ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนหนึ่งผมก็ฟังจากอันนี้ แกะได้แค่นี้ (ฟังมะออก) จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 02:34:29

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือน Dow จะไม่ค่อยตอบสนองเท่าไหร่.... ปัญหาเนื้อๆจริงๆ คือ การสร้างงาน ไม่ใช่ สร้างหนี้ ให้กับคน เศรษฐกิจพอเพียง เป็นมั้ยเนี่ย ต้องให้คนไทยไปสอนมันหน่อยแระ ฟุ่มเฟือยกันเจงๆ จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 02:38:54

ความคิดเห็นที่ 3 จากหลักการเดิม พิมพ์เงิน เอาไปซื้อ พันธบัตรระยะยาว เพื่อ ลด Yield หรือ ดอกเบี้ยในตลาด ในระบบธนาคาร นั่นเอง เมือธนาคารเอาพันธบัตรมาขายแล้วจ่าย ผลตอบแทนให้ รบ ต่ำๆๆลง  ก็จะไปปล่อยกู้ได้ดอกต่ำลง เพื่อให้เกิด การจ้างงาน      แต่การพิมพ์ ค่าดอลล่าร์ตกเสียหายมากมาย คนเป็นหนี้สกุลต่างประเทศจะยิ่งหนี้มากขึ้นแบบไทยคราวนั้น        แต่จะทำอีกก้ไม่มีเงิน          ต้องไปแก้กฏหมายมาก่อนให้สร้างหนี้เพิ่มได้  หรือไปกู้ได้  หรือไปขายพันธบัตรได้นั่นเอง           เมื่อแก้ได้แล้ว จึงจะมาขาย พันธบัตรระยะสั้น  ถ้าประเทศที่เรทติ้งไม่ดี ดอกระยะสั้นจะแพง            พอได้เงินมา ก็จะอาเงินไปซื้อพันธบัตร ระยะยาว ตามสูตรเดิมนั่นเอง             แต่จากที่ทำมา  คนตกงานยังมากการจ้างงานไม่เพิ่มดีเท่าที่คิด                เพราะธนาคารคงไม่กล้าปล่อยถ้าเอนพีแอลจะสูงหรือลูกค้าไม่ชัวร์             เฟดเลยลังเล  ขอดูตัวเลขก่อน ภาพปลากรอบ  ราคาพันธบัตร์ และyield  ( ดูตรง คูปอง ที่จะจ่ายให้เลย) 2ปี 0.125 30ปี 3.75             การปล่อยขายที่2 คงทำให้ ง่ายก็ต้องจ่ายแพงขึ้นอีกนิด หรือถ้าคนอยากได้เยอะก็ไม่ต้องเพิ่ม          แต่เป็นปัญหาในการบริหนี้ระยะสั้น ให้เหนื่อยกว่าเดิมหน่อย          จ่ายดอกถูกไปปล่อยแพง ก็ไม่เสียหายนัก คงไม่ทำให้กราฟ ด้านว้ายกระดกไป เป็นเส้นตรง แนวขนานแนวระดับ  แบบประเทศแย่ๆๆ ข้อมูลจาก  http://www.bloomberg.com/markets/rates-bonds/government-bonds/us/ จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 04:51:23

ความคิดเห็นที่ 4 โห แม่เจ้า มันเหมือนหุ้นเลย แต่ ยิ่งเปลี่ยนมือ ดอกยิ่งลดๆๆๆๆๆๆๆ เพราะตัวหารที่เป็นราคาที่ซื้อมันเยอะขึ้น มันจะเอาให้เหมือนหุ้นแทน แล้วให้นักลงทุน เก็งราคา เหมือนดอก 3 เปอ คงที่ ต่อปี แล้วตลาดว่าไงหว่า รอดูจะทันไหมหว่า จากคุณ : mochay เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 04:53:26

ความคิดเห็นที่ 5 ลองชมกราฟของประเทศบราซิล  ที่ต้องจ่ายดอกมหาศาลแต่ก็ต้องยอมเพราะทาเงเลือกน้อย เพราะต้องการเงินระยะสั้นด้วย จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 04:53:37

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ใช่นักวิชาการด้านนี้นะ  ตอบตามความเข้าใจที่ศึกษามาเองเพียง1ปี ถ้านักวิชาการมาดูผิดช่วยแนะนำผมด้วยนะ สรุปหนี้แบบนี้ ไม่มีปัญหา เหมือน ฟิวเจอร์ ล๊อคไว้แล้ว  หรือ ออปชั่น ล๊อคไว้แล้วนั่นเอง ( มีทั้งลองและช๊อต คู่กัน) จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 04:56:57

