ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณมากครับ ได้ข้อคิดดีๆ มากมาย จากคุณ : Vancin เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 06:54:52

ความคิดเห็นที่ 2 ดี! มีประโยชน์! ขอบคุณค๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ!! // รักคุณ จากคุณ : Fsmoothdood เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 07:10:17

ความคิดเห็นที่ 3 ชอบข้อ 2) นักลงทุนรายย่อยซื้อขายในทิศทางที่ตรงข้ามกับนักลงทุนต่างชาติอย่างมีนัยสาคัญ ทั้งในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้น และในช่วงตลาดหุ้นขาลง ฟังดูฮึกเหิมดี ... เม่าไทย มวยไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก ! จากคุณ : Fsmoothdood เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 07:23:27

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับ จากคุณ : เสนาะ28ตัน เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 08:30:33

ความคิดเห็นที่ 5 ความเชื่อที่ว่าเมื่อนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ทการลงทุน จะถอนเงินออกจากตลาดหลักทรัพย์ของประเทศพัฒนาแล้วมายังตลาดภูมิภาคเอเชียนั้น ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง กล่าวคือ อันที่จริงแล้ว เมื่อนักลงทุนต่างชาติถอนเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศพัฒนาแล้วก็จะถอนเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติได้แบ่งกลุ่มหลักทรัพย์ของภูมิภาคเอเชียและประเทศพัฒนาแล้วในประเภทสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง (Asset Class) ไว้ในระดับเดียวกัน เมื่อนักลงทุนต่างชาติมีความไม่มั่นใจต่อปัจจัยเสี่ยงด้านภาพรวมเศรษฐกิจและการเงินโลก จะขายหลักทรัพย์ของทั้ง 2 ตลาดในช่วงเวลาใกล้เคียงกันและนาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่าอย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 13:04:59

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อเท็จจริงคือ   เมื่อเขาขายหุ้นของเขาแล้ว เขาจะนำเงินไปพักไว้ในพันธบัตรของเขาเอง แต่เมื่อเขาขายหุ้นของกลุ่ม emerging countries   เขาจะขายพวกตราสารหนี้  และพันธบัตรด้วย   ดิฉันเคยเจอ  ขายหุ้นล้างพอร์ต เก็บตราสารหนี้ไว้   แค่เดือนเดียว  มันร่วงจาก 11 เหลือ 7.5   ลดลงประมาณ 33% เก็บต่อ 2 ปี   ตลาดหุ้นขึ้น ราคาขึ้นตาม เป็น 12 บาท  เพิ่มขึ้นราว 50% จากกลางปีที่แล้วถึงปัจจุบัน  ราคาแทบไม่ขยับ  เพิ่มขึ้นเป็นแค่ 12.50 จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 13:28:51

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อเท็จจริงอีกข้อคือ เมื่อเขาขายหุ้นทั้งโลกแล้ว เขาก็จะขายทุกๆอย่างที่ลงทุนแบบเก็งกำไรไปพร้อมๆกันด้วย น้ำมัน ทอง เคมี แม้แต่สินค้าเกษตร ปศุสัตว์ แล้วจะมีคำถามทุกครั้งว่า แล้วเงินหายไปไหน ??? คำตอบก็คือ   ในส่วนของการเล่นตัวเลขในกระดาษ มันเป็น zero sum game เมื่อฝ่ายหนึ่งได้ อีกฝ่ายก็เสีย เงิน 1 ล้านของ A ที่ขาดทุน หักคอมและภาษี ไหลเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของ B เงินในบัญชี A หายไป 1 ล้าน เงินในบัญชี B เพิ่มขึ้นไม่ถึง 1 ล้าน ในระบอบการเงิน เงินจึงไม่ได้ไปไหน ยังอยู่ที่เดิม และมีปริมาณเท่าเดิม แต่มูลค่าแท้จริงลดลง เพราะเงินเฟ้อ ด้วยซ้ำไป จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 13:50:11