"กระจายลงทุน" สูงสุดคืนสู่สามัญ
"บุญชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาตบอกว่าหลักการลงทุนโดยผสมสินทรัพย์ทุกประเภท หรือง่ายๆ ก็คือ ลงทุนหลายๆ ประเภท มากบ้างน้อยบ้าง เราก็จะได้ พอร์ตการลงทุนที่มีความหลากหลาย และผลตอบแทนไม่ต่ำสุดแน่นอน วิธีการนี้ก็คือ “การกระจายการลงทุน” หรือ Asset Allocation
"สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ ไม่ต้องเก็ง ว่าลงทุนในอะไรจะดีที่สุดปีนี้ แต่ ผสมหลายๆ ประเภท แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่า การกระจายการลงทุน คือ การแบ่งลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท เช่น ซื้อหุ้นไทยกลุ่มธนาคาร แล้วไปซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มบริการ กลุ่มโรงแรม ก็ถือว่ากระจายการลงทุนแล้ว หรือซื้อหุ้นไทย แล้วไปซื้อหุ้นนอก ซื้อหุ้น ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น หรือ BRIC อย่างที่กำลังฮิตกันในปัจจุบัน ถือว่ากระจายการลงทุนแล้ว คงจำกันได้ดี เมื่อปี 2008 วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หุ้นไทยทั้งกระดาน จะพื้นฐานดีขนาดไหน กลุ่มไหน ก็ลงทุกตัว ถ้าเรากระจายกลุ่มการลงทุนดังข้างต้น เราก็คงไม่รอดพ้นความเสียหายใช่ไหม อย่างนี้หรือที่บอก กระจายการลงทุนแล้วดี หรือในปีนั้นอีกเช่นกัน หุ้นไทยก็ตก หุ้นนอกก็ตก สรุปเวลาหุ้นประเทศหนึ่งได้รับผลกระทบ ก็อาจพาลไปกระทบหุ้นของประเทศอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะในช่วงผิดปกติอย่างรุนแรง เช่น เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่กระทบหลายภูมิภาคในโลกเป็นลูกโซ่ "
ดังนั้น การกระจายการลงทุนที่ดี จึงไม่ควรไปลงทุนกระจุกอยู่ในสินทรัพย์ที่เมื่อดีก็ดีไปพร้อมๆ กัน หรือแย่ก็แย่ไปพร้อมๆ กัน เพราะต่อให้กระจายหลายๆ กลุ่ม หลายๆ ประเทศ เวลาแย่ ก็แย่เหมือนกันๆ
การกระจายการลงทุน ต้องกระจายไปหาสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน ตรงกันข้ามกันก็ยิ่งดี เวลาสินทรัพย์หนึ่งไม่ดี เช่น A อีกตัวหนึ่ง ดี เช่น B ถ้าเรามีสองสินทรัพย์นี้ ในพอร์ตการลงทุนของเรา ผลตอบแทนสุทธิจากการหักกลบทั้งสองสินทรัพย์ เราก็จะได้ผลตอบแทนที่ไม่แย่นัก
"การผสมการลงทุนต้องเลือกลงทุนคละกัน เพื่อให้เวลาสินทรัพย์หนึ่งไม่ดี แต่ยังมีสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งดี คอยดึงไว้ไม่ให้ทั้งพอร์ตของคุณเสียหายไปทั้งหมด" เมื่อเร็วๆ บลจ.ธนชาต ได้เปิดตัว Asset Allocation Model ของ บลจ.ธนชาต อย่างเป็นทางการ เนื้อหาสาระและพอร์ตที่แนะนำ น่าจะเป็นการตอบโจทย์ของทุกท่านได้ว่า ผสมอะไร อย่างไร และผสมแล้วน่าจะดี
บลจ.ธนชาต ได้สรุปไว้ว่า หลักทั่วไป เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น การลงทุนอาจแบ่งเป็นหลายประเภทของสินทรัพย์ (asset classes) ถ้าแบ่งแบบกว้าง ก็มี 6 ประเภท เรียงจากทรัพย์สินความเสี่ยงน้อย ไปหากมาก ได้แก่ 1.หมวดใกล้เคียงเงินสด หรือพวกที่ซื้อขายได้ทุกวัน ลงทุนในตราสารหนี้อายุสั้นๆ เช่น กองทุนตลาดเงิน 2.ตราสารหนี้ในประเทศ 3.ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4.หุ้นในประเทศ 5.หุ้นต่างประเทศ 6.การลงทุนทางเลือก เช่น ทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
บลจ.ธนชาต ได้ทดสอบจากข้อมูลในช่วงเวลาประมาณ 3 ปี (ธ.ค. 2007 ถึง พ.ค. 2011) และสรุปเป็นข้อเสนอในการผสมการลงทุน 3 ซีรีส์ แต่ละซีรีส์มีการผสมการลงทุนที่ต่างกัน 6 แบบ ไล่ตั้งแต่มีระดับความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงสูงที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระจายความเสี่ยงโดยรวม และมีหลักการที่ว่า การผสมการลงทุนในทุนในทรัพย์สินหลายๆ ประเภท ที่เคลื่อนไหวขึ้นลงไม่ไปทางเดียวกันพร้อมกันนัก หรือ ไม่ขึ้นแรงลงแรงพร้อมๆ กัน จะช่วยพยุงให้การลงทุนโดยรวมทั้งหมดแกว่งตัวน้อยลง หรือช่วยกระจายและลดความเสี่ยงของการลงทุนทั้งหมดนั่นเอง
จากคุณ |
:
ขอบฟ้าบูรพา
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 54 14:39:56
|
|
|
|