ชีวิตในตลาดหุ้นมันไม่ง่ายเลย : เล่าสู่กันอ่าน ติได้ ด่าได้ ไม่ว่ากัน
|
|
ชีวิตมันไม่ง่ายเลย.....
มกราคม 2553 ชายหนุ่มผู้หนึ่งพบว่าชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไป หลังจากที่เขาได้รับการอบรมเรื่องการเงินการลงทุนที่ที่ทำงานของเขาได้จัดขึ้น ไฟในใจของเขาได้ลุกโชน เมื่อคิดถึงคำว่า อิสรภาพทางการเงิน อินโทรด้านบนนั้นคือชีวิตของผมเองครับ เรื่องมันเริ่มมาจากผมได้รับเงินมรดกจากคุณลุงเป็นจำนวน 10,000 บาท ผมก็ฝากออมทรัพย์ตามปกติไม่ได้คิดอะไรมาก จนเมื่อผมได้พบทางสว่างแห่งชีวิต.... หนทางไปสู่การลงทุน กลางเดือนมกราคม 2553 ลำดับแรกผมเลือกลงทุนในกองทุนครับ ผมลงทุนในกองทุนเปิดบัวแก้ว ลงทุน 1 เดือน ได้กำไรมา 600 บาท ผมเทียบดูว่า 10,000 ได้ 600 / 100,000 ได้ 6,000 / 1,000,000 ได้ 60,000 เท่านี้ผมก็ตาลุกวาวแล้วครับ แต่หลังจากที่ได้เงินมาแล้ว การจะซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้งมันก็เป็นเรื่องยาก เพราะราคามันขึ้นมาเยอะแล้ว ผมจึงนึกถึง การลงทุนในหุ้น ที่ได้อบรมในวันนั้น ผมศึกษาหาข้อมูลจากหนังสือ, อินเตอร์เน็ต, pantip จนมีความรู้ในระดับหนึ่ง ผมคิดว่าศึกษาจนตายก็ไม่กระจ่างแจ้ง หากไม่ลงมือจริง ผมจึงเลือก BLS เป็นคู่ใจผม เพราะมั่นใจในธนาคารกรุงเทพ (เกี่ยวไหม) และที่สำคัญสำนักงานของ BLS อยู่ใกล้บ้านผม
มีคนเคยบอกว่าจะลงทุนในหุ้นต้องมีเงินอย่างน้อย 50,000 บาท แต่อ่านใน pantip บอกไม่จำเป็น ผมจึงโทรไปที่ BLS เขาบอกว่าเท่าไหร่ก็เปิดได้ ผมจึงเปิดพอร์ตด้วยเงิน 10,000 บาท ทีแรกเกรงใจเขามากเพราะเรามันตัวเล็กตัวน้อยกลัวเขาจะไม่สนใจ เพราะห้องค้ามีแต่อาแปะ อากง ทรงภูมิปานว่ามีเงินเป็น 8 หลัก 9 หลัก เดินเข้าไปก็ต้องทำตัวลีบ ๆ เข้าไว้ ที่ไหนได้ มาร์เขาให้ความสนใจผมดีมาก ดูแลดีตั้งแต่แรกพบ เป็นอันว่า ตอนนั้นผมก็ได้มีพอร์ตสมใจ ตัวแรกที่ซื้อคือ CPF ราคา 12 กว่า ๆ มั้ง ขึ้นมาได้2-3 ช่องก็ขาย ไปซื้อ CMO ขายขาดทุนนิดหน่อย จากนั้นก็ซื้อ IVL แถว ๆ 18 บาท ราคามันไหลลงทุกวัน เหลือ 14 กว่า ๆ ก็ขายขาดทุน จากนั้นมาผมก็ซื้อแพงขายถูกตลอด จากทีแรกคิดว่าจะลงทุน แต่ซื้อไม่เคยถือได้นานเลย ที่ถือก็เพราะทนถือ ไม่ใช่ถือทน เข้า IVL ผิดจังหวะ ทนถือ 18 บาทตั้งนาน จนพลาดโอกาสในตัวอื่น ๆ สุดท้ายต้อง cut loss ที่ 14 บาทกว่า ๆ ...เซ็ง .... ผมกลายเป็นเดย์เทรดที่ถูกกินมาตลอด แต่ก็ไม่เคยเข็ด ผมขนเงินมาลงพอร์ตของผมอย่างสม่ำเสมอ จาก 10,000 บาท มาเป็น 100,000 บาท ผมผ่านช่วงเผาบ้านเผาเมืองมาอย่างทุลักทุเล ซื้อ Banpu ได้ 620 บาท กะลงทุนยาว ๆ แต่ไหง มันลงไป 550 กว่า ๆ ได้ แล้วก็โง่ขายขาดทุนอีก (ต่อมามันขึ้นถึง 900 ป่าว ไม่แน่ใจ) ชีวิตผมบัดซบอยู่เรื่อย ๆ ขาดวินัย ขาดความเชื่อมั่น ขาดความรู้ในตัวหุ้น ขาด...........
