|
เมื่อคนใช้จ่ายน้อยเพราะไม่มีกำลัง ธุรกิจก็ขายของได้น้อย
เมื่อธุรกิจขายของได้น้อย กำไรก็น้อยตามหรือขาดทุน ธุรกิจก็ต้องปลดคนงาน ปิดร้าน เลิกกิจการ และไม่มีภาษีจ่ายรัฐ
แม้กระทั่งคนใน Wall Street ซึ่งหมายถึงพวกนายธนาคาร วาณิชธนากร โบรกเก้อร์ เทรดเด้อร์ทั้งหลาย (ที่พวกคนบน Main Street ซึ่งก็คือประชาชนอาชีพอื่นๆ ทั่วไปเขาไม่รัก) ก็ยังต้องออกจากงานดีๆ เงินงามๆ ไปเปิดร้ายขายดอกไม้ ไปปลูกผักกินเอง บางคนที่ตกงานถึงกับแขวนป้ายเบ้อเริ่มบนหน้าอกในชุดสูท เขียนว่า ยินดีทำทุกอย่างในราคาที่ไม่เกี่ยงงอน
เมื่อทั้งธุรกิจ ทั้งคน ทั้งน้องหมา ย่ำแย่กันไปหมด รัฐบาลก็จะขาดรายได้จากภาษีเงินได้ของประชาชน และขาดรายได้จากภาษีกำไรของธุรกิจ ในขณะที่รายจ่ายมโหฬารไม่ได้ลดลงเท่าใด เรียกว่าซ้ำเติมฐานะการเงินการคลังเข้าไปอีก
ทั้งหมดข้างต้นนั้นเป็นคำอธิบายว่าทำไมเศรษฐกิจอเมริกาจึงป่วยจนเหลืออัตราการขยายตัวเพียง 1.3% เท่านั้น ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการ Double Dip ที่นักวิเคราะห์ทั้งไทยและเทศเคยมองในช่วงปลายปีที่แล้วว่าโอกาสเกิดน้อยมาก Sal Guatieri, Senior Economist ของ BMO Capital Markets ถึงกับบอกว่าหากยังแย่ต่อเนื่องก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อนที่เรียกว่า Double-Dip Recession
Recession หรือ เศรษฐกิจถดถอย คือภาวะที่อัตราการเติบโตของ GDP ในไตรมาสเป็นติดลบ ซึ่งหากติดลบ แล้วตามมาด้วยการฟื้นตัวในช่วงสั้นๆ ก่อนจะกลับไปติดลบอีกครั้งจะเรียกว่า Double-Dip Recession ซึ่งการเกิด Recession ติดกัน 2 ครั้งเป็น Double-Dip Recession หรือ 3 ครั้ง เป็น Triple-Dip Recession ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวง
จากคุณ |
:
ขอบฟ้าบูรพา
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 54 15:23:17
|
|
|
|
|