|
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 3 ชนิด ทั้งเบนซิน 91 เบนซิน 95 และดีเซลลง โดยที่ไม่ได้กลับไปขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเท่าเดิม ซึ่งในหลักการแล้วน่าจะดำเนินการไปพร้อมกันนั้นน่าจะมีผลกระทบทำให้กรมฯสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มเติมอีก 150,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 55 จากปีงบ 54 ที่น่าจะเสียรายได้จากการปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 0.005 บาท 150,000 ล้านบาท ซึ่งรวม 2 ปีกรมฯต้องสูญเสียรายได้ถึง 300,000 ล้านบาทหากไม่ดำเนินการใดๆ รวมทั้งมองว่าจะกระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้รวมของกรมฯในปีงบประมาณ 55 ที่ตั้งไว้ 450,000 ล้านบาท
"กรมฯมองว่ารัฐบาลคงไม่ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลหลังสิ้นครบกำหนดสิ้นเดือนก.ย. เพราะจะขัดกับนโยบายที่ต้องการให้น้ำมันถูกลง ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วหากจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันซึ่งจะทำให้รายได้หายไปมากกลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลควรปรับขึ้นภาษีเอารายได้กลับเข้ามา แม้จะไม่กลับไปที่ลิตรละ 5.31 บาทก็ควรทยอยขึ้นบ้าง แต่มองว่ารมว.คลังไม่แสดงบทบาทเท่าที่ควร การจะนำเงินงบประมาณไปอุดหนุนกองทุน 30,000ล้านบาทนั้นมองว่าไม่เหมาะสมที่จะนำเงินภาษีคนส่วนใหญ่ไปอุ้มผู้ใช้น้ำมัน"
แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า ในช่วงสัปดาห์นี้จะมีการหารือระดับนโยบายอีกครั้งเกี่ยวกับอัตราภาษีน้ำมันสรรพสามิตดีเซล ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปรับขึ้นไปที่ระดับเดิมได้ กรมฯจึงจะเสนอให้ทยอยปรับขึ้น โดยอาจจะเริ่มจากขึ้นภาษีไปที่ลิตรละ 2 บาทก่อน เพราะภาษีน้ำมันดีเซลที่ขึ้นลง 1 บาทมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ 19,000 ล้านบาท เพื่อรัฐบาลจะได้มีรายได้เข้ามาเพิ่มเติมในการนำไปใช้ในการดำเนินนโยบาย รวมทั้งกรมฯมีแนวคิดว่าน่าจะถึงเวลาเก็บภาษีแก๊สแอลพีจีและเอ็นจีวี โดยเก็บจากภาคขนส่งและอุตสาหกรรมตามที่แยกตลาดออกจากภาคครัวเรือน ด้วยการเก็บจากหัวจ่ายเหมือนน้ำมัน เพราะปัจจุบันเห็นว่ามีการเปิดปั๊มจำนวนมากและรัฐบาลอุดหนุนราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริงมานานแล้ว
นอกจากนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหารายได้ที่หายไปของกรมสรรพสามิต เบื้องต้นกรมฯได้เตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลปรับขึ้นภาษีบาป ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ภาษีสินค้าที่ก่อมลพิษ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป โดยจะเสนอให้ขึ้นภาษี 7-8 รายการหลัก ที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 100,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากภาษีเหล้า ภาษีเบียร์ ภาษีบุหรี่ รวมกัน 30,000-50,000 ล้านบาท นอกจากนั้นจะพิจารณาปรับขึ้นภาษีรถยนต์ ภาษีน้ำมันหล่อลื่น ภาษีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น ขณะนี้ได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว รอเสนอให้รมว.คลังพิจารณาได้ทันที และหากเห็นว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนก็สามารถออกเป็นพระราชกำหนดในการปรับขึ้นภาษีได้
นอกจากนี้ จะพิจารณาจัดเก็บภาษีไนต์คลับ อาบอบนวด สถานบันเทิงมีที่เต้นรำ สนามกอล์ฟ ซึ่งจะเก็บภาษีเป็นอัตราเปอร์เซ็นต์จากรายรับ โดยจะพิจารณาจากทะเบียนของกรมตำรวจ ที่ผู้ประกอบการต้องมาแจ้งขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่งมีหลายหมื่นรายและในเบื้องต้นจะเริ่มเก็บที่อัตรา 3% ของรายรับก่อน รายได้ที่หาเข้ามาทดแทนนี้ ยังไงก็ได้ไม่ถึง 300,000 ล้านบาทที่จะหายไปแน่นอน เต็มที่ก็คงหาเพิ่มได้อีก 100,000 ล้านบาท จึงอาจมีผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลโดยรวมที่อาจต้องขาดดุลเพิ่มอีก แหล่งข่าวเผย
จากคุณ |
:
ฮะ ว่าไงนะ
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 54 09:03:41
|
|
|
|
|