ความคิดเห็นที่ 1 มาช่วย 1.  อย่ารีบทำ  อย่าซื้อทางโทรศัพท์ อย่าซื้อทางเอทีเอ็ม ไม่ควรซื้อผ่านธนาคาร  ต้องให้พนักงานมาตัวเป็นๆ พร้อมเอกสารเอาไว้ให้ศึกษาให้เข้าใจ 2.  ต้องทำความเข้าใจ จริงๆๆๆๆๆ  เหมือนการลงทุนระยะยาว มากๆ 3.  ต้องถามตัวเองว่าทำไปทำไม   เช่น  ต้องการเงินให้คนที่ยังอยู่  ต้องการเงินให้ตัวเองตอนแก่  ต้องการเงินรักษาพยาบาลเวลาเจ็บป่วย  ....... ถ้าตอบว่าต้องการหมด เสร็จคนขายประกันเลยครับ  ต้องกลับไปถามตัวเองใหม่ ........แบบประกันแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน 4.  ใช้บริษัทใหญ่ๆ ปลอดภัยกว่าบริษัทเล็ก 5.  ดูกำลังตัวเองว่าจะจ่ายได้เท่าไร ในแต่ละปี และให้เหมาะกับตัวเอง เช่น จ่ายรายปี รายสามเดือน 6.  ถามพนักงาน เรื่องการเคลม ใบเคลม อัตราผลตอบแทนเงินปันผล มีไหม กำหนดไว้เท่าไร  ลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมดของค่าเบี้ยประกันหรือเปล่า (ตอนนี้บางที่ไม่ได้ทั้งหมด ตามสรรพากร) รายชื่อบริษัทประกันชีวิต+เวบ http://www.oic.or.th/th/search/companies3.php จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 01:34:35

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีครับ ผมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนะครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I11129402/I11129402.html หลังไมค์ไปคุยแล้วนะครับ จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 02:22:10

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนทำประกัน 1.ใบคำขอ -ผมอยากให้ดูข้อมูลในส่วนนี้ให้ถูกต้องนะครับ ชื่อ อายุ เพศ แม้แต่อาชีพ ห้ามกรอกผิด! "ทุกข้อที่มีในใบคำขอ เช่น อาชีพ ถือว่าเป็นสาระสำคัญหมดครับ" 2.ประกันชีวิต ก็คือประกันชีวิต ส่วนประกันสุขภาพนั่นเป็นเพียงสัญญาพ่วง จ่ายทิ้ง อย่าหลงคารมตัวแทนว่า จ่าย20ปีแล้วคุ้มครองจนเสียชีวิต มันคุ้มครองแต่สัญญาหลัก แต่สัญญาสุขภาพคุณจ่ายทุกปีถึงอายุ70 เบี้ยเพิ่มตามอายุ ดูเงื่อนไขดีๆ อย่าเชื่อตัวแทนมาก 3.อย่าปกปิดประวัติสุขภาพ - ถ้าคุณปกปิด ปกปิดให้ถึง2ปี หากเกิดเหตุขึ้นมา แล้วออกเล่มกรมธรรม์ไม่ครบ2ปี ประกันไม่จ่ายนะครับ อย่าโวยวายทีหลัง เช่น เป็นเบาหวาน แต่ไม่บอกประกัน เกิดอะไรขึ้นมาประกันไม่จ่ายนะครับ 4.พวกประกันโรคร้ายแรง อ่านเงื่อนไขดีๆว่าตรวจพบ จ่ายเลยน่ะ จากประสบการณ์ดูกรมธรรม์ของหลายๆบริษัทมาเยอะ พบจุดที่เหมือนกัน1เรื่องคือ บางที่นั้นเมื่อเจอโรคร้ายแรง เช่นมะเร็ง จ่ายน่ะจ่ายครับ แต่ต้องเป็นขั้น3ถึงจะจ่าย - นี่ไม่ใช่เรื่องตลก และตัวแทนส่วนมากก็ไม่บอก ผมอยากให้ดูตรงนี้ดีๆนิดนึง แต่บางที่แบ่งจ่ายก่อนก็มีครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้น 5.