรูปแบบการใช้เงินเขาแปลกมาก ไม่กินเหล้าก็จริง แต่พอ มีเงิน > ดาวน์มอเตอร์ไซด์ > ผ่อนไม่ไหว > โดนยึด > มีเงิน > ดาวน์..... วนอย่างนี้ จนสงสัยว่าเก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วซื้อไปเลยดีกว่ามั้ย ผมว่าที่คนระดับล่างขาดไม่ใช่เงินหรอก แต่เป็นวินัยการใช้เงิน เก็บเงินไม่อยู่ มีเท่าไรก็ใช้หมด ปล ญี่ปุ่น เกาหลี อัตราฆ่าตัวตายประมาณ 30000 คนต่อปี พวกนี้เรียกว่าทำงานไม่เครียดเหรอ ปล2. เท่าที่อ่านมาเห็นว่าเงินในกรุงเทพ ไม่พอใช้ ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ทำไมคนต่างจังหวัดชอบเข้ามาทำงานกรุงเทพกันจัง ใครช่วยตอบที จากคุณ : BT82 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 20:15:29

ความคิดเห็นที่ 66 หลักบริหารพื้นฐานง่ายๆของเจ้าของกิจการทั่วไปที่ฝรั่งเขาเรียก entrepreneur คือ ต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ Learn and Change ได้รวดเร็ว ดินฟ้าอากาศ เราไม่สามารถควบคุมได้ ฝนตกน้ำท่วม แล้วครวญครางเสียใจ โทษฟ้าโทษดิน หรือ จะรีบรับมือ กักเก็บน้ำ เตรียมอุปกรณ์ รางน้ำ เมื่อฝนมาแล้วจะหาประโยชน์จากมันได้อย่างไร จะผันน้ำนั้นไปใช้กับกิจการอย่างไร ผู้ประกอบการน่าจะเข้าใจอยู่แล้วว่า นโยบายรัฐ เป็นปัจจัยภายนอก ที่ผู้บริหารไม่สามารถควบคุมได้ มีเพื่อนๆหลายคนวิเคราะห์ว่า ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็น่าจะเลิกกิจการไปดูเหมาะสมกว่า ที่จะให้แรงงานอยู่อย่างไม่พอกิน ส่วนไลฟ์สไตล์ของลูกจ้างที่ว่า เมา ไม่วางแผนชีวิต ถ้าเขาไม่เมาและวางแผนชีวิตได้ดีกว่านี้ เขาน่าจะอยู่ในฐานะคู่แข่งเราแต่ไม่ใช่ลูกจ้างเรา ส่วนตัวผมขอชิงตัดหน้าขึ้นเงินเดือนให้ลูกน้องก่อนที่รัฐบาลจะประกาศเป็นนโยบาย จากคุณ : Benny T เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 20:49:27

ความคิดเห็นที่ 67 ต่อไปแรงงานต่างด้าวจะล้นประเทศ ส่วนค่าแรง 300ไม่ได้ 215ก็ไม่ได้ เพราะตกงาน จากคุณ : BMWTurboman เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:00:06

ความคิดเห็นที่ 68 ท่านที่บอกว่า แรงงานบางคนเอาเงินไปกินเหล้า ไปเล่นหวยเล่นการพนัน เอาเงินไปฟุ้งเฟ้อ ผมถามหน่อย ท่านไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้เลยใช่มั้ย"พ่อคนบริสุทธิ์" ถ้าแรงงานทำอย่างนี้แล้วชีวิตเค้าตกต่ำ ท่านไปเดือดร้อนอะไร แค่เพียงเพราะเค้าทำเรื่องอย่างนี้ท่านจึงไม่ขึ้นเงินเดือนให้เค้า แต่ยังมีบางคนที่ไม่ใช่แล้วก็รับค่าแรงขั้นต่ำอยู่ ท่านดูแลพวกเค้าบ้างมั้ย ดูแลทั่วถึงเหรอ รู้จักพวกเค้าทุกคนดีแล้วเหรอถึงไปตัดสินเค้า การที่ท่านให้เค้าอยู่อย่างประหยัด แม้ว่าเค้าจะอยู่ได้ แต่แทบไม่มีเงินเก็บเลย ลองคิดถึงตอนเก็บเงินทั้งปีเพื่อซื้อตู้เย็นสักเครื่องสิครับ แทบร้องไห้ มันดูไม่มีอนาคตเลย เหมือนอยู่ไปวันๆ  ตอนนี้ผมเรียนอยู่ครับ ก็ใช้เดือนละ7พันรวมค่าหอน้ำไฟ ก็อยู่ได้ครับ แต่ผมอยู่ได้เพราะผมรู้ว่าหลังเรียนจบ ผมจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมอยู่ได้เพราะผมมีความหวัง แต่คนที่ทำงานแรงงานหล่ะ เงินเดือนขึ้นปีละ5% จาก215*30=6450เป็น230*30=6900 ทำงานทั้งปี ขึ้นมาแค่450 แทบไม่ต่างกันเลย จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:09:37

ความคิดเห็นที่ 69 ส่วนตัวเรามีลูกน้องไม่เยอะเราสามารถขึ้นให้ได้ค่ะแต่คงทยอยขึ้น เพราะเข้าใจในสภาพเค้าว่าค่าใช้จ่ายเยอะ แต่ในธุรกิจของที่บ้านลำบากเพราะต้องใช้คนงานเยอะ แล้วปัญหาค่าใช้จ่ายทั้ง ส่วนตัว ครอบครัวของคนงานนี่เยอะมาก ตอนนี้รอดูอย่างเดียวค่ะว่าจะทำไงกัน จากคุณ : RANNY เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:16:11

ความคิดเห็นที่ 70 คห.ที่ 29 บางคนเขามีภาระ ลูก พ่อ แม่ เจ็บ ป่วย เสื้อผ้า ยา ...เงินก้อนที่ต้องเสียไปต่อเดือนอีกนะครับ  อย่าคิดแต่จะกินอย่างเดียว จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:17:36

ความคิดเห็นที่ 71 อยากให้แก้ปัญหาเรื่องข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง จะช่วยคนได้ในทุกระดับค่ะ. จากคุณ : werasiri เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:24:55

ความคิดเห็นที่ 72 ขึ้นมาขนาดนี้เจ้าของกิจการอยู่ยากนะ เพราะทุกวันนี้จริงๆแล้วนายจ้างต้องจ่ายเกินกว่า 300 บาทอยู่แล้ว   ค่าแรงขั้นต่ำ 215 ค่ากะ 20 เบี้ยขยันเฉลี่ย วันละ 11 บาท ค่าความชำนาญในตำแหน่งงาน 10 บาท โอที 1.5 วันละ 2 ชม. =40.31x2 =80.63 พนักงานรับรวม 336.63 บาท/คน/วัน   ถ้าค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 300 จริงๆผู้ประกอบการคงต้องลดสวัสดิการอื่นๆลง ส่งผลต่อฝีมือแรงงานคนไทยที่จะไปแสวงหาโรงงานใหม่ที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการมากกว่าดีกว่า ทีนี้ โรงงานไหนที่ไม่มีสวัสดิการหรือแข่งขันไม่ไหว ก็รับต่างด้าวเข้ามาทำงาน เราว่าคนที่ได้ประโยชน์จริงๆไม่ใช่คนไทยหรอกแต่เป็นต่างด้าว อีกอย่างถ้าขยันทำงานรู้จักเก็บออมรู้จักวางแผนครอบครัว และพอเพียง ไม่จนนะพนักงานรายวันหนะ ด้วยรายได้และค่าจ้างที่ได้รับ ยังยืนยันว่ารัฐควรให้ความสำคัญกับการควบคุมราคาสินค้าที่เป็นปัจจัยพื้นฐานมากกว่าการขึ้นค่าแรง   ค่าแรงปรับได้แค่ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า จากคุณ : env42_tay เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:41:32

ความคิดเห็นที่ 73 เหตุผลหนึ่งที่แต่ละประเทศมีการพัฒนาไม่เท่ากันคือ.. หนังสือ ณ ค่าแรงขั้นต่ำ.. US: คุณทำงานประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อซื้อหนังสือดีๆ ซักเล่มหนึ่ง (16-24$) TH: คุณทำงาน 2 วันเพื่อซื้อหนังสือดีๆ ซักเล่มหนึ่ง (250-450฿) ดังนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจ ถ้า US พัฒนาเร็วกว่า TH 24 เท่า (เหตุการณ์สมมติ ไม่ได้อ้างอิงถึงประเทศใดๆทั้งสิ้น) จากคุณ : Nong-KiD เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:55:24

