ความคิดเห็นที่ 1 ธุรกิจส่วนตัวไม่ง่ายค่ะ และต้องมีสายป่านยายวพอควรด้วยค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:36:25

ความคิดเห็นที่ 2 บางครั้งมันก็เป็นความยึดติดอย่างหนึ่ง ที่คนเรามักจะพูดกันว่า"ทำงานประจำมั่นคง" จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:36:37

ความคิดเห็นที่ 3 ตามความคิดผม ผมว่า 80%ของคนส่วนใหญ่ ชอบความมั่นคงนะครับ ไม่ค่อยชอบที่จะเสี่ยงมาก แต่มั่นคงมักไม่ร่ำรวย "high risk high return" ครับ จากคุณ : sengkubpom เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:39:10

ความคิดเห็นที่ 4 1  ขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในการทำธุรกิจ 2 ขาดความตั้งใจจริงครับ เลยทำงานไม่ได้เก็บเงินเพื่อไปทำธุรกิจ เช่นพอทำงานก็ต้องผ่อนรถ และบ้าน 3 พอทำงานประจำไปนานๆ แล้วรู้สึกมั่นคงกว่า หาน้อยมากครับที่ทำงานประจำมานานๆ แล้วจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ เพราะไม่อยากรับความเสี่ยง จากคุณ : Samith เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:39:23

ความคิดเห็นที่ 5 ผมจะลาออกไม่เล่นหุ้นและทองและค่าเงินอย่างเดียวปีหน้า ว่าจะออกปีนี้แล้วแต่หัวหน้ารั้งไว้ แต่อีกอย่างผมรู้สึกดีมากๆที่เห็นพวกขี้อิจฉามีหนี้สินรุงรัง แต่ผมรวยเอาๆ เอาแบงก์พันหลายๆ ปึกมานั่งนับใส่หน้าสะใจดี จากคุณ : คนรวยที่ไม่เคยจน เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:40:34

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะมีรายได้ที่แน่นอนไงครับ  มีงาน มีเงิน มีสวัสดิการ ทำธุรกรรมง่าย อื่นๆมากมาย จากคุณ : THE FINAL 2 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:41:01

ความคิดเห็นที่ 7 จะเข้าไปรบราฆ่าฟันกันในred oceanทำไม เหนื่อย กำไรน้อย ไม่เป็นเวลา ไม่มีวันหยุด ไม่ทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นblue oceanบอกผมด้วยครับ อยากเข้าไปร่วมหุ้นเหมือนกัน จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:41:25

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วแต่นิสัย ความชอบ และวิสัยทัศน์ ทำงานประจำ รับผิดชอบเฉพาะเรื่อง ง้อเฉพาะเจ้านาย ทำธุรกิจส่วนตัวต้องรอบรู้ มนุษยสัมพันธ์ดี ต้องหมุนเงินหาตลาด หาลูกค้า แล้วยังต้องง้อลูกน้องด้วย เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเฮงด้วย เคยทำช่วงนึง ต้องกลับไปทำงานประจำใหม่ ดีทีเกษียณแล้ว โล่ง (กระเป๋าก็โล่งด้วยจ้า) แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 54 21:43:28 จากคุณ : หมั่นเก็บหอมรอมริบ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:41:56

ความคิดเห็นที่ 9 งานประจำบางอย่าง มั่นคงจริงๆ รายได้และสวัสดิการดีจริงๆครับ แม้จะมีไม่มาก แต่ก็มีอยู่จริง ธุรกิจส่วนตัว ทำให้ประสบความสำเร็จมากๆ ได้ไม่ทุกคน บางคนก็รู้ตัวเองดีว่าคงไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจส่วนตัวเท่ากับทำงานประจำครับ จากคุณ : กฤษณะ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:47:19

