ความคิดเห็นที่ 1 มาที่เล่มแรกครับ เห็นมีคนพอจะมาถามบ้างครับ เป็นแนวๆ PraticalผสมIdea นิดๆ เหมาะกับผู้มีความรู้ระดับกลาง-ต่ำครับ MAGIC MACD เล่ม1 ครับ (เดี๋ยวเล่ม2ผมอ่านจบแล้วจะมารีวิวให้ฟังนะครับ) ตัวหนังสือมันบางมากครับ บางจนเหมือนไม่มีอะไร แต่ท้ายเล่มแถมuser efinancethaiฟรีเอาไว้ดูกราฟครับ ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้อยากหาเครื่องมือไว้เทรดระยะกลางยาว (ระยะสั้นก็ได้นะครับ แค่เปลี่ยนTime frameเอา) ในหนังสือกล่าวถึงการตีTrend Lineที่นำมาใช้กับกราฟMACD ตลอดจนเปรียบเทียบกับ slow,fast stochastic ซึ่งถือว่าโอเคครับ (แต่ขอติดนิดนึงตรงที่ไม่ยอมอธิบายว่าเครื่องมือใดๆมีข้อดีข้อเสียอย่างไร หรือถ้ามีผมคงจะลืมไปเองครับ) โดยภาพรวมเต็ม10คะแนน ผมให้ 7.5ครับ ขอตัดออกไปตรง2.5 เพราะเนื้อหาเกือบ1ใน3ของเล่มช่วงแรกนั้น ผู้เขียนพยายามจะอธิบายคอนเซ็ปของการใช้MACDจนดูเหมือนกับว่าเพ้อไปนิดหน่อย พูดถึงจิต กาย โลก (นี่เอ็ง จะสำเร็จวิทยายุทธ์แล้วเรอะ!!) แต่2ใน3ที่เหลือนี่ ผมนำไปใช้แล้วถือว่าโอเคครับ  ทุกวันนี้ผมก็ใช้อยู่เหมือนกันครับ  ไว้ถ้าผมซื้อเล่มสองอ่านจบแล้วจะมารีวิวต่อครับ (อาจจะมีปรับคะแนนเล่มแรกให้) จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:15:52

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนจะออกรบต้องฝึกลับมีดให้คมกริบ แต่อย่าเผลอไปฝึกรับมีดล่ะ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:21:13

ความคิดเห็นที่ 3 ระวัง จะ มี คนบางพวก ว่า ขายหนังสือ นะ ครับ ผมโดนมาแล้ว แต่ ส่วน ตัว ผมเห็น ด้วยกับการแนะนำหนังสือ คือ ดูออก น่ะ ว่า แนะนำ  หรือ โฆษณา . จากคุณ : Money_Engineer เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:39:13

ความคิดเห็นที่ 4 เล่มถัดมาครับ คิดว่าทุกท่านน่าจะพกพาไว้ นั่นคือคัมภีร์หุ้น เล่ม 1 ครับ หนังสือเล่มนี้ออกแนว Academic+Idea เล็กๆครับ เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากๆครับ เป็นความรู้ขั้นพื้นฐานของนักลงทุนทุกคนที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของตลาดครับ เรียกว่าเป็นคอร์สเร่งรัดสำหรับผู้ที่ต้องการทราบทุกอย่างที่ต้องรู้ก่อนเข้าตลาดทุนนั่นเอง ในแง่ของความครบถ้วนนั้นมีเกือบทุกอย่างครับผม ในหนังสือเล่มนี้ (โดยส่วนตัวแล้ว ผมเริ่มอ่านจากเล่ม2ก่อนนะครับ) ในเล่มนี้นั้นอ่านแบบสบายๆมีหลักการ PDCAที่ถือเป็นหัวใจขั้นพื้นฐานของการเริ่มต้นเป็นนักลงทุนที่คิดอย่างมีระบบครับ ใครที่คิดว่าตนเองเป็นผู้เริ่มต้น ก็จัดไปอย่าให้เสียครับ!! ผมให้ 8/10 ครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:44:15

