ความคิดเห็นที่ 1 แล้วหลังจาก 12 เดือนล่ะครับ ทุกวันนี้ผมยังไม่มีบ้าน รถ เป็นของตัวเองเลย มีเท่าไหร่ ผมใส่ในหุ้นหมด ซื้ออย่างเดียว ไม่ขายเลย เอาให้แตกหักไปข้างนึงเลย จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:10:38

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้า บ้านและที่ทำงานอยู่ในเขตเดียวกัน + คิดว่างานที่ทำมั่นคง ก็ตามสบายเลยครับ จากคุณ : กำเนิดจากน้ำที่หน้าห้องน้ำ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:28:00

ความคิดเห็นที่ 3 คุณได้ตัดสินใจไปแล้วนิ.... จากคุณ : bitter sugar เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:39:37

ความคิดเห็นที่ 4 เสี่ยงถ้าดอกเบี้ยมันขึ้นไม่หยุด จากคุณ : พ่อตุ๊ดตู๋ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:40:49

ความคิดเห็นที่ 5 1 อาชีพมั่นคง ก้อลุยได้ เสียยังไงก้อยังมีอยู่ จากคุณ : พ่อตุ๊ดตู๋ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:42:55

ความคิดเห็นที่ 6 คุณหมอครับ อีก 10 เดือนจะจบ fellow ครับ ตอนนี้มีรายได้ประมาณ 1 แสนเศษๆ จากคุณ : Vancin เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:48:43

ความคิดเห็นที่ 7 สินทรัพย์ทั้งหมดส่วนใหญ่ 50% อยู่ในหุ้น บอกก็ได้ว่าเป็น se-ed pranda ptt banpu ประมาณใกล้เคียงกัน ที่เหลือเป็น gold fund กะ bond จากคุณ : Vancin เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:52:47

ความคิดเห็นที่ 8 แม้จะคิดว่ามีรายได้แน่นอนและมั่นคง แต่อย่าลืมเผื่อเรื่องความเสี่ยงด้วย ว่าถ้าเกิดอะไรที่ทำให้ทำงานไม่ได้ จะทำอย่างไร (เช่น ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุที่ทำให้ทุพพลภาพ) อาชีพแพทย์นั้นถ้าจะเปรียบแบบแย่หน่อย ก็คือ กรรมกรชั้นสูง นั่นเอง ถึงแม้จะได้เงินเยอะ แต่ก็เป็นงานที่เอาแรงกายเข้าแลก วันไหนไม่ตรวจคนไข้ ก็ไม่ได้เงิน ต่างจากนักธุรกิจ ที่เขาเอางินต่อเงิน และพอถึงจุดหนึ่ง เงินมันทำงานเองไม่ต้องออกแรง อย่าลืมคิดว่า ถ้าวันหนึ่ง เกิดเหตุอะไรที่ทำให้ทำงานไม่ได้ จะทำอย่างไร อย่าลืมคิดตรงนี้ด้วย เพราะไม่มีอะไรชัวร์ ในชีวิตคนเราจ้ะ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ (พี่ผ่านมาแล้ว ประสบการณ์ตรง) แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 21:12:47 จากคุณ : LiTtle_LOliTa เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:10:54

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ารับราชการ  มีบำเน็จ บำนาญ เบิกรักษาพยาบาลได้ ถึงทำแบบนั้นได้ แต่หมอที่อยุ่เอกชน  ต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินเก็บ จากคุณ : ใครเอ๋ยเดาเอา เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:26:03