ความคิดเห็นที่ 10 ก้ทำเองไม่เป็น  ไม่รู้จักหาช่องทางทำมาค้าขาย  อะไรที่เสี่ยงหน่อยลำบากหน่อยก็ถอยกันซะแล้ว    อีก อย่าง  คนไทยเท่าที่คุยๆกันมาก มักชอบมีเจ้านาย   รอนายช่วยนะ  ไม่ชอบเป็นตัวของตัวเอง    ตัวอย่าง   คนกินเงินเดือน 1 หมื่นเท่ากัน  ถ้าเป็นลูกจ้างบริษัทใหญ่ชื่อดัง  ก็ย่อมดีกว่า  กินเงินเดือนเท่ากันหรือมากกว่า แต่อยู่บริษัทเล็กๆ จากคุณ : ไม่รู้เป็นไร เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:49:07

ความคิดเห็นที่ 11 ((( ความกลัว ))) ไงครับ คนที่กลัวมีมากกว่าคนที่ไม่กลัว คนไม่กลัวจึงมักจะกร้านชีวิต ต่อสู้ดิ้นรน ล้มลุกคลุกคลาน อดบ้างอิ่มบ้าง ทุลักทุเลบ้าง แต่ที่สุดแล้วจะเข้มแข็ง และต่อสู้อยู่กับชีวิตได้มากกว่าคนที่กลัวอยู่แต่ในร่มไม้ใหญ่ คนที่ไม่กลัวจึงเข้มแข็งมากกว่า ต่อสู้กับแดดลมได้มากกว่า แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 54 21:50:46 จากคุณ : HyPeR MonKeY เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:49:59

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้านับว่าการทำการเกษตรเป็นธุรกิจส่วนตัว คนในประเทศนี้ส่วนใหญ่ทำธุรกิจส่วนตัวครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:50:54

ความคิดเห็นที่ 13 หนังสือ "พ่อรวยสอนลูก #เงินสี่ด้าน" โดย คิโยซากิ จากคุณ : Heinz เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:58:13

ความคิดเห็นที่ 14 เพราะ 1. ธรรมชาติของคน(ส่วนใหญ่)ไม่ชอบความเสี่ยง 2. ไม่มีทุน ไม่มีทรัพยากร ไม่สามารถ และไม่เข้าถึง(แหล่งความรู้ แหล่งเิงินทุน) 3. ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร (และเพราะระบบการศึกษาด้วย มีกี่วิชาล่ะสอนให้ทำธุรกิจ สอนให้บริหารเงิน สอนให้ประเมินความเสี่ยง ฯลฯ) จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:00:43

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านพ่อรวยสอนลูกครบทุกเล่มครับ. ตอนนี้ทำกิจการอย่างเดียวและเป็น investor สบายกว่าเดิมมาก และจะไดเกษียนตอนอายุ37ครับ เหลืออีกสองปี มั่นคงกว่างานประจำมากครับ จากคุณ : NUKKY007 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:09:55

ความคิดเห็นที่ 16 มั่นคง และไม่รู้ จะไปทำอะไร จากคุณ : ไก่อลาสก้า เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:20:58

ความคิดเห็นที่ 17 คนส่วนใหญ่  ก็มีเหตผลเดียวกับ จขกท นั่นแหละ ไม่รู้จะทำอะไรดี เหตที่ ไม่รู้จะทำอะไรดี  ก็เพราะยังทำไม่เป็น การจะทำกิจการอะไรสักอย่าง   มันทำยากกว่าทำงานกินเงินเดือน ที่เข้าทำงาน ก็มีเจ้านายสั่ง  สอน เมื่อยาก ก็เลยไม่รู้จะทำอะไรดี คนที่ทำธุรกิจเอง จึงมักเกิดจากความตั้งใจมั่นของเขาเอง หรือไม่ก็เพราะ มีบางอย่าง บังคับ เช่น ไม่ชอบให้ใครสั่ง เป็นลูกน้องไม่ได้ โลภ อยากรวยเร็ว รับช่วงกิจการของครอบครัว  ฯลฯ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:27:08

