ความคิดเห็นที่ 1 warrant ของ broker BLS เท่าที่ได้ศึกษามา ผมว่าเขามีระบบการจัดการที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:10:10

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าหลายสำนักวิเคราะห์กันว่าตลาดในอนาคตข้างหน้าจะเป็นขาลง ระยะเวลาอีก 3 เดือนสำหรับ warrant ตัวนี้ ที่ราคาใช้สิทธิ์ 450 ในอัตราเทียบ 100:1 gearing x-1.80 เปรียบเทียบก็คงจะคล้ายๆกับ option หรือ tfex series Z นั่นเองครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:14:23

ความคิดเห็นที่ 3 แนวโน้มราคาออพชั่นวันสุดท้าย(29) จะเป็นไงครับ ถูกหรือแพงขึ้น ค่าพรีเมี่ยมบางซีรีย์ตอนนี้โหดมาก หมดอารมณ์สอยจริงๆ ดูแล้วผมคงเล่นแค่พุท660/พุท650ล่ะมั้ง -*- จากคุณ : นักตอบกระทู้สมัครเล่น เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:29:02

ความคิดเห็นที่ 4 #3 option ถ้าไม่ได้อาศัยจังหวะช่วงชิงในยามตลาด panic และดักซื้อสวนทางก็คงจะได้สัญญาที่ premium ถูกๆยากครับ ยิ่งใกล้วันหมดอายุสัญญา คนถือสัญญาที่ถูกทางก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะโก่งราคาขายสูงๆ เพราะเขาถือแต้มต่ออยู่แล้ว แม้สัญญาจะหมดอายุแล้วก็ตาม อย่างไรก็ไม่มีทางขาดทุน จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:33:32

ความคิดเห็นที่ 5 PTT01PA ปิดที่ 1.57 บาท คิดเทียบเป็นราคาตัวแม่ได้เท่ากับ 293 ปัจจุบัน PTT ปิดที่ 290   293 เทียบกับ 290 ในความคิดผมถือว่า mm ให้ราคาที่เหมาะสม  ในอนาคต 3 เดือนข้างหน้า ณ วันหมดอายุ warrant PTT จะมีราคาเท่าไหร่ หากคาดการณ์แนวโน้มได้  ความเสี่ยงก็จะน้อยลง เพราะเรามีความรู้ในการจำกัดความเสี่ยงครับ  จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:43:22

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตแชร์พี่เด็กวัดนะครับ พอดีผม Draft กระทู้เชียร์คนมาเล่น Option ไว้ยัง review ไม่จบ ไม่กล้า Post กลัวโดนหมั่นใส้(ผมจั่วหัวเองยังหมั่นใส้ตัวเองเลย) เลยเอามาแชร์ในนี้ละกันครับ คงพอมีส่วนที่เกี่ยวกับ DW นะครับ ปล ราศรี เซเลบ เริ่มจับตัวพี่แล้วนะครับ รู้ตัวบ้างป่าว ^_^ ผมทำกำไร 380% จาก Option ไม้แรกแอบสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำไม คนเล่น Option น้อยมาก ทั้งที่ทำกำไรได้ดีทีเดียว แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำไม คนเล่น Option น้อยมาก ทั้งที่ทำกำไรได้ดีทีเดียว (เดี๋ยวจะหาว่าพูดลอย ๆ ท่านไปดูราคาย้อนหลังครับ S50U11P750 ผมซื้อ 9 บาท ตอน SET50 800 ขายไป 44 บาท) เพราะว่าเข้าใจยาก หรือเพราะว่ามันวิ่งไม่เร็วทันใจเหมือน กับ Set Index Futures หรือว่าต้องรอให้มีคนรวยจาก options แบบที่ Dr.นิเวศน์ รวยจากหุ้นแล้วมาเขียนหนังสือก่อนถึงจะเข้ามาเล่นกันได้ ปล แน่นอนครับมีได้ก็มีเสีย โดยรวมยังบวกอยู่ครับ แต่ที่แน่ ๆ เวลาผิดทาง อารมณ์มันต่างกับการเล่น SET50 Index Future มากมายนัก Option ผมถือรอได้ผมเปิด long อย่างเดียวไม่มี Margin แต่ Future เผ่นป่าราบอย่างเดียวเลยคับ swing หนัก ๆ เข้าก็ทนไม่ไหวแล้ว จบประเด็นครับ ถัดจากนี้เป็นการระบายอารมณ์ล้วน ๆ (หลอกท่านมาอ่านเพื่อระบายความในใจต้องขออภัยด้วยครับ  _/\_  )   ผมอยากให้มี Single Stock Option ครับ เพราะทุกวันนี้ก็มีออกมากลาย ๆ แล้ว คือ Derivative Warrant หรือ DW ไม่ก็บรรดา Warrant ต่าง ๆ ที่บริษัทจดทะเบียน แข่งกันออกเอามาปั่นหัวเม่า ทีแบบนี้เล่นกันจัง Volume ล้นทะลัก ท่านรู้กันหรือไม่ครับ ว่า warrant มันก็คือ Call Option  DW มันก็ Option นั่นหล่ะครับ แต่มันเป็น Option ที่เอาเปรียบ ท่านเลือก Strike Price (ราคาใช้สิทธิ์) เองไม่ได้ เดี๋ยวจะชำแหละให้ฟังเท่าที่ผมรู้ละกันนะครับ ใครรู้เยอะกว่าที่ผมรู้ช่วยเสริมด้วยนะครับผมจะได้มีความรู้เพิ่มคนอื่นก็จะได้รู้ด้วย หรือถ้าผมเข้าใจอะไรผิดไปก็ช่วยเข้ามาชีแจงอธิบายให้ผมเข้าใจด้วยนะครับ - Warrant คือ (Call Option ที่ Strike Price=ราคาใช้สิทธิ์, Premium=ราคาของ Warrant, การส่งมอบเป็นแบบ Physical Settlement คือมีหุ้นจริง ๆ ให้) ตัว Warrant ผมคงไม่พูดถึงมาก เพราะว่ามันมองได้ทั้งในแง่ของการลงทุนและเก็งกำไร แต่ข้อจำกัดอย่างนึงคือ ท่านเล่นได้แค่ขาขึ้นเท่านั้น ความเห็นส่วนตัว     ผมมองว่าบริษัทดี ๆ น้อยมากที่จะออก Warrant ตรงกันข้าม บริษัทแย่ ๆ ที่ไม่มี ธรรมาภิบาลส่วนใหญ่ชอบออก Warrant เอามาปั่นหาเงินเข้ากระเป๋าเจ้า(ของ)มือ - Derivative Warrant  = (Call/Put Option ที่ Strike Price=ราคาใช้สิทธิ์, Premium=ราคาของ DW, การส่งมอบเป็นแบบ Cash Settlement คือใช้การหักลบกลบหนี้) ข้อดี    บางตัวเล่นได้ทั้ง ขาขึ้นและลง ถ้ารู้จักใช้งานบางตัวเอามา hedge port หุ้นได้ ข้อเสีย 1) มีความเสี่ยงที่ Counter Party Risk บางคนอาจไม่ทราบว่าถ้า Broker ที่ออก DW เจ๊ง ท่านก็เจ๊งด้วยนะครับ ไม่เหมือน SET index option นะครับ ที่ Issuer คือตลาดหลักทรัพย์ 2) premium สูงเกินไปไม่สมเหตุสมผล strike price มีให้เลือกน้อยมาก แล้วที่สำคัญ Boker อีกหล่ะเป็นคนกำหนดทั้ง Premium และ Strike Price ตอนเอาเข้าตลาด ความเห็นส่วนตัว      ผมมองว่า DW นี่เป็นเครื่องมือหากินของ Broker  น่ะครับ (จะมองว่า Broker เป็นเจ้าซะเองไม่รู้ว่าจะได้ป่าว) ในความเข้าใจของผม Broker มีรายได้จาก DW นอกจากค่าคอมแล้ว ก็จากการบริหารเงินใน Port DW ที่ออก ไป แน่นอน Premium แพงขนาดนั้นต้องกำไรอยู่แล้ว เพราะถ้าวันหมดอายุ DW มัน OTM ก็ได้กิน Premium ฟรี ๆ ย่อยยังไงก็เสียเปรียบ    กรณีแรก Broker ออก DW Call หรือ Put ขาใดขาหนึ่ง นั่นหมายความว่า  broker ขาย Short ออกมา แน่นอน broker ต้องถือหุ้นที่ DW อ้างอิงอยู่เพื่อบริหารความเสี่ยง ถ้า Broker ไม่ถือหุ้นนั่นหมายความว่า เสี่ยงเต็ม ๆ และ Broker มีโอกาสขาดทุนจาก DW ได้ ทางเดียวที่จะทำกำไรได้คือ บริหารเงินหรือคุมราคาตัวแม่ให้ได้ ซึ่งทำไงกันผมก็ไม่รู้   กรณีที่สอง Broker ออก DW ตัวเดียวกัน ทั้ง 2 ขา (Put/Call) ถ้า Striker Price เท่ากัน เรียกว่า Straddle หรือ Naked Short   ถ้า Strike  Price ต่างกันก็เรียกว่า Strangle Short กรณี Naked short Maximum Profit จะเกิดก็เมื่อราคาตัวแม่ปิดที่ Strike Price ณ วันหมดอายุ ถ้าเบี่ยงเบนไปนิดหน่อย Broker ก็อาจขาดทุนกำไรไปบ้าง กรณี Strangle short Maximum Profit จะเกิดก็เมื่อราคาตัวแม่ปิดที่ ระหว่าง Strike Price ของขา Put และ Call ณ วันหมดอายุ ลองคิดดูกันเล่น ๆ แล้วกันครับ ว่า ถ้าเป็น Broker ท่านจะบริหาร Port  DW ของท่านยังไง แล้วทำไมอยากได้ Single Stock option หล่ะ  1) ก็มันจะมาช่วยกำจัดข้อเสียของ DW ครับผมว่านะ อย่างน้อย ผมก็เลือก Strike Price และ Premuim ได้เอง ไม่ต้องเอาชีวิตไปฝากกับ Broker  2) ผมมองว่า Option เป็นเครื่องมือในการ Hedging ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า Futures และที่สำคัญ ตัวคูณ 200 มันดูโหดร้ายน้อยกว่า Futures ที่ตัวคูณ 1000  ถึงจะพูดกันปาว ๆ ว่า Future เป็นเครื่องมือใช้ Hedging แต่ถามจริงเถอะ รายย่อยคนไหนใช้ Hedge บ้างเห็นเก็งกำไรอย่างเดียว เห็นมีแต่ พวกกองทุนเท่านั้น  ที่ใช้ได้ จริง ๆ แล้วก็โยนความเสี่ยงมาให้ย่อยรับแทน จะบ้าหรือป่าวครับมีหุ้นไม่กี่หุ้น จะให้ short S50 hedge port ผมต้องซื้อหุ้นเท่าไหร่อ่ะ แล้วที่สำคัญหุ้นบางตัว  ของผมก็ไม่ได้อยู่ใน SET50 ด้วยดิ OK ถึงบางตัวจะมี Single Stock Future ก็เหอะ แต่มันก็ยังต้องใช้ margin อยู่ดี ผมว่า Future มันเร้าใจเกินไป ขอ Option ดีกว่าครับ จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 13:52:40

