|
จากวิกฤติอาหารปี 2551 ทั่ว โลกให้ความสนใจกับเรื่องการปลูกข้าวมากขึ้นไม่ว่าเวียดนามที่มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น ทำตลาดข้าวคุณภาพต่ำ หรืออเมริกาที่พัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อส่งออกและลดประมาณนำเข้า การส่งเสริมการปลูกข้าวในอเมริกาจึงพยายามเบียดแย่งตลาดข้าวนำเข้าทั้งหมดปี ละ 6.6แสนตันซึ่ง โดยเฉพาะจากประเทศไทยมีปริมาณนำเข้าข้าวทั้งหมดกว่า 4 แสนตัน เป็นข้าวหอมมะลิถึง 3.4 แสนตัน ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของข้าวที่อเมริกานำเข้าทั้งหมด อเมริกาปลูกข้าวทุกชนิดรวมกันได้ประมาณ 6ล้านตันซึ่งส่วนมากเป็นข้าวขาว ใช้บริโภค 50% ส่งออก 40% อีก 10% เก็บเป็นสต๊อก แต่สำหรับข้าวหอมแล้วอเมริกาปลูกได้เพียง 2 แสนตัน เมื่อเทียบกับปริมาณนำเข้าข้าวหอมทั้งหมดจากทุกประเทศที่ 3.7แสนตัน จะเห็นได้ว่าตลาดข้าวหอมในประเทศอเมริกาเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศอเมริกาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้นอเมริกาจึงมีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ US Jasmine Rice, American Jasmine, Jasmine 85, Jasmati, Jazzman, หรือ JES rice ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ปรับปรุงความหอมและ yield ต่อไร่ที่มากขึ้น โดยเฉพาะ Jazzman Rice ที่ประกาศจะแย่งตลาดโดยตรงกับข้าวหอมมะลิไทย Jasmine Rice โดยเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกาและร้านอาหารอเมริกาทั่วประเทศเพื่อลดการนำเข้า 20% ในปี 2554นี้ การทำตลาดของข้าวพันธุ์ Jazzman มาโด่งดังเมื่อบริษัท Jazzmen Rice, LLC นำถุงขนาด 28 ออนซ์และ 25 ปอนด์ ออกมาจำหน่ายในปี 2552 โดยใช้ Louise Armstrong นักร้อง Jazz ชื่อดังช่วงปี 1940 เป็นตราสินค้าบนถุงสร้างกระแสชาตินิยมและความเป็นอเมริกันผ่านดนตรี Jazz ปรากฏ ว่าได้การตอบรับอย่างดีมากจากผู้บริโภคชาวอเมริกัน ทำให้ผู้ผลิตมั่นใจว่าจะแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากข้าวหอมนำเข้าได้ไม่ยาก เนื่องจากราคาถูกกว่าและมีความสดของข้าวเหมาะกับเมนูข้าวที่พัฒนาขึ้นของ ชาวอเมริกัน
ข้าวหอมสายพันธุ์อเมริกัน Jazzman Rice ได้พัฒนาพันธุ์มา 12 ปี ให้ผลผลิตต่อไร่ถึง 1,200กิโลกรัม เทียบกับหอมมะลิจากไทยซึ่งให้ผลผลิต 400กิโลกรัมต่อไร่ เจ้าของตราสินค้า Jazzmen Rice เป็นผู้ผลิตตั้งแต่ปลูกข้าวจนทำ Marketing บน Facebook ในขณะที่เจ้าของตราสินค้าข้าวหอมมะลิไทยทั้งหมดเป็นผู้ส่งออก ดังนั้นการพัฒนาแบบองค์รวมตั้งแต่สายการผลิตถึง Brand Image อเมริกาจะทำได้ดีกว่า ข้าวหอมมะลิไทยถ้าเปรียบเหมือนคนอายุ 50ปี สะสมชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักก็ต้องรักษาคุณภาพชื่อเสียงนี้ไว้ ข้าวหอมอเมริกาอายุ 12 ปีเพิ่งเป็นที่รู้จักได้เพิ่งปีกว่าๆ แต่เปรียบเสมือนวัยรุ่นกำลังพุ่งแรงมีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องเพื่อบุกตลาด Blue Ocean เมื่อปีที่แล้วทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยบอกว่าข้าวหอมไทยข้าวหอมอเมริกัน เป็นสินค้าคนละตลาด ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว และในอนาคตจะประมาทไม่ได้เลยไม่เช่นเราอาจจะต้องเสียตลาดข้าว Premium ไปอีก
http://www1.bangkokvoice.com/blogs/200901082233242313/entry/380
แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 54 09:02:53
จากคุณ |
:
โต้คลื่น
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ส.ค. 54 08:59:34
|
|
|
|
|