แต่ผมก็เล่นต่อมาเรื่อย ๆ (เปลี่ยนจากคำว่าลงทุน มาเป็น เล่น ละ) จนมาวันนึงที่ผมรวบรวมเงินจากมรดกมั่ง เงินเก้บมั่งจนได้ พอร์ต 150,000 บาท ผมซื้อ Kest หมดหน้าตักจากกระทู้ของท่านสาระขัน แล้ววันหนึ่งมันก็เฮี้ยนราคาขึ้นสูงมาก ผมจะขายที่ราคาสูงสุดอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้น หัวหน้าก็เดินมาที่โต๊ะผม คุยกับผม 5 นาที ผมละล่ำละลักไปหมด พอหัวหน้าไป ราคามันไหลงมาเยอะมากครับ ผมขายออกไปได้กำไรมานิดเดียว นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมคิดอะไรบ้า ๆ ต่อจากนั้นผมก็ไม่ค่อยมีเวลาซื้อ-ขายทำให้คิดว่าตัวเองพลาดช่วงเวลาดี ๆ ไป จุดนี้ก็เป็นจุดทับถมความคิด ความคิดหนึ่งให้เพิ่มมากขึ้น
วันที่ผมมีพอร์ต 250,000 บาท (จากเงินเก็บ+กู้บัตรเงินสด) บัตรเงินสด ดอกร้อยละ 28 ไม่กลัว เพราะคิดว่าเงินที่ได้จากหุ้นแต่ละเดือนน่าจะพอจ่ายได้ ผมมีบัตร 6 ใบ กดออกมาลงในหุ้นทั้งหมด แล้วผมก็ออกจากงาน มาเช่าห้องเล็ก ๆ อยู่ เปิดเป็นออฟฟิสส่วนตัว ช่วงเดือน พ.ค. 54 โดยที่ไม่ได้บอกใครเลยแม้แต่เมียและพ่อของผม ผมออกจากบ้านตามปกติ ตรงไปที่ห้องเช่า โดยที่คนรอบข้างคิดว่าผมออกไปทำงานตามปกติ รู้ไหมครับ ตัวแรกที่ผมตั้งใจซื้อในชีวิตนักเล่นหุ้นเต็มตัวคืออะไร หุ้นที่คิดว่าจะวิ่งฉิวในวันแรกอย่าง Lhbank ครับ ผมคิดว่าหุ้น IPO ราคาวันแรกมันจะวิ่งฉิวเหมือนตัวก่อน ๆ ที่ผ่านมา ผมซื้อ ATO เลยครับ หมดหน้าตัก 250,000 บาท ได้มา 1.82 บาท ได้ปุ๊บ เขียวปั๊บ โอ้ แค่ 5 วิเอง บวก 5 พันละ ก็ไม่ได้ขายหรอกครับ ขายทำไม มันอาจถึง 3 บาทก็ได้นะ และแล้วมันก็ไปได้แค่นั้น ก็ลงมาเรื่อย ๆ จนผมท้อแท้ใจ cutloss ในหลายวันต่อมาที่ 1.72 ขาดทุนไปหลายอยู่ เงินต้นก็ร่อยหรอไปหน่อยละ แต่ความเชื่อมั่นยังอยู่ คุณรู้ไหม ผมนั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวัน อยู่ในห้องเล็กคนเดียว เห้นตัวแดง ๆ ทุกวันแล้วมันเครียดมาก ต้องมาโกหกเมียอีกว่ายังทำงานอยู่ที่เดิม 8.30-17.00 นี่ มันช่างยาวนานนัก เฝ้าหน้าจอทุกวินาที เหมือนคนบ้า จากนั้นผมก็ขาดทุนมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ไม่ไหวแล้ว เห็น DW บวกแรงมา บวกตั้ง 35 เปอร์เซ็น ผมไม่รอช้าศึกษาทุกตัวทันที จนโดนกินจาก DW ของ Banpu, Top, และสุดท้ายชีช้ำกับ DW ของ TTA ซื้อปุ๊บ ไหลลงเป็นน้ำเลย ไหลลงแรงมาก ไหลไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ตัวเลขแดง ๆ วิ่งลงเป็นพัลวัล ตาลานยหูอื้อไปหมด จน cut ไปที่ราคาต่ำสุดของวันนั้น จนเมื่อสิ้นเดือน พ.