 |
คนที่ไม่ใช้บัตรเค้าเลยใน 1 ปี และคิดจะยกเลิกตามจดหมายก็ดีแล้วครับ
เพราะปกติแบงค์ต่างๆ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยกู้บัตรเครดิตให้กับลูกค้าเท่าไหร่ก็ได้ มันขึ้นอยู่กับทุนจดทะเบียนและสินทรัพย์
สมมติว่าปล่อยกู้ได้ 1,000,000 บาท ให้กับลูกค้าบัตรเครดิต 10,000 คนที่ถือบัคร เท่ากับได้คนละ 100 บาท
แต่มีลูกค้า 9,000 คนที่ไม่มีการใช้บัตรเครดิตนั้นเลย
ก็เท่ากับว่าเงินที่ปล่อยกู้ 900,000 บาทนั้นไม่ทำให้เกิดรายได้กับแบงค์เลย
แต่ถ้าแบงค์ยกเลิกบัตรของคนที่ไม่ได้ใช้บัตรเลย 9,000 คน
แล้วนำเงินกู้นั้นไปให้วงเงินกับลูกค้ารายใหม่ หรือเพิ่มวงเงินให้กับลูกค้ารายเก่าที่มักใช้บัตรจนเกือบเต็มวงเงิน
แบงค์ก็ย่อมมีโอกาสทำรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินกู้ 900,000 บาทนั้น
วงเงินบัตรเครดิตเป็นเงินกู้ที่ยังไม่เกิดรายได้กับแบงค์หากไม่มีการรูดบัตรหรือค้างจ่าย
ถ้าผู้ถือบัตรจ่ายชำระไม่เต็มจำนวน ดอกเบี้ยก็เกิดขึ้นทันที
หรืออย่างน้อยหากผู้ถือบัตรรูดซื้อสินค้า แบงค์ก็ได้เปอร์เซนต์ในการรูดบัตรที่คิดจากร้านค้า
ต่างกับวงเงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลอย่างอื่น เช่น กู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ ผ่อนชำระสินค้า หรือเงินก้อนที่แบงค์ให้ลูกค้ากู้แล้วผ่อนชำระ
เงินกู้เหล่านี้มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นทันทีเมื่อปล่อยกู้
| จากคุณ |
:
สรกฤช 
|
| เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ค. 54 08:56:47
|
|
|
|
|
บัตร KTC จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียม ตั้งแต่ 1 ก.ย. 54 เป็นต้นไป