ความคิดเห็นที่ 18 1.ต้องมีเงินทุน ประสบการณ์ไม่มีแต่มีเงินทุนถ้าขาดทุนบ้างก็พอถูไถได้ แต่คนจบใหม่ครอบครัวไม่รวย ไม่มีเงินทุนมาก ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ คนที่มีเงินจะไม่ค่อยกลัวการไปทำธุรกิจส่วนตัวแต่คนที่ไม่มีเงิน ไม่มีทรัพย์สินอะไร ไม่มีคนสนับสนุน จะไปขอกู้ธ.ใครจะให้ คนจบออกมามีแต่ตัวเปล่าๆกับใบปริญญาเรียนยังต้องกู้เงินเรียนเลย ยังไงก็ต้องไปสมัครงานหางานทำก่อน ยกเว้นบางคนที่มีเงินใช้มีรถขับ...ตั้งแต่เรียนอยู่ 2.คนส่วนมากชอบความสบาย ไม่ชอบดิ้นรน การทำธุรกิจต้องทำงานหนัก ต้องรับผิดชอบมาก พอคนมีงานทำประจำมีเงินเดือนดีแล้ว ชอบงานที่ทำอยู่แล้ว จะไปดิ้นรนอีกทำไม 3.กลัวเจ๊ง ทำธุรกิจหรือเปิดกิจการใช้เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะ ถ้าเจ๊งครั้งเดียวแทบหมดตัวเลย ไม่เหมือนเล่นหุ้นนะหุ้นตกขายไปยังเหลือเงินบางส่วนถ้าไม่เลือกหุ้นผิดที่ใกล้เจ๊งนะ จากคุณ : hilord เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:34:45

ความคิดเห็นที่ 19 คุยกะเพื่อนที่เป็นเจ้าของกิจการ แบบที่ไม่ได้รับสืบทอดจากบรรพบุรุษ บอกเพื่อนว่า เพื่อนเก่งจังเป็นเจ้าของบริษัทด้วย อยากทำบ้าง อิจฉา เพื่อนบอกว่า ก็ทำงานที่ชอบ มันก็สนุก  มีความสุข กลับมานั่งคิดๆ  เออ แล้วเราชอบไร ว ะ เนี่ย คิดไม่ออก ก็เลยต้องทำงานประจำ ที่ไม่ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียดต่อไป จากคุณ : I found you finally เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 23:09:10

ความคิดเห็นที่ 20 โชคร้ายของผม  เกิดมาไม่ได้เป้นลูกจ้าง เพราะทำอาชีพส่วนตัวมาตลอด ตั้งแต่มีหนี้ จนไม่มีหนี้  อิสระทางการเงินมากกว่าเป็นไหนๆครับ จากคุณ : หนุ่มธนู เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 23:25:15

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนมาเฉพาะทาง จะออกไปทำเองก็กะไรอยู่ ทำให้บ.ดีแล้ว เงินดี มั่นคง จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 23:29:10

