ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจะกล่าวสั่นๆคือ 2 ใน 4 เราทำระบบตลาดพังทลายเพราะ S Tfex ไว้นั่นเอง กล่าวสั่นๆนี่คือสั่นจริงไม่ได้พิมพ์ผิดใช้มั๊ยคะ ปอลิง เห็นด้วยกับ จขกท ทุกประการ จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 14:39:51

ความคิดเห็นที่ 2 ยากมาก ผมคนนึงครับที่ ANTI Tfex กับพวก DW แม้กระทั่ง วอร์แรนท์ ไม่ชอบเลย เอาไว้ปั่นแต๊ๆ จากคุณ : อ้วนตุ้ยนุ้ย เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 14:42:27

ความคิดเห็นที่ 3 ขอแสดงความเห็นแย้งหน่อยครับ จริงอยู่ว่า S Tfex ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ได้กำไรมากกว่า (ถ้ามันถูกทาง) แต่ว่าการที่จะ S Tfex ได้ก็ต้องแสดงว่ามีคนคิดต่างกล้าที่จะเปิด L สู้  ดั้งนั้นการที่จะ S tfex ได้เป็นจำนวนมากๆในระยะเวลาอันสั้นทำได้ยากมากครับ แล้วถ้า S Tfex เสร็จแล้วจะมาทุบหุ้น เพื่อเอากำไร ก็คงไม่คุ้มครับ ถ้าทุบเพียงเจ้าเดียว ดั้งนั้นถ้าเค้าจะ S สะสมไว้เยอะแสดงว่าเค้าต้องมองว่า long term trend เป็นขาลงเท่านั้นครับ ไม่มีทางที่จะ S เองแล้วทุบเอง ต้องมีการปลุกกระแสให้คนอื่นมาร่วมทุบด้วยครับ ถึงจะได้กำไร จากคุณ : กบน้อยจากกะลา เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 14:48:30

ความคิดเห็นที่ 4 ผม S TFEX ไว้เมื่อวานที่ 708 จำนวน 14 สัญญา วันนี้ได้กำไรประมาณ 200,000 แล้วครับ (ถ้าเป็นราคา Settlement อยู่ที่ 712.30 กำไร 260,000 ครับ) ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่า กอง + หรั่ง S กันทีเป็นพันๆสัญญา ทำกันหลายๆวัน ป่านนี้มันกำไรเท่าไหร่กันแล้วหว่า >< เห็นใจขา L จริงๆครับวันนี้ แต่ถ้าทยอยตัดขาดทุนได้ก็ทยอยคัทไปก็ดีนะครับ ไม่งั้น ถ้าถือไว้จนเงินหมดบัญชีเมื่อไหร่ ความเครียดจะมาเยือนครับ (ปล. เมื่อวานซื้อผมก็ยอมคัทขาดทุนไปแสนกว่าๆเช่นกัน ถ้าคัทเร็วกว่านี้ เสียแค่ 30000 เอง เหอๆ รู้ตัวว่ามาผิดทาง แต่ไม่ยอมขาดทุน สุดท้ายกลายเป็นขาดทุนหนักแทนครับ เครียดเลย เพราะเงินบัญชีติดลบ เหอๆ) ปล. 2 แต่เมื่อวาน เม่าเราเจ๋งกว่า ปิดตลาด ราคา 715 แถม S กันเป็น 1500 สัญญา ป่านนี้รวยกันไม่รู้เรื่องเลย เหอๆ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 14:51:48 จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 14:49:29

ความคิดเห็นที่ 5 ในตลาดเขาเรียกตัวเราเปรียบเหมือน นักลงทุนรายย่อย  แต่ผมว่า ผมมี่ต่อท้ายอีกตัวอ่ะ (ยับ) จากคุณ : Mukzaki เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 14:55:59

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าลงทุนมาสักพักน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าเข้ามาเล่นก็ตัวใครตัวมันละครับ จากคุณ : AIScript เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 15:01:51

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า ถ้าพลาดก็อย่าโทษใครเลยครับ การไปโทษคนอื่น มันทำให้เราไม่จำครับ ด้วยความเคารพ รู้ว่าเจ็บแต่เจ็บแล้วต้องจำครับ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 15:16:27

