 |
Q: แล้วทำไมต้องพันธบัตรสหรัฐฯ ล่ะ ใครๆ ก้อรู้ว่า ดอลลาร์จะอ่อน แบงค์ชาติยังตะแบงถือมันอยู่ได้?
A: ปัญหานี้ ไม่เฉพาะแบงค์ชาติไทยหรอกครับ ธนาคารกลางทั่วโลกเจอกันหมดล่ะ
ผมขออธิบายแบบนี้นะครับ
ถ้าพี่ๆ อยากไปลงทุนในเงินสกุลไหนๆ พี่ทำได้ 2 ทาง คือ
1. ถือเงินเค้า (Bank notes) ดื้อๆ เลย* หรือ 2. ถือ Debt security (พันธบัตรหรือไปฝากเงินในธนาคาร บลาๆๆ) ที่ออกในเงินสกุลนั้นๆ
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทางเลือกที่ 2 มันดีกว่าทางเลือกที่ 1 เพราะทางเลือกที่ 2 ได้ดอกเบี้ยด้วย (และทั้งสองทางเลือก ถ้าแทงถูกได้ capital gain เท่ากัน) เพราะฉะนั้น ถ้าแบงค์ชาติต้องการถือเงินสกุลไหน เค้าจะต้องหา Debt security ในสกุลนั้นๆ มาถือครับ
ปัญหาคือ ในโลกนี้ debt security ที่ไม่ใช่เงินสกุลหลักมันน้อยมากๆ ครับ เมื่อเทียบกับเงินสำรองจำนวนมหาศาลที่ธนาคารกลางทั่วโลกถืออยู่
ผมยกตัวอย่างงานที่ Morgan Stanley ทำไว้เมื่อปีกลายนะครับ**
(ดูรูปประกอบไปด้วยนะครับ) MS บอกว่า ธนาคารกลางทั่วโลกเนี่ย มีเงินทุนสำรองรวมกัน 8.3 ล้านล้านดอลลาร์***
เงินสำรองเกินครึ่ง (57.3%) ถือไว้ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เหลือก้อลดหลั่นกันไปครับ (EU 27%, UK 5%, JP 3%, etc.)
สมมติว่า คุณบอกว่า ดอลลาร์มันห่วย อย่าไปซื้อมัน ให้ไปลงสกุลอื่นๆ ใช่ไหมครับ
งั้นเอาสกุลไหนดี เอาพวก Commodity Currency**** อย่าง Australian Dollar ไหมครับ
แต่การศึกษาของ MS พบว่า ถ้าธนาคารกลางทั่วโลกเจียดเงินมาแค่ 1% ย้ำว่าแค่ 1% เองนะครับ มาลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย เงินจำนวนดังกล่าวสามารถนำไปพันธบัตรในตลาดออสเตรเลียได้ถึง 74% ของพันธบัตรทั้งตลาด!
ต่อให้ข้ามมาใหญ่หน่อยเป็น Canadian Dollar แต่ใช้ทุนสำรองเพียง 3% ก้อสามารถซื้อพันธบัตรในตลาดแคนาดาได้ถึง 81% เลยครับ
หรือสกุลที่ว่ากันว่ากำไรดีดีอย่าง Switzerland แค่ปัจจุบันที่ธนาคารกลางเจียดเงินไป 0.1% (ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์เลยอ่ะ) แค่นี้ก้อเท่ากับ 7% ของทั้งตลาดแล้ว
ถ้าธนาคารกลางทั่วโลกจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้เป็น 1% แต่นั่นเท่ากับการกว้านซื้อพันธบัตรในตลาดสวิสถึง 70% เลยนะครับ
หรือถ้าจะบอกว่า ไม่ต้องลงในพันธบัตรก้อได้ ไปลงทุนอย่างอื่นสิ มันก้อไม่รู้จะไปลงทุนที่ไหนอยู่ดีครับ
ไปจีนเหรอ? โหหคุณ เอาเงินเข้าจีนนี่ยากมาก อีกทั้งจีนนั่นล่ะ ตัวมีเงินเลย เค้าจะอยากได้เงินต่างชาติมาลงทุนทำไม
แล้วทำไมต้องสหรัฐฯ หน่ะเหรอ
จากรูป คุณจะเห็นว่า แม้ปัจจุบันธนาคารกลางทั่วโลกจะใช้เงินตัวเองกว่าครึ่งมาลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ แต่เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นเพียง 22% ของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ทั้งตลาดเองครับ
เห็นไหมครับ ว่ามันไม่ง่ายเลยกับการที่บอกว่า อย่าไปซื้อเลยดอลลาร์สหรัฐฯ
เพราะว่า การลงทุนทางเลือกอื่นๆ มันจำกัดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ
*อันนี้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเฉยๆ แต่ผมเข้าใจว่า แทบทุกประเทศ ไม่ยอมให้ใครไปถือเงินสกุลตัวเองเฉยๆ หรอกครับ เพราะมันกระทบกับเสถียรภาพในประเทศหลายอย่าง อีกทั้ง การถือธนบัตรเฉยๆ มันจัดการลำบากจะตาย คุณจะหิ้วเงินสดเป็นล้านล้าน ใส่ท้ายรถสิบล้อ วิ่งไปวิ่งมางั้นหรอ จริงไหมครับ ;)
** Morgan Stanley, FX Pulse - A Serving of Reserve, 8 July 2010
***เนื่องจากเค้าทำไว้เมื่อปีก่อน ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลข ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2010 แต่ปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีนี้ ทุนสำรองทั่วโลกอยู่ที่ 9.6 ล้านล้านดอลลาร์แล้วครับ อย่างไรก็ดี แต่ภาพการวิเคราะห์ยังโอเคอยู่ครับ โครงสร้างไม่เปลี่ยนไปจากที่เค้าวิเคราะห์ไว้เมื่อปีก่อนครับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถดูได้ในเวปของ IMF ครับ ที่ http://www.imf.org/external/np/sta/cofer/eng/index.htm
**** ดอกจันชักเริ่มแยะแฮะ Commodity Currency คือ สกุลเงินที่มักเคลื่อนไหวไปกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากประเทศเหล่านี้ขายสินค้าโภคภัณฑ์เยอะ อาทิ ออสเตรเลียขายสินแร่ แคนาดาขายน้ำมัน พอราคาน้ำมัน/สินแร่เพิ่มขึ้น ประเทศเหล่านี้จะมีรายได้เข้าประเทศสูงขึ้น เงินไหลเข้าที่มากขึ้น จะทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น
จากคุณ |
:
m_ple
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.ย. 54 23:41:48
|
|
|
|
 |