ความคิดเห็นที่ 22 การทำงานประจำ เป็นจุดเริ่มต้นของทุกคน ที่ไม่มีธุรกิจครอบครััวให้สืบทอดครับ เมื่อเรียนจบ ก็จะหางานที่ตรงสายที่เรียน ทำไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น เมื่อทำงานประจำไปนานๆ ก็จะเร่ิมชิน เป็นกิจวัตร เหมือนสบายดี ทำให้ไม่ได้เสาะหาอะไรใหม่ๆ ซึ่งเมื่อมีรายได้ สิ่งที่ตามมาคือรายจ่าย ทั้งรายจ่ายประจำ ค่ากิน เที่ยว เสื้อผ้า รวมไปถึง ถ้ามีเงินเหลือสักพอประมาณ ก็จะหาทางเป็นหนี้เพิ่มด้วยการ มีสิ่งฟุ่มเฟือยให้สมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน สิ่งเหล่านี้จะโตตามเราไปด้วย ถ้าเราตำแหน่งสูงขึ้น กระเป๋า นาฬิกา เสื้อผ้า รถ จะแพงตามศักดิ์ศรีของตำแหน่งไปด้วย ดังนั้น เมื่อเรารายได้ประจำ ลบ ด้วย รายจ่าย มักเหลือ น้อยมาก หรือ แทบไม่มีเลย แถมบางคนยังเพิ่มภาระให้ตัวเองด้วยการเป็นทาสบัครพลาสติก ซึ่งดูดเงินเพลินๆไปจนเกินตัว ถ้าเริ่มตัวแดงจนถึงขั้นต้องจ่ายขั้นต่ำแล้วละก็ คุณเป็นทาสทุนนิยมไปแล้ว เพราะคุณกลายเป็นเครื่องจักรของระบบทุนสามานย์ ที่คอยหมุนเงินมาป้อนให้ระบบธนาคารไปซะ เงินเก็บไมมี รายได้โตช้ากว่า มีหนี้ค้าง และมีรายจ่ายประจำบานตะเกียง ทำให้ติดกับดัก ที่ไม่สามารถมาเป็นเจ้าของกิจการ หรือ ทำธุรกิจส่วนตัวได้ เพราะธุรกิจส่วนตัว พอเริ่มก็ต้องมีเงินทุน มีการคิดล่วงหน้า ว่าจะจัดการหนี้ประจำได้อย่างไร รายได้มาจากไหน สะดุดได้ไหม ...ทำให้ทุกอย่างเป็นความเสี่ยงไปหมด ไม่กล้าที่จะตัดสินใจออกจากงาน ที่ดูเหมือนว่าจะมั่นคง นั้น ... ผมเป็นคนนึง ที่หลุดกับดักมนุษย์เงินเดือน ออกมานสู่การเป็นเจ้าของกิจการ และผันส่วนต่างจากกำไรในกิจการมาลงทุน แม้ขลุกขลัก ลำบาก ในช่วงแรก (ประมาณ 3-5 ปี) แต่ด้วยความตั้งใจอดทน ทั้งในการทำธุรกิจ และ การฝึกฝนลงทุน ในที่สุดก็ให้ผลตอบแทนเกินคุ้ม จนถึงจุดที่ว่า จะหยุดทำงานแล้วก็ได้ แต่ผมก็เลือกทำงานต่อครับ เพราะงานเป็นตัวสร้างกระแสเงินสดที่ง่ายที่สุด ส่วนผลกำไรจากการลงทุนก็ทบแล้วทบเล่าไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยตัดสินใจอีกทีว่า ควรเกษียณมั๊ย ซึ่งคำตอบก็คงไม่ ขึ้นกับว่า สถานการณ์ตอนนั้นเป็นเช่นไร พอร์ตขนาดไหนแล้ว ขอให้ทุกคนโชคดี และทำได้ดังฝัน หลุดจากวงจรมนุษย์เงินเดือนเสียที ครับ การทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนมากเหมือนสมัยก่อนแล้ว และที่สำคัญถ้าเลือกธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการ ไม่ใช่การผลิต ทุนยิ่งต่ำมาก ROE มหาศาลครับ จากคุณ : :::GANTZ::: เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 23:47:44

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ถ้าหลังจากทำงานประจำแล้ว มักมีหลายคน คิดอยากเป็นเจ้าของกิจการ เล็กของตัวเอง มักจะคิดได้แบบธรรมดา แบบสามัญ (ซึ่งได้จากการลอกมา ดูเขา ฟังมา เห็นบ่อย) ที่ผมได้ยินประจำ ได้แก่ ร้านเน็ต ร้านกาแฟ ซักรีด เช่าหนังสือ มินิมาร์ต ถ้าจำทำพวกนี้ ขอแนะนำว่า ทำงานประจำต่อไปเถิดครับ ผมมองพวกนี้ว่าเป็นธุรกิจล้มลุก ไม่มี จุดแข็งที่จะทำให้ เป็นจุดยืน หรือ กลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ต่อเนื่องในระยะยาวครับ ธุรกิจที่ควรทำ อาจเป็นสิ่งที่เรารัก+มีความถนัด+ใช้ประสบการณ์ต่อยอดจากสายงานที่ทำอยู่ประจำ+หาช่องทางที่แปลกใหม่ หากลุ่มเป้าหมายของรายได้ให้เจอ และลงมือจากเล็ก เริ่มต้นไม่ต้องใหญ่ ให้ทำแบบปลูกต้นไม้ครับ อย่าเริ่มจาก กิ่งตอนมันไม่มีรากแก้ว เิร่มจากเพาะเมล็ด สิง่ที่เราจะสำเร็จและผ่านมันไปได้คือ ความอดทน มานะ และเอาใจใส่ครับ โชคดี จากคุณ : :::GANTZ::: เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 23:54:56