ความคิดเห็นที่ 8 ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ  เวลาเค้า S เค้าได้เงินจากใคร หรือต้องจับคู่กับคนที่ L ครับ  หรือว่าได้กำไรจากส่วนไหนครับ จากคุณ : gopop06 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 15:16:38

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องเข้าใจ และทำใจครับ มันเป็นแค่... จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 15:36:31

ความคิดเห็นที่ 10 เม่าเริงร่า แอบ S ไว้นี่เอง ฮิๆๆๆ จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 15:58:10

ความคิดเห็นที่ 11 ถูกต้องเลยครับ TFEX จริงๆไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ที่บอกเอาไว้ประกันความเสี่ยงหนะ ลองคิดดูดีดีมันไม่จริงเลยครับ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากเป็นบ่อนของรายใหญ่ที่เอาไว้กินตังรายย่อย และทำให้ตลาดหุ้นเจ๊ง  ทั้งๆที่ตลาดหุ้นไม่ได้มีส่วนได้เสียกับ TFEX เลย จากคุณ : H-vichaiyut เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 16:00:50

ความคิดเห็นที่ 12 ถูกต้องเลยครับ TFEX จริงๆไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ที่บอกเอาไว้ประกันความเสี่ยงหนะ ลองคิดดูดีดีมันไม่จริงเลยครับ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากเป็นบ่อนของรายใหญ่ที่เอาไว้กินตังรายย่อย และทำให้ตลาดหุ้นเจ๊ง  ทั้งๆที่ตลาดหุ้นไม่ได้มีส่วนได้เสียกับ TFEX เลย จากคุณ : H-vichaiyut เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 16:01:18

ความคิดเห็นที่ 13 เดี๋ยวคืนนี้ จะมาพิมพ์ อะไร ให้อ่าน ยาวๆ....ละกันครับ ใครมี ข้อสงสัย หรือ อะไรที่ค้างคาใจ ก็โพสท์ไว้ละกัน ถือว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็น และ ประสบการณ์ ละกันครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 18:16:01 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 18:15:26 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 17:39:09

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้นี้ มีความน่าสนใจ  และ น่าจะเป็นโอกาสอันดี ถ้าจะเอากระทู้นี้ ในแต่ละ ประเด็น ... มา Discuss กัน ... --- ขอเริ่มด้วยคำถามนะครับ - ช่วงที่ SET Index ปรับตัวชึ้นจาก แถวๆ  ...   380  / ในปี 2008 มาจนถึงระดับแถวๆ ....   1150 /  ในปี 2011 เมืองไทย มีตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX  แล้วหรือยัง --- แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 00:47:02 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 18:11:30 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 18:08:58

ความคิดเห็นที่ 15 อยากอ่านอะครับ พี่ The Rounder เกี่ยวกับ TFEX มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้น ^^ อันนี้สนใจส่วนตัวมานานหละ ไม่ค่อยเห็นข้อมูล (หรือว่าไม่ได้ตั้งใจหาก็ไม่รู้ หุหุ ^^") ที่แน่ๆ ของพี่นี้อ่านแล้วโดนทุกทีเลย ปล ทำได้เท่านี้ โหวตครับ จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 18:21:11