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณเด็กวัดบ้านนอก ช่วงนี้ผมก็หันหน้าเข้ามาเล่น DW เหมือนกันครับ ตอนนี้เลิกเล่นหุ้นไปแล้ว เล่นแต่ DW + S50 + GF ครับ เสี่ยงๆทั้งนั้น แบบว่า ตอนนี้ใจใหญ่เกินกำลังทรัพย์มากเลยครับ เล่นอะไร ต้องมี Leverage ทั้งนั้น ไม่งั้น เห็นราคาขึ้นลง วันละ 1-3% แล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มกับกำไรที่ได้มาเลย สงสัยช่วงนี้ผมจะบ้าไปแล้ว >< (ปล. ได้มากก็เสียมาก ระวังกันด้วยนะครับ) แต่ที่เห้นผมเล่นเยอะๆอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าได้กำไรนะ ตอนนี้พยายามหาเงินมาโปะส่วนที่ขาดทุนอยู่ ก่อนหน้านี้ ตอนหุ้นขึ้นไปสูงๆ ผมดันเล่น DW เยอะครับ แต่ไปซื้อของอีกเจ้าหนึ่งที่ไม่ใช่ BLS ครับ งวดนั้นจัดหนักทั้งพอร์ต (พอร์ตใหญ่มากเลยด้วย) ซื้อปุ๊บกำไรปั๊บ ก็เหิมใหญ่เลยครับ ไม่ยอมขายทำกำไร เพราะอยากได้มากๆ สุดท้าย พอตอนมันลง หาราคาขายดีๆไม่ได้เลยครับ เพราะไม่มีคนมาซื้อ จะทำใจขายก็ขายไม่ได้ครับ แบบว่าขาดทุนกระจาย ไม่กล้าขาย แตยิ่งไม่ขาย มันก็ยิ่งลงมาอีก สุดท้ายแล้วขาดทุนกับ DW ไปประมาณ 150000-200000 ได้ครับ หลังจากนั้นก็ยังไม่เข็ดนะ พยายามกลับมาซื้อ Put Warrant อีก ปรากฏว่าตลาดดันเด้งอีก ขาดทุนอีกตรู สุดท้าย ผมเลยลดพอร์ต และหันมาซื้อ DW จากโบรค BLS นี่แหละครับ ซื้อมาเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ถือจนวันพุธ ก็ขาดทุนไปหลายหมื่น เลยขายทิ้งไปส่วนหนึ่ง ตัดขาดทุน (แต่ยังถือเกิน 90%) เพิ่งขายไปเมื่อวัน ศ ที่ผ่านมานี่แหละครับ ได้กำไรมา 110000 ค่อยคืนทุนมาหน่อย >< ส่วนเรื่อง Option นี่ผมก็เล็งๆไว้ครับ สนใจอยากลองเหมือนกัน แต่ว่ากลัวเรื่องสภาพคล่องนี่แหละ (เพราะเจอกับ DW ไปแล้วเข็ดเลยครับ เวลาที่ทุกคนอยากขาย ราคารับซื้อมันถูกจนรับไม่ได้จริงๆนะเออ) ถ้ายังไง ผมขอปรึกษาคุณ เด็กวัดบ้านนอก เรื่อง DW + Option ด้วยนะครับ อยากหาคนคุยถก วิเคราะห์หนะครับ ตอนนี้หัวเดียวกระเทียบลีบเลย เพื่อนๆผมไม่มีใครเอาด้านนี้เลยครับ ทุกคนลงทุนหุ้นอย่างเดียว >< ปล. ล่าสุดเมื่อวัน ศ หลังจากขาย Put ไปทั้งหมดแล้วก็ดั๊นคันมือไปซื้อ Call TOP01 มาอีก ซื้อมา 0.30 ราคาปิดล่อไป 0.26 ครับ ขาดทุนไป 10ก่าๆ% ภายในไม่กี่ ชม (รับเร็วไปหน่อย เจ็บหนักเลย) ตอนนี้โดนไปแล้ว 24000 ครับ เซ็งเลย >< จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:06:01