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคุณวิศวการเงินกับจารย์ปลาด้วยครับ ผมเคยพยายามฝึกลับมีด แต่สุดท้ายกลายเป็นการไปรับมีด เป็นคนประเภทlearning by doing ******************ขออภัยด้วยครับที่ไม่ได้ใส่เครดิตผู้แต่ง******************** อนึ่งผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะครับ เพราะผมก็เสียเงินซื้อเหมือนเราๆท่านๆเนี่ยล่ะ 555+ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:46:48

ความคิดเห็นที่ 6 มาต่อกันที่คัมภีร์หุ้นเล่ม2 โดยส่วนตัวเล่มนี้ ผมชอบมากครับ คือมันมีพัฒนาการของผู้เขียนที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งท่านเขียนหนังสือเล่ม2ออกมาโดยไม่เอาเปรียบนักอ่าน ไม่เอาเปรียบอย่างไร?? หนังสือเล่มนี้เหมือนกับเป็นขั้นถัดไปจากเล่มที่แล้ว ความเข้มข้นของเนื้อหานั้นเพิ่มขึ้นจากเล่มหนึ่งมาก ชนิดที่ว่าย้อนกลับไปอ่านเล่มหนึ่งแล้วผมมองว่า เล่มหนึ่งนี่มันน้ำท่วมทุ่งจริงๆ เอ้อ! เกือบลืมไป เล่มนี้ออกแนว Academic+Practical ครับ ผมมองว่า มันพัฒนาตรงที่ผู้ที่อ่านเล่มแรกมาแล้ว สามารถหยิบเนื้อหาเล่มแรกมาปะติดปะต่อได้เลยครับ เรียกได้ว่านำเอาเงิน200กว่าๆในเล่มแรกมาต่อยอดกับเล่มนี้ได้อีกนั่นเอง นับว่าเยี่ยมครับ ถ้าผมจำไม่ผิด มันมีตารางท้ายเล่มให้ฝึกวางแผนการลงทุนด้วย แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นSwiss knife เรียกได้ว่าเป็น Survival kits เบื้องต้นในตลาดหุ้นเลยครับ  อีกข้อนะครับที่ผมชอบมาก คือผู้เขียนจะไม่ยัดเยียดให้เราเป็นVIหรือ TA เค้าจะเน้นความรู้พื้นฐานของตลาดทุน ให้มองภาพรวมอย่างกว้างๆ เราจะได้เป็นแมงเม่าที่ปีกติดไฟยากหน่อยครับ  เล่มนี้ผมให้ 9/10 ครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:54:45

ความคิดเห็นที่ 7 เล่มถัดมาครับ สำหรับผู้ที่รู้สึกว่า VIเนี่ย มันดูแค่ค่าPE PS ROE ROA แล้วมันจะไปได้อะไรครับ แล้วMOSคืออะไร?? อย่างใดถึงจะเรียกว่าเป็นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ผมขอเสนอเล่มนี้ครับ เรียกว่าครับรสทั้ง Idea+Practical+Academicเลยทีเดียว "เหนือกว่าวอลสตรีท" ของสำนักพิมฟิเดลตี้ (สนพ.นี้ผมชอบหนังเขามากนะ อ่านและย่อยง่ายดี) ในเล่มจะเป็นการลงทุนโดยมุมมองของปีเตอร์ ลินช์ผู้จัดการกองทุนที่เน้นคุณค่าของบริษัทมากกว่าราคาหุ้น โดยจะกล่าวถึงหุ้นที่เขาลงทุนเป็นพันๆตัวที่เขาลงทุน ตลอดจนวิธีการคิดและแนวทางการลงทุนของเขา นอกจากนี้เขายังกล้าเปิดเผยข้อผิดพลาดในการลงทุนของเขา(ตอนเป็นผู้จัดการกองทุน) และมุมมองของการลงทุนหุ้นประเภทใหม่ๆในปัจจุบันตลอดจนตราสารอนุพันธ์(ที่ผมมองว่าแกเป็นVIเพราะมุมมองเรื่องอนุพันธ์แกคล้ายกับBuffetมาก) เรียกได้ว่าเป็นเล่มที่ดีมากครับ แถมกระดาษก็ถนอมสายตาผิดกับ3เล่มแรกที่ผมแนะนำไป แนวคิดที่สำคัญของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าก็คือ "คุณต้องเข้าใจธุรกิจนั้นๆเสียก่อน" เหมาะกับการเป็นVIที่ต้องอยู่กับตลาดหุ้นไทยในความจริงไม่ใช่VIในอุดมคติ (เพราะแกบอกในหนังสือเลย อะไรขาดทุนให้ขาย ธุรกิจมีกำไรให้ถือ) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ข้อนี้ไปได้ครับ ผมให้10/10ครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:05:11

