สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับ ไฮเอ็นด์ที่เติบโตสูงและต่อเนื่อง ของไทย เผยออเดอร์ชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนไตรมาส 3 โตกว่า 50% พร้อมประกาศข่าวดีคว้าลูกค้าใหม่ 4 รายจากไต้หวันและญี่ปุ่น ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 35% พร้อมคว้าบริษัทยักษ์ใหญ่ชิ้นส่วนรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมัน ป้อนชิ้นส่วน MEMS Sensors ยาวกว่า 15 ปี คาดทั้งยอดขาย-กำไรเพิ่มสูงและมั่นคงต่อเนื่อง
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMTหรือบมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรที่เติบโตสูงสุดของไทย เปิดเผยว่า ยอดคำสั่งซื้อสินค้าชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนในไตรมาส 3 จะเติบโตกว่าไตรมาส 2 กว่า 50% เนื่องจากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนกลับมาเพิ่มขึ้นอยู่ในปริมาณเท่าเดิม บริษัทยอมรับว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นทำให้ออเดอร์สมาร์ท โฟนลดลง ซึ่งในไตรมาส 2 นั้นผลประกอบการจะลดลงจากไตรมาส 1 แต่ยังมีผลกำไรอยู่ นอก จากนี้บริษัทยังได้คว้าลูกค้าใหม่ 4 รายจากไต้หวันและญี่ปุน ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 35% จาก 150 ล้านชิ้นต่อเดือน เป็น200 ล้านชิ้นต่อเดือน ในช่วงปลายปี เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โลก และ สถานการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น นายพลศักดิ์ กล่าว ขณะเดียวกันยอดคำสั่งซื้อสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 100% เนื่องจาก ลูกค้าหลักของบริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ อันดับ 1 ของโลก เข้าซื้อกิจการบริษัทคู่แข่ง และทำให้ SMT ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักได้รับประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ประกอบกับในช่วงไตรมาส 3 และ 4 เป็นช่วงพีคของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก และคาด ว่าผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 กว่า 50% นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้เซ็นสัญญาระยะยาวรับงานผลิตชิ้นส่วน MEMS IC ซึ่งมีส่วนกำไรขั้นต้นระดับสูงกับ ลูกค้ายักษ์ใหญ่ระดับโลกจากเยอรมันอีกด้วย SMT มีความภูมิใจที่จะแจ้งว่าบริษัทฯได้เซ็นสัญญาลูกค้าใหญ่ระดับโลกรายใหม่ใน กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ โดยจะผลิตเซ็นเซอร์อัจฉริยะควบคุมเครื่องยนต์ (MEMS SENSORS for Engine Management) ให้กับบริษัทฯเยอรมันแห่งนี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งในตลาด โลกมากที่สุด 1 ใน 3 ของโลก ป้อนชิ้นส่วนให้บริษัทฯผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกโดยเฉพาะในกลุ่มรถ ยุโรป อเมริกัน และญี่ปุ่น โดย SMT ได้ร่วมมือพัฒนาชิ้นส่วนกับลูกค้ารายนี้มากว่า 3 ปี มีความ สัมพันธ์ที่ดี และSMT ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนหลัก สำหรับโรงงานผลิตเวเฟอร์ ชิ พ (Wafer Chip) ระดับโลกแห่งใหม่ของลูกค้าที่ประเทศเยอรมัน นายพลศักดิ์ กล่าว ชิ้นส่วนรถยนต์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญนั้น เป็นเทคโนโลยีระดับสูงสุด ที่ต้องใช้ความรู้ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสูง เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดและมีเสถียรภาพสูง ข้อดีคือ สินค้ามีมูลค่าสูง อัตรากำไรที่ดี มีคู่แข่งที่ทำได้น้อยราย และที่สำคัญมีสายการผลิตยาวนาน ประมาณ 15-20 ปี การที่ SMT ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับลูกค้าระดับโลกรายนี้เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย จะทำให้คาดว่า SMT จะมีการเจริญเติบโตของรายได้และกำไรอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ เป็น 1 ในกลุ่มลูกค้าหลักของ SMT ที่ ประกอบด้วยผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกทั้ง 3 รายคือ ผู้ผลิตจากอเมริกา 1 รายและ จากกลุ่มยุโรป 2 รายโดยสินค้าหลักของบริษัทคือ เซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยางรถยนต์ (TPMS SENSOR) ที่บริษัทมียอดผลิตสูงติดอันดับโลก และมีส่วนแบ่งในตลาดอเมริกากว่า 50% หรือ และยังผลิต MEMS SENSOR ที่ยังมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างมากในตลาดโลก นอกจากนี้สินค้ามี กลุ่มฮาร์ดดิสค์ จะมีการเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างมีนัยยะสำคัญใน ช่วงไตรมาส 3 นี้เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทฯได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ของโลกและสามารถ รวบรวมปริมาณการผลิตได้มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ SMT ในฐานะ 1 ในพันธมิตรหลัก จะได้รับปริมาณออเดอร์เพิ่มขึ้นอย่างสูง ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทฯจะเติบโตมากยิ่งขึ้น ขณะ เดียวกันสินค้าทัชสกรีน กลุ่มสมาร์ทโฟน ยังมียอดการผลิตที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากที่ ได้เพิ่มกำลังการผลิตอย่างเร่งด่วนไปแล้วในช่วงปลายปีที่แล้วและต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปีนี้ SMT มุ่งมั่นในธุรกิจการผลิต ไอซีชิพหรือแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC หรือ Integrated Circuit) และได้รับจำนวนออเดอร์เพิ่มจากลูกค้าระดับโลกเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการ ผลิตทั้ง สายงานวงจรไฟฟ้ารวม (IC) ถึง 50% เป็น 200 ล้านชิ้นต่อเดือนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดย SMT จะใช้งบลงทุนประมาณ 450 ล้านบาทจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท และเงินจากเพิ่มทุน SMT หรือ สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับ Prime Source ของโลกที่มีเทคโนโลยีของตนเอง และมีผลประกอบการที่ดีมาตลอดสามารถ เพิ่มยอดกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี จากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่มคือ 1. ชิ้นส่วนไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (MMA หรือ Microelectronics Module Assembly) และ 2. ไอซีชิพหรือแผง วงจรไฟฟ้ารวม (IC หรือ Integrated Circuit) บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตทั้ง สายงานไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (MMA) และวงจรไฟฟ้ารวม (IC) เป็น 120,000,000 ชิ้นต่อปีและ 1,800,000,000 ชิ้นต่อปีตามลำดับ โดย SMT ซึ่ง ยังเป็นบริษัทแรกที่ได้รับผลประโยชน์พิเศษ จากการเข้าตลาดหลักทรัพย์และจาก BOI ให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีรายได้ตลอด 8 ปีโดยไม่มี การกำหนดเพดานผลกำไรสุทธิสะสมทำให้บริษัทฯคาดว่าจะเพิ่มปริมาณกำไรสุทธิจากโครงการนี้ กว่า 500 ล้านบาทตามระยะเวลาสิทธิประโยชน์ที่เหลือ
จากคุณ |
:
Diamondoid
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 54 15:22:42
|
|
|
|