ความคิดเห็นที่ 1 ใครบอกอ่ะครับ จากคุณ : ลูกแม่ตุ่ง เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:37:06

ความคิดเห็นที่ 2 ใครบอกอ่ะครับ จากคุณ : ขามุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:37:34

ความคิดเห็นที่ 3 รวมทั้งการ short ทุกชนิดด้วย แบบว่าเห็นตำรา ก็ว่างั้น ครูบาอาจารย์ ก็ว่างั้น ว่า short มีความเสี่ยงมากกว่า  long ผมก็สงสัยว่า " ทำไม " ถึงเป็นอย่างนั้น เซียนๆ อนุพันธ์ ช่วยให้ความกระจ่างผมหน่อยนะครับ .... ขอความรู้ครับ จากคุณ : ** ชายใหญ่ ** เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:39:01

ความคิดเห็นที่ 4 ใครบอกอ่ะคะ จากคุณ : Ter_marine เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:39:07

ความคิดเห็นที่ 5 ในระยะ สิบปีมั้งครับ หุ้นต้องโตตามผลการดำเนินงาน จากคุณ : Jeonathan เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:40:50

ความคิดเห็นที่ 6 คงหมายถึง ระยะยาวแบบสุดๆมั้ง แต่เป็นไปได้ยาก การ long SET50 ต่ำสุดคือ 0 ซึ่งหมายถึงขาดทุนสูงสุด ราวๆ 650,000 ต่อสัญญา ไม่เกินนี้ คงโดนนิวเคลียร์ถล่มกรณีนี้ การ short มัน infinite เพราะ SET50 ขึ้นไปได้ไม่จำกัด จากคุณ : Mccain เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:41:45

ความคิดเห็นที่ 7 Short ความเสียงสูงสุดถ้า SET  ขึ้นไปสูงสุดได้ไม่จำกัด Long ความเสี่ยงสูงสุดคือ SET ลงไปที่ 0 จากคุณ : ชาวดอยคอยเธอ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:43:40

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้ายืมหุ้นมาช็อต เค้าจะคิดดอกเบี้ยด้วย จากคุณ : greenstock เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:43:49

ความคิดเห็นที่ 9 มันก็แค่ทางทฤษฏีครับ จริงๆมันมีที่มาจาก การ Long เปรียบเสมือนการซื้อ ขาดทุนสูงสุดคือมูลค่าเหลือ 0 แต่กลับกัน การ Short คือการขาย เพดานบนมันไม่มี ใครจะรู้วันนึงมันอาจจะขึ้นไปพันเท่าก็ได้ เทียบงี้ครับ สมมติ S50U11 700 ถ้าLong ไว้ 1 สัญญา เคสเลวร้ายสุดคือดัชนีเหลือ 0 จุด(จริงๆมันไม่ถึง 0 อยู่แล้ว) ก็จะขาดทุน 700*1000 = 700,000 ส่วนกำไร ก็ตามดัชนีที่ขึ้นได้เรื่อยๆไม่มีเพดาน ถ้า Short ไว้ 1 สัญญา กำไรสูงสุดก็แค่ 700,000 แต่ขาดทุนได้ไม่จำกัด เช่นดัชนีอาจขึ้นไป 3000 จุด ก็ได้ ขาดทุนละ 3 ล้าน จากคุณ : Chaser เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:44:08

ความคิดเห็นที่ 10 ในตำราว่ายังงัยล่ะ ตามนั้น จากคุณ : เขียนบน iPhone (ทินพล) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:46:38

ความคิดเห็นที่ 11 ระยะยาวมากๆ ผลกำไรจะกลับสู่ตลาด ทำให้ตลาดโตครับ โดยผลจากการเข้าออกของเงินทุน หรือข่าว จะไม่กระทบ ยกเว้น เจอเศรษฐกิจแบบถดถอย ครับ จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:50:40

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับวันนี้นะใช่ แต่พรุ่งนี้ต้องดูค่าดัชนีต่างๆอีกที การเล่น TFEX มันต้องดูค่าดัชนีที่มีผลกับ Set เป็นรายนาทีเลย ซื้อแล้วทิ้งเหมือนหุ้นไม่ได้ จากคุณ : โดนจนชิน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:52:20

ความคิดเห็นที่ 13 ใครบอกอ่ะว่า S เสี่ยงกว่า L ผมว่ามันเสี่ยงไม่ต่างกันหรอก จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:52:37

ความคิดเห็นที่ 14 แจกกิ๊บ ส่งท้ายเดือน เจ้ามือปลั๊กหลุด จะไม่แจกของขวัญรายย่อยในตลาดบ้างเลยเหรอ จะปิด Q3 แล้วนะครับ จากคุณ : ** ชายใหญ่ ** เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:54:00

ความคิดเห็นที่ 15 น่าจะเสี่ยงกว่าในระยะยาว เพราะว่า Inflation ไหมครับ เหมือนกับว่ายอดขายของบริษัทต่างๆ ก็โตตามไปกับ Inflation ทำให้ Index ต่างๆ ก็ต้องโตตามไปด้วย จากคุณ : Hamoomoo เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:57:27