ความคิดเห็นที่ 10 อ่อ ลืมไปอีกเรื่องจ้ะ สำหรับบ้าน ถ้ามันแพงด้วยทำเล แต่หลังไม่ใหญ่ คงไม่เท่าไร แต่ถ้าบ้านแพงเพราะหลังใหญ่มโหฬาร ระวังค่าใช้จ่ายที่จะซ่อนอยู่อีกมาก เช่น ค่าคนทำงานบ้าน คนรับใช้ (บ้านใหญ่ใช้คนเดียวไม่พอ อย่างน้อยต้องสองสามคน) ค่าคนสวนดูแลสวน ค่า maintenane อุปกรณ์ต่างๆ การดูแลก็ลำบากจากความใหญ่ จากประสบการณ์ มีบ้านพออยู่ พอสมตัว ดีที่สุด (โบราณท่านจึงว่า นกน้อยทำรังแต่พอตัว) อย่างบ้านที่อยู่เดี๋ยวนี้ พื้นที่ใช้สอยคำนวณแล้วห้าร้อยกว่าตารางเมตร แต่เอาเข้าจริง ใช้แค่ ห้องนั่งเล่น ครัว ห้องนอนมีสี่ห้อง ใช้แค่ห้องเดียวเพราะลูกยังเล็กเลยไม่ยอมแยกห้อง ห้องน้ำมีหกห้อง ใช้แค่สองห้อง ส่วนที่เหลือ ปิดไว้ ไม่ได้ใช้ สุดท้ายลองคำนวณดู พื้นที่ใช้จริงแค่ร้อยห้าสิบตารางเมตร แทบไม่ต่างจากคอนโดเลย 55555 อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะ แล้วแต่มุมมอง จากคุณ : LiTtle_LOliTa เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:30:39

ความคิดเห็นที่ 11 แวะเข้ามาอ่านครับ จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 23:11:54

ความคิดเห็นที่ 12 บ้านไม่เสียหลายครับ ราคามีแต่แพงขึ้นทุกปี ไม่ซื้อปีนี้ ซื้อปีหน้าก็ราคาแพงขึ้นแน่นอน แถมเวลาเรามีเงินสด เราโป๊ะได้ ลดต้นลดดอก บ้านที่ซื้อเมื่อ3-4ปีก่อน ราคามันขึ้นปีละ2แสนๆ ถ้าไม่ซื้อช่วงนั้น คงต้องจ่ายเพิ่มอีกเยอะครับ จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 23:47:13

ความคิดเห็นที่ 13 การยืนด้วยตัวเอง ตัวเองเท่านั้นที่จะรู้ว่าเสี่ยงแค่ไหน คนอื่นมองว่าเสี่ยงแต่เขาอาจไม่เสี่ยงก็ได้ ตัวอย่างเช่น มีพ่อ แม่ พี่ น้อง หนุนหลังซึ่งทุกคนก็ประสบผลสำเร็จไปแล้ว  ดังนั้นคำว่าเสี่ยงขึ้นกับตัวคุณเอง ยิ่งระดับปัญญาชนอย่างคุณผมว่าคิดได้ละเอียดรอบคอบอยู่แล้วสำหรับเรื่องแค่นี้ ความเสี่ยงและเป้าหมายในชีวิตจึงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลๆ ไป จากคุณ : จิ้งจกสายฟ้า เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 00:08:23

ความคิดเห็นที่ 14 คล้ายๆจะเอาเงินที่คาดว่าจะได้ในอนาคตมาใช้ตอนนี้ เสี่ยงหรือเปล่าก็ต้องคำนวณดูแหละครับ เป็นผม ไม่อาวดีกว่า... จากคุณ : CMT เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 11:20:22

ความคิดเห็นที่ 15 ลุยเลยครับ อาจารย์ ผมเป็น GP ครับ ไม่เรียนต่อครับ คิดว่ามันไม่ใช่ผม ผมยอมอดทุกอย่าง เพื่อัดหุ้นอย่างเดียวเลยครับ ซื้อแบบไม่สนใจราคาด้วย เงินเดือนออกซื้อ เงินเดือนออกซื้ออย่างเดียว รถ บ้าน ผมยังไม่เอา บักบ้านพัก รพ ครับ อาจารย์ จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:48:01