ความคิดเห็นที่ 8 แฮ่กๆๆๆๆ เยอะพอตัว กลัวจะพิมไม่หมด ละ ละ เล่มถัดมาครับ  เล่มนี้อันที่จริงคล้ายๆกับเล่มของปีเตอร์ลินช์ด้านบนที่ผมแนะนำไปครับ เบน เกรแฮม สอนกลเม็ด วอร์เรน บัฟเฟตต์ สอนลงทุน เล่มนี้ก็รวม3แบบเลยครับ ทั้งIdea+practical+Academic แต่ความเข้มข้นสูงกว่ามาก (โดยส่วนตัวผมมองว่ามันเข้มข้นมากจนอ่านให้จบทีเดียวไม่ไหว) ซึ่งสอนในมุมมองของเบนเกรแฮมที่เป็นนักคิดนักลงทุนเชิงคุณค่ารุ่นเก่า ในขณะที่จะยกเคสของบัฟเฟตเป็นระยะๆเพื่อสะท้อนถึงแนวคิดยุคใหม่ เกรแฮมมักจะเน้นในหุ้นที่PEต่ำๆ หรือหุ้นที่ถูกdiscountมาเยอะๆ ในขณะที่บัฟเฟตจะมองหุ้นที่อนาคตไปได้อีกไกลๆครับ (ราคาแกไม่เกี่ยงถ้าMOSมันมากพอ) โดยเล่มนี้จะกล่าวถึงMOSมากกว่าของลินช์ และผมมองว่าน่าจะนำไปใช้จริงได้มากกว่าเล่มก่อน อย่างไรก็ตามครับ บางประโยคผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือนมันแปลมาจากภาษาอังกฤษ ทำให้ประโยคอ่านแล้วต้องอ่านซ้ำสองรอบ ทำให้งง (ต้องมาแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ) แต่ถ้าอยากเอาดีด้านลงทุนเน้นคุณค่าละก็ น่าลงทุนกับเล่มนี้ครับ เป็นอีกเล่มที่ไม่อยากให้ปลวกที่บ้านกัดทิ้งเลย ผมให้ 9.75 เต็ม 10 ครับ ขอตัด0.25 เพราะสำนวนวกวนและเนื้อหาในบทแรก อารัมภบทเรื่องของข้อโต้แย้งเรื่องทฤษฎีความมีประสิทธิภาพของตลาดมากไปครับ อาจจะเป็นเพราะชาวตะวันตกเชื่อทฤษฎีนี้มากไปก็ได้ครับ  จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:15:07