ความคิดเห็นที่ 8 #6 ขอบคุณสำหรับความเห็นแลกเปลี่ยนกันนะครับ ย่อหน้าแรกผมอ่านจบแล้วเข้าใจในเจตนาที่ต้องการสื่อ ในเรื่องของการจำกัดความเสี่ยงทั้งตัวเงินและสภาพจิตใจ ประเด็น Warrant ผมไม่สนใจอยู่แล้วครับเพราะมันเป็นการเล่นทิศทางเดียว (ใช้บริหารพอร์ทไม่ได้) ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นหรือ sideway จริง ผมก็พอใจกับกำไรที่ได้จากหุ้นเพียงอย่างเดียวครับ ผมไม่โลภในเรื่องของอัตราเร่งของกำไร ประเด็น Derivative Warrant ข้อดีก็รายย่อยมีสิทธิ์เลือกซื้อตาม trend ตลาด (put/call) รวมถึงเลือก warrant จากค่าย broker ที่เราพึงพอใจและไม่เอาเปรียบมากจนเกินไป ประเด็นการจำกัด strike price ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน แต่ถ้าสมมติฐานอยู่ที่ว่าเราพอจะคาดการณ์ major trend ของตลาดหรือหุ้นตัวนั้นได้ การซื้อแล้วถือจนวันหมดอายุสัญญาก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นมากขนาดนั้นนะครับ แม้จะถือจนวันหมดสิ้นอายุ แต่ถ้าเราซื้อได้ถูกทาง การแปรงราคา เราก็เป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์อยู่ดี เพราะ strike price และการใช้สิทธิ์นั้นกำหนดไว้แล้ว (แต่เชื่อว่าน้อยคนจะทนถือถึงวันสิ้นอายุครับ) สรุปก็คือ option นั้นดีมาก เสียแต่สภาพคล่องต่ำ ถ้าหลักการเราแม่นจริง ผมมีความเห็นว่า DW ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายเท่าใดในความเสี่ยงของเวลาจำกัดที่เท่ากัน ส่วน single stock option เลิกคิดไปได้เลยครับ ขนาด single stock future ทุกวันนี้สภาพคล่องยังร่อยหรอเลย อิอิ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:13:34

ความคิดเห็นที่ 9 อีกเรื่องนึงที่อยากเสริมด้าน DW คือเรื่องของ Gearing ครับ ตัวนี้มีผลสำคัญมากนะครับ อย่างเช่น DW TOP01CA ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 0.26 ราคาเคลื่อนไหวช่องละ 0.01 จะมีผลเทียบเท่าตัวแม่เคลื่อนไหวทีละ 0.20 ดังนั้น ถ้าตัวแม่ลง 1 บาท --> ราคาลูกจะลง 0.04 บาท (ซึ่งสัดส่วนตรงนี้จะคงที่) แต่ตอนนี้ ราคาตัวแม่ สมมุติอยู่ที่ 52 บาท  ลง 1 บาท คิดเป็น 1.9% แต่ตัวลูก จาก 0.26 ลง 0.04 บาท คิดเป็น 15.3% สัดส่วนการได้เสีย เทียบกับหุ้นของจริงนี่ = 805% กันเลยทีเดียว ดังนั้น ยิ่งราคา DW ต่ำลงไปเท่าไหร่ สัดส่วนการได้เสียของกำไร จะยิ่งมากขึ้นไปเรื่อยๆนะครับ ระวังกันไว้ด้วยนะครับ ได้ก็ได้มาก เสียก็เสียมาก และ DW ไม่ควรจะถือจนครบสัญญาซักเท่าไหร่นะครับ เหมาะแก่การเก็งกำไรระยะสั้นมากๆเท่านั้น จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:15:03

ความคิดเห็นที่ 10 #7 ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหลักการและทัศนคติของผมกับคุณแตกต่างกัน ประการแรก พอร์ทหลักของผมลงทุนด้วยระบบ kzm ซึ่งเป็นตีกรอบกำจัดความโลภความกลัวออกไป ประการสอง ผมจะนำเฉพาะ "กำไร" มาเสริมอัตราเร่งด้วยสินค้าที่ให้ gearing ที่สูงกว่าปกติ หนึ่งในนั้นก็คือ option และ DW นั่นเอง ในขณะที่คุณนำเงินก้อนที่มี มาทุ่มกับสินค้าที่มี leverage สูง ซึ่งมันส่งผลทั้งดีและไม่ดีอยู่ในตัวของมัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารความเสี่ยงของเงินตามจริตของคุณแล้วครับ ความเครียดของผมสำหรับ DW นั้น เกือบจะเป็นศูนย์ เพราะเงินที่นำมาเล่นคือ "กำไร" ซึ่งสามารถปล่อยทิ้งไว้ได้ ในขณะที่คุณนั้นมันไม่ใช่ครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:21:34

ความคิดเห็นที่ 11 #9 ในมุมมองของผม DW ของค่าย BLS นั้น mm เขาดูแลเรื่องสภาพคล่องและราคาได้ค่อนข้างดีเลยครับ TOP01CA TOP01PA ความรู้สึกคนละเรื่องเลย ว่าไหมครับ ? จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:29:01

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับคุณ vanetwork ขอบคุณที่มาให้ความกระจ่างนะครับ ส่วนตัวผมหลังจากที่ได้ขาดทุนจาก DW มามาก ก็ได้เห็นถึงข้อเสียต่างๆของมันมาเหมือนกัน และก็ยอมรับว่า มันเป็นดังที่คุณว่าไว้จริงๆ (คือ Broker ได้เปรียบสุดๆ ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจริงๆ) ตอนนี้สนใจอยากมาด้าน Option เหมือนกัน แต่ความรู้ด้านนี้ผมยังมีไม่มาก จึงยังไม่ได้เริ่มลงมือลองเลยครับ ตอนนี้พอจะมีข้อสงสัยอยู่บ้างครับ รบกวนทางคุณ vanetwork ช่วยให้ความกระจ่างด้วยนะคับ เท่าที่ทราบมาคือ Option ถ้าเราแทง L เราจะจำกัด Loss เมื่อเรามาผิดทาง ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราแทง S เราจะได้ Premium ที่ Fix แต่ Loss ของเราจะมีไม่จำกัด ถ้าหากผมมองว่า SET จะลงต่อไป ผมก็ควรจะไปเปิด L ที่ Put อย่างนี้หรือเปล่าครับ? เพราะผมจะได้ได้กำไรไม่จำกัด ถ้า SET มันลงจริงๆ อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ส่วนเรื่อง Straddle Strangle Butterfly นี่ สงสัยผมต้องไปอ่านหนังสือเรียนใหม่ซะแล้วหละครับ เคยเรียนอยู่คอร์สนึง แต่ตอนนี้ลืมหลักการไปหมดแล้ว ขอไปทบทวนบทเรียนก่อน แล้วจะมาถามเพิ่มเติมอีกนะครับ :D จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:31:48