ความคิดเห็นที่ 74 นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาทันพลันอ่ะครับ "นักการเมืองยื่นปลา  พระราชายื่นเบ็ด" จากคุณ : toffycoff เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 22:39:58

ความคิดเห็นที่ 75 ขอโทษนะคะ คูณ..... ตัวเลขที่คุณตั้งมามันไม่ใช่ตัวเลขจริงค่ะ แบบนี้คือนั่งเทียนเขียน และที่สำคัญที่สุดคือไม่มีโรงงานที่ไหนจะจ้างคนงาน แล้วจ่ายเพียง 215 บาทต่อวันโดยไม่มีโอที เวลารับสมัครคนงานเราต้องนำเสนอ ว่าการันที่โอทีอาทิตย์ละกี่ชม. รวมทั้งเบี้ยขยัน รถรับส่งค่าอาหารกลางวันค่ารถ และพิเศษอื่นๆ เช่นไปสันทนาการตจว. บ้าง ไม่หยุดพักร้อนเปลี่ยนเป็นเงิน ถ้าที่ทำงานสภาวะแวดล้อมไม่ดี เช่นร้อนบ้าง ก็เปลี่ยนงานแล้ว คนที่เขาอยู่ได้เยอะแยะค่ะ พวกต่างด้าวเขาอยู่ยังไงคะ เขาส่งเงินกลับบ้านทุกคนเพื่อไปสร้างบ้านที่ปท. เขา แต่ขอบอกเลยว่าส่วนใหญ่นะคะ ชอบเล่นหวยกินเหล้า มีกิ๊กเยอะ ติดยาบ้าง ชอบป่วย เพราะกินเหล้าหนัก .... คนเขาถึงอยากไปจ้างต่างด้าวกัน เพราะเขาหนักเอาเบาสู้ค่ะ จากคุณ : rocky mountain เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 22:54:16

ความคิดเห็นที่ 76 คนไทย ไม่ใช่แรงงานต่างด้าว ที่เขาหนีความลำบากมาหากินที่บ้านเรา แต่เราคนไทยด้วยกัน หนีไปไหนก็หนีไม่พ้นหรอกครับ นี่มันประเทศเราบ้านเรา คนรวยก็มีแต่จะรวยขึ้น แล้วคนจนล่ะก็มีแต่จนลง บางคนว่าผู้ใช้แรงงานซื้อหวย แทงบอลอะไรพวกนั้น ผมก็บอกไว้เลย เพราะพวกเห็นแก่ตัวคือเจ้าของกิจการ คนรวยนี่แหละ ที่ทำให้พวกเขาต้องแสวงหารายได้ทางอื่นที่พอจะหวังได้ อย่าง การพนัน ทั้งๆที่อยากเก็บเงินไว้มากกว่า แต่ก็หวังเผื่อฟลุ๊ค มีเงินกินเงินใ้ช้ให้คล่องในแต่ละเดือน หรือมากพอจะปรนเปรอความสบายของตัวเองชั่วครั้งชั่วคราว แต่พวกคนรวย เจ้าของกิจการ มีบ้านหลังใหญ่โต ส่งลูกเรียนสบาย แถมบางคนยังสร้างแต่ปัญหาให้กับครอบครัวตัวเอง กลับออกมาโวยวาย ยามที่คนใช้แรงงานคนจนอย่างเราๆ ต้องการได้ในสิ่งที่ควรได้ หากให้ลดราคาของ พวกคุณยอมไหมล่ะ ที่จะขายข้าวกิโล 15 ยาสีฟัน 5 บาท ไข่ 2.50 ไก่ กิโล 25 หมูกิโล 60 มาม่า 3 บาท ค่ารถ 5 บาท มอไซรับจ้าง 5 บาท แล้วมา้จ้างพวกผมให้เงินเท่าีที่พวกคุณต้องการ อย่าโวยนักเลยครับ พวกคุณมีทางเลือกมากกว่า คนใช้แรงงานเยอะ อย่าเอาทางเลือกที่คุณมี มากกว่าพวกผม มาปิดโอกาสผมเลย ได้ 300 ใช่ว่าจะำทำให้ชีวิตพวกผมดูดีขึ้นอะไรมากมาย ก็แค่เงิน ไม่กี่บาท ที่ทำให้พวกเราพอที่จะใช้ให้ชีวิตดูดีขึ้นบ้างเท่านั้น จากคุณ : แสงริมทางเท้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:32:29

ความคิดเห็นที่ 77 ไอ้ที่บอกให้ นายจ้างปรับตัว ยอมให้นายจ้างลดความฟุ้งเฟ้อ แล้วมาเสียสละให้ลูกจ้าง นั้น ทำไมแนวคิดเหมือนพวกคอมมิวนิสต์เลยครับ แต่เป็นคอมมิวนิสต์ตกยุค เลยนะนั่น จากคุณ : ตองเค เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:40:31

ความคิดเห็นที่ 78 คืออยากออกความเห็นบ้าง ไอ้ความเห็นบางประเภทที่บอกไม่ต้องขึ้นเงินเดือนหรอก คนจนอยู่ได้เพียงแค่ลดความฟุ้งเฟ้อลง ไม่ต้องกินเหล้า สูบบุหรี่ ความเห็นพวกนี้ผมไม่เห็นด้วย ทำไมคุณคิดแต่จะให้คนอื่นลด แต่ตัวเองไม่เคยลด ตัวข้านั้นเสียประโยชน์ไม่ได้ จะเอาแต่สบาย ความเห็นพวกนี้ผมไม่เห็นด้วย แต่ความเห็นที่บอกว่าจะส่งผลให้เกิดการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น จะมีการย้านฐานการผลิต ความเห็นเหล่านี้ผมเห็นด้วยครับ อ้อเกือบลืม ผมไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทนะครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 54 00:03:15 จากคุณ : MeeMuay เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:42:14

ความคิดเห็นที่ 79 บ้าหรือป่าวครับ ไม่เคยคลุกคลี กับ แรงงาน หรือ คนงาน ขอร้อง อย่ามาออกความคิดเห็นอะไรแบบนี้เลย คนงานที่ไซต์งานผม จับกลุ่มกัน กลุ่มละ 6-8 คน ถามว่า ค่ากับข้าว ตอนเที่ยง เท่าไหร่ ตกวันละ ประมาณ 100-120 บาท ต่อกลุ่ม ไอ้ที่บอกว่า จานละ 25 30 มันราคา พนง ออฟฟิต ที่ออกไปกินนอกโรงงาน ครับ ไม่ใช่คนที่ได้ค่าจ้างเป็นค่าแรงขั้นต่ำจะเลือกกิน ถ้าค่าแรงขั้นต่ำที่ทำงานโรงงาน จะมีโรงอาหาร ซึ่งเป็น สวัสดิการ ของ บริษัท คอยช่วยเหลือก็ตกจานละ 10 บาท อิ่มท้องสบาย ๆ ค่าเรียนฟรี แต่อุปกรณ์ เสีย เทอมละ 600 บาท ข้าวกลางวันฟรี มีนมแจก ค่าเช่าบ้าน 3000 นั้นเอามาจากไหนไม่ทราบครับ ส่วนใหญ่เช่ากัน 1500 รวมน้ำไฟ ก่อนจะเขียนอะไร ช่วยเขียนสิ่งที่ คิดว่า รู้จริง หน่อยเถอะ ไม่ใช่ว่า คิดเอง เออเอง คุยกับเพื่อนคอเดียวกัน เพื่อนเห็นด้วย ก็เลยเข้าใจว่า มันถูกต้อง การกระทำแบบนี้ ทำให้สังคมออนไลน์ มันวุ่นวาย ครับ คือ คุณต้องแยกก่อนว่า ใครบ้างที่ได้ค่าจ้างรายวันเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนใหญ่ ก็คือพวก ใช้แรงงาน ถูกมั๊ย พวกใช้แรงงานนี่ เค้าจำเป็นมั๊ยที่ต้องเดินทางไปทำงานไกล ๆ ในเมื่อที่ไหน ๆ ก็มีงานใช้แรงงาน ไอ้ที่คุณยกตัวอย่างมา มันคือ ชีวิตพนง.ออฟฟิตกรุงเทพ ไม่ใช่ ชีวิตของผู้ใช้แรงงานในกรุงเทพ อ่านแล้วจิ๊ด เลย มั่วซั่วสิ้นดี จากคุณ : อาหนิว เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:42:20

