ความคิดเห็นที่ 1 คือเมื่อก่อนWhipsawมันก็เล็กๆ โดดตามมันก็ไม่บาดเจ็บเท่าไหร่ ดูWhipsawที่ผ่านมามันสูงเป็นภูเขา โดนที่ลืมบ้านเลขที่เลยครับ จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:27:49

ความคิดเห็นที่ 2 อ่าน เผื่อซัก 1 week - 1 month จะได้เผื่อทางหนีทีไล่ จากคุณ : ผมเป็นภูมิคุ้มกันอาหมวยบกพร่อง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:38:42

ความคิดเห็นที่ 3 มาดูนักเทคนิค เริ่มสับสน มันไม่แน่นอน แม้แต่นักเทคนิคด้วยกันยังตีความต่างกัน แต่ก็พอใช้เป็นแนวทางได้ พื้นฐานสำคัญที่สุด ในตลาดมีทั้งขาใหญ่ มีทั้งเจ้ามือที่จะสามารถบังคับให้เป็นไป มีการทุบเพื่อจะซื้อเก็บของ มีการลากขึ้นไปเชือด จากคุณ : สาระขัน เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:46:01

ความคิดเห็นที่ 4 การใช้เทคนิคต้องมีระเบียบวินัย สัญญาณขายมาต้องขาย สัญญาณซื้อมาต้องซื้อ แต่ช่วงที่ผ่านมา ใครใช้สัญญาณแบบเดิมๆ โดนเจ้ากินรวบสบายๆ ปล.ยังไงๆที่ผ่านมา ผมคิดว่ากองกับหรั่งมันน่าจะฮั้วกัน มันผิดปกติพิลึกครับ จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 19:46:43

ความคิดเห็นที่ 5 ในตลาดมีทั้งขาใหญ่ มีทั้งเจ้ามือที่จะสามารถบังคับให้เป็นไป มีการทุบเพื่อจะซื้อเก็บของ มีการลากขึ้นไปเชือด เฮียสาระขันว่ามามีเหตุผลครับ ขออนุญาตยกเคสฮิตๆตอนนี้นะครับ อย่างรถJazz ตามข่าวเขาบอกว่ามีการยืมหุ้นมาช๊อตให้กราฟเสีย เพื่อจะเอาแรงขายจากนักเล่นกราฟแบบระยะยาวหน่อย ระสั้นไม่ต้องพูถึงนะครับ กลุ่มนี้ดูกราฟนาที โดดออกเร็ว แต่แบบนี้ก็มีข้อเสียคือกินคำเล็กกันอย่างเดียว ใช้กราฟแบบดูระยะยาวก็กินคำใหญ่ ไม่ใช่อะไรครับ ผมว่าที่ผ่านมา มันจ้องแต่จะรับทานคนใช้กราฟกันจริงๆ พวกนักวิเคราะห์ให้แนวรับเท่านั้นเท่านี้ อีกไม่นานราคาทะลุทะลวงเละเทะ ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆก็คือ setเห็นพ้องต้องกันเลยว่า 1,040 ไม่น่าหลุด วันนั้นหลุดปุ๊ปทิ้งของกันยังกับทิ้งย้าบ้าในเธคตอนตำรวจมา อีกวันโดดลงอีก ใครดูกราฟวัน เช้ามาก็ต้องออกตามวินัย แต่ไม่นานก็ลากกลับไม่ซะสูงลิ่ว จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:00:14

ความคิดเห็นที่ 6 สภาพไซด์เวย์หลังจากขึ้นหรือลง ผมว่าควรจะเป็นสิ่งที่น่าจะทำของตลาด ถ้าดิ่งเลย หรือวิ่งขึ้นเลย นี้ซิ แปลกผมว่า แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 20:10:15 จากคุณ : ผมเป็นภูมิคุ้มกันอาหมวยบกพร่อง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:09:29

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าขาลงรอดูคนเล่นนหุ้นมีพิ้นฐาน จากคุณ : por_sas_a เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:10:06

ความคิดเห็นที่ 8 ใช้กราฟยาวๆครับ รอดชัวร์ จากคุณ : Kouen เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:20:32

ความคิดเห็นที่ 9 การใช้กราฟ มันก็เหมือนกับการใช้สถิติ กับความน่าจะเป็น ครับ ต้องดูบ่อยๆ ซึ่งมันกินเวลานานเหมือนกัน กว่าจะเข้าใจ ผมใช้หลักแบบนี้ ในการเทรด จากคุณ : purekung99 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:26:58

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อไรที่ไม่มั่นใจ ควรลดพอร์ต เก็บเงินไว้กับตัวให้มากที่สุด รอวันมั่นใจค่อยลุยต่อ จากคุณ : น้ำมันก๊าด เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:28:15

ความคิดเห็นที่ 11       ปรากฏการณ์ดวงดาว ย่อมมีความหมายหากสามารถอ่านการเคลื่อนไหวให้เข้าใจ ดวงดาวย่อมแสดงถึงกระแสที่เปลี่ยนแปลงไป            กราฟก็คงเฉกเช่นปรากฏการณ์ดวงดาวบนท้องฟ้า    มีเกิดและดับอยู่ร่ำไป           จากคุณ : ภูมิคุ้มกันฝรั่งปนหมวยบกพร่อง (พลิ้วไหวไกลกังวล) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:48:14