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับ VIอีกเล่มก่อนจะข้ามไปสายTAครับเพราะผมเริ่มเอียนแล้วครับ ศาสตร์แห่งการค้ากำไรของวอร์เรน บัฟเฟท ออกแนวๆ Practical+Academicครับ ผู้เขียนนี่รู้สึกว่าจะเป็นลูกสะใภ้เก่าของบัฟเฟทครับ ที่นำแนวคิดบัฟเฟทมาเรียบเรียง มีงบตัวอย่างให้อ่านเบื้องต้น สอนว่าตรงส่วนไหนในงบที่ต้องระวัง แล้วก็มีการคำนวนด้วยนิดหน่อยครับ แต่โดนส่วนตัวผมมองว่า "มันเป็นเรื่องพื้นฐาน ที่ต้องรู้ครับ" หรือว่าผมหวังมากไปก็ไม่รู้ครับ ในแง่ของการฝึกฝนอ่านงบถือว่าดี แต่ในแง่ของการได้แนวคิดที่นำไปต่อยอดหลังจากพื้นแน่นนั้นหายากครับ (ผมอ่านเล่มนี้เล่มแรกเลยนะสำหรับสายนี้) ให้ 6.5/10 ครับ 0.5ที่ได้นี่มาจากกระดาษgreen readครับ ผมชอบคุ้มตังดี จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:25:13

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับสายTA ครับ เล่มนี้คิดว่าทุกท่านน่าจะมีพกไว้นะครับ "มหัศจรรย์แห่งเทคนิค" เล่มนี้ ผมเก็บไว้อย่างดีเลยครับ ในหนังสือเป็นแนว Practical+Academic ที่จะสอนการใช้อินดิเตอร์ เทรนด์ไลน์ และแท่งเทียนครับ เรียกว่าSwiss knifeของสายTAครับ ตลอดจนสมการต่างๆที่ใช้ในการสร้างกราฟขึ้นมา การนำอินดิเคเตอร์แต่ละอันไปใช้ในการลงทุน ภาวะใดๆควรใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันออกไป โดยภาพรวมคิดว่าใครจะเล่นกราฟก็น่าจะมีไว้ครับเป็นเล่มที่ดีอีกหนึ่งเล่มครับ ให้คะแนน9/10 ครับ นับว่าดีสำหรับผู้เริ่มต้น ผู้ใช้ขั้นปานกลางและสูงครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:37:29

ความคิดเห็นที่ 11 โพสต์เอง ตอบเอง เหนื่อยเอง   หนังสือสำหรับสายเทคนิคถัดมาที่ต้องหัดไว้นะครับ พิชิตหุ้นด้วยกราฟแท่งเทียน ของคุณป.ดัชนี เล่มนี้จะสอนpatternต่างๆของแท่งเทียน (คล้ายๆกับการจำรูปแบบไพ่การเล่นPoker) เนื้อหาในเล่มเป็นเชิง Academic+practical เพราะมีการยกตัวอย่างกราฟบางตัวมาให้ดูด้วย (แต่โดยส่วนตัวผมมองว่าแกแปลเนื้อหามาจากตำราฝรั่งแต่ผมจำชื่อไม่ได้ครับ) แม้ว่าตัวอย่างบางอันจะเป็นหุ้นที่ล้มหายตายจากไปจากตลาดแล้ว แต่มันก็เป็นการยืนยันว่า แท่งเทียนใช้กับหุ้นตัวนั้นๆได้จริง แม้ว่าจะไม่มีเรื่องของ Pattern failมาให้เราดูก็เถอะ!! ผมให้8/10 สำหรับผู้ต้องการศึกษาแท่งเทียนครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:43:16

ความคิดเห็นที่ 12 ไว้จะกลับไปบ้านแล้วจะมารื้อเพิ่มให้นะครับ ในส่วนของEconและระบบการเงินโดยรวมครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:45:00

ความคิดเห็นที่ 13 ติดตามอ่านอยู่นะครับ ^  ^ จากคุณ : Janglai Man เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 14:48:46

ความคิดเห็นที่ 14 โห ขอบคุณมากครับที่สละเวลามาแนะนำสิ่งดีๆ หมดนี่ผมเคยอ่านแค่ 2-3 เล่มเอง ^^" ต้องลองทะยอยอ่านเพิ่มซะแล้ว เปิดหลายๆ เล่มที่ไม่ได้ถูกแนะนำ รู้สึกว่ายังขาดๆอะไร จนขี้เกียจหาไปเลย เหอๆๆ จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 15:16:42