ความคิดเห็นที่ 16 เอาง่ายๆนะครับ ถ้าตอนนี้ 900 จุด ถามว่า S กับ L ใครมีโอกาสเสียตังเยอะกว่ากัน ??? ถ้าคิดแบบสุดโต่งและคิดแค่ว่าสูงสุดกับต่ำสุด S ก็คงเสียเปรียบ L วันยันค่ำเพราะยังไงถ้าดัชนีไป 1900 จุด(และยังไปได้อีก) โดนหนักเลย แต่ถ้า ตกไปต่ำสุดผมว่าก็ไม่ถึง 300 จุด ก็โดนไปแค่ 600 จุดเอง จากคุณ : นิดหนึ่งพอ (Oum15) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:00:40

ความคิดเห็นที่ 17 ดูๆ ไปเหมือนแทงไฮโล สูงหรือต่ำ จากคุณ : amphun (Amphun) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:04:52

ความคิดเห็นที่ 18 เค้าว่ากันว่า ช่วงขาลงพวกสัญญาณทางเทคนิคต่างๆ มักไม่ค่อยแม่น เท่ากับช่วงขาขึ้น ดังนั้นการ Short มีโอกาสผิดพลาดได้มากกว่า จากคุณ : AutoCrazy เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:15:10

ความคิดเห็นที่ 19 หุ้นเวลาขึ้นๆกระจิ๊ดแต่เวลาลงลงกระจาย จากคุณ : H-vichaiyut เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:32:33

ความคิดเห็นที่ 20 Future L กับ S คงมีความเสี่ยงเท่ากัน Option L กับ S ความเสี่ยงของ L มีแค่พรีเมียม แต่ของ S มีไม่สิ้นสุด จากคุณ : hunchback เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:33:07

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่า L เสี่ยงกว่า S ตลาดหุ้นนั้นเวลาลงจะเร็วกว่าขึ้นเสมอ ดังนั้นหากตลาดเปิดลงแรงมากๆแล้วถือ L อยู่ จำนวนที่เสียหายจะมาก ขณะเดียวกัน เวลาขึ้นจะค่อยๆกระเตื้องขึ้น ทำให้คน S คัทลอสได้โดยไม่เสียหายมาก จากประสบการณ์ จากคุณ : Dark Holy เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:43:15

ความคิดเห็นที่ 22 Short เสี่ยงกว่า Long .... ไม่จริงหรอก ของอย่างนี้มันอยู่ที่ฝีมือและลีลา การเทรด... จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 12:46:08

ความคิดเห็นที่ 23 เสี่ยงกว่าเพราะนักลงทุนใหม่ๆมองเป็นแต่ขาขึ้น ถนัดซื้อหุ้น ถือ แล้วขาย แต่อันนี้processกลับกันคือ ขาย ถือ แล้วซื้อคืน จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 13:10:11

ความคิดเห็นที่ 24 เข้าใจตามหลักทฤษฎีครัับ แต่ถ้าเป็นในความเป็นจริงระยะนี้ ผมว่า L เสี่ยงกว่า S หนักๆเลยนะครับ เพราะตามหลักความเป็นจริง น่าจะดู Upside (มีที่ timeframe เป็นข้อจำกัด) ตามทฤษฎีนั้น เขาให้ timeframe เป็น infinity ครับ ซึ่ง มันก็คงเป็นไปได้ที่ 0 กับ infinity นั่นแหละครับ จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 13:47:54

ความคิดเห็นที่ 25 ผมซื้อขายแต่ TFEX ครับ ความเสี่ยงผมว่า มันมีเท่ากันครับ ทั้ง L และ S  ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความรู้เรื่องเทคนิคแค่ไหนเท่านั้นเองครับ ถ้าคุณมีความรู้เรื่องเทคนิคดี ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องเทคนิคเลย คุณจะเล่น TFEX หรือ หุ้นรายตัวคุณก็จะเสียเงินครับ จากคุณ : เฮียฮุย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 15:02:30

ความคิดเห็นที่ 26 ลองทำสถิติย้อนหลังใน excel ดูก็ได้ครับ L จะได้กำไร มากกว่า S นะครับ จากคุณ : livetune เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 15:21:06

ความคิดเห็นที่ 27 L ข้ามคืนเสี่ยงกว่า S ข่าวร้ายมีน้ำหนักกว่าข่าวดี จากคุณ : ขึ้นสวรรค์ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 17:01:40

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ^ คห 26 ก็ถ้าทำผลย้อนหลัง 2 ปีที่ผ่านมาก็ L กำไรอยู่แล้วครับ เพราะเป็นขาขึ้น ลองไปทำสถิติปีวิกฤตสิครับ แล้วคุณจะรู้ว่า S ปีเดียว กำไรพอๆกะ L 2 ปีเลย ส่วน คห 27 จริงครับ... ตลาดหุ้น จะค่อยๆคลานขึ้น แต่ดิ่งลงเสมอ >< จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 17:51:59

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดผม ผมว่าอยู่ที่จะ L หรือจะ  S ในเวลาแบบไหนมากกว่าครับ จึงจะบอกได้ว่าแบบไหนเสี่ยงกว่ากัน  ตำราบอกแค่นั้น แต่ความจริงมี ส่วนประกอบในการขึ้นหรือลงของตัว futures    ตอนขึ้นถ้าขึ้นมาได้ ระดับหนึ่งก็จะไปได้อีกไม่มาก  แต่ตอนลงพอลงได้ระดับหนึ่ง ในเวลา ต่อมาจะลงได้อีกมาก ถ้ายังไม่ยอมหยุดลงครับ ปล. ของตกจากที่สูงกับของที่พุ่งขึ้นไป คิดดูว่าอะไรเร็วกว่ากันครับ จากคุณ : bysypig เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 23:09:53