ความคิดเห็นที่ 7 มันคือ ไปกู้เงิน ของ เจ้าหนี้ที่คิดถูกๆ แล้วเอาไปให้ ลูกหนี้กู้แพงๆ ถ้าเขาไม่แก้เรื่อง ต้นเหตุ คือการสร้างงานให้คนมาทำงาน  มันก็ไม่มีผลอะไรหลอกมั๊ง อันนี้ผมพูดแบบคนไม่มีความรู้เลยนะครับ  ถ้าขัดลูกตา ก็โทษทีเด้อ จากคุณ : mochay เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 05:06:46

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปหนี้แบบนี้ ไม่มีปัญหา เหมือน ฟิวเจอร์ ล๊อคไว้แล้ว  หรือ ออปชั่น ล๊อคไว้แล้วนั่นเอง ( มีทั้งลองและช๊อต คู่กัน) ยังไงเหรอครับ ผมอยากรู้ครับ คุณอธิบายเพิ่มได้ไหมครับ เพื่อนๆจะได้รู้ด้วยอะครับ จากคุณ : mochay เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 05:08:15

ความคิดเห็นที่ 9 สุดท้ายก็แค่อีกนโยบายมาช่วย Wall street กับไอ้ Goldman Sach, JPM, และพวกปลิงดูดเลือด Main Street ก็แย่ต่อไปตราบใดที่อเมริกาเลือกจะช่วยแต่คนรวย 1% ของประเทศกับพวกนักเล่นหุ้น จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 07:12:48

ความคิดเห็นที่ 10 มองว่าอุ้มคนรวยอย่างเดียวก็ไม่ถูก ปัญหาต้องค่อยๆแก้ ทั้งใกล้และไกล จากคุณ : yvrhere เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 08:04:29

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ตอนนี้ปัญหาของอเมริกาไม่ได้อยู่ที่ Wall street ครับ ผมมองว่าปัญหาเดียวของ Dow Jones ตอนนี้ คือมัน Over value เกินไป เมื่อไหร่จะเลิกไปสนใจอุ้มมันเสียที ปี 2008 พอสภาทำท่าจะไม่ผ่านเรื่อง Bail out มันก็เอา Dow Jones เป็นตัวประกันทุบเอาทุบเอาจนสภาต้องผ่านโดยไม่ทัน review อะไรมากมาย รอบนี้ถ้ามันทำเหมือนเดิม ผมหวังว่าสภาจะยอมให้ Wall street ดับไปเลย แล้วค่อยมา Re Build อเมริกาและตลาดทุนทั่วโลกกันใหม่ ดีกว่าทำบ้าทำบอเลี้ยงไข้ระบอบการเงินไปแบบนี้ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 08:26:17

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อความเป็นแบงค์กงเต๊กลดลง เงินไหลกลับเข้าเมกา หุ้นเมกาขึ้น หุ้นนอกถ้าขึ้นเพราะเงินนอกหุ้นก็จะลง ทอง ก็ลง แต่ เมกา ขายของไม่ได้เพราะเงินกลับมาแข็ง (รอหยวนแข็งค่า หยวนไม่แข็ง ดอลแข็งเอง ส่งออกจะเอาอะไรสู้) 447 เงินจ้างงานที่เพิ่มไป อาจจะไปชดเชยงานส่งออกที่ลดลง ไม่ได้ ? จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 08:30:57

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ทุกวันนี้คุณเห็นอเมริกาส่งออกอะไรเหรอครับ ? MCdonald, Chevy ?? ส่วนอาวุธไม่ต้องห่วงเงินดอลล์แข็งยิ่งดีเพราะมันเล่นเอาปืนจี้บังคับคนซื้อให้ซื้ออยุ่แล้ว ผมว่าดอลล์แข็งกลับจะดีต่อสหรัฐเองด้วยซ้ำเพราะจะได้ช่วยลดรายจ่ายของ ปชช สหรัฐในตอนนี้ เรื่องขาดดุลย์จีนเพราะหยวนแข็งมันเรื่องต้มกบ ปชช. โยนเผือกร้อนให้จีน ก็ไอ้บริษัทสหรัฐเองไม่ใช่เหรอที่ไปลงทุนสร้างโรงงานในจีน ไหนจะไอ้พวกที่ Outsource อะไหล่อย่าง Apple อีก จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 08:42:29