ความคิดเห็นที่ 80 ชายสี่หมี่เกี๊ยว เจ้าของจบ ป.4 มารับจ้างแรงงานในกรุง ไม่กินเหล้า เก็บเงินหาทางทำการค้าของตัวเอง จนรวย http://hilight.kapook.com/view/46570 แต่พวกที่เหล้าก็กิน งานก็ไม่พัฒนา แต่จะมาขอเงินเพิ่มเอาๆ  นี่ยังไงดี หัดอ่าน bio ของคนที่เขาพัฒนาตัวเองจนมีฐานะ แล้วเอามาพัฒนาตัวเอง ดีกว่ามานั่งแบมือเหมือน พวกขอทานเขมร คนขยันใครๆ ก็อยากส่งเสริม แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 23:49:14 จากคุณ : ตองเค เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:47:19

ความคิดเห็นที่ 81 ดูจากบริษัทที่ทำอยู่  ต้นทุนเงินเดือน ของพนักงานระดับปฏิบัติการ  ต่อให้ขึ้นเป็นคนละ 15,000 ก็ยังน้อยกว่าค่ารับรอง ที่ผู้บริหาร และระดับ manager ไปกินทิ้งกินขว้าง ตีกอล์ฟทุกอาทิตย์ อยู่หลายเท่า   สรุปว่า ถ้าดูจากใกล้ตัวเรา  คชจ บริษัท หลัก ๆ มาจากความฟุ่มเฟือยของผู้บริหาร จากคุณ : keekaikung เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 00:34:12

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยอย่างแรงกับ #75 และ #79 อ่านที่จขกท คำนวนตัวเลขเองก็รู้เลย ว่าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับพวกคนงานนี้เลย จากคุณ : อรรญะ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 00:41:39

ความคิดเห็นที่ 83 คนงานที่บ้าน ได้ 250 ขึ้นไปครับ  สร้างห้องพักให้(อยู่กันห้องล่ะคน สองคน)  ค่าน้ำค่าไฟฟรี  ค่าเดินทางไม่ต้อง รั้วติดโรงงาน  บางวันก็ทำโอ ผัวเมีย 2 คน 25 วัน วันล่ะ 250 = 12,500 ครับ ทำโอ+ทำเหมา 2 คนอีก 4-6 พัน   กลางๆไม่หนักไป  2 คนรายได้สุทธิ์ ต่อเดือนจะได้ประมาณ 16,500 บาท ค่าใช้จ่ายมีแค่ค่าอาหารครับ บวกกับของใช้ประจำวัน  แล้วก็ส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่ที่บ้าน หรือลูกที่เรียนต่างจังหวัด ผมเห็นคนที่เก็บเงินรู้จักใช้ก็เยอะครับ เก็บได้ เงินเดือนออก ไปฝากธนาคาร(เอาสมุดมาฝากที่ผมก็มี เขากลัวหาย) ได้เงินก้อนไปซื้อทีวี ตู้เย็นมาใช้กัน เครื่องซักผ้าก็ยังเห็นเขาซื้อกันได้เลย คนไม่เก็บ กินเหล้า กินเบบียร์  เล่นหวย ผ่อนทีวี ตู้เย็น (หา 100 ใช้ 100)  ผมจ่ายเงินทุกครึ่งเดือน  เงินออกอาทิตย์เดียวหมด อาทิตย์ที่สองต้องมายืมของครึ่งเดือนหน้าไปใช้ก่อน จากคุณ : ckh เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 01:32:17

ความคิดเห็นที่ 84 ผมว่าคนมีรายได้น้อยคงทุกข์มาก คนเราหาทางออกจากทุกข์ กันไม่ถูกหลักตามธรรมะ เลยไปในทางเสพกามเสพโลก หากให้เขาเครียดน้อยลง รายได้ดีขึ้น ชีวิตเขาอาจดีขึ้น สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งจ่ายจนเป็นลม อีกคนหนึ่งชื่นชมเห็นดาวพร่าวพราวในนภา จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 02:24:35

ความคิดเห็นที่ 85 300 บาทนะผมว่าได้นะ แต่ภายในไม่เกิน 2 - 4 เดือน 1 ของจะแพงเงินจะเฟ้อ ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มขึ้นตามเองตามกลไกของตลาด 2 แรงงานต่างชาติจะทะลักมาแย่งงาน 3 โรงงานหรือกิจการขนาดเล็กปิดตัว ผมเข้าใจว่าอยากได้นะ แต่ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มตามอยู่แล้วฮะ กดดันตัวเองเปล่าๆและคุณห้ามมันไม่ได้ด้วย จากคุณ : Pongacku เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 03:06:51

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านแล้วปวดตับกับจขกท.  มั่วเทียนเขียน   ยกเมฆพอๆกับ EXIT POLL แต่ดันมีคนให้กีบ...เพียบ  บน "ความมั่วและไม่รู้" เนี่ยนะ! เข้าใจแระ ว่าทำไมมีคนหลงเชื่อว่า 300 บาท/15000 บาททำได้จริง.... ความคิดเห็นที่ 34     ปล. ว่าแต่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำนี่เรารู้เงื่อนไข ของรัฐบาลแล้วเหรอครับ ?   ว่าได้ทุกคน หรือว่าแค่แรงงานฝีมือ ?  เห็นบ่นกันจัง.... จากคุณ : ภูมิทัศน์   ^^ เขาปราศรัยทุกเวที ออกทีวีทุกช่อง  ไม่ดูทีวี ไม่อ่านป้านหาเสียงมั่งเหรอครับ? ดูคลิปนะครับ นาทีที่ 2.05  ชัดๆ เน้นๆ ไม่นั่งเทียน "คำพูดมัดตัวเอง"ครับ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 03:27:16

ความคิดเห็นที่ 87 ทั้งหมดที่บ่นๆมาไม่รู้จักพอเพียง   นายจ้างพอเพียงก็ให้ลูกจ้างมากหน่อย    ลูกจ้างพอเพียงก็อย่าฟุ่มเฟือย   มือถือรุ่นใหม่ก็เบาๆหน่อย   ใหนหวยออนไลจะมาดูดส่วนต่าง     ที่ค่าแรงอีกขึ้นมาอีก    คงเป็นนะโยบายให้ค่าแรงเปลี่ยนเป็นค่าหวยออนไลกระมัง จากคุณ : ตาปีหน้าฝน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 05:44:13