ความคิดเห็นที่ 12 ว่าแต่นักเทคนิค...หุ้นปั่นแปะบ้างล่ะ....ลงภาพเล่นไฮโลบ้างล่ะ.....ตีความไม่เหมือน กันบ้างล่ะ....อะไรก็สุดจะสรรหามาว่า.....    มันอะไรกันหนักหนา.....    ถามจริง....vi   ตีความเหมือนกันหรือเปล่า.....    ไอ้ค่า  mos   มันเหมือนกันหรือเปล่า....ตีความยังไม่เหมือนกัน  ถ้าไม่รู้เรื่องเทคนิค.....ก็เบา  เบา  หน่อยก็ได้.....   พอหุ้นปั่นขึ้น......คนเล่นเทคนิค(ที่รู้จริง)  เขาก็โกยเงินเป็นกอบเป็นกำ  พอหุ้นปั่นมันลง.....ก็ว่ามันไม่ดี....สารพัดเลว.....สุดยอดเลว (ไอ้ทีขึ้นไม่เห็นว่าดี)  เฮ้อ......พูดไปแล้ว   คนที่เขารู้  เขาจะว่า  หมาป่ามันงับไม่ถึง (นิทาน)  ก็จะว่า           องุ่นเปรี้ยว.............  ที่พูดมานี้....คือมันไม่ไหวแล้ว.....เสียดสีได้ตลอด......   แนวใคร.....แนวมันดีกว่า....  ใครชอบพื้นฐานก็ไปแบบพื้นฐาน.....แต่อย่าไปว่า  คนอื่น  เสียดสี  มันไม่ดี จากคุณ : notsugar เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:00:26

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเราเล่นแร้วเราได้ตังก็เล่นอันนั้นไป ถ้าเจ้าของกระทู้ยังตอบตัวเองไม่ได้ แร้วจะให้ใครมาตอบให้ ในเมื่อตัวเราเองรู้ดีที่สุด จากคุณ : waterwolrd เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:09:21

ความคิดเห็นที่ 14 กราฟทำได้ แต่ถ้าหุ้นขึ้นจริง ยังไงกราฟก้อต้องบอกขึ้น งงมะ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:12:23

ความคิดเห็นที่ 15 " ทำเป็นขาขึ้น ทำเป็นแนวรับเอาอยู่ พอเปิดอีกวันเปิดโดดลงรูโห่ว " -แนวรับ   ถ้าร้อยคนมองหรือให้แนวรับ น่าจะ น่าจะมีมากกว่า 30 แนวหรือระดับ -แนวรับ  นั้นมีหลายแนวได้ แต่ไม่ใช้มีเยอะขั้นบรรใด ( มีเป็น 10-30 ขั้น) ผมใช้ มีแนว - แนวย่อย - แนวหลัก   - แนวหลักใหญ่(ซึ่งเล่นรอบใหญ่อาจจะ 1-3 เดือน ซื้อขายครั้ง) --------------------- ส่วนตลาดขาขึ้นหรือขาลง ก็อาจะมองต่างกันก็มี อย่างช่วงนี้(ตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วผมมองเป็นขาลง เมื่อมีแนวรับสำคัญ ๆจึ่งเกิดภาวะ sideway  (ซึง จขท.ว่าเป็นขาขึ้น) -------------------------------------- หนอนกินใบไม้,นกเล็กๆกินหนอน นกเล็กๆอาจจะโดนตกใหญ่กิน ตลาด ฯวิธีเทรดหรือแนวคิดใช้อะไรก็ได้ เช่นอยากซื้อ ก็ซื้อ,ใช้พื้นฐาน หรือวิเคราะห์เทคนิคตามที่แต่ละคนคิดว่าจะเป็นแนวรับ-แนวต้าน แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 21:14:15 จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:13:19

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆผมว่า ถ้าดูเป็นรายตัวส่วนใหญ่ มันก็ขึ้นลงเป็นระเบียบนะครับ ถ้าสงสัยว่าตัวไหนมีการบิดเบือนกราฟ ก็หลีกห่างละกัน ซึ่งก็พอมองออก เพราะนิสัยก็เดิมๆ ผมมักเล่นที่พื้นๆ ขนาดกลางๆ ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ก็เล่น aot cpn bh kh kk (เลือกเพราะมันยังเป็นuptrendอยู่) กราฟมันก็เป็นคลื่นแบบพื้นๆเลย จุดต่ำยกสูงก็เข้า อะไรพวกนี้ แต่ก็ขายหมูบ้างอะไรบ้างตามประสา ถ้าไม่เป็นอย่างคิดก็คัทไป มีถูกมีผิด (ซื้อทุกครั้งต้องมีจุดคัทในใจทุกครั้ง เพราะไม่มีอะไรชัวร์) สรุปคือ ผมถนัดเล่นตัวที่กราฟมันดูเป็นธรรมชาิติ ตัวไหนดูเวอร์ เปิดโดด ปิดโดด ก็ไม่ยุ่ง ประมาณนั้น แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 21:18:23 จากคุณ : กะโหลกกับกะลา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:17:12