ความคิดเห็นที่ 16 ขอตอบคำถาม  #8 ก่อนละกัน นะครับ v v ....ความคิดเห็นที่ 8     ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ  เวลาเค้า S เค้าได้เงินจากใคร หรือต้องจับคู่กับคนที่ L ครับ  หรือว่าได้กำไรจากส่วนไหนครับ จากคุณ : gopop06 ^ ^ ขออนุญาต เอาข้อความ ที่เคยตอบ ในกระทู้หนึ่ง มาทบทวนกันอีก สักครั้ง --- I9974438   ทำไมบางคนแนะนำให้ผมเล่น TFEX ...แต่มาร์บอกว่าอย่าเล่นเลย มันยากส์ --- v v การที่ มาร์บอกว่า TFEX มันยากส์ ไม่ใช่เหตุผล ที่ดี เนื่องจาก สิ่งนี้คือ เครื่องมือ ทางการลงทุน อันหนึ่ง ใช้ได้ ทั้งการป้องกันความเสี่ยง และ เก็งกำไร นั่นหมายถึง มาร์คนนี้ อาจจะไม่ได้ใบอนุญาต ตลอดจน ไม่มีความรู้ด้านอนุพันธ์ นั่นเอง สมมติว่า จขกท มีพอร์ทลงทุน ในหุ้น มูลค่า 7 แสนบาท ประกอบด้วยหุ้นหลายตัว (คล้ายๆ SET 50 ) แล้วเมื่อ มีเหตุการณ์ ที่ไม่ปกติ ที่ท่านคาดว่า อาจกระทบตลาดในทางลบ หรือ เกิดความไม่แน่นอน ในสถานกาณ์หัว/ก้อย ซึ่งท่าน ไม่ต้องการเสี่ยง หรือ เลี่ยงภาวการณ์ลักษณะนี้ (เช่น กรณีเมื่อวาน) จขกท สามารถ Short / SET 50 Futures จำนวน 1 สัญญา เพื่อป้องกันความเสี่ยง ให้กับหุ้น ทั้งพอร์ทนั้นได้ โดยใช้เงินแค่ 5 หมื่นบาท ( ณ วันนี้เหลือ 38,000 บาท  ...10 /2/54) ถ้าหุ้นทั้งหมด ปรับตัวลง จขกท ก็ได้รับ กำไร จาก TFEX มาชดเชย ทำให้ มูลค่าพอร์ทโดยรวม ก็จะเท่าๆเดิม และหุ้นทุกตัว ก็ยังอยู่ครบ บางคนอาจแย้งว่า แล้วทำไม ไม่ขายหุ้นออกไปแทน ก็เพราะว่า การถือครองหุ้น แล้วป้องกันความเสี่ยง ให้นัยยะ ที่ต่างจาก การขายหุ้นทิ้ง อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก การถือครองหุ้น จะได้เงินปันผล  สิทธิประโยชน์เรื่องเครดิตภาษี ได้สิทธิได้การโหวต เข้าประชุมผู้ถือหุ้น ได้รับรายงานประจำปี ได้รับ Warrant ฯลฯ นั่นเอง ซึ่งก็เป็นแนวทาง ของนักลงทุนระยะยาว อีกประการ การขายหุ้นทั้งหมด แล้วซื้อกลับ อาจทำได้ ไม่สะดวกนัก เมื่อเทียบกับ การใช้ เครื่องมือชนิดนี้ โดยเฉพาะ ในกรณี ทีถือครองหุ้น จำนวนหลายๆตัว --- แล้วเมื่อ จขกท ป้องกันความเสี่ยงของพอร์ท ด้วยการ Short / SET50 Index Futures ความเสี่ยงนี้ ก็จะถูกโอนย้ายไปให้กับ คู่สัญญาฝ่ายตรงข้าม  ที่ทำการ Long นั่นเอง ซึ่งคนนี้ ก็คือ นักเก็งกำไร โดย ถ้าหุ้นหรือดัชนี ปรับตัวลง เขาก็จะจ่ายเงินให้ท่าน จขกท ซึ่งก็จะไปชดเชย การขาดทุนให้กับพอร์ทหุ้นของท่าน ทำให้พอร์ทของท่าน ไม่เกิดความเสียหาย แต่ถ้าหุ้นขึ้น มูลค่าพอร์ทของท่าน จขกท ก็จะยังคงเท่าเดิม เพราะ กำไรส่วนเพิ่มจากหุ้น จะหักล้างกับ การขาดทุนจากพอร์ท TFEX พอดีๆ เท่ากับว่า ท่านโอนย้าย กำไรส่วนเพิ่ม ในพอร์ทหุ้น ไปยังพอร์ท TFEX (ที่ขาดทุน) แล้วจ่ายให้ กับ นักเก็งกำไร คนนั้นไป ( ไม่กำไร แต่ ก็ไม่ขาดทุน เนื่องจากในขณะนั้น ท่านหวังผล ด้านเสถียรภาพของพอร์ท ) สิ่งที่ท่านจขกท ไดัรับ คือ การป้องกันความเสี่ยง จากสภาวการณ์ที่ไม่แน่นอน ณ ขณะเวลาหนึ่ง ซึ่งท่านอาจจะไม่แน่ใจ แต่ก็ยังไม่อยาก ขายหุ้นทิ้ง และ เมื่อผ่านพ้น ช่วงเวลา นั้นๆแล้ว ท่านก็เพียงแต่ ล้างสถานะ Short โดย เปิดสถานะ Long  1 สัญญา ก็ไม่มีพันธะผูกพัน ใดๆ ต่อไป ซึ่งคนที่มาถือ Short ด้านตรงข้ามในขณะนี้ อาจจะเป็นคนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ท แบบเดียวกับ ที่ท่านเพิ่งทำลงไป หรือ เป็นนักเก็งกำไร ที่มองว่า ดัชนีหรือตลาดจะปรับตัวลง ก็เป็นไปได้ ท้้งสองกรณี และ ทั้งหมด คือ กลไก และ ความเข้าใจ เบื้องต้น ของเครื่องมือ อันนี้ ( SET50 Index Futures) ที่มาร์ของท่าน ควรจะอธิบาย ให้ท่านเข้าใจ มากกว่า แค่บอกว่า ...มันยากส์ จากคุณ : The Rounder     เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 22:06:43 --- หมายเหตุ : ทั้งหมด คือ ความเห็นส่วนตัว โปรดอ่านด้วยวิจารณญาน               และรับผิดชอบในการตัดสินใจ ของตนเอง ขอให้ ทุกท่าน โชคดีครับ จากคุณ : The Rounder     เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 00:08:44   แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 18:33:26 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 18:25:48