ประกันอุบัติเหตุ - อันนี้เกิดอุบัติเหตุก็เคลมได้เลย ง่ายๆ แต่! ถ้าคุณเป็นความดันขึ้นแล้วช๊อคขณะขับรถ แล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุ แบบนี้ประกันไม่จ่ายครับ เพราะถือว่าสาเหตุมาจากโรคภายในตัวคุณเอง 6.ประกันแยกเป็น2ประเภทใหญ่ๆคือ -ประกันชีวิต - ตัวนี้จะมีเงินเก็บสะสม อยากปิดเมื่อไหร่ก็จะได้เงินคืนบางส่วน(ถ้ายังไม่ถึงจุดคุ้มทุน ก็ไม่ได้เต็มที่ฝากไป) -ประกันวินาศภัย - เช่นประกันสุขภาพ อุบัติเหตุ ตัวนี้จ่ายทิ้ง ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นในปีนั้นๆค่าเป็น 0 ฉะนั้น หากคุณทำประกันชีวิตโดยทั่วไป แล้วมีค่ารักษาพยาบาล หมายความว่าประกันของคุณนั้น มี2สัญญาพ่วงกันอยู่ คือสัญญาประกันชีวิต และสัญญาประกันสุขภาพ ซึ่งถ้าปีไหนคุณร้อนเงิน หรือขาดสภาพคล่อง คุณก็ยกเลิกตัวสุขภาพ หรืออุบัติเหตุออกไปได้ 7.ขณะคุยกับตัวแทน - บอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าน้องขายผิดเงื่อนไขพี่จะตามบี้น้องจนถึงที่สุดนะ พี่เตือนไว้ก่อน ถ้าจะให้ดีขอให้เขาอธิบายเคลียร์ๆแล้วเชคกับบริษัทอีกครั้ง 8.อย่า!!! เชื่อใจตัวแทนมาก แม้จะเป้นญาติ เพื่อน ผมเคยเจอมาหลายรายแล้ว ที่สนิทๆกันโกงกันเอง อย่า!!! เชื่อว่าแบบประกันของคุณดีที่สุด อย่ายึดติดกับเพื่อนหรือตัวแทน เพราะวันใดวันหนึ่งคุณก็ต้องจากตัวแทนคนนั้นอยู่ดี สิ่งที่จะเหลืออยู่คือผลประโยชน์ของคุณเท่านั้น ดังนั้นหากมีตัวแทนมาขอเทียบกรมธรรม์ ผมแนะนำว่าให้เทียบดูมันก็ไม่เสียหาย แต่การยึดมั่นในตัวแทนเดิมมากเกินไป มันคือการเสียผลประโยชน์ของครอบครัวคุณเอง 9.ใบเสร็จรับเงิน! สำคัญมาก เก็บไว้ให้ดีอย่าฝากตัวแทน คงเคยได้ยินตัวแทนโกงเงินประกันชีวิตกันมาบ้าง แต่! หากคุณได้รับใบเสร็จรับเงินที่มี"สัญลักษณ์บริษัท" ประทับอยู่ แม้ตัวแทนจะไม่นำเบี้ยเข้าบริษัท แต่ตามกฏหมายให้ถือว่าผู้เอาประกันได้ชำระเบี้ยแล้ว เนื่องจากถือว่าบริษัทได้มอบอำนาจให้ตัวแทนแลว้ บริษัทจึงต้องรับผิดด้วย แต่ยุคนี้บริษัทประกันเล่ห์เหลี่ยมเยอะ หากเกิดเหตุมาจริงๆคงมีการฟ้องร้องกันบ้าง แต่อย่าไปกลัว หากคุณมีใบเสร็จรับเงิน! สำคัญมาก เก็บไว้ให้ดี 10.อ่านกรมธรรม์ของคุณให้เข้าใจ ผลประโยชน์ของคุณเอง เอาไปแขวนไว้กับตัวแทนคงดูไม่ดี เนื่องจากเราไม่รู้ตัวแทนจะจากเป็นหรือจากตาย ตัวแทนคนใหม่จะดีหรือไม่ ดังนั้น ซักถามเข้าไป สงสัยตรงไหนอย่างเกรงใจตัวแทนครับ 11.ประกันสุขภาพ มีระยะเวลารอคอย30วัน และโรคเฉพาะ(เช็คเองนะครับ)มีระยะเวลารอคอย 120วัน ระยะเวลารอคอยหมายถึง ถ้าคุณเป็นอะไรในช่วงนี้ เขาจะไม่เคลมให้นั่นแหละ จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 02:27:24