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเล่นแบบผสม กราฟ Make ได้ แต่อินดี้ make ไม่ได้เพราะต้นทุนคนทำกราฟจะสูงตาม เล่นเทคนิคช่วยได้ เพราะคนเล่นพื้นฐาน ส่วนใหญ่ดูที่ PE ก็ไม่ผิด แต่เค้าจะคำนวณ FW PE ได้ยากคนไม่รู้จริงดูแต่ PE ต่ำ ไม่สนที่มาของรายได้ก็ไม่บางทีคนในรู้ก่อนขายก่อน-ซื้อก่อน บางทีอยู่ๆ ราคาขึ้น-ลง แต่ไม่รู้สาเหตุ คนเล่นพื้นฐานจริง เป็น VI ตัวจริงเสียงจริงไม่ดูราคาทุกวัน ไม่ซื้อขายทุกวันหรอกครับ ตัวอย่างการบินไทย เมื่อก่อนกำไรมหาศาล PE ต่ำอยู่ๆราคาตกลงมาไม่ทราบสาเหตุคนเล่นพื้นฐานไม่รู้จริงก็คิดว่า PE ต่ำทะยอยซื้อจนความจริงปรากฎ จนสุดท้ายราคาร่วง 30% เราสามารถใช้อินดี้กราฟช่วยตัดสินใจซื้อขายได้ครับ สรุปไม่ว่าเล่นกราฟหรือพื้นฐาน แล้วเราทำได้ดี ก็ทำไปเถอะครับ จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:28:18

ความคิดเห็นที่ 18 ก็ใช้กราฟสัปดาห์สิครับ จะได้ไม่มีรู จากคุณ : thirawhut เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:41:34

ความคิดเห็นที่ 19 จะทำแบบไหนก็ทำเถิดครับ แต่สุดท้ายทำตังค์ได้ก็พอ จากคุณ : Dark Holy เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:43:06

ความคิดเห็นที่ 20 พี่notsugarใจเย็นนะครับ พี่opar156ครับ อินดี้มันก็คำนวณมาจากราคาไม่ใช่หรือครับ ถ้าราคาสูง อินดี้ก็น่าจะสูงตาม พี่กะโหลกกับกะลา ไม่เล่นset50futureหรือครับ ที่ผมงงทุกวันนี้เพราะกราฟsetนั่นแหละครับ ส่วนหุ้นตัวอื่นๆกราฟก็ค่อนข้างปกติอย่างที่พี่ว่า จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:45:47

ความคิดเห็นที่ 21 ใครใคร่จะใช้วิธีใดก็ใช้วิธีนั้นครับ อะไรที่ทำให้เราทุนได้ดีกว่าเดิมก็ใช้ได้ครับ สิ่งที่มีอยู่ในกราฟมีจำนวนมาก นอกจากต้องคัดอันที่เราใช้ได้ผลมาใช้ เทคนิคมันมีหลากหลายมาก ไม่ใช่นำมาแล้วใช้ได้ผลทุกอย่างซะเมื่อไหร่ ทุกอย่างต้องค้นหากันเอง และเลือกมาใช้กันเอง เทคนิคก็ต้องทำการบ้านเหมืองกับศาสตร์อื่นๆครับ เมื่อคัดยังต้องนำมาตีความให้ได้ผลดียิ่งขึ้นไม่ใช่เอะอะก็เชื่อแต่ทฤษฏี  มันไม่ใช่เรื่อง่ายๆ ต้องพิสูจน์ก่อนว่าทฤษฏีเชื่อถือได้หรือไม่ โดยต้องทำการบ้านย้อนหลังดูจำนวนมาก กราฟเทคนิคเพียงแต่บันทึกข้อมูลในอดีตของตลาดไว้ คนนำไปใช้ต้องสังเกตเองว่า ก่อนที่มันจะเกิดการขึ้นหรือการลง ต้องเกิดอะไรก่อน แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่ถูกต้องเพราะมัน เป็นความน่าจะเป็น แต่ขอให้ครั้งที่ผิด เสียน้อยๆ และครั้งที่ถูก ได้มากๆ พอที่จะชดเชยกับครั้งที่ผิดได้อย่างเเหลือเผือ เทคนิคก็เหมือนกับศาสตร์ทุกแขนง มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  ก็มีทั้งคนเก่งและไม่เก่ง แต่เทคนิคสำคัญที่จิตใจด้วย ว่าจะทำตามสิ่งที่เห็นหรือไม่ เป็นความยากสุดยอดอย่างหนึ่งเหมือนกัน ส่วนตอนนี้ตลาดยังแกว่งตัวอยู่มาก ยังไม่มีความชัดเจน แต่ยังต้องทำตามระบบที่เราเลือกสรรมาแล้วว่าดีที่สุดครับ อย่าลืมว่าการดูเทคนิคเป็นการคาดกาณ์จากกราฟ ไม่จำเป็นต้องถูกต้องทุกครั้ง เพราะเราเป้นผู้ตามตลาด ไม่ใช่คนทำตลาด ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่เราคิดทุกครั้ง เลิกคิดซะทีว่ามีอะไรที่ถูกต้อง100% ในโลกของการลงทุน มันต้องหาวิธีที่ได้มากกว่า้เสียมาใช้ครับ จากคุณ : พ่อน้องนา เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 21:46:15