ความคิดเห็นที่ 88 ตอบรวมๆนะครับ บางคนบอกว่า ทำโอทีได้15,000-20,000 ...กฎหมายแรงงาน กำหนดไว้วันละ 8 ชั่วโมง ฉะนั้นเค้าจึงใช้หยาดเหงื่อแลกความเหน็ดเหนื่อย ส่วน รง.ก็ได้กำไรเพิ่มมากมาย ไม่เกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำอะไร หรือเท่ากับแสดงว่ารากหญ้าต้องทำงานทั้งชีวิต... ....ถึงพอจะผงกหัวขึ้นมาได้ บางคนบอกว่า โรงงานมีหอพัก ...จริงครับ แต่มีไม่ถึง 30% ส่วนครอบครัวที่แต่งงานแล้วอยู่ไม่ได้ครับ (ตัวอย่างที่ยกมาคือกลุ่มที่มีครอบครัวมีลูก) บางคนบอกว่า ค่าเช่าบ้านทำไมแพง ... ครอบครัวพ่อแม่ลูกรวม 4 คน จะให้ไปเช่าบ้านห้องสี่เหลี่ยมเดือนละ 2000-2500 (จริงๆก็ใกล้เคียงกับที่ผมตีราคาไว้ 3000นะครับ) กลางคืนทำ OT เสียงดังกัน ไม่เกรงใจลูกบ้างเหรอ ...ผมว่า 3000/เดือนใน กทม.ที่ยกมากล่าว ก็เป็นบ้านที่อยู่ระดับที่พออยู่ได้เท่านั้น แต่หลายๆกระทู้ที่บ่งบอกทำนองว่า "แรงงานอยู่อย่างไงก็ได้ นอนรวมกันง่ายๆ???" บางคนบอกว่า ค่าเบ็ตเตล็ตผมตีไว้มันสูงไป ...ผมว่าค่าใช้จ่ายที่เข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ในชีวิตประจำวัน มีมากมายที่จู่โจมเข้ามา ไหนงานบุญ งานสารพัด ซื้อของจำเป็นโน่นนี่ ถ้าไม่จดไม่รู้หรอก จดทุกวันจะตกใจกับตัวเลข ...ว่างๆลองทำบันทึกจดไว้สักปี แล้วลองเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่เท่าใด จะมีคำตอบว่า"ไม่ได้มากมายอะไรเลย" คนไทยด้วยกันจะให้อยู่แบบต่ำต้อยจำเจ ไม่ควรหาความสุขอะไรในชีวิต เลิกงานก็จงอยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยม ...ไม่ต้องมีสังคมบ้างนั่นเหรอ บางคนบอก บางคนส่งลูกไปเลี้ยงที่บ้านนอก ...ก็มีครึ่งๆตามที่พูด แต่ค่าใช้จ่ายลูกที่ผมยกมา แทบจะฟรีทุกรายการ(ลองย้อนไปดูใหม่) ถ้าส่งไปเลี้ยงที่บ้านนอก คงต้องส่งเงินให้ผู้เฒ่าเหมือนกัน ซึ่งอาจมากกว่า เงินที่ผมยกมา บางคนบอก แรงงานพวกนี้กินอะไรก็ได้ กับข้าวถูกๆ ...ก็มีส่วนจริงครับ แต่เมื่อรัฐบาลชุดนี้ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต คนไทยกลุ่มนี้ขึ้นมาบ้าง ถ้าพวกเขาจะกินกับข้าวที่ดีขึ้นบ้างนิดหน่อย (นิดหน่อยเพราะราคาที่ผมตีไว้ ไม่ได้มากมายอะไร) เจ้าของ รง.-บริษัทใหญ่-เล็กคงควรดีใจนะครับ เพราะเป็นลูกน้องของตนที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนบริษัท บางคนบอก แรงงานที่มีครอบครัวจะเช่าบ้านอยู่ระแวก รง. ...ก็มีส่วนจริงอยู่ แต่ค่าใช้จายเรื่องรถรา ผมก็คิดแค่ 1 ต่อเองครับ เพราะข้อเท็จจริง มีมากที่ต้องนั่งมอไซด์ออกมา ...บวกลบย่อมพอๆกัน บางคนบอก  จขกท.ไม่รู้จริง ซ้ำปรามาส ว่า ใช้จินตนาการ ...อันนี้ก็เรื่องของคนที่เก่งและรู้มากกว่าผม เรื่องค่าแรง 300 บาทใน กทม.และปริมณฑล แม้เจะป็นนโยบายพรรค ปชป. ส่วนตัวก็สนับสนุนเต็มที่ครับ เพราะผมไม่ใช่คนที่พูดการเมือง แบบเข้าข้างอย่างไม่มีเหตุผล สรุปว่ามีมากมายที่ไม่เห็นด้วยเรื่อง 300 บาท แต่อีกมากก็เห็นด้วย เมื่อรัฐต้องการยกระดับคุณภาพ ...ชีวิตแรงงานไทยให้ดีขึ้น //ส่วนตัวเห็นว่า...น่าลองดู// เพราะต้องยอมรับว่า...ยุคนี้ข้าวของแพงจริงๆ สำหรับหลายท่านที่พูดจาในเชิงดูถูกดูแคลง ทับถม ว่าผมไม่รู้จริง แค่ใช้จินตนาเอาเอง ฉะนั้นมันจึงเป็นไฟท์บังคับที่ผมต้องบอก ประวัติส่วนตัวคร่าวๆบ้างเล็กน้อย ”เพื่อสนับสนุนกระทู้นี้ว่าไม่ยกเมฆจนเกินไป” (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) ...ผมคลุกคลีอยู่กับด้านแรงงานมาโดยตรง 12 ปี อยู่ฝ่ายบริหารบริษัทแห่งหนึ่ง คนงานหลัก 800 คน ..ตำแหน่งพอไปวัดไปวา ประธานสหภาพแรงงานหลายคนผมรู้จักดี เพราะมาข้องแวะกินกาแฟบ่อยๆที่โรงงาน แต่พวกเราคุ้นเคยกันมาก เพราะผมบริหารงานใช้หลัก เอื้ออาทรช่วยเหลือ ยุติธรรมนำหน้าขบวนการผลิต เรียกร้อง strike งานไม่เคยมีในช่วงที่ผมอยู่ ฉะนั้น..หัวหน้าคนงานทุกแผนก+ประธานสหภาพ แค่มองตากันก็เข้าใจทุกอย่าง เวลามีปัญหาแรงงานที่ผู้ใหญ่เคลีย์ไม่ลงตัว ...แค่ผมออกหน้ามาพูดทุกอย่างจะจบ เพราะพวกเขารู้จักความเป็นกลางของผมดี แผนปลดหนี้ให้พนักงานที่เคยก่อไว้ โดยรวบรวมประวัติของหนี้สิน+พยานบุคคล ผมเคยทำแผนไปแล้ว ...น่าจะก่อนรัฐบาลทุกชุดในเมืองไทย //แต่ถูกปฎิเสธจากผู้ใหญ่ในที่ประชุม// ...ไม่สำเร็จครับ แต่ได้ใจคนงาน ตอนผมออกจากบริษัทหลายๆคนน้ำตาซึมครับ (ว่าจะโชว์ประกาศนียบัตรที่กลุ่มนี้มอบให้เพื่อยืนยัน ...แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวลึกเกินไป) //ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป// ไม่ลืมขอบคุณ ทุกๆ คคห. ...ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างน้อยรัฐบาลจะได้เอาไปเป็นแนวทาง ...แม้นิดหน่อยก็ดีครับ และขอขอบคุณพิเศษ คคห.ที่ 29 คุณchaiwaru   ที่ช่วยยืนยันว่ากระทู้ได้หายไปช่วงนึงจริง (ใครอุตส่าห์ช่วยเก็บรักษาไว้ในห้องเก็บของ ....คงกลัวกระทู้หายมั่ง) ความคิดเห็นที่ 29     ยืนยันครับว่ากระทู้หายไปช่วงนึง แต่ตอนนี้กลับมาแล้วครับ จากคุณ : chaiwaru   ///ผมได้ตอบบางประเด็น 1 ถึง 8 ข้อที่สงสัย บางคำถามที่ลืมตอบ หรืออื่นๆที่นอกประเด็น...ต้องขออภัย "เพราะไม่มีเวลาตอบนะครับ" และผมจะไม่เข้ามาชี้แจงอะไรเพิ่มเติมอีก ถ้าล่วงเกินบ้าง ไม่โกรธเกลียดกันนะครับ ...ขอบคุณอีกครั้งครับ/// จากคุณ : จขกท. (9เก้าก้าว) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 09:42:56