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าของ AIA เคลมง่ายไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเอกสารผิด ขาดโน่น ขาดนี่  ที่บ้านผมมีประกันอยู่ 2 บริษัท คื่อ AIA กับอีกที่นึง(ไม่ขอเอ่ยชื่อกลัวโดนฟ้อง) แล้วแม่กับพี่สาว ก็เกิดอุบัติเหตุในเวลาไม่ต่างกันมากนัก  ก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลเดียวกัน หมอคนเดียวกัน  พอยื่นเอกสารเคลมของ AIA ก็ผ่านปกติ  แต่อีกที่บอกเอกสารไม่ถูก ขาดโน่น ขาดนี่ สุดท้ายยังโดนหักโน่นหักนี่ได้เงินเคลมกลับมานิดเดียว เคยถามเพื่อน มันบอกว่าอีกบริษัทนึงนั้นมันหากินกับความยุ่งยากเพื่อจะได้จ่ายเงินน้อยลง เช่นต้องไปเอาโน่นเอานี่มาเพิ่ม ต้องไปให้หมอเซ็็นโน่นเซ็นนี่เพิ่ม ทั้งๆที่เอกสารก็มาจากโรงพยาบาลเดียวกัน อีกที่ไม่ผิด อีกที่ผิดเยอะมาก  ก่อนทำลองถามเพื่อนๆ ญาตๆ ว่าที่ไหนดีกว่า และไม่มีปัญหาเรื่องเคลม  บางทีเราจะเปรีบยเทียบแค่ผลตอบแทนสุดท้ายว่าใครดีกว่า แต่ถ้าเค้าสร้างปัญหาเรื่องเอกสาร ทำให้คุณยุ่งยากมากเวลาเคลม สุดท้ายผลตอบแทนมันจะแย่ลงทันทีเลย จากคุณ : ดอยแสนสุข เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 08:42:42

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ทุกบริษัทการเคลมมีสิทธิเจอฝ่ายสินไหมงี่เง่าครับ จริงๆ เพราะลูกค้าบางคนของผม ก็ถือกรมธรรม์กำพร้าจากบริษัทอื่นด้วย แล้วให้ผมดูแลนั่นแหละ มีโอกาสเจอทุกบริษัทครับ ฝ่ายสินไหมป้ำๆเป๋อๆเนี่ย แต่ประเด็นมันคือพอมีปัญหาขึ้นมา ตัวแทนแก้ไขยังไงต่างหาก ฝ่ายสินไหมมันก็ย้ายบริษัทกันไปมานั่นแหละครับ เงื่อนไขพอกัน แต่จังหวะดี ประวัติเราคลีน เขาก็เคลมให้ปกติ แต่โอกาสเจอฝ่ายสินไหมป้ำๆเป๋อๆมีทุกบริษัทครับ ประวัติดีอยู่แล้ว เรียกเอกสารเพิ่มงี้ จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 09:05:27

ความคิดเห็นที่ 6 เลือกตัวแทนที่เราไว้ใจได้  ซึ่งก็ยากเหมือนกันนะ 1. บางคนอยากให้เราทำประกันแยะๆ  ทั้งประกันทั้งออมทรัพย์  (ซึ่งจริงๆ ควรแยกกัน) ทำให้ต้องจ่ายเบี้ยสูงมาก  ทำไปไม่ไหวก็ต้องทิ้ง 2. บางคนอธิบายเงื่อนไขไม่หมด ((อย่างของเราต้องเป็นมะเร็งขั้น 3 (ซึ่งใกล้ตายแล้ว) จึงจะเคลมได้))  ทำให้เวลาเคลมมีปัญหา 3. บางทีตัวเรามีเงื่อนไขสุขภาพบางอย่าง  ทำให้ประกันไม่ได้  ก็ไม่บอก  หรือต้องรออนุมัติ ก็เก็บเงินไป  เกิดมีปัญหาช่วงนั้นพอดี  ก็เถียงกันไม่รู้จักจบจักสิ้น 4. บางคนทำเป็นงานอดิเรก  ปีแรกๆ ได้เปอร์เซนต์จากลูกค้าดี  ก็ทำ  พอหลังๆ  ก็ทิ้งลูกค้า ก็มี  