ความคิดเห็นที่ 22 ครับอินดีบางตัวใช้พลังเงินมากถึงจะดันเป็น Positive ได้ เช่น MACD RSI เพราะการดันราคาหมายถึงการเอาเงินดักซื้อด้วย Volume ถ้าคนวางขายไม่หยุดเงินไม่หนาพอ หรือไม่มีคนช่่วย จะดัน อินดี้ได้ยากครับ อย่างหุ้นปั่น ก็ทำเหมือนๆ กัน แต่อินดี้บางตัวบอกได้เร็วกว่า คนจะ Make กราฟถ้า Set ใหญ่ทำยากแต่ทำได้ในหุ้นขนาดเล็ก จะปั่นจะดัน ถ้าจับทัน ไม่ยากเค้าจะปั่นก็ขอติดขบวนไปด้วยเวลาจะลงก็ขอลง หลังจากเค้านิดหนึ่ง จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 22:08:48

ความคิดเห็นที่ 23 พอเข้าใจแล้วครับพี่opar ขอบคุณครับ จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 22:15:36

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามากระทู้นี้ มี 2 ประเด็น 1. คำถาม จขกท 2. ความเห็นท่าน สาระขัน --- ขอประเด็น ที่ 2 ก่อนละกัน เพื่อลดความร้อนแรง ของกระทู้ v v เห็นท่านสาระขัน ออกตัวในบล็อกว่า ....ผมไม่ได้ศึกษาเทคนิค อาจจะมีบางอย่างเขียนผิดไป ใครศึกษาเทคนิคมา จะมาให้ความเห็น ก็ยินดีครับ... ^ ^ ส่วนนี้ ฝากกระทู้นี้ละกันครับ โดยเฉพาะ #64 http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2010/10/I9821062/I9821062.html#64 v v เด็กเทคนิค ด้วยกัน.... มองตา ก็รู้ใจ ส่วนใหญ่ ไม่เคยปิดกั้น ยอมรับ และ นับถือ ในแนวทาง สายพาณิชย์ หรือแม้แต่ ไปลงทะเบียนเรียนกัน กับ เด็กพาณิชย์ ก็บ่อยๆ เด็กพาณิชย์ หลายคน ก็ใจกว้าง ไม่เคยดูแคลน สายเทคนิค จะใช้หรือไม่ ก็อีกเรื่อง แต่เด็กพาณิชย์ บางคน แอนตี้ สายเทคนิค จัง ไม่รู้เป็นไง   v v การที่ใครใช้เครื่องมือ อย่างหนึ่ง... ไม่เป็น ไม่ได้ หมายความว่า ...ไม่มีใคร ใช้มันได้ --- โดยส่วนตัว ชอบบทความอันนี้ ... ความรู้ นั้น สุดกว้างไกล แต่ใจเรา นั้น กว้างพอ หรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง.... v v “ คน 90% สนใจเรื่อง ผิด-ถูก เป็นหลัก หากเขาคิดว่าแนวคิดของคุณผิดแล้ว เขาจะไม่ฟังคุณเลย แต่ถ้าคุณเป็นคนฟัง แนวคิดของคนอื่น ถึงแม้ลึกๆ คุณอาจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม คุณจะได้เรียนรู้อะไรมากกว่า สิ่งที่คน 90% นั้น ไม่เคยรับรู้มาก่อน ในชีวิตเลยทีเดียว และเมื่อคุณนำมาพัฒนาให้สอดคล้อง กับ ความสามารถที่คุณมี แล้วล่ะก็ พอถึงตอนนั้น คนอีก 90% ก็จะบอกว่า คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์ พวกเขา ไม่สามารถเป็นอย่างคุณได้ ทั้งๆที่คุณเพียงแค่ เปิดใจมากกว่า " ...Jim Chanos... --- นี่คือคำกล่าวของคนที่ได้ชื่อว่า เป็น Master ด้านการทำ Short Sell ผู้ซึ่ง มี Warren Buffett เป็นนักลงทุนในดวงใจ --- “ ถึงแม้ผมจะชอบ Warren Buffet ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมต้องทำแบบเขา เขาเป็นคนเก่งมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ถ้าผมเชี่ยวชาญแบบนั้น ผมจะเลือกวิธีการลงทุนแบบนั้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ทีนี้ปัญหามันอยุ่ตรงที่ ผมไม่ได้เชี่ยวชาญแบบนั้นน่ะสิ ดังนั้นผมจึงต้องหา วิธี และ สไตล์ของผมเอง” --- “ เราอยุ่ในยุคแข่งขัน เมื่อบริษัทหนึ่งทำได้ดีมาก บริษัทหนึ่งย่อมแย่ลง เพราะสู้ไม่ไหว นี่คือความจริง และ ความโหดร้ายของระบบทุนนิยม มันง่ายกว่ามากสำหรับผม เมื่อดูผลลัพธ์มาแล้วว่า ใครเป็นผู้ชนะ หรือ ผู้แพ้ ในอุตสาหกรรมนั้นๆ แต่ถ้าผมจะเลือกผู้ชนะตอนรู้ผลไปแล้ว ผมอาจจะต้องจ่ายแพงกว่า บัฟเฟต ถึงสองเท่าก็ได้ ในตอนนั้น ดังนั้นผมเลือก Short ผู้แพ้ดีกว่า” “ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากขนาดนี้ ผู้ค้าน้ำมันได้ประโยชน์ ดังนั้นจึงมีผู้เสียประโยชน์ในวงการอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาน้ำมันมาก