ความคิดเห็นที่ 14 ฟังดูดุดัน เหมือนปฏิบัติการทางทหารเลย เหอะๆ จากคุณ : BiX-WiZ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 08:48:19

ความคิดเห็นที่ 15 คงไม่ใช่เหตุผลที่ต่างชาติขายหุ้น เพราะความเสี่ยงมันคนละระดับกัน ไหนจะค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายเงินและส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนอีก ไม่น่าจะคุ้ม จากคุณ : <เซ็นเซอร์> เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 09:08:12

ความคิดเห็นที่ 16 #13 ผมก็ไม่รู้ลึกหรอกครับ ผมก็ได้แค่อ้างอิงตามข่าวทั่วไป มันบอกอย่างนั้น ผมก็คงต้องเชื่อสิ่งที่ผมอ่านก่อน ในเมื่อมันยังมีเหตุผลอยู่ และคนที่คิดแบบนี้คงไม่ใช่ผมคนเดียว (มั้ง) ก็เห็นส่งคนไปเจรจากันหลายครั้งหลายครา โอบาม่าไปเองก็มี ผมก็จึงคิดว่า การที่คงค่าเงินดอลล์แข็งว่าหยวน ก็คงน่าจะมีประโยชน์บ้าง ไม่งั้น โอบาม่าคงไม่ไปเอง แต่ถ้ารู้ลึกเรื่องอะไร พอที่จะมาเล่าสู่กันฟัง ก็ดีนะครับ เพราะผมก็ความรู้ตามเว็บ อีกอย่าง จาก "ปฏิบัติการบิด" ไม่ได้มีผลดีซะทีเดียว เพราะการลงทุนของสถาบันการเงินส่วนใหญ่ก็ซื้อ Bond เหมือนกัน.... การขาย/ซื้อ Bond อย่างรวดเร็วและรุนแรง อาจจะกระทบกับสถาบันการเงินบางก็แห่งได้ จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 09:14:03

ความคิดเห็นที่ 17 เซฟไว้ก่อนเดี๋ยวกับมาอ่าน ยังงงๆอยู่ จากคุณ : littletale เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 09:16:23

ความคิดเห็นที่ 18 #15 สังเกตว่า ค่าเงินไม่อ่อนค่า หลังจากต่างชาติขายหุ้นเป็นสัปดาห์ เพราะเงินเอาไปพักไว้ในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ ต่างชาติ ยังคงขาย เพื่อเก็งว่า จะเกิด Operation Twist นี้ขึ้น.... ถ้าเกิด ค่อยขายตราสารหนี้ แล้วค่อยเอาเงินหนี ขายไว้ก่อน แต่ยังไม่แลก คงไม่เสียงกับอัตราแลกเปลี่ยนมั้ง... ตรงกันข้าม อาจจะเอาเงินที่อยู่ในตราสารหนี้ กลับมาซื้อหุ้น (ไม่จำเป็นต้องแลกเงินไปสักหน่อย) จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 09:17:56