ความคิดเห็นที่ 15 อันที่จริงยังมีของดร.นิเวศน์แกรออยู่อีกเพียบและตำราฝรั่งครับ เพียงแต่ว่าผมจำชื่อไม่ได้เท่านั้นเอง เราเลยไม่กล้าลงต่อ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 15:21:57

ความคิดเห็นที่ 16 คัมภีร์หุ้น 1-2 ของดร.นิเวศน์2เล่ม 7 เทคนิคอีกหนึ่งเล่ม ของคุณป.ดัชนี 2 เล่ม หนังสืออ่านงบการเงิน ที่มีรูปผู้หญิงอยู่หน้าปกมาอีกหนึ่ง คนไทยเขียนทั้งนั้นเลย ปกติก็อ่านหนังสือแปลนะ แต่พอซื้อหนังสือหุ้นรู้สึกว่าไม่อยากซื้อหนังสือแปลมาดื้อๆ คราวหน้าเอาใหม่ดีกว่า ขอบคุณที่แนะนำนะคะ ใกล้งานสัปดาห์หนังสือแย้ว จากคุณ : khumchalong เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 16:42:27

ความคิดเห็นที่ 17 เล่มถัดมาครับ ตีแตกกลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต ของดร.นิเวศน์ ไอดอลของใครหลายๆท่าน ก่อนอื่นครับ ก่อนจะพูดถึงเล่มนี้ ผมขอชี้แจงเรื่องของคนที่discreditพวกหนังสือพวกนี้ครับ คือต้องยอมรับครับว่าตลาดบ้านเรานั้นมันเล็กมากครับ เล็กเสียจนเทียบได้กับmarket capของหุ้นตัวเดียวในDJIAเท่านั้นเอง ผมกำลังจะบอกว่าหนังสือโดยทั่วไป ที่มันใช้กับบ้านเราไม่ได้นั้นเพราะ 1.ประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา 2.ตลาดเราไม่ได้มีผู้เล่นมากมายแบบผู้คิดแนวคิดต่างๆ 3.บ้านเรายังไม่มีการตรวจสอบที่ดี 4.แนวคิดนี้พึ่งเข้ามา ผมเชื่อในเรื่องสมดุลของนักลงทุนและนักเก็งกำไร ยุคก่อนนักเก็งกำไรเยอะกว่านักลงทุน คนจึงมองไม่เห็นความสำคัญของแนวคิดเหล่านี้ อย่างไรก็ตามครับ หนังสือเหล่านี้มีประโยชน์พอสมคร โดยเฉพาะเล่มตีแตก เรียกได้ว่าเป็นเล่มที่ผสมผสานได้ค่อนข้างดีครับ แนวคิดในหนังสือนั้นเป็นแนวคิดเชิง Idea+practical เสียเป็นส่วนมาก ซึ่งผมมองว่า ดร.นิเวศน์แกเป็นนักปฏิบัติจริงๆมากกว่านักวิชาการหรือนักวิเคราะห์ที่เราเห็นออกทีวีกันอยู่เรื่อยๆครับ ในเล่มนั้นมีการพูดถึงธุรกิจ (แกจะมาแนวคล้ายๆลินช์แต่ใกล้เคียงกับคนไทยมากกว่าครับ) แนวคิดการลงทุนของดร.นิเวศน์ เรียกได้ว่าเป็นอากาศที่จับต้องได้เลยทีเดียวครับ แต่จะใช้ได้มากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ เทียบราคาเล่มนี้แล้ว ถือว่าUnder valueมากๆครับ ผมให้9/10ครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:12:12

