ความคิดเห็นที่ 1 ขออธิบายง่ายๆนะคะ การลงทุนในกองทุนรวมคือการที่เราเอาเงินไปให้ผู้ที่เราไว้ใจว่ามีความรู้เรื่องการจัดการดี หรือก็คือบลจ.เป็นผู้บริหารแทน โดยกองทุนอาจแบ่งได้หลายประเภทตามนโยบายของสินทรัพย์ที่กองทุนนั้นๆลงทุน เพราะฉะนั้นกองทุนหุ้นก็คือกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้น ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนก็จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาเลือกซื้อหุ้นที่พิจารณาแล้วว่าได้ผลตอบแทนดี แต่อย่างที่บอกว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แม้จะเป็นถึงผู้จัดการกองทุน ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะต้องทำผลประกอบการได้ดีเสมอไป ดังนั้น กองทุนจะต่างกับหุ้นก็ตรงที่ จะเสียหรือจะได้ ขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน ไม่ใช่เรา เพราะเราไม่ใช่คนที่เลือกว่าสินทรัพย์ตัวไหนน่าลงทุนหรือไ่่ม่น่าลงทุน ดังนั้นกองทุนรวมจึงเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการติดตามข่าวสาร หรือไม่มีความชำนาญมากนักในการลงทุน ความเสี่ยงนั้นนับว่าน้อยกว่า เพราะกองทุนรวม เช่นกองทุนหุ้น จะกระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายๆตัว LTF คือกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น แต่ไม่สามารถขายคืนได้ก่อน 5 ปีปฎิทินค่ะ ส่วน RMF คือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ขายคืนได้เมื่ออายุ 55 ปีค่ะ มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมเงินไว้สำหรับเกษียณ การที่กองทุนทั้งสองนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ค่ะ รัฐทำเช่นนี้เพื่อส่งเสริมให้คนออมเงินค่ะ ถ้าคุณมีรายได้ในระดับที่ต้องเสียภาษี การซื้อกองทุนพวกนี้ไว้เพื่อลดหย่อนและเพื่อออมเงินก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ อาจจะติดนิดนึงตรงที่ต้องถือยาวๆ ไม่ค่อยคล่องตัวนัก เงินออม 5000 ต่อเดือน อาจจะเริ่มจากการฝากไว้ในบัญชีฝากประจำปลอดภาษี ที่ต้องฝากด้วยจำนวนเงินเท่าๆกันทุกเดือนเป็นเวลา 24 หรือ 36 เดือนค่ะ การออมวิธีนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการสร้างวินัยในการออมค่ะ หรือถ้าสนใจเป็นกองทุน อาจจะทยอยซื้อกองทุนด้วยเงินออมจำนวนนี้ไปเรื่อยๆทุกเดือนก็ได้ค่ะ ทุกวันนี้มีบริการรับตัดบัญชีอัตโนมัติเพื่อซื้อกองทุนตามวันที่ที่คุณกำหนดไว้ทุกๆเดือนด้วยค่ะ การซื้อขายก็ไม่ยากค่ะ หลังจากเปิดบัญชีกองทุนแล้ว สามารถขอใช้บริการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตได้ค่ะ หากยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนมากนัก อาจจะเริ่มที่กองทุนตราสารหนี้ก่อนก็ได้ค่ะ กองทุนตราสารหนี้ก็คือกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสาร ทั้งของภาครัฐ และภาคเอกชน เช่นพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ซึ่งมีความเสี่ยงในระดับต่ำ แม้เมื่อเทียบกับเงินฝากประจำแล้วจะถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่า เพราะรัฐบาลไม่ได้รับประกัน แต่ก็ได้มีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนสูงกว่า มีความคล่องตัวมากกว่า และไม่ต้องเสียภาษี(แต่มีค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนนิดหน่อยค่ะ) หรือหากต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า และสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่า ลองศึกษาพวกกองทุนหุ้น กองทุนทอง กองทุนน้ำมัน ดูนะคะ หรือที่กำลังนิยมอยู่ในตอนนี้คือการออมทองค่ะ คือการเข้าโปรแกรมออมทองกับร้านทอง ฝากเงินเข้าทุกเดือน พอครบก็สามารถถอนออกมาเป็นทองแท่งหรือเหรียญทองได้ (เรื่องนี้นี้เราไม่ค่อยมีความรู้มากกนัก ถ้าสนใจลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะคะ) การลงทุนมีความเสี่ยงค่ะ แต่การศึกษาข้อมูลอย่างดีจะช่วยลดความเสี่ยงนั้นได้ ขอให้ประสบความสำเร็จในการออมและการลงทุนนะคะะ :) จากคุณ : ทาสผู้ซื่อสัตย์ของท่านซิเรียส เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:14:08

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นที่ 1 ตอบได้ดีครับครอบคลุมได้ทุกประเด็น จากคุณ : เฉาก๊วยพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 08:19:58