ความคิดเห็นที่ 1 ที่บอกมาก็เป็นวิธีที่ดี    ไม่มีวิธีที่ถูกต้องหรอกครับ   ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเดาถูกหรือไม่   ถ้าเดาผิดก็เสียหาย   .......อยู่เฉยๆสบายกว่า ..............ๆ จากคุณ : r1sph เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 14:24:16

ความคิดเห็นที่ 2 กองทุนมี T+0 ด้วยหรือครับ ไม่ไช่หุ้นรายตัวนี่ครับจะได้ Real Time เลย เร็วที่สุดก็ T+1 และ T+3 ก็มีเป็นสีม่วง บอกเท่าไรก็ไม่ปรับ เลยพากันย้ายนี้เยอะมาก ผมเป็นคนหนึ่งครับที่ชอบเล่นกองทุนแบบ ตีหัวเข้าบ้าน หรือเก็งกำไร แต่พลาดเสียก็บ่อยๆ ของ K-Asset หรือ Kbank ของ คุณ Ashed นี่เป็น T+1คือSwitchแล้วจะมีผลวันทำการถัดไป  T+3 ก็มีครับเป็นของสีม่วง เคยบอกให้ปรับก็ดื้อ เลยพากันย้ายหนี้หมด คือที่ดูๆระยะหลังนี่ กองทุนที่ทำผลตอบแทนชนะตลาดมีน้อยลงทุกที ส่วนที่ผลตอบแทนดีๆมีRangingดี ติดอันดับ1-2มาตลอด(LTF&RMF) ก็จะมีค่า Fee คิดทุกครั้งไม่ว่าจะเข้าหรือออก (งกมากๆ) ถ้าชอบเล่นแบบนี้ต้องคาดการณ์TrendsของSET ให้ออก คือต้องเป็น Technical +มีดวงด้วย...มันมีลุ้น ได้ระทึกทุกครั้งที่ตลาดปิด...มีรสชาติมากกว่าซื้อแล้วปล่อยทิ้งขว้างไปเลย  ต้องเป็นคนทำงานประจำที่งานน้อยๆว่างเยอะๆ อย่างผมนี่แหละ อย่างเช่นเมื่อวันศุกร์ที่SET -30 กว่าจุด ผมย้ายหนีจาก KEQLTF และ KGLTF มารวมอยู่ที่ KSDLTF และ KEQRMF มาที่ KSFRMF เมื่อวัน พฤหัส ทั้ง100% คาดว่าผลวันศุกร์ คงจะติดลบจาก KSDLTF บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผิดคาดครับ เป็น+รวม2พันกว่าบาท ก็ต้องยกเครดิตให้ ผู้จัดการกองทุนครับคราวนี้ (ไม่มีบ่อยหรอก) และอย่างที่ คุณ คห.2 บอกว่าอยู่เฉยๆสบายกว่า ผมว่ามันแล้วแต่บุคคล ครับ...แต่ผมเป็นคนที่ ติดตาม และ check ผลตอบแทนทุกวัน  เห็นเงินหายไปต่อหน้าต่อตา แต่นั่งมองดูเฉยๆ มันอึดอัดครับ เหมือนถูกมัดมือชก อย่างไงอย่างนั้นเลย..ขอให้ได้สู้ ได้เหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาบ้าง ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ไม่เป็นไร ไม่เครียด มีรสชาติดี จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 14:35:57

ความคิดเห็นที่ 3 K LTF สับได้ที่ T ครับ และ ไม่มี ค่าธรรมเนียม วิธีแรก ไม่ถูกต้องนัก เพราะ ถ้าวันนั้นหุ้นตกมากๆ ราคาหน่วยที่สับออกจากกองเดิมก็จะได้ราคาที่ลดลงมากด้วยเช่นกันครับ แต่ถ้าเป็นขาลงจริงๆ วันรุ่งขึ้นและวันถัดๆไปหุ้นยังลงต่อ แล้วค่อยไปสับกลับตอนลงไปต่ำๆ จะได้กำไรจากหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นมา โดยที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่มครับ คล้ายๆ SAP วิธีหลัง เราจะมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะลงชัวร์ ถ้าสับไปแล้วมันเกิดไม่ลงหล่ะ สับกลับมาก็ได้หน่วยน้อยลงนะครับ วิธีนี้ต้องมั่นใจจริงๆว่ามันจะลง สรุปคือ ต้องใช้ทั้งสองวิธี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตอนนั้น และต้องเป๊ะจิงๆ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 14:56:02 จากคุณ : ติดดอย...บ่อยไปไหม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 14:49:40

ความคิดเห็นที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10901737/I10901737.html http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10906203/I10906203.html จากคุณ : ติดดอย...บ่อยไปไหม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 14:50:49

ความคิดเห็นที่ 5 ตารางการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน http://www.kasikornasset.com/TH/FundInformation/Documents/Switching%20Schedule%28TH%29.pdf จากคุณ : ติดดอย...บ่อยไปไหม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 14:59:47