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าหากผมมองว่า SET จะลงต่อไป ผมก็ควรจะไปเปิด L ที่ Put อย่างนี้หรือเปล่าครับ? ตอบ ใช่ ถ้าเงื่อนไขคือมองว่า set จะลงต่อไป (แต่ต้องลบกับค่า premium ที่จ่ายตังค์ไปก่อนแล้วด้วย) เพราะผมจะได้ได้กำไรไม่จำกัด ถ้า SET มันลงจริงๆ อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ตอบ เข้าใจถูกแล้ว จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:36:58

ความคิดเห็นที่ 14 #10  ครับ ยอมรับครับผมตอนนี้ผมโลภแบบหน้ามืดตามัวจริงๆ เดี๋ยวว่าจะลดพอร์ตลงมาอยู่เหมือนกันครับ งวดแรกที่ซื้อ DW เลยนี่ เพราะความโลภจริงๆ ส่วนงวดสองที่หันมาซื้อ Put ก็เพราะมองว่า ตลาดหุ้นน่าจะลงแรงค่อนข้าง เลยจัดเต็มครับ คิดว่า ณ จุดนั้น น่าจะขึ้นได้ไม่มากก็ยอม Cut Loss ได้ แต่ถ้าลงน่าจะได้กำไรเต็มไม้เต็มมือหน่อยก็เลยทดสอบดูหนะครับ ส่วนงวดหลังสุดนี่ ตอนแรกกะซื้อ CA ขำๆกะเด้ง แต่เอาเข้าจริงซื้อไปเพียบเลย ตอนนี้ขำไม่ค่อยออกแล้วครับ ขอบคุณที่เตือนสตินะครับผม ส่วนเรื่อง BLS DW ผมเห็นด้วยเลยครับว่าเขาดูแลราคาได้ค่อนข้างดี เวลาจะขายก็มีมารับโดยไม่เปิด GAP ไว้กว้าง   เจ้าเก่าผมนี่ เห็นราคาแล้วขายไม่ลงจริงๆครับ เปิดแก็บทีหลายช่องเลย (ทั้งๆที่สภาพคล่องก็ไม่ได้น้อยนะ ผมเลยมองว่าทางโบรคเขาไม่ค่อยสปอร์ตซักเท่าไหร่ เลยขอบายดีกว่าครับ หุ้น บ. เค้าที่ถืออยู่ผมก็ขายออกไปด้วยครับ... แค้น 555) ว่าแต่ ระบบ kzm นี่คืออะไรหรือครับ ผมอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจครับผม จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:41:52

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆแล้ว DW ในความคิดของผม ผมมีไว้เพื่อเล่นสนุกๆ ฝึกฝนประสบการณ์การมอง trend ครับ ถ้าสมมติว่าภาพใหญ่คือ downtrend เสือ สิงห์ tfex ก็มักจะบอกว่า เด้งอัด S เด้งอัด S ของผมก็จะขอเปลี่ยนเป็น เด้งอัด put เด้งอัด put แทน หากผิดทางก็รอได้ เพราะต้นทุนคือกำไรครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 54 14:48:35 จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:43:42

ความคิดเห็นที่ 16 ขอ  www  ของตารางในความคิดเห็นที่ 1 ด้วยครับ  คุณเด็กวัดบ้านนอก จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:50:57

ความคิดเห็นที่ 17 สรุปก็คือ option นั้นดีมาก เสียแต่สภาพคล่องต่ำ -> ใช่ครับถึงต้องตั้งกระทู้เชียร์ และพยายาม มาแชร์ความรู้กัน(ถึงผมจะมีน้อยก็เหอะเด๋วเทพ ๆ เค้าก็มาช่วยแชร์อีกแรง) ถ้าหลักการเราแม่นจริง ผมมีความเห็นว่า DW ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายเท่าใดในความเสี่ยงของเวลาจำกัดที่เท่ากัน -> ครับอันนี้เห็นด้วย ถึง Premium จะแพงในความรู้สึกผม แต่ถ้าอ่านเทรนถูกยังไงก็ได้ประโยชน์ ส่วน single stock option เลิกคิดไปได้เลยครับ ขนาด single stock future ทุกวันนี้สภาพคล่องยังร่อยหรอเลย อิอิ -> ก็รู้อยู่หล่ะครับว่าเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าไม่เริ่มมันก็ไม่มีสักที ตลาดเมืองนอกเค้ามีกันเกร่อแต่บ้านเรายังไม่มีสักที ถ้าเอาความรู้สึกผมตอนศึกษา option ใหม่ ๆ มาจับนะ อาจเป็นเพราะ option มันเล่นยากอ่านใหม่ ๆ เมาไปหลายวันกว่าจะจับหลักได้ เกือบท้อเหมือนกัน มันไม่เหมือนหุ้นหรือ Future ที่มีแค่ Buy/sell Long/short แต่ option มีอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดลายตา ส่วน DW มันโดนลดรูปมาให้เหมือนหุ้นแล้วเลยเล่นง่าย แถมไม่ต้องเปิดบัญชี Derivertive อีกต่างหาก ผมว่าตลาดหลักทรัพย์น่าโปรโมทและให้ความรู้เรื่อง Option กับนักลงทุนมากกว่านี้ ผมว่าหลายคนไม่เล่นเพราะว่าไม่เข้าใจมัน ทั้งที่ผมว่ามันเป็น product ที่ดีนะ ถ้านักลงทุนเข้าใจเข้ามา trade option มากขึ้นสภาพคล่องคงดีกว่านี้ จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:52:22

ความคิดเห็นที่ 18 http://blswarrant.bualuang.co.th/dwtools/dw_1.php ออ เจอแล้วครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 14:54:33

ความคิดเห็นที่ 19 #18 เมื่อวานผมยังนั่งอ่านกระทู้ review ของคุณ big jump เกี่ยวกับผู้ทดลองขับรถยนต์ใหม่อยู่เลยครับ ความเห็นต่างตรงกัน  BLS มาเป็นอันดับหนึ่ง http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I11010342/I11010342.html จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:00:23