ซึ่งเราเจอ เซ็งมาก 5. บางคนตื้อให้ทำประกัน  โทรทวงเช้าทวงเย็น  อย่างกับเราติดหนี้เขามาแต่ชาติปางก่อน 6. บางคนอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ  เก็บเงินสด/ กระทั่งเช็ค  เราไป  เอาไปใช้  ทำให้ประกันเราขาดอายุก็เคยเจอ   สรุปแล้ว  มันเสี่ยงๆ  ยังไงไม่รู้   แต่เราเห็นด้วยว่าควรมีประกันชีวิตนะคะ  มันมีประโยชน์หลายอย่าง ศึกษาดีๆ  แล้วกันค่ะ จากคุณ : หมั่นเก็บหอมรอมริบ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 10:06:21

ความคิดเห็นที่ 7 บอกได้ว่าทุกบริษัทใกล้เคียงกันหมด  ทั้งผลตอบแทนและการจ่ายเคลม พร้อมทั้งปัญหา  เพราะคำนวณทุกอย่างภายใต้ insirance mathematic เดียวกัน   ความสำคัญที่สุดมันอยู่ที่ว่าเวลาเคลมแต่ละครั้งรู้รายละเอียดไหมว่าต้องจำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในแต่ละกรณี   แล้วมีอะไรที่จะป้องกันปัญหาก่อนมันจะเกิดไหมได้ไหม     เมื่อเกิดปัญหาจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น หมอเขียนใบเคลมไม่สมบูรณ์  เอกสารบางชิ้นไม่มีหรือหายไป  มีวิธีแก้ไขอย่างไร        เคยได้ยินไหมครับว่า "เป็นตัวแทนฯเหมือนกัน   แต่ตัวแทนฯไม่เหมือนกัน" ไม่ทราบว่าเคยอ่านที่ผมตอบในห้องนี้ไหม    มีคนขอคำแนะนำมาเกือบ10ราย  จบไปหมดแล้ว   มีอยู่ในระหว่างดำเนินการอีก 2 ราย   1ล้านกว่า 1 ราย     5ล้านอีก 1 ราย แต่ผมเข้ามาตอบเฉพาะเรื่องยากๆเพราะพิมพ์ดีดไม่คล่องมากนัก      ลองหาดูในกูเกิลก็ได้ โดยใส่คำว่า  "claim expert ประกันชีวิต"   เพราะมีคนบอกว่าเจอที่ผมตอบในนั้นเลยติดต่อมา  แต่พอใส่คำค้นหาในห้องนี้กลับไม่เจอ     อาจเป็นเพราะมันถูกไล่ลำดับจนตกกระดานไปแล้ว   หากอยากได้คำแนะนำอะไรช่วยส่งข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ อาชีพ ฯลฯ มาทาง e-mail  แล้วโทร.คุยกันก็ได้ ไวกว่าเยอะ 821ires@gmail.com/claim expert 089-158 2040 ลองดูตัวอย่างครับ  ความคิดเห็นที่ 65     ก็เพียงแต่เคยแก้ปัญหาที่บริษัทประกันไม่จ่าย  แล้วทำให้มันต้องจ่ายอย่างถูกต้องสมควรประมาณเกือบ 10 ราย เช่น มะเร็งเต้านม    งูพิษกัดตายโดยตรวจศพแล้วไม่พบพิษงู      ตายจากเอดส์       กินเหล้าแล้วขับรถชนกันจนตาบอด   ฯลฯ    โดยที่ตัวแทนผู้ขายไว้ทำเคลมแล้วไม่สำเร็จ  ผมก็เลยต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้จนสำเร็จ    เพียงแต่ต้องขยันศึกษาหน่อยก็เท่านั้นเองครับ    ตัวแทนมักไม่ชอบทำเคลมยากๆ  สู้เอาเวลาไปขายทำเงินดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องสู้กับบริษัทที่ตัวเองสังกัดอยู่ถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาล  ผมเห็นถอยหลังทุกคนเลย  แต่ขอยกเว้นผมไว้สักคนละกัน claim expert  089-158 2040  /  821ires@gmail.com จากคุณ : 821ires/claim expert (821ires)   เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 00:01:07    ถามผู้รู้เรื่องประกันครับ     คือวันนี้ผมไปที่ธนาคารมากะไปซื้อพันธบัตรแค่10,000บาทครับ  แล้วธนาคารก็แนะนำให้ซื้อประกันชีวิต ก็เลยทำไปโดยไม่ได้ดูข้อมูลอะไรเลยครับ  เค้าโน้มน้าวดีมากเลย  ปรากฏว่า ผมต้องจ่ายปีละ 16,650  บาท ครับ เฉลี่ยนเดือนละ1,387.5  บาท  ตอนอยู่ในธนาคารก็คิดว่าน่าจะสะสมเอาได้  แต่พอมาคิดดู ผมไม่สามารถทำได้ครับ เดือนละพันนี่สำหรับนศ.อย่างผมมันเยอะมากครับ  อยากถามท่านๆ ผู้มีความรู้ว่าจะแก้ไขยังไงดีครับ  ผมไม่รู้จะทำยังไงดี  ไม่กล้า บอกที่บ้านด้วยครับ อายุ21 ปีครับ รบกวนขอคำแนะำหน่อยนะครับ จากคุณ : freecss   เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 23:03:35   ความคิดเห็นที่ 20     ขอแนะนำให้ทำเป็น step ดังนี้ 1. เตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนโทร. โทร.ไป call center ขอทราบชื่อ-สกุล ผู้รับแจ้งด้วยก่อนจะบอกเขาว่าจะทำอะไร เขาจะได้หนีไม่ออกเวลาจะตอบแบบมั่วๆ หรือปัดความรับผิดชอบ แล้วค่อยบอกแจ้งยกเลิกการสมัครทำประกันฯไว้ก่อนเป็นเบื้องต้น ถ้าเขาบอกรับแจ้งไม่ได้ ให้บอกว่าช่วยบันทึกเป็น remark ไว้ก่อนในฐานข้อมูล  แล้วจะโทร.แจ้งตัวแทน/จนท.สาขาbank ให้เร็วที่สุด  วันจันทร์ตอนเที่ยงคุณคงไม่อยู่ในห้องสอบหรอกนะ ติดต่อไปที่สาขาแล้วแจ้งยกเลิกทางโทร.ก่อน  ถ้าทุก step บอกว่าทำไม่ได้ ให้บอกทุกคนที่คุณติดต่อด้วยว่าจะร้องเรียน คปภ. เวลาสั้นขนาดนี้ไม่มีทางออกกรมธรรม์เสร็จแล้วหรอก  ค่ายกเลิกถ้าออกกรมธรรม์แล้วคือ 500 บาท  แล้วก็เซ็นปฏิเสธ free look ได้ในเวลา 15 วันนับแต่ได้รับกรมธรรม์  อย่าเซ็นตอบรับล่ะ  เข้าใจไหม  โทร.เดี๋ยวนี้เลยนะ ลงมือ 2.ประกันฯมันไม่เลวร้ายอย่างที่คุณเพิ่งเจอหรอก  เหมือนนักบวชไม่ดีเพียงคนเดียว ไม่ได้หมายความว่าหมู่นักบวช องค์กร ศาสนา หรือศาสดา ฯลฯ เลวไปเสียหมด  คุณยังเป็นนศ. ชีวิตยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก  อย่าปิดใจ  ทุกเรื่องมี 2 ด้านเสมอ หยิบด้านดีมาใช้ ชีวิตคุณจะพบความสุขเสมอ  ทำงานแล้วคุณจะเข้าใจสิ่งที่ผมบอก  คุณไม่ได้โง่ หรือหูเบา หรือเสียหมา อะไรหรอก แล้วก็ไม่ต้องว่าเพื่อนดูแลเพื่อนไม่ได้  ผมรู้ว่าคุณแค่อยากระบายความอึดอัดใจเท่านั้น  คุณแค่ยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้แค่นั้นเอง  เรื่องนี้มีอะไรอยากให้ช่วย อี-เมลมาคุยกันได้เด้อ จากคุณ : 821ires@gmail.com/claim expert (821ires)   เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 12:46:59    ความคิดเห็นที่ 23     1.