ผมเลือก short ด้านนั้น “ “ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงมากส่งผลกระทบต่อต้นทุนบริษัทจิวเวอร์รี่อย่างมาก กำไรที่ทำได้จะปรับลดลงอย่างแน่นอน ในงบบัญชีถัดไป ผมเลือก Short ด้านนั้น” ปัญหาส่วนมากที่ทำให้คนเล่น Short Sell ไม่สำเร็จในระยะยาวก็คือ การขาดความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับ ระบบการเงิน โดยมุ่งเน้นผลตอบแทนระยะสั้นเป็นหลัก “ถ้าคุณเลือก Short sell เพียงเพราะว่า ราคาสินทรัพย์ หรือ ดัชนีสูงขึ้นมามากแล้ว คุณก็เป็นเหมือน เทรดเดอร์อีก 90% บนโลกนี้ ที่ระยะยาวแล้วตัวเลขในบัญชีของคุณเองไม่ได้เพิ่มขึ้นมากสักเท่าไร เพราะคุณกำลังไม่ยอมรับความจริงที่ว่าในระบบทุนนิยมนั้น สิ่งที่มีค่าที่แท้จริงในระยะยาวคือสินทรัพย์ ส่วนเงินซึ่งเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนนั้นจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆตามเงินเฟ้อ ซึ่งการ Short sell ก็คือ การขายสินทรัพย์ออกมาก่อนล่วงหน้า แล้วรับเงินสดออกมาก่อนในปัจจุบัน “ “ถ้าคุณเลือกเล่น Short sell style แล้วล่ะก็ คุณจะต้องเก่งในเรื่องของคนมากเลยทีเดียว เพราะคุณต้องรุ้ว่าเมื่อไรที่คนจะกลัว ไม่กล้าถือสินทรัพย์ในระดับราคานั้นๆ ถ้าไม่มีอะไรมาบีบให้คนขายสินทรัพย์ออกไปได้ คุณเตรียมตัวรับผลจากการ Short sell ของคุณได้เลย” Jim Chanos --- Credit : Mudleygroup  @  http://www.templeboxing.com/ จากคุณ : The Rounder     เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 08:42:02     --- แล้วก็เห็น ท่านสาระขัน ชอบโพสท์ รูป ไฮ-โล ในกระทู้ทีเฟค หรือ ฯลฯ อันนี้ เห็นด้วย ในบางแง่นะครับ ว่าบางกรณี และ บางคน เข้ามาเกี่ยวข้องกับ ทีเฟค เหมือนการพนัน หรือ เล่นแบบ ไฮ โล จริงๆ แต่ถ้า ท่านสาระขัน จะมองว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทีเฟค ต้องกำลัง เล่นพนัน หรือ แทง ไฮ โล แน่ๆ ขอให้ท่านสาระขัน ลองนึกดูว่า ถ้ามีคน ไม่รู้เรื่องหุ้น มาบอกท่านว่า   ท่านคือ นักพนัน เพราะ คนที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่เขาเห็น เจ๊งหมดตัว เหมือนเล่นการพนัน ท่านจะมีความรู้สึก ต่อความเห็นของคนๆนั้น ว่าอย่างไร ในสายตา คนที่เข้าใจทีเฟค แล้วไม่ได้เล่นทีเฟค แบบแทงไฮโล ก็จะมองท่าน และรู้สึกแบบเดียว กับที่ท่าน เกิดกับ คนๆนั้น นั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 23:12:37 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 22:40:37

ความคิดเห็นที่ 25 ขอกลับมา ที่คำถาม ของ จขกท นะครับ v v   ใช้กราฟอย่างเดียว สามารถไปรอดไหมครับ บางคนรอด แต่ บางคนอาจจะไม่รอด เดี๋ยวนี้เงินมันล้นโลก มันเขียนกราฟได้สบายๆ   โดยส่วนตัว คิดว่า ในระดับ Macro คงไม่สามารถ ทำได้ง่ายขนาดนั้น หรอกครับ   แล้วผมรู้สึกว่า พี่กองกับหรั่ง เหมือนมันเหยียบตรีนกัน อะลุ่มอะล่วยกันทำกราฟ   ท่านมองเหมือน กองทุน คือ คนๆเดียว และ ฝรั่ง คือ คนๆเดียว มันเป็นอย่างนั้น จริงๆ หรือครับ ทำเป็นขาขึ้น ทำเป็นแนวรับเอาอยู่ พอเปิดอีกวันเปิดโดดลงรูโห่วเท่าบ้าน ทำเป็นขาลง ทำเป็นยังไม่ผ่านแนวต้าน เปิดอีกวันโดดขึ้นรูโหว่เท่าบ้านอีกแล้ว ที่ผ่านมาไม่นานนี้ก็เห็นกันไปหลายรู (เอาดัชนีเป็นตัวอย่างนะครับ) แล้วไอ้รูทั้งหลายที่ผ่านมาก็เป็นสัญญาณขาขึ้นและขาลงทั้งนั้น ช่วยคิดหน่อยครับว่า จะรับมือกันยังไง ขอบคุณครับ   โดยส่วนตัว ใช้วิธี ขยาย Time Frame เหมือนทำให้ภาพเคลื่อนไหว กลายเป็นภาพ Slow Motion   v v กราฟ จะเรียบขึ้น อันนี้ แล้วแต่ เทคนิค การใช้เครื่องมือทางเทคนิค ของแต่ละคนนะครับ เพราะ  ตัวเองไม่ได้ใช้อินดี้   จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 22:55:11