ความคิดเห็นที่ 20 #17 เคยได้ยินเรื่องข้อเสียของ Option ก็คือ 1. ค่า Premium สูงกว่าตัวอื่นๆ เช่น DW / TFEX 2. สภาพคล่องต่ำกว่าตัวอื่นๆ 3. เรื่องนี้สำคัญที่สุดครับ คือ คนที่เล่น Option ตอนนี้มีน้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่เล่นอยู่ คือคนที่เล่นมาซักพัก และแน่นอนว่าต้องเป็นกลุ่มคนที่เล่นแล้วได้กำไร ดังนั้น การที่เราจะเข้าไปแข่งขันในตลาดที่มีแต่คนเก่งนั้น ตัวเราก็ต้องพร้อมด้วย ไม่งั้นเข้าไปแล้ว โอกาสเสียเงินจะมีอยู่สูงมาก เพราะเราสู้คนอื่นเขาไม่ได้นั่นเอง แต่จากข้อเสียทั้ง 3 ข้อ เท่าที่ผมลองคิดดู มันก็มีวิธีแก้ด้วยกันทั้งนั้น 1. เมื่อค่า Premium สูง เราจึงต้องจำกัดการลงทุนที่เรามั่นใจมากๆว่าเราจะได้กำไร และกำไรก้อนนั้นก็จะต้องมีมากพอที่จะคุ้มค่า Premium ด้วย - เท่าที่เคยอ่านของคุณหมอสัจจะ แกก็แก้ปัญหาด้วยการที่ไปซื้อในวันที่ตลาดมีความแตกตื่น จึงจะได้ราคาดีๆมา ซึ่งผมว่า มันก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องใช้เวลาและความอดทนสูง 2. สภาพคล่องต่ำ อันนี้ก็ต้องอดทนกันไป ส่วนข้อ 3. ถ้าเราเป็นมือใหม่ เราก็ควรจะต้องมั่นใจมากๆก่อนที่จะลงทุนไป อันนี้ผมพอจะเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:03:17

ความคิดเห็นที่ 21 #18 + #19 กระทู้มีประโยชน์มากเลยครับ (ทำไมผมถึงไม่เคยอ่านหละนี่) เดี๋ยวต้องไปอ่านแล้วครับ กระทู้นี้มีแต่เซียนๆทั้งนั้นเลย ได้ความรู้มากมาย ขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:04:44

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ  เด็กวัดบ้านนอก  เห็นต่างอย่างไรครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:07:26

ความคิดเห็นที่ 23 #12 ถูกต้องแล้วครับ ตาม #13 เลย ผมแนะนำให้ตามอ่าน Blog ของพี่หมอสัจจะนะครับ คุณจะได้ความรู้มากกว่าแค่ Option พี่เด็กวัดน่าจะเป็นผู้รู้อีกท่านนึงที่น่าจะให้ความรู้ได้ดีทีเดียว ผมกำลังขอความรู้เรื่อง kzm จากพี่เด็กวัดอยู่เหมื่อนกัน ผมเองยังรู้น้อยครับ ทีมาโพสแชร์เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้ทีเราคิดว่าเรารู้นั้นมันรู้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่จริงเดี๋ยวผู้รู้จริงเค้าก็มาบอก ก็จะได้รู้จริงเสียที จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:09:06

ความคิดเห็นที่ 24 #22 ที่จะบอกก็คือ ความเห็นของผมกับคุณ big jump ต่างเห็นตรงกันว่า DW ของ BLS เอาเปรียบรายย่อยน้อยที่สุดครับ ไม่ได้เห็นต่างครับ >.< จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:10:41

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเสริมให้  นะครับ  ใครที่คิดจะเล่น DW 1.  ให้เลือกคนที่ดูแลสภาพคล่องให้ดี  เติม bid offer เร็ว 2.  วางราคา bid offer ชิดกันเท่านั้น 3.  แม่เคลื่อนไหว  ลูกต้องเคลื่อนตามราคาที่คำนวณทันที ถ้าไม่ผ่าน 3 ข้อ  ไม่ต้องไปเล่นกับโบรกนั้น จุดสำคัญ  คือ  เราต้องดูทิศของแม่ให้ถูกต้อง ถ้าผิดทางให้ยอมเลย  ค่อย เริ่มต้นใหม่ก็ได้ พยามเล่นสั้น  ไม่เกิน 1-2-3 วัน  ถ้าตัวแม่เดินผิดทางให้ สาดได้ทันที เพราะ DW  มันมีค่าเสื่อมแห่งเวลา  ค่อนข้างรุนแรง   แรงยิ่งกว่าสิ่งใด ในโลก จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:13:05

ความคิดเห็นที่ 26 #14 #23 เรื่อง kzm นั้นผมไม่อาจเอื้อมอธิบายถึงหลักการครับ คุณ mudleygroup เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีนี้ขึ้น เนื้อหาหลักการทุกอย่าง คุณ mudley ได้เขียนไว้เป็นอย่างดีและสมบูรณ์หมดทุกสิ่งอย่างแล้ว ผมเป็นเพียงผู้ศึกษาและนำมาปฏิบัติใช้เท่านั้นครับ http://dsm.pantipmember.com/ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:13:35

ความคิดเห็นที่ 27 #22 อ่าน Review แล้วเป็นประโยชน์มากเลยครับ มือใหม่ที่จะเข้ามาเล่น ถ้าได้อ่านก่อน คงจะไม่โดนฟันขาดทุนแบบที่ผมโดนมาก่อนครับ ^ ^ น่าจะช่วยชีวิตมือใหม่ไปได้หลายคนเลย #23 ผมพยายามอ่าน blog ของหมอสัจจะอยู่เรื่องๆครับ ผมว่ามีประโยน์อย่างมากจริงๆ เพียงแต่ ในหลายๆครั้ง ความรู้ผมยังไม่ถึงจุดที่แกอธิบายครับ เช่นเรื่องของ Fund Flow และเรื่องของตลาดโลกว่าจะส่งผลอย่างไร หลายๆเรื่องมันซับซ้อนครับ สงสัยต้องใช้เวลาอีกซักพักหนึ่งเลย กว่าจะเข้าใจได้ทั้งหมด  แต่ชอบติดตาม Blog ของแกมากครับ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตามที เพราะแกเขียนทุกวัน เราก็จะได้อัพเดตตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆครับ #24 อ่านตอนแรกก็ตกใจครับ ว่าเอ๊ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เพราะผมอุตส่าห์หนีจาก 13 --> 01 แล้วนะครับ ^ ^ สรุปว่า 01 น่าจะดีที่สุดแล้วนะครับ :D #25 เห็นด้วยทุกประการเลยครับ เคยถือยาวมาแล้วเพราะไม่ยอม Cut Loss  เจ็บหนักจริงๆครับ DW นี่ โหดตัวพ่อจริงๆ >< แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 54 15:18:58 จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:17:17

ความคิดเห็นที่ 28 ผมกำลังมีความคิด  จะร้องเรียนไปที่ กลต.  ผ่านทางเว๊ปสินธร ให้ดูแลโบรกที่ตั้งใจมาเอาเปรียบรายย่อย   โดยเฉพาะโบรกที่ตั้งราคา แพงเกินจริง  และ โบรกที่ตั้งราคาห่างกัน 2-3-4 ช่องราคา เพราะ DW ค่อนข้างจะแรงกว่าตัวแม่   การตั้งราคาห่างกัน  3  ช่อง ถ้าแม่ไม่ไปไหน  โดน 3 ช่อง + คอม ถ้าผิดทาง      โดน 3 +  3 ช่อง  กลายเป็น  5-6-7 ช่อง + คอม ถ้าถูกทาง    เพิ่งเสมอ โดน คอมอย่างเดียว ผมไม่เข้าใจว่า   พวกโบรกนี้  คิดได้อย่างไร "คงคิดว่า  ได้เปรียบ  ทุกประตู  หรือไม่ก็บริหารความเสี่ยงต่อไม่เป็น" *** ทำไม่ไม่เอาใจเขาใส่ใจเราว่า  จะมีหรือเปล่า ที่นักลงทุนรายย่อยเล่นแล้วจะติดใจ *** กำหนดมาอย่างนี้  ไม่มีใครติดใจหรอกครับ เล่นครั้งเดียว เข็ด คราวนี้  โบรกก็จะเสียเวลาจ้าง  คนมานั่งเฝ้าเปล่า ๆ  รอเหยื่อหน้าใหม่เข้ามาเล่น เราต้องช่วยกัน  บอกต่อรายย่อยด้วยกัน  ว่าอย่าไปเล่นกับพวกตั้งราคาอย่างนี้ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:21:37