ความคิดเห็นที่ 24 เจ้าของกิจการ คือ คำตอบ เรื่องเวลาสำหรับผมครับ จากคุณ : ลูกฟลุ๊ค (Darkdeo) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 00:09:15

ความคิดเห็นที่ 25 อย่าเปิดไพ่แค่หน้าเดียว จงจัดสรรเวลาเพื่อเปิดไพ่ให้ได้หลายใบ จากคุณ : จิ้งจกสายฟ้า เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 00:20:15

ความคิดเห็นที่ 26   รักงานประจำได้...  เพราะมีใจรักในงานที่ทำ. มีความชำนาญ   จึงทำให้เกิดรายได้ประจำ มีงานประจำ ก็ทำอย่างอื่นได้..  ถ้าคุณมีความสามารถนะ. จากคุณ : werasiri เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 00:21:10

ความคิดเห็นที่ 27 ธุรกิจส่วนตัวมีโอกาสเจ๊ง และขาดทุน แต่งานประจำ ไม่มีทางเจ๊ง จะมีก็แต่ เสียโอกาสที่จะรวย จากคุณ : ~AZZEZORIE~ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 00:42:44

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนที่อ่านหนังสือกันเคยมีความรู้สึกมั๊ยว่า ทำไมถึงยก การทำงานอิสระ หรือการเจ้าของกิจการให้ดูสวยหรูขนาดนี้ พูดซะคนที่เลือกจะทำงานประจำเหมือนเป็นคนสิ้นคิดยังไงยังงั้น ผมชวนมามองในมุมกลับบ้าง ถ้าทุกคนเป็นเจ้าของกิจการกันหมด แล้วใครจะมาเป็น หน่วยงาน ห้างร้าน บริษัท ที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนนั่นนี่ล่ะ เป็นเถ้าแก่ มาเสิร์ฟอาหาร ก่อสร้าง ชำแหละหมู ทำคลอด เอง แม้บริษัทในตลาดหุ้น ใครจะมาทำงานให้........ จากคุณ : bourne_sup เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 00:54:02

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบ 28 นะครับ ผมว่าในมุมของเจ้าของคนนึง เจ้าของกับ ลูกน้อง เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ขาดใครไปคงไม่ได้ เพราะแต่ละคนมี มุมมอง และข้อจำกัดในตัวเองต่างกัน คำตอบคงคล้ายๆกับที่ มีคนเคยคิดว่า ถ้าเล่นหุ้นมันดี แล้ว คนมาเล่นหุ้นกันหมด ใครจะทำงานละเนี่ย เจ้าของกิจการ ก็ไม่ได้สบายกันซะทีเดียว เหนื่อย อุปสรรคมาก มีเรื่องต้องให้ฝ่าฟันเยอะ เครียดเรื่อง รายได้ หนี้ การหมุนเวียนเงินในกิจการ ซึ่งมูลค่ามากกว่า ที่ พนักงาน จะคิดแค่ รายรับ-รายจ่าย คนที่ทำงานประจำไม่ได้สิ้นคิดครับ แต่น่าจะเป็นเรื่องของข้อจำกัดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายมากกว่า และความเสี่ยง เรื่องการกลัวการสูญเสียรายได้ประจำก็เป็นอีกเรื่อง เพราะเจ้าของกิจการมักมีรายได้ไม่แน่นอนในช่วงแรกๆ หลายคนกว่าจะสำเร็จได้ก็ต้องเจ๊งไปหลายรอบ ล้มลุกคลุกคลานอยู่นานกว่าจะสำเร็จ แต่ถ้าทำได้ คุ้ม !!! จากคุณ : :::GANTZ::: เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 01:15:38