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อไปครับ ด้วยความที่นักสืบจิ๋วจบมาจากคณะเศรษฐศาสตร์ จึงชอบอ่านหนังสือแนวๆเศรษฐศาสตร์ด้วยเช่นกัน เราขอแนะนำ หนังสือแนว Academic+idea จ๋าเลยครับ "เศรษฐวิบัติ" ก็ตามชื่อเรื่องเลยครับ ผู้แต่งก็ paul krugmanครับ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ในหนังสือจะมีการไล่วิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นยันจบที่ต้มยำกุ้งบ้านเราครับ (แล้วท่านจะทราบว่าวิกฤติมันเหมือนกับเชื้อโรค จากอีกที่สู่อีกที่) ซึ่งจะเขียนในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ ที่เป็นภาษาบ้านๆครับ อ่านง่าย(แต่ก็ปัญหาเดิมครับเหมือนเป็นหนังสือแปล ภาษาเวลาอ่านมันจะสะดุดมากๆ สำนวนแปลกๆ) แล้วท่านจะเข้าใจว่าเศรษฐกิจทางตะวันตกและตะวันออกที่เค้าเรียกกันอย่างนี้เพราะอะไร?? เราเป็นทุนนิยมจริงหรือ?? แล้วทุนนิยมคืออะไร?? โดยรวมให้7/10 แต่ถ้าเป็นผู้มีความรู้ด้านEconพอสมควร เล่มนี้เหมือนกับเป็นตัวBriefให้ท่านอีกรอบครับ ในฐานะเศรษฐกรให้ 8.9/10ครับ ติดปัญหาเรื่องสำนวนนั่นล่ะครับ อ่านแล้วผมขัดใจมาก (พอผมขัดใจแล้วจะหยุดอ่านครับเพราะมันจะมีอคติ) อนึ่ง เล่มใหม่จะหน้าปกสีขาวแดงครับ (คิดว่าถ้าไปซื้อที่ร้านก็จะเป็นเล่มใหม่แล้วนะ) ซึ่งจะมีแถมในส่วนของวิกฤติแฮมเบอเกอร์ด้วยครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:21:39

ความคิดเห็นที่ 19 มาถึงเล่มสุดท้ายของค่ำคืนนี้ครับ ผมคิดว่านักลงทุนควรจะอ่านเล่มนี้ไว้ด้วยครับ เพื่อจะได้ทราบรากเน่า เอ๊ย รากเหง้าของระบบธนาคารบ้านเรา The fall of Thai banking เป็นหนังสือเชิง Academic ล้วนๆเลยครับ เป็นประวัติของธนาคารในไทย เกิดได้อย่างไร โตมาจากธุรกิจอะไร แล้วมีใครบริหาร ตระกูลใหญ่ที่คอยดูแลธนาคารพวกนี้คือใคร?? และที่สำคัญที่สุดที่เป็นจุดที่น่าอ่านมากคือ "ล้มอย่างไร? แล้วมันกลายเป็นธนาคารอะไรในทุกวันนี้??" เป็นหนังสือที่พูดถึงประวัติธนาคารในบ้านเราทั้งหลายทั้งแหล่ (ตอนผมเรียนอาจารย์ชอบถามว่าแบงค์นี้นั่นโน่นโดนรวมจากอะไร เล่นเอาแอบหลับไม่ได้ ) ถ้าใครสนใจข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์นับว่าน่าศึกษามากครับ เผื่อท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่าTMBมาจากอะไร ผมให้5-7/10 ครับ คะแนนมีสองอันก็เพราะ มองในแง่นักลงทุนผมมองว่าอาจจะไม่จำเป็นเท่าใดนัก แต่ถ้าคิดจะลงทุนแบบยาวๆผมมองว่าน่าศึกษาครับ ปล. ทุกวันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับว่ายังมีขายอยู่หรือไม่ ถ้าทางเวปน่าจะมี แต่ตามร้านนี่หาไม่เจอนะครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:29:49

ความคิดเห็นที่ 20 เล่มนี้ ออกใหม่ จากคุณ : เบื่อวันศุกร์ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 16:38:24