ความคิดเห็นที่ 89 ตอบรวมๆนะครับ บางคนบอกว่า ทำโอทีได้15,000-20,000 ...กฎหมายแรงงาน กำหนดไว้วันละ 8 ชั่วโมง ฉะนั้นเค้าจึงใช้หยาดเหงื่อแลกความเหน็ดเหนื่อย ส่วน รง.ก็ได้กำไรเพิ่มมากมาย ไม่เกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำอะไร หรือเท่ากับแสดงว่ารากหญ้าต้องทำงานทั้งชีวิต... ....ถึงพอจะผงกหัวขึ้นมาได้ บางคนบอกว่า โรงงานมีหอพัก ...จริงครับ แต่มีไม่ถึง 30% ส่วนครอบครัวที่แต่งงานแล้วอยู่ไม่ได้ครับ (ตัวอย่างที่ยกมาคือกลุ่มที่มีครอบครัวมีลูก) บางคนบอกว่า ค่าเช่าบ้านทำไมแพง ... ครอบครัวพ่อแม่ลูกรวม 4 คน จะให้ไปเช่าบ้านห้องสี่เหลี่ยมเดือนละ 2000-2500 (จริงๆก็ใกล้เคียงกับที่ผมตีราคาไว้ 3000นะครับ) กลางคืนทำ OT เสียงดังกัน ไม่เกรงใจลูกบ้างเหรอ ...ผมว่า 3000/เดือนใน กทม.ที่ยกมากล่าว ก็เป็นบ้านที่อยู่ระดับที่พออยู่ได้เท่านั้น แต่หลายๆกระทู้ที่บ่งบอกทำนองว่า "แรงงานอยู่อย่างไงก็ได้ นอนรวมกันง่ายๆ???" บางคนบอกว่า ค่าเบ็ตเตล็ตผมตีไว้มันสูงไป ...ผมว่าค่าใช้จ่ายที่เข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ในชีวิตประจำวัน มีมากมายที่จู่โจมเข้ามา ไหนงานบุญ งานสารพัด ซื้อของจำเป็นโน่นนี่ ถ้าไม่จดไม่รู้หรอก จดทุกวันจะตกใจกับตัวเลข ...ว่างๆลองทำบันทึกจดไว้สักปี แล้วลองเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่เท่าใด จะมีคำตอบว่า"ไม่ได้มากมายอะไรเลย" คนไทยด้วยกันจะให้อยู่แบบต่ำต้อยจำเจ ไม่ควรหาความสุขอะไรในชีวิต เลิกงานก็จงอยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยม ...ไม่ต้องมีสังคมบ้างนั่นเหรอ บางคนบอก บางคนส่งลูกไปเลี้ยงที่บ้านนอก ...ก็มีครึ่งๆตามที่พูด แต่ค่าใช้จ่ายลูกที่ผมยกมา แทบจะฟรีทุกรายการ(ลองย้อนไปดูใหม่) ถ้าส่งไปเลี้ยงที่บ้านนอก คงต้องส่งเงินให้ผู้เฒ่าเหมือนกัน ซึ่งอาจมากกว่า เงินที่ผมยกมา บางคนบอก แรงงานพวกนี้กินอะไรก็ได้ กับข้าวถูกๆ ...ก็มีส่วนจริงครับ แต่เมื่อรัฐบาลชุดนี้ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต คนไทยกลุ่มนี้ขึ้นมาบ้าง ถ้าพวกเขาจะกินกับข้าวที่ดีขึ้นบ้างนิดหน่อย (นิดหน่อยเพราะราคาที่ผมตีไว้ ไม่ได้มากมายอะไร) เจ้าของ รง.-บริษัทใหญ่-เล็กคงควรดีใจนะครับ เพราะเป็นลูกน้องของตนที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนบริษัท บางคนบอก แรงงานที่มีครอบครัวจะเช่าบ้านอยู่ระแวก รง. ...ก็มีส่วนจริงอยู่ แต่ค่าใช้จายเรื่องรถรา ผมก็คิดแค่ 1 ต่อเองครับ เพราะข้อเท็จจริง มีมากที่ต้องนั่งมอไซด์ออกมา ...บวกลบย่อมพอๆกัน บางคนบอก  จขกท.ไม่รู้จริง ซ้ำปรามาส ว่า ใช้จินตนาการ ...อันนี้ก็เรื่องของคนที่เก่งและรู้มากกว่าผม เรื่องค่าแรง 300 บาทใน กทม.และปริมณฑล แม้เจะป็นนโยบายพรรค ปชป. ส่วนตัวก็สนับสนุนเต็มที่ครับ เพราะผมไม่ใช่คนที่พูดการเมือง แบบเข้าข้างอย่างไม่มีเหตุผล สรุปว่ามีมากมายที่ไม่เห็นด้วยเรื่อง 300 บาท แต่อีกมากก็เห็นด้วย เมื่อรัฐต้องการยกระดับคุณภาพ ...ชีวิตแรงงานไทยให้ดีขึ้น //ส่วนตัวเห็นว่า...น่าลองดู// เพราะต้องยอมรับว่า...ยุคนี้ข้าวของแพงจริงๆ สำหรับหลายท่านที่พูดจาในเชิงดูถูกดูแคลง ทับถม ว่าผมไม่รู้จริง แค่ใช้จินตนาเอาเอง ฉะนั้นมันจึงเป็นไฟท์บังคับที่ผมต้องบอก ประวัติส่วนตัวคร่าวๆบ้างเล็กน้อย ”เพื่อสนับสนุนกระทู้นี้ว่าไม่ยกเมฆจนเกินไป” (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) ...ผมคลุกคลีอยู่กับด้านแรงงานมาโดยตรง 12 ปี อยู่ฝ่ายบริหารบริษัทแห่งหนึ่ง คนงานหลัก 800 คน ..ตำแหน่งพอไปวัดไปวา ประธานสหภาพแรงงานหลายคนผมรู้จักดี เพราะมาข้องแวะกินกาแฟบ่อยๆที่โรงงาน แต่พวกเราคุ้นเคยกันมาก เพราะผมบริหารงานใช้หลัก เอื้ออาทรช่วยเหลือ ยุติธรรมนำหน้าขบวนการผลิต เรียกร้อง strike งานไม่เคยมีในช่วงที่ผมอยู่ ฉะนั้น..หัวหน้าคนงานทุกแผนก+ประธานสหภาพ แค่มองตากันก็เข้าใจทุกอย่าง เวลามีปัญหาแรงงานที่ผู้ใหญ่เคลีย์ไม่ลงตัว ...แค่ผมออกหน้ามาพูดทุกอย่างจะจบ เพราะพวกเขารู้จักความเป็นกลางของผมดี แผนปลดหนี้ให้พนักงานที่เคยก่อไว้ โดยรวบรวมประวัติของหนี้สิน+พยานบุคคล ผมเคยทำแผนไปแล้ว ...น่าจะก่อนรัฐบาลทุกชุดในเมืองไทย //แต่ถูกปฎิเสธจากผู้ใหญ่ในที่ประชุม// ...ไม่สำเร็จครับ แต่ได้ใจคนงาน ตอนผมออกจากบริษัทหลายๆคนน้ำตาซึมครับ (ว่าจะโชว์ประกาศนียบัตรที่กลุ่มนี้มอบให้เพื่อยืนยัน ...แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวลึกเกินไป) //ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป// ไม่ลืมขอบคุณ ทุกๆ คคห. ...ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างน้อยรัฐบาลจะได้เอาไปเป็นแนวทาง ...แม้นิดหน่อยก็ดีครับ และขอขอบคุณพิเศษ คคห.ที่ 29 คุณchaiwaru   ที่ช่วยยืนยันว่ากระทู้ได้หายไปช่วงนึงจริง (ใครอุตส่าห์ช่วยเก็บรักษาไว้ในห้องเก็บของ ....คงกลัวกระทู้หายมั่ง) ความคิดเห็นที่ 29     ยืนยันครับว่ากระทู้หายไปช่วงนึง แต่ตอนนี้กลับมาแล้วครับ จากคุณ : chaiwaru   ///ผมได้ตอบบางประเด็น 1 ถึง 8 ข้อที่สงสัย บางคำถามที่ลืมตอบ หรืออื่นๆที่นอกประเด็น...ต้องขออภัย "เพราะไม่มีเวลาตอบนะครับ" และผมจะไม่เข้ามาชี้แจงอะไรเพิ่มเติมอีก ถ้าล่วงเกินบ้าง ไม่โกรธเกลียดกันนะครับ ...ขอบคุณอีกครั้งครับ/// จากคุณ : จขกท. (9เก้าก้าว) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 09:43:26

