ความคิดเห็นที่ 1 ่ขอบคุณครับคุณ chinn ว่าแต่...ในไฟล์ DTAC ปันผล 5 บาทเองเหรอครับ แต่ target 100 เชียว น่าจะต้องเพิ่มปันผลสักหน่อยนะถึงจะได้ตามเ้ป้า อิอิ.. จากคุณ : Add Value เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 20:54:10

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณค่ะ ทำไมสูตรมันรันแค่ 2 ตัวแรกคะ อีก 2 ตัวหลังไม่รันเลยค่ะ หรือว่าฟ้าผิดพลาดขั้นตอนไหนคะ  คือตรง safety กับ Call ของฟ้ามันไม่รันเลยประมวลผลไม่ได้ค่ะ             นี่ไงเจอแล้ว ฟ้าลืมใส่ จำนวน lot  ใส่แต่จำนวนหุ้น เข้าไปไม้เดียวเลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 54 21:44:17 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 54 21:41:15 จากคุณ : ฟ้าสางที่เชียงดาว เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 21:40:19

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ chinn อ่านหนังสือ ลงทุนให้รวย ของ อ.โสภณ ด่าศิริกุล หรือยัง มีเอ่ยถึงคุณ chinn ด้วย จากคุณ : เกรซอยากรวย เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 21:46:49

ความคิดเห็นที่ 4 ช่วยเขียนเป็นบทความยาวๆได้ไหมครับ  เขียนไว้ใน Blog ก็ได้ ว่าด้วยเรื่องมาร์จิ้น  ตั้งแต่เริ่มเปิดบัญชี  ข้อดีข้อเสียในการใช้มาร์จิ้น   ประมาณมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องเลย แต่เข้าไปอ่านแล้วเข้าใจตาใสออกมาเลย...หุหุ จากคุณ : หนุ่มชุมชน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 22:15:20

ความคิดเห็นที่ 5 คห ที่ 4 ข้อดีคือ มี อำนาจ purchasing power มากขึ้น ข้อเสยคือ หากไม่รู้จักคัต หรือ แม้แต่รู้จักคัต ก็ จะ เสียหาย 2 เด้ง เพราะ ส่วนใหญ่ จะใช้ วงเงินจากกาค้ำหุ้น ทั้งๆ ที่ ไม่มีเงิน ดังนั้น เวลาโดนมักจุกเสียด แน่นเฟ้อมากกว่าปรกติมากมาย แถมดอกเบี้ยก็ เดินอยู่ทุกวัน ไม่เว้นแม้ เสาร์ อาทิตย์ แล้วมันอาจทำให้เราหลงระเริงได้ว่า เรามีเงินเยอะ แต่ จริงๆ มะมีเลยเอาเงิน โบร๊กมาทั้งนั้น แต่ สรุปได้กับ ตัวเองว่ามันเหมาะกับ หุ้นขาขึ้น อย่าเดงียว ยิ่ง ซื้อ ปิด ขายเปิดได้ เนี่ย แจ่มมากมายเพราะหากเทียบมูลค่า ของ กำไร ต่อ ดอกเบี้ยที่ โบร๊กคิด แล้ว มัน ถูกมาก อ่า โดนมาแว้วกับตัวเองเลยอยาก แชร์ครับ จากคุณ : parplean เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 22:48:24

