Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“ทองคำ ค่าเงิน หุ้น” บทเรียนอีกครั้งจากการทุบถล่มแล้วช้อนซื้อของ “เฮดจ์ฟันด์!?” ติดต่อทีมงาน

พอดีไปอ่านเจอ บทความนึง เอามาแบ่งปันค่ะ  .....  



สัปดาห์ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโดยเฉพาะในตลาดทุนนั้นถือได้ว่ามีความผันผวนอย่างหนักและต่อเนื่อง หุ้น น้ำมัน ทองคำ และค่าเงิน ซึ่งเหล่าเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลายได้เข้าไป “ปั่น” ก่อนหน้านี้มาอย่างยาวนาน ต่างก็ได้ถูกเทขายทำกำไรอย่างพร้อมเพรียงกัน
     
      การเทขายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างหนักหน่วงที่ทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงเหว ก็ได้ทำให้นักเล่นหุ้นประเภทที่เล่นมาร์จิ้น และเล่นฟิวเจอร์ ต้องถูกบังคับขายตามกฎเกณฑ์ทำให้กองทุนหัวใสเข้าช้อนซื้อตอนที่เหล่าแมลงเม่าไทยต้องเจ๊งระเนนระนาดและทำให้ราคาหุ้นและทองคำดีดตัวกลับ
     
      “ทองคำ” ก็เช่นกันได้ถูกกองทุนเฮดจ์ฟันด์เทขายสัญญาทองคำออกมานอกตลาด และทำให้ราคาทองคำทั่วโลกดิ่งลงอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และทำให้นักเล่นทองประเภทฟิวเจอร์โกลด์ต้องถูกบังคับขายเจ๊งกันไปอีกจำนวนมากเช่นกัน แม้แต่สมาคมทองคำของไทยก็ฉวยโอกาสกำหนดราคาซื้อขายและค่าธรรมเนียมเกินกว่าปกติจากที่เคยใช้สูตรคำนวณของราคาทองคำตลาดโลกเพื่อกลบผลขาดทุนของตัวเอง
     
      แต่การที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่นัดหมายกันทั่วโลกเทขายกันอย่างพร้อมเพรียงกันนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจของโลกที่ต้องเผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้ก็คือปัญหาหนี้สินอันมโหฬารและปัญหาทางเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ที่ทำทีว่าจะเป็นลูกโซ่ใหญ่โตกว้างขวางลามปามกระทบไปทุกประเทศทั่วโลก
     
      โดยเฉพาะ “ธนาคาร” ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป หลายแห่งถูกทยอยลดความน่าเชื่อถือลงอย่างพร้อมเพรียงกัน และธนาคารเหล่านี้ก็เป็นแหล่งทุนอันสำคัญที่ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ต้องขายทำกำไรคืนโดยเร็วเพื่อถือเป็นเงินสดรองรับกับสภาพวิกฤตที่กำลังจะมาถึง
     
      เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ก็คือการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาพิมพ์แบงก์ออกมาเพื่อซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากธนาคาร (QE 1) และเพื่อซื้อแทรกแซงตลาดพันธบัตรสหรัฐอเมริกา (QE2) ตามมาด้วยมาตรการเทขายพันธบัตรระยะสั้นแล้วมาซื้อพันธบัตรระยะยาวโดยมุ่งหวังจะกดอัตราดอกเบี้ยให้ลดลง (Operation Twist) ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าสหรัฐอเมริกาออกอาวุธทางเศรษฐกิจใกล้หมดแล้ว แต่อัตราการว่างงานก็ยังสูงอยู่ในระดับ 9.1%
     
      ซึ่งความจริงแล้วการพิมพ์แบงก์ดอลลาร์สหรัฐอเมริกานั้นก็เหมือนการ “ชักดาบ”เบี้ยวหนี้ทางอ้อม เพราะทำให้หนี้ของสหรัฐฯ ในแต่ละประเทศเป็นเจ้าหนี้อยู่นั้นด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศเจ้าหนี้เหล่านั้น ตรงนี้เองทำให้เหล่าเฮดจ์ฟันด์เห็นโอกาสอันมหาศาลที่จะเร่งแปลงสินทรัพย์ของตัวเองจากดอลลาร์ให้เป็นสินทรัพย์อย่างอื่นในประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
     
      มาตรการของสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมาแทนที่จะทำให้อัตราว่างงาน กลับเร่งทำให้ธนาคารสหรัฐอเมริกามีเงินเหลือล้นกลับไปลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์มากขึ้น นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ เข้าซื้อและปั่นหุ้นในประเทศภูมิภาคเอเชียและประเทศไทย (ที่มีแนวโน้มว่าค่าเงินบาทจะแข็งและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง) เงินนอกร้อนไหลเข้าประเทศทำให้ราคาหุ้นดีดตัวสูงขึ้นชนิดที่นักการเมืองเอาไปคุยโวกันอย่างสนุกสนานและเอิกเกริก จนไม่มีใครสนใจฟังคำเตือนเรื่องการควบคุมกองทุนจากต่างประเทศที่หวังการลงทุนระยะสั้นแบบตีหัวเข้าบ้านที่จะมาทำให้เศรษฐกิจไทยต้องปั่นป่วน
     
      แต่การเทขายระลอกใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำให้แมลงเม่าไทยและแมลงเม่าทั่วโลกตกกลายเป็นเหยื่อของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งได้สูบความมั่งคั่งของแต่ละประเทศกลับไปโดยได้ทำกำไรจากการเทขายในหุ้น ทองคำ และน้ำมันของตัวเองที่ได้ปั่นเอาไว้แล้ว ยังได้กำไรค่าเงินของแต่ละประเทศกลับไปอีกด้วย (โดยแลกกลับได้เงินดอลลาร์ไปมากขึ้น) โดยไม่ต้องมีการผลิตใดๆ ทั้งสิ้น
     
      ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ใช่นักเล่นหุ้นก็อาจจะคิดว่าไม่เดือดร้อนอะไร แต่ในความเป็นจริงการปล่อยให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์เข้าไปเล่นค่าเงินบาทได้ก็คือการทำให้ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบมีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นถือเป็นการบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันภาคการผลิตไปด้วย ในอีกทางหนึ่งการสูบความมั่งคั่งจากคนในประเทศไทยได้ก็คือ “การสูบกำลังซื้อของคนภายในประเทศ” ให้ลดลงแล้วตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นโดยไม่จำเป็น
     
      กลยุทธ์ของเฮดจ์ฟันด์ก็คือ “ปั่นขึ้นให้สูงแล้วเทขาย ทุบให้ต่ำแล้วกลับเข้าช้อนซื้อ” ยังคงเป็นวัฏจักรที่จะเกิดขึ้นต่อไปอีกหลายระลอก โดยเฉพาะในสภาวะที่ธนาคารในยุโรปและสหรัฐอเมริกามีปัญหามาก ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งทำให้เหล่าเฮดจ์ฟันด์เร่งขบวนการสูบความมั่งคั่งจากประเทศต่างๆ ให้เร็วขึ้นเป็น “วันต่อวัน” และปัจจุบันเร็วกว่านั้นเป็น “นาทีต่อนาที” โดยเน้นการทำกำไรจากพวกเล่นหุ้นแบบมาร์จิ้นและฟิวเจอร์ที่ต้องถูกบังคับขายหากราคาต่ำกว่าที่กำหนด เพียงแต่บทเรียนสัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะทำให้นักลงทุนและแมลงเม่าทั่วโลกได้สติมากขึ้น (สักระยะหนึ่ง)
     
      แต่ปัญหาในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปน่าจะหนักและสาหัสยิ่งกว่าอเมริกา เพราะพิมพ์เงินขึ้นใช้ตามใจชอบไม่ได้เหมือนสหรัฐอเมริกาและยังมีการคานอำนาจระหว่างกันโดยหลายประเทศ
     
      แผนภูมิภาพแสดงความสัมพันธ์เชิงหนี้จากนิวยอร์กไทมส์ที่แสดงผลเมื่อสิ้นปี 2553 ก็จะเห็นได้ว่า กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี โปรตุเกส และสเปน ซึ่งถือว่าเป็น 5 ประเทศที่กำลังมีปัญหาธนาคารสั่นคลอนและรัฐบาลหนี้สินท่วมท้นนั้น หากมีปัญหา “ชักดาบ” หรือ “ธนาคารล้ม” ก็จะลามไปยังเจ้าหนี้รายใหญ่ทั้งธนาคารและรัฐบาลของอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี อย่างแน่นอน

 
 

จากคุณ : Ms_Lamoo
เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 17:02:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com