|
28สถาบันใหญ่ถือJAS สวนแก๊งวีไอทมิฬขาย :แรงขายสะเด็ดน้ำ “พิชญ์”กอดหุ้นแน่น วันพฤหัสบดีที่ 01 กันยายน 2011 สถาบันในและต่างประเทศ 28 เจ้า แห่ถือหุ้น JAS เบ็ดเสร็จเกือบ 1,000 ล้านหุ้น มีทั้งกองทุนสำรองฯ กฟผ.เครือซิเมนต์ไทย ฯลฯ สวนทางแก๊งวีไอทมิฬ สาดหุ้นหวังใช้สัญญาณเทคนิคข่มขวัญกระเจิง กดราคาให้ต่ำก่อนเข้าเก็บของถูก มีทุกรูปแบบ ทั้งยืมหุ้นมาชอร์ตเซล-ปล่อยข่าวลือ แต่สุดท้ายต้องรีบไล่ซื้อคืน หลังปิดสมุดทะเบียน พบ “โพธารามิก” ถือหุ้นครบ ไม่ได้ขายแม้แต่หุ้นเดียว
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ณ วันปิดสมุดทะเบียน วันที่ 26 สิงหาคม 2554 เพื่อXD มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับวันปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 10 มีนาคม 2554 พบ รายชื่อผู้ถือหุ้นประเภทสถาบันกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศหน้าใหม่ เข้ามาถือหุ้นเกิน 0.50% มากถึง 7 ราย
อาทิ 1.NORBAX INC.,13 ถือหุ้น 160.01 ล้านหุ้น 2 .SOMERS (U.K.) LIMITED ถือหุ้น 109.38 ล้านหุ้น 3.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ถือหุ้น 60.85 ล้านหุ้น 4. THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED ถือหุ้น 59.40 ล้านหุ้น 5. DEUTSCHE BANK AG LONDON ถือหุ้น 55.93 ล้านหุ้น 6.STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY ถือหุ้น 52.99 ล้านหุ้น, 7.NORTRUST NOMINEES LIMITED-MELBOURNE BRANCH FUTURE FUND CLIEN ถือหุ้น 50.92 ล้านหุ้น
ขณะที่รายชื่อผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นไม่ถึง 0.50% ยังมีอีก 21 ราย อาทิ SHINHAN BANK ถือหุ้น 34.97 ล้านหุ้น, THE BANK OF NEW YORK MELLON ถือหุ้น 26.28 ล้านหุ้น EAST FOURTEEN LIMITED DIMENSIONAL EMER MKTS VALUE FD ถือหุ้น 25.04 หุ้น, IRBAX INC ถือหุ้น 23.84 ล้านหุ้น CHASE NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 23.02 ล้านหุ้น, FARSTREAM NOMINEES LTD. ถือหุ้น 22.96 ล้านหุ้น, CHASE NOMINEES LIMITED 96 ถือหุ้น 12.33 ล้านหุ้น, CITIBANK NOMINEES SINGAPORE PTE LTD-UBS ถือหุ้น 10.94 ล้านหุ้น
กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ ถือหุ้น 10.68 ล้านหุ้น, CHASE NOMINEES LIMITED 1 ถือหุ้น
10.49 ล้านหุ้น, TAIWAN COOPERATIVE BANKถือหุ้น 10.49 ล้านหุ้น, บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ถือหุ้น 9.52 ล้านหุ้น, กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ถือหุ้น 9.21 ล้านหุ้น, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เครือซีเมนต์ไทย ถือหุ้น 8.92 ล้านหุ้น, EAST FOURTEEN LIMITED ถือหุ้น 8.21 ล้านหุ้น, STATE STREET BANK EUROPE LIMITED ถือหุ้น 7.07 ล้านหุ้น, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ถือหุ้น 6.90 ล้านหุ้น, กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทยถือหุ้น 6.84 ล้านหุ้น, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ถือหุ้น 6.67 ล้านหุ้น, กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี ถือหุ้น 5.13 ล้านหุ้น และBNP PARIBAS SECURITIES SERVICES SINGAPORE BRANCH ถือหุ้น 5.09 ล้านหุ้น รวมการถือหุ้นรายใหม่ทั้งสิ้น 840 ล้านหุ้น
แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน กล่าวว่า การที่มีผู้ถือหุ้นกองทุนสถาบันไทยและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเข้ามาถือหุ้น JAS มากมายขนาดนี้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี เพราะนักลงทุนเหล่านี้จะถือลงทุนระยะยาว แบบชนิดที่เรียกว่ายาวจริงๆ โดยเฉพาะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะการลงทุนแต่ละครั้งจะต้องมีการขออนุมัติจากบอร์ดขององค์กร ซึ่งเงินเหล่านี้คือเงินของข้าราชการ ที่ถูกหักจากเงินเดือนมาฝากไว้ เท่ากับว่าเป็นการการันตีได้เป็นอย่างดีว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีมากๆ ถ้าไม่เช่นนั้นอาจถูกตั้งคำถามได้
“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของแต่ละองค์กร ไม่ว่าจะเป็นของพนักงาน กฟผ., เครือซิเมนต์ไทย, พนักงาน ธ.ก.ส. (2 กอง) เหล่านี้จะต้องคาดหวังผลตอบแทนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีชื่อของ บมจ.กรุงเทพประกันภัยก็เข้ามาลงทุนถือหุ้นเกือบ 10 ล้านหุ้น ยังไม่นับกองทุนต่างชาติที่แห่เข้ามาถือหุ้น ซึ่งกองทุนเหล่านี้คงจะเห็นศักยภาพของหุ้น JAS ทำให้ยอดรวมของกองทุนไทยและต่างชาติรายใหม่ ถือหุ้นอยู่เกือบ 1,000ล้านหุ้น
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่าการปรับตัวลดลงของหุ้น JAS ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2554 ที่ราคาสูงสุด 3.90 บาท ลงมาต่ำกว่า 3 บาท เกิดจากการเทขายหุ้นของ 2กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มนักลงทุนที่อ้างว่าเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่า (Value Investor :VI) ซึ่งมีหมอบำรุง เสี่ยปู่ แกนหลัก 2.กลุ่มของกองทุนเปิดที่เข้ามาถือหุ้นก่อนหน้านี้ เบ็ดเสร็จขายไป 500 ล้านหุ้น ทำให้ตอนนี้แรงขายสะเด็ดน้ำแล้ว และไม่มีใครที่ต้นทุนต่ำอีกแล้ว
“หมอบำรุงเดิมถืออยู่ 233 ล้านหุ้น ขายเหลือเพียงแค่ 68 ล้านหุ้น ส่วนเสี่ยปู่และภรรยา ขายหุ้นออกไปเกือบ 100 ล้านหุ้น ซึ่งเสี่ยปู่เองไม่เหลือหุ้นแล้ว มีแต่นางวารุณี ภรรยาถืออยู่แค่ 7.3 ล้านหุ้น สำหรับยอดรวมของกลุ่มวีไอและพวก ขายไป 500 ล้านหุ้น จึงทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักหลุด 3 บาท สร้างผลขาดทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปถือหุ้นตามวีไอ”แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมามีข่าวลือในห้องค้าว่า เจ้าของเป็นคนเทขายหุ้นออกมา แต่เมื่อปรากฏรายชื่อหลังปิดสมุดทะเบียนล่าสุดพบว่า กลุ่มของ นายพิชญ์ โพธารามิก ยังถือหุ้นอยู่ครบเท่าเดิม ไม่ต่างจากช่วงที่หุ้นขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 3.90 บาท จนราคาหุ้นร่วงหลุด 3 บาท จวบจนปัจจุบันที่ราคาหุ้นต่ำกว่า 2.20 บาทก็ยังถืออยู่ครบ
