$$... ลงทุนในจีนกันม่ะ ... อ้าว แล้วจีมคุมเงินเฟ้อได้แล้วหรอ ...$$
|
|
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนให้ความสนใจกับตัวเลขเศรษฐกิจตัวหนึ่งของจีนมาก เพราะธนาคารกลางประกาศออกมาก่อนหน้าแล้วว่า จีนจะสามารถควบคุมไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว ตัวเลขนั้นก็คือ Consumer Price Index (CPI) แต่แล้ว นักลงทุนในตลาดก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี เมื่อ National Bureau Of Statistics ของจีนประกาศออกมาว่า CPI เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.4% YoY ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว
หลังจากประกาศตัวเลข CPI เพียงแค่ 3 วัน แบงก์ชาติจีนก็ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีอีก 0.25% ทันที (อย่าลืมว่า ปีนี้ จีนประกาศขึ้น RRR ไปแล้วด้วยถึง 6 ครั้งตั้งแต่ต้นปี) ลองมองย้อนกลับไปดูว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นจีนปีที่แล้ว รวมถึงปีนี้ Underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ทั้งๆที่ GDP Growth ก็ไม่ต่ำกว่า 9.0% มาตลอด มันเป็นเพราะอะไรกันหนอ? คำตอบก็คือ เพราะเจ้าตัวเงินเฟ้อนี้ล่ะครับ เนื่องจากจีนดำเนินนโยบายการเงินโดยกำหนดกรอบเงินเฟ้อไว้ให้อยู่ในช่วง 3.0%-4.0% แต่ตั้งแต่กลางปี 2010 ที่ผ่านมา ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนกลับพุ่งขึ้นสูงกว่าที่ธนาคารกลางจีนได้กำหนดไว้ สิ่งที่ตามมาก็คือ Tightening Policy หรือ ดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวนั้นเอง สิ่งนี้ตลาดหุ้นไม่ชอบครับ
ทำไมไม่ชอบ Tightening Policy ล่ะ? ก็เพราะการขึ้นดอกเบี้ยเอย การขึ้น Reserve Requirement Rate เอย หมายถึงต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนสูงขึ้น และหมายถึงเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งผลสุดท้าย จะสะท้อนออกมาในรูปของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ลดลงตามไปด้วย เป็นอย่างนี้ ก็ไม่มีใครกล้าลงทุนในจีนแบบเต็มพิกัดถ้ายังเห็นว่าเงินเฟ้อขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ สัญญาณตอนนี้ ที่นักลงทุนทุกคนจับตาเพื่อดูว่า ได้เวลาที่มังกรจะผงาดอีกครั้งหรือยัง นั้นก็คือ อัตราเงินเฟ้อ ต้องชะลอตัวลดลง เมื่อไหร่เงินเฟ้อจีนจะชะลอลงซักทีล่ะ นานแล้วนะ >.<
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 54 13:55:42
จากคุณ |
:
Mr.Messenger
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.ค. 54 13:30:04
|
|
|
|