ความคิดเห็นที่ 19 'Operation Twist' ทางเลือกที่ต้องรอดของเศรษฐกิจมะกัน ...นับเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง กับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20–21 ก.ย.นี้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่อีกครั้ง หลังจากที่สภาพเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ได้กระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย ยืนยันได้ชัดจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 9% และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แทบไม่ขยับเขยื้อนใดๆ สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาสมาชิกเฟดเริ่มตระหนักแล้วว่า ไม่อาจจะขอประวิงเวลารอดูเหตุการณ์เหมือนที่แล้วมาได้อีกต่อไป และจำเป็นต้องหาทางนำเงินใส่เข้าไปในระบบเพื่อให้เกิดการจ้างงานขึ้นอีกครั้ง อันจะส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ภายใต้การผลักดันอย่างเต็มที่จากคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) อย่างไรก็ตาม สมาชิกเฟดอีกส่วนหนึ่งกลับคัดค้านที่จะให้เฟดเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหวั่นใจกับปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้เพิ่มจาก 3.6% ในเดือน ก.ค. มาอยู่ที่ 3.8% ในเดือน ส.ค. ซึ่งเกินเพดานที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะขยับขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่ขยับพุ่งขึ้นทั่วโลก และเป็นช่วงที่เฟดใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ด้วยการทุ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เฟด จึงได้รับเสียงตำหนิมากมายจากเหล่าสมาชิกสภาคองเกรส ที่เป็นตัวการกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ จนทำให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายของเฟดไม่ต้องการลงมือกระทำการใดๆ ที่จะไปกระตุ้นกระแสต่อต้านเฟดภายในสภาคองเกรสให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจที่เดินหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงกลายเป็นความขัดแย้งภายในของบรรดาผู้กำหนดนโยบายของเฟด ที่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักต่างลุ้นระทึกว่า เฟดจะเลือกทางไหน ระหว่างกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หรือ ชะงักไว้ก่อนเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ทว่า เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า หน้าที่หลักของเฟดในตอนนี้ก็คือ การแก้ปัญหาตัวเลขการว่างงาน ความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป   จึงมีมากกว่า ทั้งนี้ หากเฟดเลือกที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ท่ามกลางเงินเฟ้อขาขึ้น นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เฟดพอจะรอมชอมให้ประกาศใช้ออกมาได้ ก็คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เรียกกันว่า ปฏิบัติการ “Operation Twist”     มากกว่าที่จะใช้มาตรการคิวอี เนื่องจากมาตรการพิมพ์ธนบัตรใหม่ออกมาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ให้ผลไม่ตรงตามประโยชน์ที่วาดหวังกันไว้ การกระตุ้นเศรษฐกิจตามแนวทางของ Operation Twist ก็คือการปรับสัดส่วนการถือครองพันธบัตรของเฟดให้เป็นตราสารระยะยาวมากขึ้น และลดการถือครองตราสารระยะสั้น หรือก็คือการยืดอายุการชำระหนี้ออกไป โดยมีเป้าหมาย เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เลี่ยงการเก็งกำไร และ กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น พูดให้ง่ายว่า วิธีการดังกล่าวก็คือการที่เฟดจะออกพันธบัตรระยะสั้น มาเปลี่ยนกับพันธบัตรระยะยาว โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินเพิ่มเติม เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะเป็นการหลีกเลี่ยงวิธีการแบบเดิม ที่ต้องทุ่มเงินเข้าระบบการเงินแบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จนทำให้เกิดเงินเฟ้อเหมือนที่เป็นมา ทั้งนี้ สหรัฐเคยนำแนวทาง Operation Twist มาใช้แล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงทศวรรษที่ 1960 หรือระหว่างปี 2504-2508 ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว และขายตั๋วเงินคลังระยะสั้น โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน ผ่านจากจัดการปริมาณเงินในระบบ ก่อนที่จะประกาศใช้อีกครั้งในเดือน มี.ค. 2552 แต่มีเป้าหมายที่ต่างออกไปก็คือ เพื่อทำให้ปัจจัยแวดล้อมในระบบการเงินที่ตึงตัวอยู่ ผ่อนคลายลง Operation Twist จึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด และเหมาะสมที่สุด หลังจากที่เฟดเพิ่งจะผ่านพ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ อย่าง คิวอี มาแล้วสองรอบ เพราะคิวอี ทำให้เฟดต้องเข้าถือพันธบัตรระยะสั้นในมือมากขึ้น ขณะที่ Operation Twist จะช่วยเปลี่ยนพันธบัตรระยะสั้นเหล่านั้นให้เป็นระยะยาว ซึ่งจะลดดอกเบี้ยในระยะยาว จนทำให้ธนาคารยอมปล่อยกู้ ให้กับบรรดาบริษัทห้างร้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากการยืดระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ย ให้อยู่ในระดับใกล้ศูนย์เพิ่มออกไปอีก 2 ปี ที่หลายฝ่ายในเฟดมองว่า อาจเป็นช่องทางให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ฉวยโอกาสเก็บเงินสดไว้ แทนที่จะนำไปใช้ในการลงทุนและการจ้างงาน สำหรับความเป็นไปได้อีกทาง ที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าเฟดอาจจะเลือกลงมือทำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่ธนาคารพาณิชย์ สำหรับทุนสำรองส่วนเกินที่นำมาฝากไว้ที่เฟด ซึ่งเท่ากับเป็นการบีบบังคับ ให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้มากยิ่งขึ้นเพื่อแลกกับอัตราผลตอบแทน ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ทว่า ปัญหาที่ตามมาก็คือ ธนาคารพาณิชย์ไม่อาจกำหนดดอกเบี้ยให้สูงได้ในช่วงที่เจ้าของกิจการ หรือประชาชนคนธรรมดาต่างแสวงหาหนทางปรับลดต้นทุนกู้ยืม ของตนเองลง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า เครื่องมือทั้งหมดที่พอจะให้เฟดใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ขณะนี้ ล้วนส่งผลเสียต่อเฟดแทบทั้งสิ้น แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน บรรดานักเศรษฐศาสตร์จึงเห็นตรงกันว่า Operation Twist ดูจะเป็นทางเลือกที่อันตรายน้อยที่สุดสำหรับเฟด ในเวลานี้แล้ว --- Ref : Posttoday  20 กันยายน 2554 --- จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 10:50:01