ความคิดเห็นที่ 90 ตอบรวมๆนะครับ บางคนบอกว่า ทำโอทีได้15,000-20,000 ...กฎหมายแรงงาน กำหนดไว้วันละ 8 ชั่วโมง ฉะนั้นเค้าจึงใช้หยาดเหงื่อแลกความเหน็ดเหนื่อย ส่วน รง.ก็ได้กำไรเพิ่มมากมาย ไม่เกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำอะไร หรือเท่ากับแสดงว่ารากหญ้าต้องทำงานทั้งชีวิต... ....ถึงพอจะผงกหัวขึ้นมาได้ บางคนบอกว่า โรงงานมีหอพัก ...จริงครับ แต่มีไม่ถึง 30% ส่วนครอบครัวที่แต่งงานแล้วอยู่ไม่ได้ครับ (ตัวอย่างที่ยกมาคือกลุ่มที่มีครอบครัวมีลูก) บางคนบอกว่า ค่าเช่าบ้านทำไมแพง ... ครอบครัวพ่อแม่ลูกรวม 4 คน จะให้ไปเช่าบ้านห้องสี่เหลี่ยมเดือนละ 2000-2500 (จริงๆก็ใกล้เคียงกับที่ผมตีราคาไว้ 3000นะครับ) กลางคืนทำ OT เสียงดังกัน ไม่เกรงใจลูกบ้างเหรอ ...ผมว่า 3000/เดือนใน กทม.ที่ยกมากล่าว ก็เป็นบ้านที่อยู่ระดับที่พออยู่ได้เท่านั้น แต่หลายๆกระทู้ที่บ่งบอกทำนองว่า "แรงงานอยู่อย่างไงก็ได้ นอนรวมกันง่ายๆ???" บางคนบอกว่า ค่าเบ็ตเตล็ตผมตีไว้มันสูงไป ...ผมว่าค่าใช้จ่ายที่เข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ในชีวิตประจำวัน มีมากมายที่จู่โจมเข้ามา ไหนงานบุญ งานสารพัด ซื้อของจำเป็นโน่นนี่ ถ้าไม่จดไม่รู้หรอก จดทุกวันจะตกใจกับตัวเลข ...ว่างๆลองทำบันทึกจดไว้สักปี แล้วลองเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่เท่าใด จะมีคำตอบว่า"ไม่ได้มากมายอะไรเลย" คนไทยด้วยกันจะให้อยู่แบบต่ำต้อยจำเจ ไม่ควรหาความสุขอะไรในชีวิต เลิกงานก็จงอยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยม ...ไม่ต้องมีสังคมบ้างนั่นเหรอ บางคนบอก บางคนส่งลูกไปเลี้ยงที่บ้านนอก ...ก็มีครึ่งๆตามที่พูด แต่ค่าใช้จ่ายลูกที่ผมยกมา แทบจะฟรีทุกรายการ(ลองย้อนไปดูใหม่) ถ้าส่งไปเลี้ยงที่บ้านนอก คงต้องส่งเงินให้ผู้เฒ่าเหมือนกัน ซึ่งอาจมากกว่า เงินที่ผมยกมา บางคนบอก แรงงานพวกนี้กินอะไรก็ได้ กับข้าวถูกๆ ...ก็มีส่วนจริงครับ แต่เมื่อรัฐบาลชุดนี้ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต คนไทยกลุ่มนี้ขึ้นมาบ้าง ถ้าพวกเขาจะกินกับข้าวที่ดีขึ้นบ้างนิดหน่อย (นิดหน่อยเพราะราคาที่ผมตีไว้ ไม่ได้มากมายอะไร) เจ้าของ รง.-บริษัทใหญ่-เล็กคงควรดีใจนะครับ เพราะเป็นลูกน้องของตนที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนบริษัท บางคนบอก แรงงานที่มีครอบครัวจะเช่าบ้านอยู่ระแวก รง. ...ก็มีส่วนจริงอยู่ แต่ค่าใช้จายเรื่องรถรา ผมก็คิดแค่ 1 ต่อเองครับ เพราะข้อเท็จจริง มีมากที่ต้องนั่งมอไซด์ออกมา ...บวกลบย่อมพอๆกัน บางคนบอก  จขกท.ไม่รู้จริง ซ้ำปรามาส ว่า ใช้จินตนาการ ...อันนี้ก็เรื่องของคนที่เก่งและรู้มากกว่าผม เรื่องค่าแรง 300 บาทใน กทม.และปริมณฑล แม้เจะป็นนโยบายพรรค ปชป. ส่วนตัวก็สนับสนุนเต็มที่ครับ เพราะผมไม่ใช่คนที่พูดการเมือง แบบเข้าข้างอย่างไม่มีเหตุผล สรุปว่ามีมากมายที่ไม่เห็นด้วยเรื่อง 300 บาท แต่อีกมากก็เห็นด้วย เมื่อรัฐต้องการยกระดับคุณภาพ ...ชีวิตแรงงานไทยให้ดีขึ้น //ส่วนตัวเห็นว่า...น่าลองดู// เพราะต้องยอมรับว่า...ยุคนี้ข้าวของแพงจริงๆ สำหรับหลายท่านที่พูดจาในเชิงดูถูกดูแคลง ทับถม ว่าผมไม่รู้จริง แค่ใช้จินตนาเอาเอง ฉะนั้นมันจึงเป็นไฟท์บังคับที่ผมต้องบอก ประวัติส่วนตัวคร่าวๆบ้างเล็กน้อย ”เพื่อสนับสนุนกระทู้นี้ว่าไม่ยกเมฆจนเกินไป” (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) (ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะครับ) ...ผมคลุกคลีอยู่กับด้านแรงงานมาโดยตรง 12 ปี อยู่ฝ่ายบริหารบริษัทแห่งหนึ่ง คนงานหลัก 800 คน ..ตำแหน่งพอไปวัดไปวา ประธานสหภาพแรงงานหลายคนผมรู้จักดี เพราะมาข้องแวะกินกาแฟบ่อยๆที่โรงงาน แต่พวกเราคุ้นเคยกันมาก เพราะผมบริหารงานใช้หลัก เอื้ออาทรช่วยเหลือ ยุติธรรมนำหน้าขบวนการผลิต เรียกร้อง strike งานไม่เคยมีในช่วงที่ผมอยู่ ฉะนั้น..หัวหน้าคนงานทุกแผนก+ประธานสหภาพ แค่มองตากันก็เข้าใจทุกอย่าง เวลามีปัญหาแรงงานที่ผู้ใหญ่เคลีย์ไม่ลงตัว ...แค่ผมออกหน้ามาพูดทุกอย่างจะจบ เพราะพวกเขารู้จักความเป็นกลางของผมดี แผนปลดหนี้ให้พนักงานที่เคยก่อไว้ โดยรวบรวมประวัติของหนี้สิน+พยานบุคคล ผมเคยทำแผนไปแล้ว ...น่าจะก่อนรัฐบาลทุกชุดในเมืองไทย //แต่ถูกปฎิเสธจากผู้ใหญ่ในที่ประชุม// ...ไม่สำเร็จครับ แต่ได้ใจคนงาน ตอนผมออกจากบริษัทหลายๆคนน้ำตาซึมครับ (ว่าจะโชว์ประกาศนียบัตรที่กลุ่มนี้มอบให้เพื่อยืนยัน ...แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวลึกเกินไป) //ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป// ไม่ลืมขอบคุณ ทุกๆ คคห. ...ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างน้อยรัฐบาลจะได้เอาไปเป็นแนวทาง ...แม้นิดหน่อยก็ดีครับ และขอขอบคุณพิเศษ คคห.ที่ 29 คุณchaiwaru   ที่ช่วยยืนยันว่ากระทู้ได้หายไปช่วงนึงจริง (ใครอุตส่าห์ช่วยเก็บรักษาไว้ในห้องเก็บของ ....คงกลัวกระทู้หายมั่ง) ความคิดเห็นที่ 29     ยืนยันครับว่ากระทู้หายไปช่วงนึง แต่ตอนนี้กลับมาแล้วครับ จากคุณ : chaiwaru   ///ผมได้ตอบบางประเด็น 1 ถึง 8 ข้อที่สงสัย บางคำถามที่ลืมตอบ หรืออื่นๆที่นอกประเด็น...ต้องขออภัย "เพราะไม่มีเวลาตอบนะครับ" และผมจะไม่เข้ามาชี้แจงอะไรเพิ่มเติมอีก ถ้าล่วงเกินบ้าง ไม่โกรธเกลียดกันนะครับ ...ขอบคุณอีกครั้งครับ/// จากคุณ : จขกท. (9เก้าก้าว) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 09:44:01

ความคิดเห็นที่ 91 ปรับไปเลยครับ กดเอาไว้ทำไม ค่าแรงคนไทยจะถูกที่สุดในโลกอยู่แล้ว จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 11:14:51

ความคิดเห็นที่ 92 แค่มีข่าวออกว่าจะขึ้นค่าแรง ข้าวที่โรงอาหารที่ทำงานผมก็ขึ้นราคาอีก 5 บาทแล้วครับ ตอนนี้ข้าวมันไก่อยูที่จานละ 40บาท ถ้าปรับค่าแรงอีกส่งสัยคราวนี้ได้เห็นข้าวมันไก่จานละครึ่งร้อยแน่ครับ จากคุณ : North@intania เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 11:15:20

ความคิดเห็นที่ 93 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ต้องไม่ส่งผลเสียกับส่วนอื่นๆ จากคุณ : Kun.POP เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 11:36:59

ความคิดเห็นที่ 94 แค่มีข่าวออกว่าจะขึ้นค่าแรง ข้าวที่โรงอาหารที่ทำงานผมก็ขึ้นราคาอีก 5 บาทแล้วครับ ตอนนี้ข้าวมันไก่อยูที่จานละ 40บาท ถ้าปรับค่าแรงอีกส่งสัยคราวนี้ได้เห็นข้าวมันไก่จานละครึ่งร้อยแน่ครับ จากคุณ : North@intania   เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 11:15:20   ข้าวที่โรงอาหาร จานละ 40 บาท ถ่ายรูปป้ายราคามาให้ดูหน่อยคับ ถ่ายรูปสถานที่ใกล้เคียงโรงงานมาด้วยนะ ไม่งั้นจะถือว่า .... ผม ENTANEER คับ จากคุณ : ขอแฟนรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 11:59:56

ความคิดเห็นที่ 95 อยากให้หลายๆคนที่นี้ ไปดูพวกคนไทยที่ทำงานอยู่ที่ ตปท. เช่น ไต้หวัน และเกาหลี เป็นต้น ว่าเขามีรายได้ดีก็จริง เป็นหลักหมื่นขึนไป แต่........ 1.  ทำงานกันวันละกี่ ชม. 2.  อู้ได้มั้ย 3.  ประเภทของงานที่ทำ แบบไหน 4.  ความเป็นอยู่ น่ารันทดขนาดไหน 5.  ขาด ลา มาสาย เป็นไง ...ไม่ต่อสัญญา 6.  ค่าครองชีพสูงมาก ถ้าอยากได้ค่าแรงขึ้นเพราะรัฐบาลเห็นใจคนรายได้น้อย แต่ถ้าไม่หรับตัว ใครจะไปจ้างคนไทย ก็เหมือนที่โรงงานที่โน่นจ้างคนไทย เหมือนกัน  แต่แปลกเวลาทำที่โน่นกลับไม่บ่น   และที่สำคัญ พวกต่างด้าวเขาก็กินข้าวเหมือนเรา ทำไมเขาอยู่ได้ แถมยังส่งเงินกลับบ้าน แต่คนไทยเป็นหนี้ทักคน พวกบัตรnon-bank ลูกค้าเพรียบ..... จากคุณ : rocky mountain เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 12:22:12