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ กรณีข้างบนนี้ คนที่ทำการป้องกันความเสี่ยง  คือ... Hedger (ส่วนใหญ่ จะเป็น นักลงทุนระยะกลาง-ยาว หรือ พวก Investor ) คนที่มาแบกรับความเสี่ยงแทน  คือ... Risk Taker (ส่วนใหญ่ จะเป็น นักเก็งกำไร ระยะสั้น - กลาง หรือ พวก Trader ) ซึ่งแต่ละคน สามารถ เลือกได้ว่า จะกำหนดตนเอง ไปอยู่ในบทบาทไหน โดยจะต้อง สอดคล้องกับ ความรู้ ความสามารถ ของตนเอง ซึ่งจะเป็นเงื่อนไข สำคัญ ที่จะทำให้แต่ละคนนั้น อยู่รอดได้ ในตลาดทุน ... แห่งนี้ --- #15 ... ตอนหลัง มาคิดอีกที ก็คิดว่า...ไม่กำหนดเงื่อนไข ดีกว่า มีคนสนใจอ่านแค่ไหน ...ก็แค่นั้น เพียแงต่ ในตอนแรก คิดว่า คงมีหลายๆคน อาจมีความรู้สึกเดียวกัน กับ จขกท โดยเฉพาะ เหตุการณ์... ในวันนี้ ก็เลยอยากให้ คนกลุ่มนี้ ได้อ่านกันมากๆ เท่านั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 18:53:59 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 18:52:15

ความคิดเห็นที่ 18 ตลาด TFEX มันมีตั้งแต่แถวๆ 2005 หรือเปล่าครับ ตอนเกิด subprime ถ้ารู้ว่าลงแน่ๆ แล้วจะมีคนมารับความเสี่ยงอีกด้านหรือครับ ^^" จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 20:00:54