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่า แก้กฏหมาย ให้สร้างหนี้ได้ คือการขายพันธบัตร์ระยะสั้นให้ได้เงินมา (เลิกการพิมพ์เอง QE 2) เอาไปซื้อพันธบัตร์ ระยะยาว ด้วเงินที่ ได้จากข้อบน  (เหมือนQE 2)          ดังนั้น QE 3 หรือ Operation Twist คือกัน  เพียงแต่ที่มาของเงินที่จะซื้อพันธบัตร์ เปลี่ยนจาก รับคืนจากพันธืบัตรครบกำหนด หรือ พิมพ์เพิ่มให้ครบเดือนละ100ล้าน         เป็นขายพันธบัตร ระยะสั้นให้ได้เงินมา ถ้าจะมีก็เพียงว่าจะทำนานแค่ไหน  แล้วจะใช้เงินเดือนละกี่ล้าน เท่านั้นครับ จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:31:44

ความคิดเห็นที่ 21 ดูๆไอ้ Twist ก็คือ QE ปัญหาคือว่ากระแสมันมีมาตั้งครึ่งปีแล้ว และแรงที่สุดในวันสองนี้เพราะท่าทีของ FED ที่ทำตัวคล้ายๆก่อนออก QE แต่ผมว่ามีสิทธิพลิกล๊อกครับ คืนนี้ FED อาจปิดปากเงียบอีก ( ไม่ได้แช่งนะอย่างที่รู้ผมมีทั้งโลหะเงินและหุ้นโภคภัณท์ ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:48:39

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.youtube.com/watch?v=Z3g9BfDDoQQ ^ ข่าวจากเดือนเมษายน มีการคาดการล่วงหน้านานมากแล้วเรื่อง Operation twist หากไม่รีบมาจริงๆล่ะก็ผมว่าพรุ่งนี้นรกแตกครับทั้งหุ้นทั้งทอง จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:55:26

ความคิดเห็นที่ 23 http://www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?f=/g/a/2011/09/20/bloomberg_articlesLRTT5S07SXKX.DTL ข่าวกระแสหลักมาแรงว่า Operation จะไม่ช่วยอะไร Main street และมี สว เริ่มออกมาต่อต้านแผนดังกล่าว แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 13:10:26 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:59:22

ความคิดเห็นที่ 24 คราวที่แล้วเฟดบอกแล้วว่าขึ้นกับเงื่อนไข        ถ้าจำเป็น QE 3 ก็จะมาวางบนโต๊ะ ถ้าอะไรยังไม่จำเป็นก็ไม่มี ก็แค่นั้น (อย่างอื่นยังไม่ได้คิด)   ก็ไม่น่าจะต้องดีใจหรือตกใจ ครับ จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 15:36:36

ความคิดเห็นที่ 25 ล่าสุดเมื่อ 10 นาทีที่ผ่านมา การประชุมของ Bank Of England พอจะส่งสัญญานได้ว่า QE ยังทำไม่ได้จนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงครับ หากทราบว่า BOE กับ FED คือกลุ่มเดียวกัน เรื่องคืนนี้จะเดาไม่ยากเลย ผมเดาว่าถึงมี Twist แต่ก็ต้องพยายามไม่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ อีกนัยนึงเงินดอลล์น่าจะแข็งต่อไป จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 15:52:21

ความคิดเห็นที่ 26 -----------ทำถึง June 2012 วงเงิน 4แสนล้านเหรียญ--------- จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 05:41:46

ความคิดเห็นที่ 27 จาก #1 กดไปที่ลิงค์ฉบับเต็ม กด cc แล้วถอดเสียง จะมี end sub ให้อ่านครับ จะได้ชัดกว่าฟังเอง จากคุณ : nonsaint เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 11:31:34