ความคิดเห็นที่ 30 ขอถามถ้าให้เลือก มั้นคง กับ มั่งคั้ง จะเอาอันใหน คนส่วนใหญ่บอก มั้งคั่ง แต่ดันเลือกทำ มั้นคง  ก็ งง กับชีวิตคนเรา จากคุณ : aswirut เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 01:27:34

ความคิดเห็นที่ 31 ก็เพราะ "ตัวเขาเอง" ล่ะครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 01:57:19

ความคิดเห็นที่ 32 ธุรกิจส่วนตัว ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย งานประจำ ทำมาก ขยันมาก ก็ได้แค่เงินเดือน อย่างมากก็มี OT ไม่เท่าไหร่ ผมคนนึงล่ะ ที่เดินทางสายธุรกิจส่วนตัวมาตั้งแต่เริ่มจบใหม่ๆเลย และคิดว่าประสบความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่ตอนผมจบใหม่ๆ ผมเคยตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า "ซักวันนึง ผมจะมีรายได้เดือนละ 1 ล้านบาทให้ได้ก่อนที่ผมจะอายุ 30 ปี ถ้าทำได้ ชีวิตนี้ผมจะถือว่าผมประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว" ซึ่งเคยบอกเพื่อนเอาไว้ ตอนนั้นเพื่อนๆต่างก็หัวเราะเยาะผมกันใหญ่ว่าฝันเฟื่อง แต่จากตอนนั้นที่มีการตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ พอจบมาก็มานั่งคิดหาหนทางที่จะไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ให้ได้ ซึ่งก็มีทางเดินอยู่ 2 ทางคือ 1. เป็นมนุษย์เงินเดือน 2. ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งข้อ 1 ไม่มีโอกาสเป็นไปได้แน่นอนที่ครับ มนุษย์เงินเดือนมีเงินเดือนๆละ 1 ล้านบาท คงเป็นไปได้ยาก พอคิดได้ดังนั้นก็เลยเลือกเดินทางที่ 2 ตั้งแต่จบใหม่ๆเลยครับ แต่ก่อนที่บ้านผมจนมาก ค้าขายของชำรายได้ต่อเดือนทั้งครอบครัวคงไม่เกิน 3 หมื่นได้มั้ง (กำไรนะครับ) แถมพ่อแม่ผมต้องนอนตี 1 ตื่น ตี 4 ลำบากมากๆ พอผมจบมาใหม่ๆอายุ 21 ปี ผมก็คิดเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่จบเลยครับ ตอนนั้นต้องใช้เงินลงทุน 7 แสนบาท แต่พ่อกับแม่ผมทุบกระปุกหมดหน้าตักที่มีอยู่หาให้ผมได้แค่ 1 แสนบาทเท่านั้น แต่พ่อแม่ผมได้ไปกู้ญาติๆมาให้อีก 6 แสน เชื่อไหมครับว่าผ่านมาแค่ 10 ปี ณ.วันนี้ รายได้ผมวันนึงวันละ 5-7 หมื่นบาทต่อวัน มีค่าใช้จ่ายเดือนนึง 6 แสนกว่าบาทต่อเดือน แต่ได้กำไรเดือนนึงเกินล้านครับ มูลค่าทรัพย์สินที่ผมหามาได้หลังจากหักเงินลงทุน 7 แสนตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ตอนนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 30 ล้านแล้ว การตั้งเป้าหมายในชีวิตนั้นสำคัญมากๆๆครับ ค้นหาตัวเองว่าตัวเองอยากได้อะไร อยากเป็นอะไร จากนั้นก็มองหาหนทางเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ อย่าใช้ชีวิตอย่างเช้าชามเย็นชามแบบไม่มีเป้าหมาย เพราะจะทำให้เราก้าวหน้าช้า