ความคิดเห็นที่ 29 #25 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆครับ  จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:22:02

ความคิดเห็นที่ 30 ok ครับ ท่านเด็กวัดบ้านนอก   สรุป  ความคิดเห็นตรงกันนะครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:24:23

ความคิดเห็นที่ 31 คุณBig Jump มีความเห็นอย่างไรในการซื้อ DW เพื่อ hedge port ครับ มีมุมมองเหมือน tfex หรือ option ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงในกรณีดัชนีเคลื่อนตัว inverse ไหมครับ ? ปล.ไม่มองในแง่ของนักเก็งกำไรนะครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:31:54

ความคิดเห็นที่ 32 ครับ ท่านเด็กวัดบ้านนอก อันที่จริง การ hedge มันก็ไม่ใช้ vi พันธ์แท้แล้วนะครับ การใช้พวกนี้เราต้องยอมรับว่าเราเป็นนักเก็งกำไรแล้วละครับ ถ้าเป็นนักเก็งกำไร  หุ้นจะลง   1. วิธีที่ดีที่สุด  คือการ ขายตัวแม่  โดยที่เราไม่ต้องใช้ทรัพยากรอะไรเพิ่ม 2. การ ซื้อ put ของมัน ตามอัตราส่วน เพื่อให้ผลตอบแทนเป็น ศูนย์ 3. ขายตัวแม่  ตามด้วย การซื้อ put  วิธีนี้ต้องมีความแม่นยำเรื่องทิศทางตลาดและตัวแม่เป็นอย่างยิ่ง  และผู้เล่นต้องมีเวลาและสมาธิ และการตัดสินใจรวดเร็ว 4.  ส่วน tfex ก็เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่กองทุนใช้กันอยู่แล้ว     ปกติ เป็นสูตร  130  ต่อ   30               คือซื้อหุ้น   130 %  (ที่คิดว่าแข็งกว่าตลาด)                    ขาย index   30%                 ทำให้เสมือนถือหุ้นอยู่  100%                       แต่หุ้นที่ถือลงช้ากว่าตลาด  ก็ทำให้ได้กำไรจากการขายดัชนีเหมือนกัน 5.          ส่วน option  ไม่มีผู้ดูแลไม่มีสภาพคล่อง  ทำให้ DW  ดีกว่าครับเล่นหนักได้  และไม่ต้องโยกเงินระหว่าง 2 บัญชีครับ   (ที่บอกว่าเล่นหนักได้ ก็เฉพาะ 01 เท่านั้นนะครับ) จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:42:11

ความคิดเห็นที่ 33 6.  การ ขายดัชนี  มูลค่าเทียบเท่ากับหุ้นที่ถือก็ได้  ถ้าหุ้นของเรามีความแข็งแกร่งจริง  คือลงน้อยกว่าตลาด  เราก็จะได้ผลต่าง  คือกำไรจากดัชนีมากกว่าที่ขาดทุนจากหุ้น จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:44:32

ความคิดเห็นที่ 34 #20 วิธีแก้ข้อ 1 ยังมีอีกวิธีครับ วันนี้ พี่หมอสอนเรื่องวิธีการซื้อ option ราคาถูก โดยดูจาก IV (Implied Volatility) ดีมาก ๆ เลย ข้อ 2 นี่ถ้า Option ที่เราถือ อยู่ในสถานะ  At the money มันจะมีสภาพคล่องดีครับ ส่วนตัวที่ In the money ต่อให้ไม่มีสภาพคล่อง ก็ถือได้ครับ ชิว ๆ (กำไรแล้วนิ) ส่วนตัวที่ Out the money ก็ต้องทำใจหล่ะครับ ข้อ 3 ผมว่าไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือต้องมอง trend ตลาดออกครับถ้าจับเทรนได้ ก็จัดหนักได้ไม่เห็นต้องกลัวใคร ปัญหาคือมองไม่ออกมากกว่า option มันช่วยแค่เวลาเรามองผิดทางแล้วมันช่วยจำกัดความเสียหาย จริงแล้วส่วนตัวผมมองว่า Option ต้องเล่นแบบ strategy ครับมองแนวโน้มตลาดให้ออก ว่าเป็น ตลาด bullish bearish sideway หรือ ตลาดแกว่งตัวรุนแรง แล้วเลือก strategy ที่เหมาะสมมาใช้ ส่วนตัวผมเลือกแบบ long strategy ทั้ง Straddle และ strangle คือแทงกั๊กไปเลย ต้นทุนสูงแต่ safe กว่า เพราะมันจะเหลือแค่ตลาด sideway แคบ ๆ เท่านั้นที่ผมจะขาดทุน ผมมองว่าถ้ามองตลาดออกเล่นอะไรก็กำไรครับผมไม่เคยกลัวใครเลยจะเทพมาจากไหน ก็ช่าง กติกาเดียวกันอยู่แล้ว กลัวอยู่อย่างเดียวอ่านตลาดผิดนี่หล่ะครับมีแต่แพ้กับแพ้ จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:44:34

ความคิดเห็นที่ 35 LP. E. no SAINT  ครับ ถ้าเล่น DW  ให้ดูอัตราทดจริงดีกว่านะครับ  ไม่ต้องไปดู Gearing อันนั้นจะเป็นภาพลวงตานิด ๆ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:48:35

ความคิดเห็นที่ 36 *********************************************               หัวใจสำคัญ  คือ มองทิศของแม่ให้ขาด  เหนือเหตุผลอื่นทุกข้อ *********************************************** จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:49:49

ความคิดเห็นที่ 37 #32 ผมไม่ใช่ VI ครับเพราะผมไม่มีความสามารถในการคาดการณ์ผลการดำเนินการของบริษัทในอนาคตได้อย่างแม่นยำ รวมถึงมูลค่าหุ้นที่แท้จริงผมก็คิดไม่เป็น ปัจจุบันผมมีหุ้นอยู่ตัวเดียว ซึ่งอ้างอิงกับดัชนี set50 โดยตรง นั่นก็คือ tdex ครับ และต้องยอมรับว่า PTT เป็นหุ้นที่มีน้ำหนักต่อการเคลื่อนตัวของดัชนีมากที่สุด ดังนั้น ถ้าผมมองอนาคตดัชนีจะปรับตัวลง แต่ผมอยากถือหุ้นไปเรื่อยๆตามระบบของผม ผมจึงตัดสินใจซื้อ DW PTT put เพื่อทำการประกันความเสี่ยงของพอร์ท แนวคิดคร่าวๆผมมองไว้อย่างนี้ครับ ผมไม่เล่น tfex หรือ short option เพราะผมต้องการลงทุนด้วยการจำกัดความเสี่ยงด้วยครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:54:07