ความคิดเห็นที่ 19 ตลาด TFEX มันมีตั้งแต่แถวๆ 2005 หรือเปล่าครับ ^ ^ TFEX เปิดให้ทำการซื้อขาย ครั้งแรก ...ปี 2005 เดือน พ.ค. สินค้าตัวแรก คือ ...SET50 Index Futures --- ....ตอนเกิด subprime ถ้ารู้ว่าลงแน่ๆ แล้วจะมีคนมารับความเสี่ยงอีกด้านหรือครับ ... ^ ^ ตรงนี้ ก็ไม่ต่างจาก กรณีการซื้อขาย หุ้น ทุก Transaction ก็มี คนซื้อ และ คนขาย จับคู่กันอยู่ ถ้ารู้ว่า ราคาต้องลงแน่ๆ แล้วทำไม ยังมีคนซื้อ ก็อธิบายได้ ในแบบเดียวกัน คือ ถ้ามีข่าวร้าย ตลอดจน ปัจจัยลบ มากๆ หรือ รุนแรง คนขาย ก็ต้องมีการให้ส่วนลด เยอะๆ จึงจะจูงใจ ให้คนซื้อ เข้ามาจับคู่ด้วย และ ในแต่ละขณะ จะมีคนสองฝ่ายมองเห็นโอกาสในทางตรงกันข้าม อยู่ตลอดเวลา คือ คนหนึ่ง มองว่า น่าจะขึ้น แต่ อีกฝ่าย บอกว่า  คงจะลง และ เมื่อนั้น Transaction หรือ การ Matching ก็จะเกิดขึ้น นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 00:36:28 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 23:38:08 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 23:36:20

ความคิดเห็นที่ 20 ย้อนมาดู # 14 v v - ช่วงที่ SET Index ปรับตัวชึ้นจาก แถวๆ  ...   380  / ในปี 2008 มาจนถึงระดับแถวๆ ....   1150 /  ในปี 2011 เมืองไทย มีตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX  แล้วหรือยัง v v จะเห็นได้ว่า ดัชนีขึ้นจาก 380 ถึง 1150 หรือ ประมาณ 770 จุด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ปีเศษ ทั้งๆที่ ก็มี ...TFEX อยู่ แล้วถ้าใคร... Short ในช่วงเวลา ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า โอกาสที่จะได้กำไรมากๆนั้น  มีแค่ไม่กี่ครั้ง และหาก การ Short นั้น ผิดจังหวะ และ เวลา ผู้ทำการ Short ก็ต้อง รับผิดชอบ ต่อการขาดทุน หรือ ความเสียหาย นั้นเอง เช่นกัน --- ...กรณีศึกษา... v v ...เฮ้ออออ S จนเหนื่อยอีกเเล๊ววววว !! http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2011/03/I10365614/I10365614.html ในกระทู้นี้ ตรงความเห็น #20 มีการอ้างอิงถึงกระทู้หนึ่ง (ซึ่งไม่ปรากฏแล้ว) เพราะ ตอนนี้ ได้เข้าไปในคลังกระทู้ v v ซึ่งได้มีการเปลี่ยน URL เป็นดังนี้ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2011/03/I10330199/I10330199.html แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 00:07:06 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 00:05:45 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 00:01:35

ความคิดเห็นที่ 21 ขออ้างอิง เนื้อความ ที่ต้นกระทู้ v v !!! ตอนนี้ตลาดหุ้นเรามันเละเทะไปหมดแล้ว เพราะนักลงทุนที่เงินหนัก นั่นคือ กองทุน และ นลท ต่างชาติ ถ้าจะกล่าวสั่นๆคือ 2 ใน 4 เราทำระบบตลาดพังทลายเพราะ S Tfex ไว้นั่นเอง สังเกตมานานว่า 2 กลุ่มใหญ่นี้ไม่ค่อยจะ L แต่จะ S ซะเป็นส่วนใหญ่ ^ ^ จากภาพ ใน #14 จะเห็นได้ว่า ในช่วง 2 ปีเศษ ที่ผ่านมา ...หากทำการ Short เป็นส่วนใหญ่... รับรองได้ว่า ต้องแบกรับ การขาดทุน... อย่างมหาศาล ยกเว้นว่า เป็นการ Short เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ทลงทุน หรือ ล็อคผลกำไรไว้ เมื่อเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 00:28:23 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 00:19:34