สำหรับผม ถือว่าประสบความเร็จมาขั้นนึงแล้ว เป้าหมายต่อไปในชีวิตผมคือ ผมจะต้องมีทรัพย์สินรวมกันทั้งหมดให้ได้ 100 ล้านบาทก่อนอายุ 40 ให้ได้ ทุกวันนี้ พ่อกับแม่ผมไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ วันนึงวันนึงผมให้ท่านคอยนับเงินให้ผมอย่างเดียว อีกจุดหนึ่งที่อยากจะเล่าประสบการ์ณให้เพื่อนๆฟังนะครับ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากๆอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนที่คิดจะทำธุรกิจส่วนตัว คนส่วนใหญ่ที่คิดจะลงทุนทำธุรกิจ ส่วนมากจะคิดเยอะ และมักจะมองโลกแต่ในแง่ร้าย ซึ่งจะทำให้บั่นทอนกำลังใจตัวเอง จนสุดท้ายก็หมดกำลังใจ ไม่ทำดีกว่า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลองเลย ก็ถอดใจคิดว่าทำไม่ได้ซะแล้ว เพราะคำว่า "กำลังใจ" มันไม่มี ดังนั้น พยายามมองหามุมที่คิดแล้วเป็นการสร้างกำลังใจให้ตัวเองจะดีกว่าครับ มันจะเป็นแรงผลักดันให้เรามีพลังในการที่จะลงมือทำ ยกตัวอย่าง case ของผม ผมเคยคุยกับพ่อว่าจะซื้ออาคารพาณิชย์ราคา 16 ล้าน ตอนนั้นยังไม่มีเงินพอที่จะซื้อสด ต้องกู้ Bank เพิ่ม ซึ่งพ่อผมลังเล ไม่กล้าซื้อ เพราะต้องกู้ Bank ต้องเป็นหนี้ Bank พ่อผมพูดกับผมว่า  "จะเอาจริงๆเหรอ ถ้าเอาต้องเป็นหนี้ Bank 10 ล้านเลยนะ" ผมตอบพ่อไปว่า   "ป๊าอย่าคิดแบบนั้นสิครับ ป๊าคิดซะว่าการซื้ออาคารพาณิชย์หลังนี้ มันเป็นการบังคับเราฝากเงินเข้า Bank  ทุกเดือน อีก 10 ปีข้างหน้า เราจะมีเงิน 10 ล้านเลยนะครับป๊า" พ่อผมไม่พูดไรต่อเลยครับ วันรุ่งขึ้นพ่อจูงมือผมไปซื้ออาคารพาณิชย์หลังนั้นทันทีครับ จากตัวอย่างนี้ รู้สึกไหมครับว่า เหตุการณ์เดียวกัน ซื้อตึกหลังเดียวกัน ราคาเท่ากัน แต่มุมมองต่างกัน กับให้ความรู้สึกต่างกันเลย มุมนึงให้ความรู้สึกหดหู่ น่ากลัว ที่จะต้องเป็นหนี้ Bank ถึง 10 ล้าน  แต่อีกมุมนึงกับทำให้เรารู้สึกฮึกเหิม มีกำลังใจ อยากที่จะทำ เพราะทำไป อนาคตเราจะมีเงิน 10 ล้านบาท สุดท้ายถ้าจขกท. อยากทำธุรกิจส่วนตัว ผมเข้าใจดีครับ มันเป็นการยากสำหรับคนที่ทำงานประจำมา แล้วต้องการเปลี่ยนมาทำธุรกิจส่วนตัว ยังไงก็พยายามมองหามุมที่ให้กำลังใจเราดีกว่าครับ อย่ากลัวอะไรมากจนเกินไป เพราะสุดท้ายจะทำให้เราไม่ได้ "ลงมือทำ" ถ้าวันนั้นผมไม่คิดทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่จบใหม่ๆ ผมก็คงเป็นมนุษย์เงินเดือน และพ่อกับแม่ผมก็ยังคงต้องขายของชำต่อไป ต้องนอนตี 1 ตื่นตี 4 ทุกวัน........... แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 54 02:47:58 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 54 02:45:57 จากคุณ : ปาปารัสซี่ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 02:42:54