ความคิดเห็นที่ 38 #34  จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 15:59:46

ความคิดเห็นที่ 39 แนวความดีครับ  แต่อย่างไรถ้า เล่น dw ptt  ก็ยังอยากให้ดู PTT มากกว่า ดูดัชนีครับ  (แต่ระหว่างเล่นดูประกอบกัน เป็นแนวโน้มก็ได้  เช่น  ดัชนีหลุด  ก็มีแนวโน้มว่า PTT จะหลุดตาม) จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:02:37

ความคิดเห็นที่ 40 #39 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:07:00

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณพี่เด็กวัด และ พี่ ๆ ที่มาตอบกระทู้นะครับผมได้ความรู้และข้อมูล รวมถึงแหล่งข้อมูลเข้าคลังอีกเยอะเลย ขอบคุณครับ   จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:15:17

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณ ผู้ร่วมสนทนาทุกท่านด้วยเช่นกันนะครับ  จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:22:53

ความคิดเห็นที่ 43  บล. บัวหลวง ได้กำไรจากการออกวอร์แรนต์อนุพันธ์ มาจากการที่นักลงทุนขาดทุนใช่หรือไม่ ? A : นักลงทุนหลายคนอาจจะมีความเชื่อที่ว่า กำไรที่ บล. บัวหลวง ในฐานะผู้ออกวอร์แรนต์อนุพันธ์ได้ก็คือ ราคาวอร์แรนต์อนุพันธ์ที่บริษัทสามารถขายได้ทั้งหมด อันนี้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะ บล. บัวหลวง ไม่มีวัตถุประสงค์ในการออกวอร์แรนต์อนุพันธ์เพื่อเก็งกำไร แต่ออกเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ให้กับนักลงทุนเลือกใช้ ยิ่งไปกว่านี้ การออกวอร์แรนต์อนุพันธ์นี้ บล. บัวหลวง ได้มีการป้องกันความเสี่ยงตลอดเวลา ดังนั้น บล. บัวหลวง จึงมีต้นทุนในการบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้น หมายความว่า บล. บัวหลวง อาจจะมีกำไรหรือขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงก็ได้  นักลงทุนจึงสบายใจได้ว่า เมื่อนักลงทุนซื้อคอลวอร์แรนต์แล้ว บล. บัวหลวง ในฐานะผู้ออกไม่ได้หวังให้ราคาสินค้าอ้างอิงนั้นลดลง เพื่อทำให้นักลงทุนขาดทุนและ บล. บัวหลวงได้กำไร เนื่องจาก บล. บัวหลวง ไม่มีส่วนได้เสียจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคาเลย กลับกัน บล. บัวหลวงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักลงทุนจะสามารถใช้ BLS Warrant ในการทำกำไรได้อย่างถูกวิธีและเหมาะกับรูปแบบการลงทุนของนักลงทุนแต่ละคน   จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:29:36

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณทุกท่านมากครับ ได้ความรู้ไปเยอะเลย วันนี้มีอะไรที่ต้องกลับไปคิดทบทวนอีกเยอะเลยครับ ขอบคุณมากเลยครับ จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:30:39

ความคิดเห็นที่ 45 555 ผมกับพี่ big jump ทำเหมือนจะปิดกระทู้ให้พี่เด็กวัดเลยนะครับเนี่ย ยังนะครับกระทู้ยังไม่ปิด พี่ๆ ท่านใดมีความรู้มาแชร์ เชิญเลยนะครับ จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 16:36:22

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นด้วยครับที่ DW ของค่าย BLS(01) แฟร์ที่สุดครับ พรีเมี่ยม เหมาะสม หรือ แทบไม่มีเลย BID-OFFER เติมได้รวดเร็ว และไม่ห่างช่องเลย ราคาตัวแม่เปลี่ยนแปลง DW จะกระพริบเปลี่ยนไปตามตัวแม่ทันที ทำกำไรได้ไม่ยาก ถ้าอ่าน trend ตัวแม่ออกครับ เคยเล่นของ 08 (ASP)  bid -offer ห่างกัน 5 ช่อง แม่เปลี่ยนขึ้นแล้ว 2-3 ช่อง ตัวลูกต้องตามขึ้นไป 10+ ช่อง แต่ไม่แกนิ่งนานมากเลย ถึงจะขึ้นมา 4-5 ช่อง ซึ่งถ้าเทียบกับ บัวหลวง ที่อิงหุ้นแม่ตัวเดียวกัน คือ CPF01PA  และ CPF08PA อัตราการใช้สิทธิ 8 ต่อ1 กับ 5 ต่อ 1 แต่กำไรของค่ายบัวหลวงดีกว่าถ้าขายพร้อมกัน จากคุณ : true lies เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 17:45:59

ความคิดเห็นที่ 47 การ long put ptt ที่ราคาใช้สิทธิที่ยกตัวอย่างมานี้ ดูเหมือนpremium จะน้อย แต่ดูที่ราคาใช้สิทธิแล้วมันin the money มากๆ ซึ่งราคานี้เหมือนเราshort future ptt ดีๆนี่เองนะครับ ข้อดีคือมีสภาพคล่องและเลือกซื้อตามปริมาณที่เหมาะสมได้แค่นั้นครับ เช่น ซื้อ ptt 01pa 1.57 บาท ถ้าptt ไป200 ราคาจะขึ้นเป็น 2.5บาท กำไร 0.93 บาท       ถ้าptt ขึ้นไป 400 ราคาจะเป็น .50 บาท ขาดทุนได้พอๆกัน ดังนั้นการจะhedge portด้วยการซื้อput ต้องดูที่ราคาใช้สิทธิด้วย (เพราะมันin the money มากๆ premiumมันเลยน้อย) การขาดทุนก็แทบจะ unlimit เหมือนกัน กำไรก็limitด้วยนะครับลองคิดดีๆ (ptt คงไม่ตกถึง100 มั้ง) การlong put ptt แบบนี้ (short ptt future)  สู้ short  ktb future ดีกว่าครับ ซีรีย์ z ได้ค่าpremiumด้วย แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 54 20:35:58 จากคุณ : amidamaru เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 20:16:45

ความคิดเห็นที่ 48 #47 ขอบคุณครับ แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เล่น tfex or stock future เพราะผมยังไม่มีความรู้มากพอในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่มองภาพผิดทาง keyword คือ 1.จำกัดความเสี่ยงของตัวเงินไม่ให้บานปลายกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 2.นำเฉพาะกำไรมาเล่น เพื่อฝึกการ hedge port ไปในตัวและยอมรับความเสี่ยงในเงินก้อนนี้ได้ครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 20:32:43

ความคิดเห็นที่ 49 #48 ดีครับ เอาptt01pa มาทำkzm ได้เลยครับ แต่ระวังอย่าถือจนหมดอายุ (เห็นว่าถ้าถือจนหมดอายุต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือภาษีอะไรประมาณนี้) หุ้นขึ้น ขายtdex ซื้อptt01pa หุ้นลง ขาย ptt01pa ซื้อ tdex จากคุณ : amidamaru เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 20:45:45

