ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากราคาที่ซื้อในแต่ละปี (รายการ) ไม่เท่ากัน อีกทั้งเวลาผ่านไป ราคาหน่วยลงทุนเปลี่ยนไป ทำให้มูลค่าการลงทุนของแต่ละปีไม่ใช่ค่าเดียวกันกับเงินที่ลงทุน ดังนั้นจึงต้องดูจากจำนวนหน่วยลงทุนที่ได้รับเมื่อทำรายการซื้อในแต่ละปี (รายการ) ว่าเป็นของปีใด จำนวนเท่าไหร่ แล้วจึงจะสามารถระบุจำนวนหน่วยลงทุนที่ ขายคืนได้โดยไม่ทำให้เกิดการผิดเงื่อนไขการลงทุนครับ จะง่าย ... ถ้าไม่มีการสับเปลี่ยนกองทุนเกิดขึ้นเลย ก็สามารถดูจากหลักฐานการซื้อในแต่ละปีได้ครับ จะง่ายกว่าอีกครับ ถ้าดูในรายงานที่เตรียมไว้ให้ใน Easy Fund ที่รายงาน > สรุปการลงทุนใน กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF - Summary)   ซึ่งจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในแต่ละปีที่ลงทุน ได้ลงทุนในกองทุนใด จำนวนหน่วยลงทุนมีอยู่เท่าไหร่ ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 14:36:49

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนใหญ่จะขายเป็นจำนวนหน่วยลงทุนแทนจำนวนเงิน หน่วยลงทุนไหนที่ซื้อมาก่อนก็หักหน่วยนั้นไปก่อนตามแต่ละกองทุน ถ้าหน่วยลงทุนนั้นครบ 5 ปีก็ไม่ต้องคืนภาษี ถ้าไม่ครบก็ต้องเอาราคาตอนที่ซื้อหน่วยลงทุนนั้นเอาไปคำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้น ไปต้องคืนหลวง ทราบมาเพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : pimmuno เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 14:40:51

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นผมจะเปิดบช.กองทุนใหม่เลย จะได้ไม่งง จากคุณ : HaHaHa เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 15:06:59

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านจากคำถาม จขกท.ไม่ซับซ้อนนี่ครับ ก็ขายได้สูงสุดตามจำนวนหน่วยที่ซื้อมาถ้าไม่มีการสับเปลี่ยนไปไหน (จะไม่ขายหมดเก็บไว้ขายทีหลังบ้างก็ได้ ถ้ารอราคาให้ดีขึ้น) และไม่เสียภาษีถ้าขายหลังครบ 5 ปีปฏิทินจากที่ซื้อมา จากคุณ : WINDOM เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 17:38:06