ค. 54 ผมบอกทุกอย่างกับเมียผม เมียผมดีมาก ๆ ไม่ว่าไรสักคำ บอกว่าผมยังเริ่มต้นใหม่ได้ ตอนนั้นผมเหลือเงินอยู่ 148,000 ที่อยู่ในหุ้น TUCC หุ้นราคา 0.92 ที่ผมฝันลม ๆ แล้ง ๆ จากลมปากนักเชียร์หุ้นบางคน ที่บอกว่ามันล้างขาดทุนสะสม กำไรดีมาก ผมไม่สนหรอกกับที่เขาบอกว่าราคาจะไปไกลมาก ไกลเว่อร์ ปัญญาอ่อน ผมหวังว่ามันจะเป็นหุ้น turn around แค่นั้น หวังกำไร หลักพัน แต่มัน...
ผมอายุ 29 แล้ว ต้องไปถ่ายรูป 1 นิ้ว เพื่อสมัครงานใหม่ รับเงินเดือนใหม่ในอัตราเริ่มต้น ผมก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ ผมเหลือเงินในพอร์ ในรูปแบบ TUCC ที่ยังไม่รู้อนาคต พร้อมกับหนี้ 120,000 บาท จากบัตรกดเงินสด 6 ใบ ...ผมจะขายหุ้นทั้งหมดตอนนั้นที่ ราคา 0.90 ดีไหม เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ 120,000 บาท แล้วออกจากตลาดหุ้นไปเลย ไม่หวนกลับมาอีก ....แต่แล้วก็ไม่ทำ ยังเก้บมันไว้อยู่ที่ 0.92
ผมโชคดีมาก ๆ ที่ที่ทำงานเก่ารับผมกลับไปทำงานอีกครั้งในอัตราเงินเดือนเริ่มต้น ผมไม่ถือหรอกครับ เป็นบุญหัวของผมแล้ว เริ่มที่ไหนก็เหมือนกัน ก็คือเริ่มต้นใหม่ ไหน ๆ จะเริ่มแล้ว ทำไมไม่เริ่มในที่ที่เรารักล่ะ ผมต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งใช้เวลาทดลองงาน 4 เดือน ชีวิตผมดีขึ้นไม่เครียดเหมือนก่อน ผมมีงานให้ทำ เหนื่อย แต่สบายใจ และเดือนก.ค. ผมก็ได้ข่าวดี เมียผมท้องแล้ว......
ข่าวร้ายคือ TUCC ติด SP และจากนั้นติด NP ราคาลงถึง 0.5x ผมตาลายอีกครั้งกลัวมันจะลงไปถึง N-Park เลย cut ที่ 0.66 ขาดทุนยับเยิน ผมตัดสินใจถอนเงินทันที 60,000 มาใช้หนี้ เหลือไว้ในพอร์ต 40,000 กว่าบาท ไว้ลงทุน ครั้งนี้ผมกะลงทุนยาว ๆ ผมเหนื่อยเหลือเกิน วันนี้หลายคนอาจถูกท่านเปา บั่นเศียรไป แต่ที่แน่ ๆ คือผมไม่โดน และพอร์ต ผมเขียวเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน.............ติได้ ด่าได้............ ที่สำคัญสุด ๆ อยากให้ คุณสาระขัน เข้ามาโพสต์ในกระทู้ของผมจัง จะเป็นเกียรติมากที่ผมจะได้รับคำแนะนำจากพี่
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 54 16:36:45
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 54 12:26:00
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 54 01:06:37
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 54 10:58:59
จากคุณ |
:
เอบิฮารา
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ย. 54 10:46:25
|
|
|
|