“หลังจากที่แก๊งวีไอขายหุ้น JAS ทิ้งออกมาหมดแล้ว ก็พยายามที่จะไปยืมหุ้นของกองทุนมาชอร์ตเซล เพื่อให้หุ้นร่วงหนัก จนสัญญาณทางเทคนิคเสีย ทำให้ไม่มีใครกล้าถือหุ้น และยอมตัดขายขาดทุนออกมา เพื่อให้กลุ่มตนเองเข้ามารับของถูก เมื่อดูตามสัญญาณกราฟหุ้นแล้ว หากราคาหุ้นหลุด 2.10 บาท จะร่วงไปที่ 1.80 บาท และ 1.50 บาท ตามลำดับ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนระยะยาวจริง ขวัญเสียไม่กล้าถือหุ้นต่อ ขณะที่คนไม่มีหุ้นก็ไม่กล้าซื้อเกรงว่าราคาหุ้นร่วงต่ออีก” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับปริมาณหุ้นที่แก๊งวีไอมีการยืมหุ้นมาขายก่อนเฉพาะแค่ช่วงต้นสัปดาห์ประมาณ 70 ล้านหุ้น และวันต่อมาก็ชอร์ตเซลมาอีก 17 ล้านหุ้น ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงไปที่ 2.12 บาท แต่มีนักลงทุนบางกลุ่มที่พยายามจะเข้ามารับไม่ให้ราคาหุ้นเสียทรง และยืนรับที่ราคาดังกล่าว เนื่องจากการปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงไปแบบไม่มีหูรูด จะทำให้กู้คืนลำบาก จึงต้องยันไม่ให้ราคาหลุด 2.10 บาท
โชคดียังเข้าข้าง ภาวะตลาดหุ้นไทยดีดกลับทั้งตลาด ทำให้แรงซื้อของรายย่อยกลับมา และราคาหุ้นยืนระยะได้ จนในที่สุดปรับตัวขึ้นมา ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มคนที่ต้องการทุบหุ้น ที่ทำการชอร์ตเซลหุ้น JAS ไปก่อนหน้านี้ ต้องรีบซื้อคืน เพื่อปิดสถานะ เพราะเกรงว่าหากหุ้นจะดีดกลับ ทำให้ตนเองขาดทุน
สำหรับรายชื่อที่มีการเทขายหุ้นออกไปมีดังนี้ น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เคยถือหุ้นอยู่ 127 ล้านหุ้น, นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ เคยถือหุ้นอยู่ 113.58 ล้านหุ้น, นายจีรเดช จงวัฒนาศิลป์กุล เคยถืออยู่ 101.50 ล้านหุ้น, นายนริศ จิระวงศ์ประภา เคยถือหุ้นอยู่ 85 ล้านหุ้น, นางวัชณี สิงหวังชา เคยถืออยู่ 80 ล้านหุ้น, นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เคยถือหุ้นอยู่ 80 ล้านหุ้น, นางวราณี เสรีวิวัฒนา เคยถือหุ้นอยู่ 65 ล้านหุ้น, นายบรรหาร เพชรโลหะกุล เคยถือหุ้นอยู่ 55.46 ล้านหุ้น
ม.ล. กมลสวัสดิ์ วิสุทธิ เคยถือหุ้นอยู่ 50 ล้านหุ้น, นายสันติ สิงหวังชา เคยถือหุ้นอยู่ 48.33 ล้านหุ้น, นายณัฐวัฒน์ พิณรัตน์ เคยถือหุ้นอยู่ 45 ล้านหุ้น, นายธนา แสงดีจริง เคยถือหุ้นอยู่ 42.25 ล้านหุ้น, นายสิทธิชัย มาธนชัย เคยถือหุ้นอยู่ 39.62
ล้านหุ้น, นายอธิภู ลือชัยชนะกุล เคยถือหุ้นอยู่ 38.88 ล้านหุ้น และนางอุมาพร เมอะประโคน เคยถือหุ้นอยู่ 38 ล้านหุ้น ได้เทขายหุ้นไปหมดแล้ว ไม่ปรากฏชื่อการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกิน 0.50% ในหุ้น JAS แล้ว
ที่มา : http://www.kaohoon.com/daily/index.php?option=com_content&view=article&id=13738:28jaslbrglbrg-&catid=79:2010-04-19-17-57-26
จากคุณ |
:
nomadzii
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.ย. 54 03:43:50
|
|
|
|
|