ความคิดเห็นที่ 96 เห็นด้วยกับคุณ sleeper_j คห 62, 63 ค่ะ กลัวต่างชาติย้ายฐานการผลิตกลับไปจีน เพราะต้นทุนค่าแรงงานที่สูงขึ้น ถ้าโดนยุบโรงงานก็พับเสื่อกลับบ้าน แยกย้ายตัวใครตัวมัน จากคุณ : aal990 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 12:54:48

ความคิดเห็นที่ 97 นโยบายนี้   คิดว่านายจ้างจะลำบากเหรอครับ เขาแค่ลดจำนวนคนที่ต้องจ่ายลง ก็จบแล้ว ผลร้ายก็ตกอยู่กับคนที่ยังอยู่ต้องทำงานเป็นสองเท่า(หรือมากกว่า) เหมือนตอนต้มยำกุ้ง และคนที่ต้องตกงานเท่านั้น อ้อ อีกวิธี ก็แค่จ้างแรงงานต่างชาติก็เรียบร้อย จากคุณ : กุลิลิ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 13:32:43

ความคิดเห็นที่ 98 คาดว่า.. นโยบายต่อจากการขึ้นค่าแรง คือ เสรีแรงงาน   จากคุณ : werasiri เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 13:33:57

ความคิดเห็นที่ 99 ต่างชาติโดยมากน่าจะมี boi สนับสนุนอยู่แล้วครับ การปรับค่าแรงแค่นี้ ไม่น่าทำให้ตาย หรือเลือกที่จะไปลงทุนที่อื่นได้ง่ายๆ เพราะมันต้องทำกันอีกยาววววว มีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุงเยอะ อย่ามาเอะอะมากมายหนักหนาเลยครับเรื่องค่าแรง เงินเดือนขั้นต่ำเนี่ย "คนไทยด้วยกัน ได้กินดีอยู่ดีขึ้น ก็น่าจะดีใจนะครับ" เพราะทุกคน อย่างนัอยเมื่อมีเงินเพิ่ม การบริโภคก็ต้องเพิ่มตาม รายได้หลักของรัฐ ดูข้อมูลคร่าวๆ ไม่ได้มาจาก CIT กับ pit นะครับ มันมาจาก VAt ซึ่งทุกคนที่อยู่ในไทย เสียทุกคนครับ บริโภคน้อย เสียน้อย บริโภคมาก เสียมาก อย่าไปพูดถึง 2 ตัวข้างบน  ที่หาทางหนีภาษี ลดภาษี หลีกเลี่ยงภาษี กันหัวซุกหัวซุน 2 ตัวนี่ โดยมากมาจากใครล่ะครับ คิดกันเอาเอง จากคุณ : ปีศาจขาว เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 13:40:19

ความคิดเห็นที่ 100 เราว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ว่าค่าแรงเท่าไหร่ แต่เงินเหลือเท่าไหร่สำคัญกว่า ถ้าค่าแรงขึ้นเป็น 300 คิดค่าใช้จ่ายเท่าเดิมแล้วบอกว่าเหลือเิงินเยอะกว่าเก่า มันคงไม่ใช่เพราะค่าใช้จ่ายมันต้องขึ้นไปอีกอยู่แล้ว จะแก้ปัญหายังไง ไหนจะปัญหานายจ้างอีก แค่ตอนนี้ยังไม่รับตำแหน่งแรงงานเขมรทะลักเข้ามาเท่าไหร่แล้วเพราะ 300 บาทเนี่ย ส่วนตัวเห็นด้วยว่าจังหวัดที่ค่าครองชีพสูงก็ต้องเิพิ่มให้เช่น กรุงเทพ ภูเก็ต แต่ทำไมหาเสียงพูดอย่าง ตอนนี้พูดอีกอย่างอะไรแน่ จากคุณ : It's me PanDy เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 13:44:52

ความคิดเห็นที่ 101 ประเด็นจริงของมันคือ การทำให้คนที่ไม่เคยได้กินของดีขึ้น ใช้ของดีขึ้น ก็จะได้ใช้ ได้กิน มันก็แค่นั้นเอง อีกอย่างหนึ่ง เห็นท่านๆ ผู้ประกอบการพูดกันเหลือเกินว่า พวกนี้ เอาเงินไปซื้อเหล้า ซื้อเครื่องเเต่งตัวซะส่วนมาก ไม่ยอมเก็บ พูดยังกับว่า ในเมื่อพวกคุณแรงงานทั้งหลายมีค่าจ้างแค่นี้ พวกคุณก็ไม่ต้องหาความสุขให้ตัวเองร้อก กินให้พอสามมื้อก็พอ ปีนึงก็อาจจะได้มีเงินเก็บตั้ง 1 หมื่น เยอะน้า ใช้หัวอะไรคิดครับพี่ จากคุณ : ปีศาจขาว เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 14:19:21

ความคิดเห็นที่ 102 แน่ใจเหรอว่าจะได้ใช้กินของดีขึ้น ใช้ของดีขึ้น... คนที่เขารวยมาได้ เขาอดก่อนแล้วถึงรวยทั้งนั้น มีแต่ดอแหลแลนด์นี่แหละ งานก็ไม่ทำเพิ่ม ความรู้ก็ไม่หาเพิ่ม จะเอาแต่เลือกมันเข้าไปแล้วตรูก็ได้ 300 สรุปเรื่องกินอยู๋จะให้ไม่มีใครสู้เลยใช่ไหม แต่เรื่องแจวเรื่องถ่อก็จะไม่สู้ใคร จากคุณ : ตองเค เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 14:45:22

ความคิดเห็นที่ 103 ทุกวันนี้ ดิฉัน จ่ายคนงาน เดือนละ6000 บาท ต่อคน รวมค่ากินอยู่ 3มื้อ อีกต่างหาก คิดแล้วมันยังเกินกว่าค่าแรง300บาทต่อวันเสียอีก นี่คือที่จ.จันทบุรีนะคะ........... แต่ประหลาดไหมคะว่า มีคนงานไทยแค่1คนเอง ที่เหลือเป็น แรงงานจากลาว และเขมร ด้วยอัตราค่าจ้างเดียวกันเสียด้วย อยากได้คนงานไทยมากค่ะ แต่... มันช่างหายากหาเย็นเหลือเกิน เฮ้ออออ..... จากคุณ : sagurajo เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 15:02:43

ความคิดเห็นที่ 104 ผมว่าจริงๆค่าแรงขึ้นต่ำมันก็ควรปรับขึ้นแหละครับ แต่ถ้าปรับทีเดียว 300 บาท อาจเร็วไปและแรงไปจนผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทันมากกว่า ถ้าค่อยๆขึ้นก็น่าจะดีกว่า ไม่งั้นนักลงทุนหนี แรงงานต่างด้าวเพียบแน่ๆ แต่จริงๆแล้วเราน่าจะมองไปที่การพัฒนาฝีมือแรงงานมากกว่า เพราะถ้าแรงงานมีฝีมือคุณภาพดี ไม่ว่าที่ไหนก็อยากได้ไปทำงาน โดยที่ค่าจ้างก็จะสูงขึ้นไปเองโดยอัตโนมัติ จากคุณ : JJAOF เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 15:03:45

