เอาแบบง่ายๆก่อนนะครับ
สมมติว่าอัตรามาร์จิ้นคือ 50% คุณซื้อหุ้น 100 หุ้นๆละ 1 บาท คุณต้องวางเงิน 50 บาท และโบรกเกอร์ให้คุณกู้ 50 บาท
ยอดเงินกู้ 50 บาทเนี่ย มันก็จะเป็น 50 บาทไปตลอด (ไม่คิดถึงดอกเบี้ยนะ) ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะตก ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลาย
สมมติว่ารุ่งขึ้นหุ้นตกเหลือ 80 สตางค์ มูลค่าทรัพย์สินของคุณก็เหลือ 100 x 0.8 = 80 บาท ยอดหนี้ของคุณก็ยัง 50 บาทเหมือนเดิม ดังนั้น ส่วนของคุณ (Equity) ก็เท่ากับ 80 - 50 = 30 บาท ตอนนี้พอร์ตของคุณมีอัตรามาร์จิ้นเท่ากับ 30/80 = 37.5% แล้ว (เมื่อวานยัง 50/100 = 50% อยู่เลย)
จะเห็นได้ว่าถ้าขาดทุน มันก็จะไปหักออกจาก equity ของคุณ กำไรมันก็ไปบวกใน equity ของคุณ ยอดเงินกู้ของคุณยังไงก็คงที่ีอยู่ที่ 50 บาท
ถ้าอัตรา call margin = 40% ถึำตอนนี้คุณก็จะโดน call แล้ว เพราะอัตรามาร์จิ้นในบัญชีของคุณที่ 37.5% มันต่ำกว่า 40% คุณมีเวลา 5 วันทำการที่จะเอาเงินมาวาง ถ้าไม่เอามาวาง โบรกเกอร์ก็มีสิทธิขายหุ้นในพอร์ตของคุณมาชำระหนี้
ถ้าหุ้นตกไปอีก คำนวณแล้วอัตรามาร์จิ้นต่ำกว่าระดับ force sale คุณก็จะโดน force ตามเกณฑ์ (ซึ่งมันก็มีเกณฑ์นะว่าคุณต้องวางเงินภายในเวลาเท่าไหร่ ไม่งั้นโบรกเกอร์ก็จะขายหุ้นของคุณมาชำระหนี้)
จากคุณ |
:
Jammer
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ย. 54 12:33:27
|
|
|
|