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณพี่The Rounderมากครับ ผมนิยมชมชอบการตอบกระทู้ของพี่มาก เห็นอยู่ที่กระทู้ไหน จะแวะอ่านประจำ ได้ข้อคิดดีๆเยอะ ขอบคุณครับ จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 23:06:35

ความคิดเห็นที่ 27 กราฟสำหรับผมเหรอครับ ทุกอย่าง 50-50 เชื่อได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่มันจะมีจุดเปลี่ยนที่สังเกตุได้อยู่นิดๆ ถ้ามองออกจับไต๋มันได้ ก็จะชนะมัน ถึงจะโดนมันหลอก ก็ควรจะเจ็บแล้วจำไม่ให้มันหลอกได้อีก ผมก็ไม่รู้จะเขียนอธิบายยังไงอ่ะครับ แบบว่าเขียนอธิบายไม่ค่อยเก่ง แบบว่าความรู้ยังน้อย เอาเป็นว่า มั่นใจใส่เต็มที่ ไม่แน่ใจรอดู ผิดทางถอย แค่นี้ล่ะครับ ทีเฟคผมคิดว่าเหมือนซื้อหุ้นน่ะแหละครับ แต่ซื้อทีเดียว 50 ตัว แต่มันดีกว่าคือ ใช้เงินซื้อได้น้อยกว่า จะซื้อเพราะว่ามองขึ้น หรือลงก็ได้ ซึ่งก็คล้ายกับ Short Sell แล้วก็ถ้ามีการวางแผน + Stop loss ที่ดี ยังไงก็ชนะ หุ้นน่ะขาลงไม่พัวพัน แต่เฟคน่ะขา S สบ๊าย กินอิ่มนอนหลับ ช่วงนี้หุ้นมันร้อน อารมณ์มันแปรปรวน เหมือนอากาศ รอสักนิดเดี๋ยวมันก็สงบ ใจเย็นๆคร้าบ ปล.ดึกล่ะ อย่าลืมกระดกสก๊อซวิสกี้ก่อนนอนนะครัฟฟ 555 จะได้อารมณ์ดีดี จากคุณ : ไข่ย้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:01:29

ความคิดเห็นที่ 28 ดีครับ ที่มีความเห็นแตกต่าง ผมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นเสมอ การเล่นหุ้น จะเล่นแบบเน้นการลงทุนก็ได้ จะเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้น เหมือนเล่นการพนันก็ได้ คือซื้อโดยไม่ดูข้อมูล ไม่ดูราคาเปรียบเทียบกับพื้นฐานของบริษัท แต่ผมยังมองไม่เห็นเหตุผลว่า การเล่น TFEX ทำไมไม่ใช่เหมือนเล่นการพนัน เพราะเป็นการคาดการดัชนี เปิดสถานะ L ก็แทงว่าจะขึ้น เปิดสถานะ S ก็แทงว่ามันจะลง แทงถูกก็มีกำไร แทงผิดก็ขาดทุน ถือไว้ ก็ไม่ได้อะไร เงินปันผลก็ไม่มี ซื้อหุ้นพื้นฐานดี มีจ่ายเงินปันผล ราคาอาจลงชั่วคราวไปตามภาวะการเล่นเก็งกำไร ถ้าผลประกอบการยังมีกำไรต่อเนื่อง ราคาจะขึ้นไปสู่จุดที่มันควรจะเป็น แม้ราคาไม่ขึ้น ถือไว้ ก็ได้รับเงินปันผลดีกว่าฝากธนาคาร ราคาหุ้นขึ้นลงหวือหวามาก แม้แต่ในวันเดียว ก็เพราะคนส่วนใหญ่เล่นเก็งกำไรเป็นหลัก เล่นเหมือนเล่นการพนัน ดูอย่าง BANPU ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาจาก 632 ขึ้นไปถึง 648 ไหลกลับลงมาปิด 632 ในวันเดียวกัน พออีกวัน คือวันศุกร์ ราคาขึ้นไปปิด 640 แม้ผมจะเน้นพื้นฐาน ก็ต้องเตือนใจตัวเองว่า คนในตลาดโดยส่วนใหญ่ เล่นเก็งกำไรเป็นหลัก จากคุณ : สาระขัน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:15:30