ความคิดเห็นที่ 22 ขออ้างอิง เนื้อความ ที่ต้นกระทู้ v v สรุป.... นลท ในประเทศ ( เม่า ) เล่นให้ตาย ถัวให้ตาย เฝ้าหน้าจอให้ตาย ยังไงก็ไม่มีทางที่จะชนะตลาดได้แน่นอน หนทางรอดคือ S TFEX กับ Put warrants เพราะยังไงๆ ตลาดลงมากกว่าขึ้นแน่นอน ลง 3-4 วัน / week แต่ขึ้นแค่ 1-2 วัน และขึ้นน้อยๆด้วย ^ ^ เมื่อดูจากกราฟ ด้านบน จะเห็นได้ว่า ในช่วง 2 ปีเศษๆ ทีผ่านมา   หากใช้ความเชื่อดังกล่าว เป็นหลักยึด ...จะเกิดอะไรขึ้น ในมุมมองส่วนตัว เชื่อวา จขกท อาจจะเข้ามาในตลาดได้ไม่นาน จึงเห็นภาพแค่ส่วนเดียว ของตลาด ในระยะเวลาไม่กี่เดือนมานี้ จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 06:29:24

ความคิดเห็นที่ 23 ขออ้างอิง เนื้อความ ที่ต้นกระทู้ v v อีกวิธีนึงที่จะทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่สภาวะปกติ ( ที่ไม่ใช่สภาพบ่อนแบบนี้ ) คือ 1. ยกเลิก TFEX ^ ^ ตรงนี้ ก็จะขัดแย้ง กับ ข้อความในกล่องบน v v ...นลท ในประเทศ ( เม่า ) เล่นให้ตาย ถัวให้ตาย เฝ้าหน้าจอให้ตาย ยังไงก็ไม่มีทางที่จะชนะตลาดได้แน่นอน หนทางรอดคือ S TFEX กับ Put warrants เพราะยังไงๆ ตลาดลงมากกว่าขึ้นแน่นอน ลง 3-4 วัน / week แต่ขึ้นแค่ 1-2 วัน และขึ้นน้อยๆด้วย... ^ ^ เพราะตรงนี้ จริงๆแล้ว ก็เป็นคำแนะนำที่ดี เพียงแต่ ต้องใช้ให้ ถูกที่ และ ถูกเวลา หากได้ ดำเนินการ ตามนี้ โดยดูจากบทเรียนในอดีต คือ ช่วง Subprime แต่ประเด็น สำคัญก็คือ แต่ละคน ต้องประเมินด้วยตนเองว่า US & Europe Crisis ในครั้งนี้ มีขนาดของปัญหาแค่ไหน ตลอดจน จะมีมาตรการแก้ไข และ เยียวยา อะไร และ อย่างไร ...ออกมาบ้าง เพื่อประเมินว่า โอกาสในการทำกำไร ในขาลงนั้น มีมาก-น้อย แค่ไหน หรือ กรณี การป้องกันความเสี่ยงของพอร์ทลงทุน แต่ละคน ก็จะต้องประเมินว่า การป้องกันความเสี่ยงนี้  จะต้องทำต่อเนื่อง ไปอีกนานเท่าใด หากภาพรวมของตลาดหุ้นนั้น ได้เปลี่ยนภาวะ ... เป็นขาลงแล้ว นับจาก วันนี้ v v แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 07:18:16 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 07:01:49 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 06:56:35

ความคิดเห็นที่ 24 ขออ้างอิง เนื้อความ ที่ต้นกระทู้ v v ...อีกกลุ่มนึงคือ โบรกเกอร์ ..พวกนี้ชอบทำราคาตลาดปั่นป่วนเพราะซื้อ ขายช่องเดียวแล้วได้กำไรมากกว่ากลุ่มอื่น ( เสียแค่ค่าคอมให้ตลาด แต่ไม่เสียให้โบรก เพราะเป็นโบรกเอง ) + อีกวิธีนึงที่จะทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่สภาวะปกติ ( ที่ไม่ใช่สภาพบ่อนแบบนี้ ) คือ 2. ตลาดควรจะต้องเก็บค่าคอมพวกปอบให้มากขึ้น กล่าวคือให้เสียเหมือนคนกลุ่มอื่น แล้วปัญหาทุเรสๆ แบบนี้จะหมดไป.. ^ ^ ตรงนี้ จริงๆ แล้ว ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่จะตอบได้ เพราะ ไม่ได้มีประสบการณ์ตรง (แม้ว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จะมีคนเคยทาบทามให้ไปเป็น Prop. Trader ให้กับ สถาบันฯ แห่งหนึ่ง ก็ตาม ...แต่ก็ไม่ได้ร่วมงานกัน ด้วยเหตุผลของ แนวทางการทำงาน และ เงื่อนไขของผลตอบแทน) ดังนั้น ก็ขอยกเอา กระทู้ในคลัง ที่เคยมีคนอธิบายไว้แล้ว มาใส่ไว้ให้อ่านและพิจารณากันดู ละกันครับ v v ...การทำงานของ Proprietary trader... http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/11/I8551276/I8551276.html แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 07:10:39 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 07:09:07