ความคิดเห็นที่ 50 #49 จริงๆแล้ว ผมรอ etf ที่เป็น inverse index จำพวก set อยู่น่ะครับ ไม่ออกมาสักที ทีนี้ผมสบายเลย ทำ kzm ทั้งสองกอง ขึ้นลงสบายๆเลย นับตังค์อย่างเดียว อิอิ ปล.แนวคิด #49 จริงๆแล้วน่าสนใจมากครับ ติดอยู่ตรงที่ว่าผมไม่สามารถถือครอง DW ได้ตลอดชีวิตการลงทุน แต่ว่า ก็น่าสนใจมากๆเลยครับ  จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 20:54:08

ความคิดเห็นที่ 52 ร้องเรียนคงยากครับ ลองอ่านเงื่อนไขการดูแลสภาพคล่องขั้นต่ำของเขาดูก่อน http://www.set.or.th/th/products/dw/files/MM_performance_guide.pdf http://www.set.or.th/set/mmperformance.do?country=TH&language=th จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 21:57:18

ความคิดเห็นที่ 53 ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของ DW ที่คนซื้อเยอะแล้วโบรกไม่สามารถดูแลสภาพคล่องตอนราคาปิดได้ครับ ทำให้ราคาของวันถัดไป ผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าเป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I11105895/I11105895.html จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 22:01:59

ความคิดเห็นที่ 54 #53 โอ้ว ขอบคุณมากๆเลยครับ เป็น study case ที่น่าสนใจมากทีเดียว  จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 22:31:00

ความคิดเห็นที่ 55 #52 แสดงว่าถ้าผมรอดูการรายงานสภาพคล่องของ  IVL01CC  งวดเดือนกันยายน สภาพคล่องน่าจะต้องต่ำกว่า 80%  ? หรือเปล่าครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 22:54:37

ความคิดเห็นที่ 56 PTT01PA : Put Warrants on PTT issued by BLS # A  % ของจำนวนหน่วยที่ออก และถือครองโดยผู้ลงทุนเทียบกับจำนวนหน่วยทั้งหมดที่จดทะเบียน* 8.76 %  *ณ วันที่ 26/08/2554/ข้อมูล Outstanding ที่รายงานโดยผู้ออก DW http://www.set.or.th/set/companyprofile.do?symbol=PTT01PA&language=th&country=TH จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 22:58:53

ความคิดเห็นที่ 57 #55 คงไม่หรอกครับ ด้วยเงื่อนไขข้างล่าง ผมว่าโบรกไหนก็ดูแลสภาพคล่องได้เกิน 80% ช่วงห่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขาย (spread) ไม่เกินกว่า 10 ช่วงการซื้อขาย โดยมีจำนวนเสนอซื้อและเสนอขายขั้นต่ำ (Volume) เท่ากับ 10,000 หน่วย เราถึงได้เห็นไงครับว่าบางโบรกวางห่างกัน 3-5 ช่อง เพราะเขายอมให้ถึง 10 ช่อง แถมยังกำหนดแค่ 10000 หน่วยเอง เงื่อนไขเอื้อโบรกสุดๆ วันดีคืนดีเขาชัก bid ออกเหลือแค่ 10000 ทุกช่องก็ยังเข้าเงื่อนไข จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 23:31:24

ความคิดเห็นที่ 58 #57 อ่อ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ  จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 23:53:27

ความคิดเห็นที่ 59 มีคนเคยร้องเรียนไปที่ กลต.  และ โบรก01 เรื่องการปรับสิทธ์ในกรณีจ่ายปันผล โดยยกตัวอย่าง 13 ปรับสิทธ์ให้ ทำไม โบรก 01 ไม่ปรับให้ ถึงแม้ใน เงื่อนไข โบรก 01 ไม่ปรับให้ก็ได้ แต่โบรก 01 รับฟังเหตุผล  และได้ปรับสิทธ์ให้ ***************** แต่แจ้งให้ลูกค้าทราบว่า  ไม่กรณีใดก็ตามถ้ามีการปันผล ไม่ว่าปันเท่าใดก็ตาม จะมีการปรับสิทธ์ให้ **************** จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 09:35:20

ความคิดเห็นที่ 60 ส่วนโบรก 18 ผมขอเตือนนักลงทุนด้วยกันว่า  เป็นโบรกเจ้าเล่ห์  มีเหลี่ยมเล่ห์กล ผมทราบดีว่า  ก่อนซื้อมีเงื่อนไขการดูแลสภาพคล่องอย่างที่ยกมา ก่อนผมซื้อ bcp18ca   การตั้งราคาชิดกัน  โดยผู้ดูแล พอผม ซื้อ  bcp18ca ไปจำนวนหลายล้านหุ้น ผู้ดูแลสภาพคล่อง เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่   โดย ตั้งราคา bcp18ca ห่างกัน 2 ช่อง  บางเวลา 3-4 ช่อง *********************************************** อย่างนี้เรียกว่า  เหลี่ยม  หรือ  ตั้งใจโกง หรือ  ผมโง่เองก็ได้ ********************************************** แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 09:40:29 จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 09:39:40

ความคิดเห็นที่ 61 ผมไม่อยากให้เพื่อนนักลงทุน  โง่เหมือนผม จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 09:39:59

ความคิดเห็นที่ 62 ส่วนที่ผมจะร้องเรียน  ผมจะร้องเรียนให้เปลี่ยนแปลงกฏในการดูแลสภาพคล่อง เพื่อความเป็นธรรมกับนักลงทุนรายย่อย ไม่ให้ใช้เล่ห์เหลี่ยม  กับ  นักลงทุน  โดยเฉพาะหน้าใหม่ ยกตัวอย่าง   เวลาขายยังไม่ได้  ตั้ง bid เยอะ ขายหมด             ตั้ง bid 10000   แล้วมาบอกว่า   ผมทำตามกติกา   ครับ ยังมีอีกหลายตัวอย่างนะครับ  ที่เราต้องแก้ไข  เพื่อความยุติธรรม จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 09:44:09

ความคิดเห็นที่ 63 DW เลือกโบรกที่มีคุณธรรม หลีกเลี่ยงโบรกขี้โกง (ก.ล.ต. เข้ามาดูด้วยครับ) จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 09:49:20

ความคิดเห็นที่ 64 เรื่องที่คุณ Big Jump เจอผมเชื่อว่าทุกคนเจอครับ ผมก็เจอ หลังๆเจออะไรก็จะมาแชร์กันให้ฟัง เรื่องเงื่อนไขอ่านแล้วอึ้งเหมือนกันครับ ตั้งมาแบบโบรกปิดประตูขาดทุนเลยก็ว่าได้ ของผมที่เจออีกเคสหนึ่ง ราคาแม่นิ่งอยู่ตั้งนาน พอเห็นลูกนิ่งแล้วเคาะซื้อ โบรกตัวแสบปรับราคาลง 1 step ซะงั้น 1 step ของบางโบรกนี่ 3 ช่องเลยนะครับ รู้ก็รุ้นกันอยู่เขาเผื่อพรีเมี่ยมไว้ ทำแบบนี้ยังไงก็โบรกก็ไม่ขาดทุน จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 09:52:53

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่รู้เรื่องเลย ทำไมเก่งกันจัง จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 14:30:20

ความคิดเห็นที่ 66 DW club : สงสัยการคิดราคา BANP01CA ครับ จากคุณ : เด็กวัดบ้านนอก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 18:04:57