ความคิดเห็นที่ 29 กราฟทำได้ แต่ทำได้ไม่นานครับ จากคุณ : พินอบพิเทา เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:29:25

ความคิดเห็นที่ 30 พี่ไข่ย้อย ผมมาสนใจtfexเพราะคิดว่ามันตัวใหญ่ม๊ากกกกกก  คงจะปั่นหรือกระชากลากถูลำบาก(ใช้กราฟแล้วน่าจะได้กินนิ่มๆ) เพราะต้องควบคุมหุ้นหลายตัว แต่ที่ไหนได้ มันนวด มันทุบ มันบีบ มันคลึง สารพัดจะทำ เอาขึ้นเอาลงเหมือนกดรีโมท จากคุณ : After เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:35:37

ความคิดเห็นที่ 31 ููู^ ^ ^ ผมเคยไปฟังบรรยาย วิทยากรบอกว่า ก่อนหน้าที่เขาจะมาเล่นหุ้น เขาเคยเล่นพนันมาแล้ว เล่นมาหมดเกือบทุกอย่าง เขาลองทำสถิติ เอ่อ แบบว่าความน่าจะเป็น ประมาณนั้นน่ะครับ เขาเก็บข้อมูลอยู่นานพอ จนได้ค่าคือ 50-50 เท่านั้นเอง เขาบอกว่า เหมือนเหรียญน่ะครับ ไม่ออกหัวก็ออกก้อย แค่นั้น ต่อมาเขามาเล่นเล่นหุ้น เขาบอกว่าความน่าจะเป็นมันเยอะกว่า คือ เราสามารถกำหนดเองได้ว่าเราอพใจที่เท่าไหร่ ถึงจะทุ่มกับมัน แต่ยังไงก็มากว่า 50-50 อาจเป็น 70-30 หรือ 80-20 เพราะหุ้นนั้นเรามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ก่อนที่จะซื้อขาย เช่นเดียวกับ TFEX ครับ จะเปิดสัญญาด้านไหน ก็ต้องมีข้อมูลมากกว่า 50-50 ถึงจะตัดสินใจทุ่มไปครับ ถ้าผิดก็สามารถถอย แล้วตัดสินใจใหม่ได้โดยใช้ข้อมูลใหม่ครับ จากคุณ : ไข่ย้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:38:54

ความคิดเห็นที่ 32 #28 ลองมาดู ทีละประเด็นนะครับ --- ...แต่ผมยังมองไม่เห็นเหตุผลว่า การเล่น TFEX ทำไมไม่ใช่เหมือน...เล่นการพนัน เพราะเป็นการ...คาดการดัชนี เปิดสถานะ L ก็แทงว่าจะขึ้น เปิดสถานะ S ก็แทงว่ามันจะลง แทงถูกก็มีกำไร แทงผิดก็ขาดทุน ถือไว้ ก็ไม่ได้อะไร เงินปันผลก็ไม่มี... ^ ^ แล้วการเข้าซื้อหุ้น ก็ไม่ได้ต่างกัน นี่ครับ เพราะ แม้แต่ การเข้าซื้อหุ้น แบบใช้มุมมองด้านพื้นฐาน ก็ต้องคาดการณ์ผลประกอบการ เหมือนกัน มิใช่หรือ แล้วในภาพรวม ของหุ้น 50 ตัว ที่แปรเปลี่ยนมาราคามาเป็น ดัชนี เสมือน ราคาของหุ้นตัวหนึ่ง ทำไม จะใช้มุมมอง เดียวกันไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจดี ผลประกอบการดี ราคาหุ้นกลุ่มนี้ ควรจะขึ้น หรือ ลง ท่านคาดการณ์ ได้หรือเปล่า แล้วถ้ามองเห็นเป็นหุ้น ตัวหนึ่ง ท่านจะซื้อ  หรือ จะขาย แล้วมีอะไร แตกต่างกัน --- เงินปันผล ^ ^ ถ้าลงทุนด้วยการ ซื้อหุ้น 50 ตัว โดยการ Weight ก็ไม่ต่างกับการ Long SET50 Index Futures 1 สัญญา โดยใช้เงินแค่ ส่วนเดียว ( 1 ใน 15 ) กำไร หรือ ขาดทุน จาก Capital Gain จากราคาหุ้น ก็จะคล้ายคลึงกัน แต่เงินลงทุน ส่วนที่เหลือ จะเอาไปลงทุน ในสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งอัตราผลตอบแทน ก็ขึ้นอยู่กับ ประเภทและชนิดของความเสี่ยง อาจได้มากหรือน้อย กว่า...เงินปันผล ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น การลงทุน ในโครงสร้างแบบนี้ ต่างกับ หุ้น มากมาย จริงๆหรือครับ แล้วต้องไม่ลืมว่า หุ้นหลายๆตัว เมื่อจ่ายปันผลแล้ว ราคา ก็ตกลง ไป เท่ากับ หรือ มากกว่า เงินปันผลที่จ่าย ก็มีไม่น้อย - - - ส่วนในกรณี ที่นำมาใช้ป้องกันความเสี่ยงพอร์ทลงทุน ก็เคยอธิบายไปแล้ว ซึ่งสามารถ ใช้ Index Futures สำหรับทั้งพอร์ท หรือ Single Stock Future สำหรับหุ้นบางตัว ก็ทำได้ ทั้งสิ้น (แล้วแต่ความเหมาะสม) v v http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2011/02/I10227959/I10227959.html#22 --- สุดท้าย ตลาดหุ้น จะไม่เป็นขาขึ้น ไปตลอด สักวันหนึ่ง(ที่ไม่อยากให้เกิด) ถ้าตลาดหุ้น เป็นขาลง อย่างยาวนาน หรือ เกิดวิกฤติอีกครั้ง โดย ผลประกอบการ ของบริษัทโดยส่วนใหญ่ไม่ดี หรือ บางที มีปันผลไม่มาก หรือ ไม่มีเลย และ ราคาหุ้น ก็ตกลงอย่างต่อเนื่อง คนลงทุนในหุ้น เป็นหลักเพียงอย่างเดียว อาจจะพบว่า ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทั้งๆที่ แท้จริงแล้ว ยังมีทางเลือก มากมาย ที่ทำให้สถานการณ์นั้น ดีขึ้นได้ เพียงแต่ อาจจะไม่เคยเตรียมตัว หรือ สนใจ ที่จะศึกษาไว้ก่อน ก็เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 07:34:54 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:56:21