ความคิดเห็นที่ 6 การสับเปลี่ยนกองทุนไม่ว่าจะเป็น RMF หรือ LTF ที่นิยมทำกันคือการสับเปลี่ยนเพื่อจัดสัดส่วนหรือกระจายการลงทุนใหม่ (Asset Allocation) เมื่อความเสี่ยงของผู้ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากความเสี่ยงเดิม เช่น รับความเสี่ยงการลงทุนได้ลดลงก็สับเปลี่ยนจากหุ้นออกไปในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำกว่า ส่วนการสับเปลี่ยนกองทุนอีกแบบ คือ การสับเปลี่ยนเพื่อสร้างกำไรเพิ่มขึ้น วิธีนี้อยากให้ผู้ลงทุนดูแนวโน้มเศรษฐกิจระยะ 6 เดือน - 1 ปี  เช่น มองว่าภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงถดถอย  หรือ ตลาดหุ้นมีแนวโน้มราคาลดลง ก็สับเปลี่ยนออกไปในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า และรอจังหวะเข้าสับเปลี่ยนเข้ากองทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นเพื่อทำกำไรในระยะ 6 เดือน - 1 ปี  เนื่องจาก LTF ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นที่ลงทุนและมองหู้นที่เติบโตในระยะค่อนข้างยาว สำหรับ LTF จึงไม่แนะนำให้สับเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะการคาดเดาราคาหุ้นรายวันเป็นไปได้ยาก ส่วนใหญ่ผู้ลงทุนจึงดูแนวโน้มราคาระยะยาวมากกว่าค่ะ   นอกจากนั้นยังมีการสับเปลี่ยนอีกแบบ คือ การสับเปลี่ยนออกเมื่อราคาสูงเป็นที่นาพอใจหรือ ทำกำไรมากพอแล้ว  จึงสับเปลี่ยนออกไปกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า  ที่สำคัญอีกอย่างของ LTF คือควรสับเปลี่ยนเป็นจำนวนหน่วยลงทุนค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 16:02:53 จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 16:01:17

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าลืมดูด้วยนะครับว่า LTF ราคาโอนออก(ขาย) จะได้ต่ำกว่า nav ก็เหมือนเสียค่าธรรมเนียมนั่นเอง จากคุณ : WINDOM เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 16:12:46

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ (ไม่มั่นใจนะครับ) Bid (ราคารับซื้อคืน ซึ่งความหมายไม่เหมือนการสับเปลี่ยนออก แค่คล้ายกัน) ที่ต่ำกว่านั้น เฉพาะผู้ที่ถือหน่วยน้อยกว่า 1 ปี ครับ Bid = NAV-(NAV X 0.985) ส่วนการสับเปลี่ยน ไม่มีค่าธรรมเนียม คือ Bid = NAV เช่นเดียวกับการซื้อ Offer = NAV + 0.0001 รอคุณ K8888 confirm อีกทีนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 19:08:36 จากคุณ : ติดดอย...บ่อยไปไหม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 19:06:46

ความคิดเห็นที่ 9 อ้างอิง ของคุณ ติดดอย...บ่อยไปไหม http://www.kasikornasset.com/TH/FundInformation/Documents/Switching%20Schedule%28TH%29.pdf K-MONEY สลับเป็น T = K-MONEY >> K-GOLD ก็ได้ราคา K-GOLD วันนั้นเลยใช่มั้ยครับ จากคุณ : noteshock เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:32:02

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบคุณ noteshock ค่ะ K-MONEY สับเปลี่ยนไป K-GOLD ก็ได้ราคา K-GOLD วันนั้นเลยค่ะ   K-GOLD สับเปลี่ยนไป K-MONEY ก็ได้ราคา K-MONEY วัน T+3 ค่ะ   ตอบคุณติดดอย...บ่อยไปไหมค่ะ OFFER ราคาซื้อ = (NAV + 0.0001) + ค่าธรรมเนียมขายหรือ Broker fee (ถ้ามี) เช่น          NAV  =    10.0256 (ค่าธรรมเนียม 0.25%) OFFER  =  (10.0256+0.0001)+((10.0256+.0001)*0.25%) = 10.0507 [ค่า OFFER ต้องบวก 0.0001 เสมอ เหตุผลง่ายๆ คือ เป็นการปัดทศนิยมตำแหน่งสุดท้ายขึ้น  เพื่อให้ผู้อยู่ในกองทุนอยู่แล้วได้ประโยชน์มากกว่าผู้ซื้อใหม่]   ถ้าไม่มีค่าธรรมเนียม OFFER  = NAV+0.0001  ค่ะ BID ราคารับซื้อคืน  =  NAV - ค่าธรรมเนียมขายหรือ Broker fee (ถ้ามี) เช่น         NAV   = 10.0256  (ค่าธรรมเนียม 0.25%)     BID PRICE   = 10.0256 - (10.0256 *0.25%) = 10.0005 ถ้าไม่มีค่าธรรมเนียม BID  = NAV   ค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 08:17:25 จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 08:16:52