ความคิดเห็นที่ 33 # ปาปารัสซี่ เยี่ยมเลยครับ จากคุณ : หนุ่มกันย์ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 04:15:02

ความคิดเห็นที่ 34 ทุกอย่างอยู่ที่ตัวของเรา "อยู่ที่ความคิดเป็นสำคัญ" ถ้ามองอะไรเป็นปัญหา ก็จะเป็นปัญหาตั้งแต่คิดแล้ว  ผมเคยถามเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกันไม่มีใครเลยครับที่จะคิดทำธุรกิจส่วนตัว บอกว่าทุกวันนี้ก็ OK แล้ว มีรถ มีบ้าน  จะไปเสี่ยงทำไม แต่ผมทำ 3 ด้านพร้อมๆ กันครับ : ทำงานประจำ, ธุรกิจส่วนตัว, นักลงทุน อนาคตอันใกล้คงต้องตัดงานประจำออกครับ  ต้องการเป็นอิสระในการคิดมากขึ้น "การเดินตามคนอื่น จะคิดแตกแยกผู้นำกลุ่มไม่ได้ อาจจะเป็นแกะดำในสายตาของกลุ่มนั้น และแกะดำตัวนี้จะไปสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมา" แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 54 04:30:12 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 54 04:28:41 จากคุณ : หนุ่มกันย์ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 04:27:33

ความคิดเห็นที่ 35 ทําอะไรก็ได้ที่รู้สึกดี กับชีวิต และเราไม่ต้องเป็นทาส ของมัน เวลาคนเรามีจํากัด น่ะครับ ใช้ให้เป็น มีเงิน 100 ล้าน แต่ร่างกายไม่แข็งแรง ครอบครัวไม่อบอุ่น มีไปทําไม จากคุณ : golfanun เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 07:22:22

ความคิดเห็นที่ 36 เท่าที่รู้  คนทำธุรกิจส่วนตัว  เจ๊ง มากกว่า อยู่ได้ นี่ครับ จากคุณ : joeymydear เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 10:57:52

ความคิดเห็นที่ 37 ธุรกิจส่วนตัว ก็มีส่วนคล้ายกับเล่นหุ้นครับ มันมีเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ ซึ่งไม่ได้มาง่ายๆ คนที่เจ๊ง มากกว่าอยู่ได้ มี แต่ทำไงต่อ เจ๊งแล้วเลิก ถอดใจ และฝังใจว่ารู้งี้กินเงินเดือนดีกว่า กับ เจ๊งแล้วเรียนรู้ สู้ใหม่ ลุกขึ้นมาอีก นักธุรกิจร้อยล้านหลายคนเริ่มจากศูนย์ เจ๊งมานับไม่ถ้วน แต่ด้วยอดทน เรียนรู็ ในที่สุดเมื่อกลับมาได้จะแกร่งกว่าเดิม จนประสบความสำเร็จในที่สุด ลองอ่านประวัติของคนที่มาแนวนี้ โดยไม่ได้บ้านรวย ใครจะทำกินเงินเดือนต่อไป ก็ดีครับ ใครอยากเป็นเจ้าของกิจการ ผมสนับสนุนเต็มที่ ทุกอย่างมีจุดดี ด้อย ในตัวเอง แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 54 12:10:00 จากคุณ : :::GANTZ::: เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 12:06:38

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมออกจากงานประจำไปทำส่วนตัว 2 รอบแล้ว พอไปไม่ไหวก็กลับมาทำงานประจำเก็บเงินหาช่องทางแล้วไปสู้ใหม่ นี่ล่าสุดว่าเล็งๆ หุ้นไว้ ทยอยเก็บเงิน+ข้อมูลอยู่ คงอีกไม่นานได้ลุยต่อ ...... จากคุณ : คนพันธ์แท้ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 12:21:34

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ทราบคุณ GANTZ ทำธุรกิจสืบทอดจากครอบครัวหรือเปล่าครับ คนที่มีธุรกิจจากครอบครัวก็พูดง่ายครับ แต่สำหรับคนที่เริ่มธุรกิจจากมือเปล่านี่สิ ไม่ง่ายเลย สำหรับมนุษย์เงินเดือนกว่าจะเก็บเงินได้สักก้อนพอที่จะเริ่มธุรกิจเองก็ใช้เวลาหลายปี แต่ผมชอบความคิดคุณนะเข้าท่าดี ไม่ทราบคุณทำธุรกิจอะไรครับ จากคุณ : nongsurin2011 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:12:58