ความคิดเห็นที่ 33 ลองดู กรณี หุ้นโกดัก ก็ได้ครับ ในยุคสมัย ของคนรุ่นหนึ่ง (ที่เคยใช้ กล้องฟิล์ม) ใครจะเชื่อว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ อย่างโกดัก ที่สินค้าหลัก คือ ฟิล์ม และ กระดาษอัดภาพ จะมีราคาหุ้น เป็นแบบนี้ (ในเวลา แค่ประมาณ 10 ปี ) กราฟราคา  ที่เห็น สามารถบอกเรื่องราว เชิงสรุป ได้เป็นอย่างดี --- Eastman Kodak Company ราคาหุ้น ปัจจุบัน 5.6 เหรียญ ต่ำสุด 3.5 เหรียญ โดยราคาหุ้น ได้เพิ่มขึ้นมาจากแถวๆ 10 เหรียญ และ มีราคาสูงสุด เกือบ 100 เหรียญ ในอดีต ช่วงยุครุ่งเรือง ของกล้องแบบใช้ฟิล์ม จากนั้น ก็เริ่มลดลง หลังจาก เริ่มมีการผลิตกล้องดิจิตอล ขึ้นมาบนโลกนี้ แต่ขณะนั้น ยังมีราคาแพงมาก ต่อมาก็ ราคาหุ้น ก็ดำดิ่ง ลงลึก เมื่อกล้องดิจิตอล ได้รับความนิยม แพร่หลาย และมีราคาถูกลง เพราะ กลายสภาพเป็นสินค้าทดแทน ได้เกือบทั้งหมด v v ซึ่งเป็นการเปลี่ยนพื้นฐานธุรกิจโดยสิ้นเชิง ในแง่ของ ...ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน (Substitutes)... http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2010/12/I10064183/I10064183.html แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 07:36:24 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 01:09:33

ความคิดเห็นที่ 34 ชื่นชมและนับถือการโพสของท่าน The Rounder มากครับ อ่านแล้วได้อะไรหลายๆอย่างมากมาย ที่นำไปคิดต่อยอดได้ดีมากครับ จากคุณ : Dark Holy เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 02:02:21

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณทาน The Rouder ที่ให้ข้อคิดหลายอย่าง ต้องเตือนใจอีกอย่าง แม้จะถือหุ้นพื้นฐานดี มีจ่ายเงินปันผล แต่ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ลง อย่างมีนัยสำคัญ ต้องขายทิ้งครับ   จากคุณ : สาระขัน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 07:36:14

ความคิดเห็นที่ 36 ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นของคุณสาระขัน คือว่าตลาดอนุพันธ์ความรู้นั้นจะ ถูกปกปิดมากกว่าตลาดหุ้นครับ เพราะว่าเป็นเกมคนละรูปแบบกัน หากท่านไม่ตั้งใจจะ ขวนขวายหาความรู้นั้นๆ ก็ยากครับที่ความรู้นั้นจะลอยมาหาให้ท่านเกิดความเข้าใจที่ถูก ต้องและใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ คนที่เข้าไม่ถึงจึงเห็นเป็นเรื่องของการพนัน เพราะเป็น เจตนาของผู้สงวนความรู้ต้องการให้คนอื่นๆเข้าใจแบบนี้และเข้ามาเล่นแบบนี้จะได้เกิด ประโยชน์กับพวกเค้านั่นเอง   ตอบคุณเจ้าของกระทู้ ตอบว่าต้องมีการจัดการเงินทุน(money management)เข้ามาร่วม ด้วยครับ ไม่ใช่ว่าเชื่อกราฟแล้วอัดตูมๆเต็มพอร์ตทุกครั้ง การตัดสินใจซื้อขายตามสัญญาณ ของกราฟก็ต้องเป็นอินดิเคเตอร์ที่ทดสอบย้อนหลังมาแล้วว่าได้ผลดีครับ จากคุณ : อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 11:28:05