ความคิดเห็นที่ 25 อันนี้ เป็นกระทู้ ที่เคยเข้าไปร่วมแสดงความเห็น กรณี Prop. Trader แต่เนื่องจาก ได้ลงภาพ และ ข้อมูล เกี่ยวกับ เรื่องโครงสร้างผลตอบแทนเอาไว้ ซึ่งเป็น ข้อมูลที่ค่อนข้าง Confidential ขององค์กร แห่งหนึ่ง  ที่ได้เสนอมา ตอนหลัง ก็เลยตัดสินใจ  ลบออกไป http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/12/I8674667/I8674667.html --- ส่วนใน  # 30 พอจะจำได้ว่า  อธิบายไป ประมาณๆว่า ค่าคอม ที่แตกต่าง ระหว่าง รายย่อย กับ Prop Trader หรือ รายใหญ่ ก็ไม่ต่างกับ ค่าโดยสารรถเมล์ แต่ประเด็นสำคัญ ก็คือ ท่านโดยสาร รถเมล์ สายนั้น  ถูกสาย แล้ว ขึ้นถูกฝั่งหรือเปล่า แม้ท่านจะเป็น Prop Trader หรือ รายใหญ่ แล้วได้โดยสารรถเมล์ฟรี หรือ ราคาถูก แต่หาก ขึ้นผิดฝั่ง ก็เสียเวลาและไม่ถึงจุดหมาย ดังนั้น ในฐานะรายย่อย หากคิดว่า เสียเปรียบเรื่องค่าโดยสาร ก็เพียงแต่ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี ขึ้นให้ถูกสาย แล้วก็....ถูกฝั่ง นั่งไปยาวๆ  เดี๋ยวก็ ...ถึงที่หมายเอง จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 07:38:32

ความคิดเห็นที่ 26 สุดท้าย ตลาดหุ้น จะไม่เป็นขาขึ้น ไปตลอด สักวันหนึ่ง(ที่ไม่อยากให้เกิด) ถ้าตลาดหุ้น เป็นขาลง อย่างยาวนาน หรือ เกิดวิกฤติอีกครั้ง โดย ผลประกอบการ ของบริษัทโดยส่วนใหญ่ไม่ดี หรือ บางที มีปันผลไม่มาก หรือ ไม่มีเลย และ ราคาหุ้น ก็ตกลงอย่างต่อเนื่อง คนลงทุนในหุ้น เป็นหลักเพียงอย่างเดียว อาจจะพบว่า ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทั้งๆที่ แท้จริงแล้ว ยังมีทางเลือก มากมาย ที่ทำให้สถานการณ์นั้น ดีขึ้นได้ เพียงแต่ อาจจะไม่เคยเตรียมตัว หรือ สนใจ ที่จะศึกษาไว้ก่อน ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : The Rounder     เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 00:56:21 v v http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I11021030/I11021030.html#32 --- หมายเหตุ : ทั้งหมดด้านบน คือความเห็น และ ประสบการณ์ส่วนตัว                โปรดอ่านด้วยวิจารณญาน และ รับผิดชอบในการตัดสินใจ                ของตนเอง                และ ขอให้ทุกท่าน โชคดีครับ จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 07:45:54

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ จะพยายามศึกษา ต้องใช้เวลาสักหน่อย ^^" จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 12:32:10