การบอกไม่หมด กับ การโกหก เป็นญาติสนิทกัน เพราะมีเจตนาไม่บอกสิ่งที่เป็นจริงเหมือนกัน สุดท้ายต้องรับกรรมเช่นกัน แต่หนักเบาแล้วแต่กรรมนั้นว่าเป็นเช่นไร  จริงๆผมคาดว่าเขารู้ว่าคุณไม่มีความรู้เรื่องนี้  แต่เขาอยากมีผลงานจนไม่สนใจว่าตรงตามความต้องการของ ล/ค ขณะนั้นหรือเปล่า  เพราะผมมีเพื่อนทำงาน bank ก็ถูกบีบให้ทำผลงานแบบนี้แหละถึงรู้พฤติกรรมแบบนี้ดี ก็เราเป็นลูกจ้างเขานี่ ไม่อยากตกงานก็ต้องทำบาปงี้แหละ แบ่งบาปกันไปตามส่วน โลกของการบริโภคนิยม วัตถุนิยมสามานย์ก็เป็นอย่างนี้ โลกกำลังเจริญไปสู่ความเสื่อมดังพุทธทำนาย  จะให้ดี รีบปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้ไม่ต้องกลับมาเกิดให้เร็วที่สุดน่าจะดีที่สุด  ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ยุ่งจริงหนอ 2.ไม่ว่าเราจะเซ็นอะไรไปแล้ว เราแก้ไขได้ภายในกฎเกณฑ์ที่มีอยู่  เพียงแต่คุณจะรู้หรือเปล่าว่าได้แค่ไหน แล้วเขาบอกคุณตามจริงหรือเปล่า  เมื่อไม่รู้  สอบถามผู้รู้แล้วทำตามที่เขาแนะนำหรือยัง  ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้  เพราะเราเป็นเจ้าของ บ/ช ของเรา  แต่ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง  แล้วที่ผมแนะนำไป ทำตามนั้นแล้วยัง  ถ้ายัง ห้ามบ่น  เพราะถือว่าตอนนี้รู้แล้วยังไม่จัดการ ใครจะช่วยคุณได้ แล้วจำไว้ไปตลอดชีวิตว่า ต่อไปนี้จะเซ็นเอกสารอะไร  ต้องอ่านทุกแผ่น  ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร แม้แต่พ่อแม่พี่น้องญาติหรือใครก็ตามไม่มีข้อยกเว้น  เห็นไหมว่าประสบการณ์ของคุณครั้งนี้จะทำให้คุณระวังไปตลอดชีวิต ถ้าจะเสียเงินไปบ้างก็โค-ตรคุ้มเลย  อีกหน่อยคุณจะดวงตาเห็นธรรมในสิ่งที่ผมพล่ามมาทั้งหมด  นี่แหละด้านดีของปัญหานี้แหละ  มองให้ดีจะมีสุข 3.ทั้งหมดที่ตอบมาด้วยความเข้าใจในวัยวุฒิขนาดคุณที่มีข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์เท่านี้  ผมก็เคยเป็นแบบคุณนี่แหละ  อีกหน่อยคุณก็จะเก่งขึ้นเองตามประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น  อี-เมลมาคุยกัน จะได้โทร.คุยกันได้  ผมพิมพ์ดีดช้ามาก  คุยทางโทร.เร็วดี ม้วนเดียวจบ ถ้าคุณต้องการและสะดวก ขึ้นอยู่ที่คุณ  ด้วยความปรารถนาดี จากคุณ : 821ires@gmail.com/claim expert (821ires)   เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 54 16:05:46 จากคุณ : 821ires@gmail.com/claim expert (821ires) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 16:25:59