ความคิดเห็นที่ 105 เห็นด้วยกับคห 62 63 64 คับ อยู่ดีๆแค่เรามีนายกใหม่รัฐบาลใหม่ไม่สามารถทำให้คนทั้งประเทศรวยขึ้นกินดีอยู่ดีขึ้นข้ามคืนหรอกครับ ดูถูกสติปัญญาคนที่เขาทำมาก่อนหน้าเป็นสิบๆปีไปหรือเปล่า ถ้ามันเป็นแค่ปัญหาหญ้าปากคอกแก้ง่ายๆแบบนั้นก็คงแก้กันไปได้ตั้งนานแล้วครับ  ระบบมันใหญ่และซับซ้อนเกินกว่าจะมามักง่ายพูดแค่เพื่อใช้หาเสียงว่าทำได้ทันทีและทั้งประเทศอะไรเทือกนั้น อย่าลืมว่าเราไม่ใช่ประเทศพัฒนาแล้ว พื้นฐานเศรษฐกิจยังต้องอาศัยการลงทุนจากต่างชาติ การส่งออกไปขายต่างประเทศ เป็นหลัก ธุรกิจไฮเทคโนโลยีก็มีและส่วนใหญ่ก็จ่ายเกินขั้นต่ำไปแล้วทั้งนั้น ไม่งั่นลูกจ้างที่มี experty ก็คงย้ายงานไปทำที่ๆจ่ายให้เยอะกว่า ง่ายๆคือเขารู้ตัวว่ามีดีก็เล่นตัวได้ แต่ปัญหาของธุรกิจที่มี value added ต่ำอย่างพวกงาน garment ถ้าขนาดอุตสาหกรรมใกล้เคียงกันโดยมากราคาต้นทุนวัตถุดิบก็จะใกล้เคียงกัน ก็เหลือที่ต่างกันตรงค่าแรง ถ้าประเทศอื่นเขาทำตรงนี้ได้ถูกกว่าก็คงต้องทำใจเสียรายได้ตรงนี้ให้เขาไปก็แล้วกัน อ่านดูมีหลายความเห็นพูดง่ายๆว่าธุรกิจต้องรู้จักปรับตัวให้ตัวเองแข่งขันได้ อ่านแล้วอยากจะถามว่าแล้วพวกแรงงานนี้เขาไม่จำเป็นต้องหัดปรับตัวให้มีศักยภาพพอที่คนยินดีอยากจ่ายกันบ้างหรือ ลืมไปหรือเปล่าว่าประเทศนี้คนค่อนประเทศเป็นคนยากจน ความรู้น้อย ศักยภาพต่ำ จะเรียกว่าส่วนใหญ่เป็นแรงงานด้อยฝีมือก็คงไม่ผิด แม้แต่ข้าราชการเองบางส่วนก็ได้ชื่อว่าเป็นแบบนั้นคือเช้าชามเย็นชาม แถมยังจะได้ปรับเงินเดือนขึ้นก่อนอีก ในเมื่อเขาเองไม่ได้ปรับตัว ไม่ว่าด้วยสาเหตุไม่อยากจะทำ หรือด้อยโอกาสที่จะทำ แต่ความจริงที่ต้องตอบให้ได้คือศักยภาพของพวกเขาสมควรได้รับค่าแรงที่เพิ่มขึ้นแล้วหรือยัง ถ้าเราตอบไม่ถูกตอนนี้อีกไม่นานคำตอบก็จะโผล่ออกมาให้เราเห็นเองตอนที่มีธุรกิจต่างชาติย้ายฐานผลิต SME ปิดตัว คนตกงานกันมากขึ้น เงินเฟ้อเลยเถิด สิ่งเหล่านี้จะเป็นคำตอบว่าเราทำถูกหรือผิดครับ แต่ถึงตอนนั้นจะมาแก้กันก็คงลำบากหนัก ที่พูดว่าลำบากเพราะของอย่างค่าแรง ขึ้นไปแล้ว จะมาขอลดตอนหลัง ลูกจ้างเขาคงไม่ยอม กลายเป็นประเทศนี้ตั้งราคาตัวเองแบบตอกฝาโลงให้ต่างชาติใช้เป็น Benchmark ในการเลือกไปลงทุนในประเทศอื่นแทน อีกข้ออย่าลืมเจ้าของธุรกิจเขาก็มีความเสี่ยงน๊ะครับ ไม่ใช่ทำแล้วดีทำแล้วรุ่งกันหมดสักหน่อย ส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเจ๊งกับทรงมากกว่ารุ่ง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม้จะประสบการขาดทุน ก็ยังคงต้องก้มหน้าจ่ายค่าoverhead ค่าเช่า ดอกเบี้ยแบงค์ อื่นๆจิปาถะ และเงินเดือนลูกจ้างต่อไปไม่มีสิทธิต่อรอง แต่ลูกจ้างนี่จะเช้าชามเย็นชามแค่ไหนก็ยังคงได้เงินเดือนน๊ะครับ ผมจึงขอเถึยงขาดใจที่มาต่อว่าเจ้าของธุรกิจว่าไม่พยายามเอาตัวรอด คนที่ฝ่าฟันจนเป็นเถ้าแก่ได้ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ครับ ไม่เชื่่อให้สลับลูกจ้างมาทำงานเถ้าแก่ แล้วให้เถ้าแก่ไปทำงานของลูกจ้าง คุณว่าคนไหนจะทำงานได้ดีกว่ากัน หากค่าแรงมีผลต่อศักยภาพการแข่งขัน เจ้าของธุรกิจเขาก็ประเมินเองได้ครับ แถมมีทางเลือกมากมายด้วยครับ และวิธีที่ง่ายและลงทุนน้อยสุดก็คือลดคนงาน หาเครื่องจักรมา replace หรือไม่ก็เลิกทำมันซะเลยจะได้ไม่เจ็บตัว แทบทุกการตัดสินใจมีผลกับบลูกจ้างทั้งนั้น สมมุติถูกเลิกจ้างแล้วจะทำยังไงต่อมีใครมารับผิดชอบต่อตรงนี้ให้แรงงานพวกนั้นไหมครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 54 15:35:03 จากคุณ : ปอป้อง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 15:24:03

ความคิดเห็นที่ 106 บร่ะเจ้า คนงานได้ค่าแรงขั้นต่ำเค้าอยู่หอเดือนละ 3000 ขนาดผมจบตรีใหม่ๆยังอยู่หอเดือนละ 2000 (ตอนนี้มันก็ยังราคาเท่าเดิม)เลยครับ ค่าอื่นๆเดือนละ 3000 เลยน่ะนะ เด็กให้ค่าขนมไปเรียนแล้วไม่ต้องมี พ่อแม่ได้คนละ 1500 เยอะพอควรนะครับ(อย่าลืมว่าหักค่ากินออกแล้ว) ถ้าอยู่อย่างพอเพียงทำไมจะไม่มี คนงานค่าแรงขั้นต่ำเค้าอยู่ ใกล้ๆที่ทำงานทั้งนั้นครับ เผลอกทำกระท่อมอยู่กันฟรี ข้าวเช้าเย็น 150 ข้าวเที่ยงกิน คนละ 2 จาน รวมๆคนละ 50 เป้นเงิน 100 ลูกเอาไปอีก 60 ป้าดๆๆ กินกันดีจังครับ รวมค่าอาหารบ้านนี้ 310 บาทต่อวัน แม่เจ้ากินไปคนละ 75-80 บาท ทำไมไม่ซื้อข้าวมาหุงมาทำเองแล้วคดใส่กล่องไปที่ทำงาน ไม่เกิน 150-200 ต่อ 4 คนผมทำกินอยุ่ทุกวัน(นี่แบบกินดีๆเลยนะครับ ผมกินเยอะด้วย) ลูกเรียนตรีก็กู้กยศ.เข้าซิครับ ถ้าจบตรีมามีปัญญาใช้ทุนคืนอยู่แล้ว ผมเองตั้งแต่ม.5 มาไม่เคยขอ พ่อแม่ซักบาท ก็เรียนด้วยทุนมาตลอด ถ้าขอไม่ได้น้องที่ทำงานผมหลายคนจบม. 6 ปวส.มาก็ทำงาน แล้วเก็บเงินเรียนจนจบตรี เองไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ แล้วคนเรามีตังแค่นั้นจะมีลูกทำไม คนเราต่อให้เป็นช่างก่อสร้างทำไปเรื่อยๆชำนาญค่าจ้างขึ้นเอง ข้าราชการถ้าไม่จบตรีรับเน็ต 8900 เองนะครับ ทุกวันนี้ลูกน้องผมมันยังส่งเงินให้พ่อแม่ได้เดือนละหลายพัน ค่าที่ท่านว่า หน่ะหลายๆอย่างหรูกว่าที่ผมใช้ตอนนี้อีก จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 15:30:06

ความคิดเห็นที่ 107 ในความคิดผม ็High Risk High return ครับ เจ้าของกิจการ รับความเสี่ยงมากในการเปิดกิจการ เค้าก็ควรได้ผลตอบแทนที่มากกว่าจาก ความเสี่ยงที่เค้ารับไว้   แต่พนักงานบริษัท ความเสี่ยงต่ำกว่ามาก -ตกงาน ก็หาใหม่ได้ -ถ้าไม่พอใจค่าแรงก็อย่าทำครับ ขอเงินเพื่อนไปเช่า Taxi ขับสิครับ รายได้หลังหักค่าแก๊ส วันละ 1,000-2,000 เลย Taxi บอกมา จากคุณ : dibest เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 15:36:55