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณ คุณเกรซนะครับ ไว้ไปหามาอ่านครับ ******************************* ตอบ คคห 4 ครับ ลองเขียนดูเลยละกันนะครับ ในอดีต ผมหาหุ้นที่ทำกำไร 3-5เท่า ได้ไม่ยากนัก แต่ Port มีขนาดเล็ก หนทางแก้คือ ต้องกู้ครับ การ ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ ผิดทาง เอา Margin ออกก่อน โดยการบริหาร แบบนี้จะเสี่ยงมากที่สุด แต่ผลตอบแทนดีที่สุด ข้อควรระวังคือ สภาพคล่อง ยามหุ้นตกครับ การใช้รูปแบบนี้ จำเป็นที่ ราคาเหมาะสม ต้องห่างจากราคาปัจจุบันมากๆ ทุก จำนวนหุ้นและทุกระดับราคา เราต้อง มีการวางแผนล่วงหน้า ว่า ทุก ช่วงที่หุ้นขึ้นจะซื้อ เพิ่มเท่าไหร่ ความเสี่ยงอยู่ที่ระดับราคาห่างพอไหม เผื่อว่า ผิดทางจะเข้าออก อย่างไรให้ไม่โดน Call Margin หรือ Force Sell และ เราต้องกะจังหวะ และเวลา ของหุ้นได้ถูกต้องแม่นยำ ผ่าน สิ่งที่กำลังจะเข้ามา ไปถึง จิตวิทยาการลงทุน และที่สำคัญ คือ ถ้าผิดทางต้องรู้วิธีถอย ผม ชอบใช้คำนี้ครับ แพ้ ศึก 100 ครั้งได้ แต่ต้องชนะสงคราม ซึ่งวิธีนี้ ที่ผ่านมาทำให้ผลตอบแทน ดีขึ้นอีกเท่าตัว เช่น ควรจะได้ 5 เท่า จะกลายเป็น 10 เท่า การบริหาร จะใช้ File อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเน้นที่ Action ในแต่ละระดับราคา และความเสี่ยง แต่ File นี้ผมลบทิ้งไปแล้ว เพราะ เสี่ยงมาก จนไม่อยากสอนใคร และไม่นำมาใช้อีกแล้ว แต่หากใครจะนำไปใช้ ลองเอาที่ผมบอกไปต่อยอดเอาครับ ผมคิดว่าคนที่จะทำแบบนี้ ควร เขียน Excel เอง เพราะจะเข้าใจจุดอ่อนของ Model ปรับแก้เองได้ครับ ****************************** วิธีที่สอง คือ อันที่ผมได้ทำขึ้นมาครับ พออายุมากขึ้น Port ใหญ่ขึ้น เราก็รู้สึกว่าพอแล้ว แต่ว่า ถ้าใช้เงินสด อย่างเดียว Port ดูจะขี้เกียจมากเกินไป เราจึง ใช้ Margin เพื่อเพิ่มผลตอบแทน โดยหาจุดที่ไม่ทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น บนสมมุติฐาน ว่า ที่ผ่านมา ในระยะยาวแล้ว ผมยังไม่เคยคาดการณ์ ราคาหุ้นผิด เพราะ ผมมีหลักการ อย่างที่เคยแชร์ในห้องนี้ครับ ว่า 1 ต้องไม่เสี่ยง 2 มีประเด็นในอนาคต ผมพบว่า ถ้าเรากระจายความเสี่ยงระดับหนึ่ง 3-5 หุ้น และหุ้นมีจุดที่ไม่น่าต่ำกว่านั้นได้ แม้มีตัวใดโดนทุบ หุ้นตัวอื่นจะดึง Port ไว้ไม่ให้โดน Call ในขณะที่เมื่อหุ้นตัวใดถึงเป้าหมายแล้ว เราสามารถ Switch หุ้นไปหาหุ้นที่ ราคายังต่ำ และประเด็นการลงทุนยังคงเดิม ได้ ซึ่งผมคิดว่า กลยุทธ์นี้ ดีกว่า มากๆ หากผมเข้าใจวิธีนี้แต่แรก คงไม่มี ช่วงที่เกือบล้มละลายครับ (ตอนนั้น ผมยังหาวิธี คุมความเสี่ยงหุ้นหลายตัวไม่เป็นครับ มาปิ๊งไอเดีย จากไปเห็น File ของเพื่อน เขาล็อคราคาต่ำสุด2 ตัวเล็กๆไว้เพื่อหาจุดเสี่ยงของตัวหลัก ผมเลย เอามาทำต่อ จนเกิดเป็น File นี้ครับ) ผมเลยคิดว่า File นี้ผมน่าเอามาแจกให้คนเล่น Margin ครับ และหากใครจะนำ กลยุทธ์ 1 และ 2 ไปต่อยอด ผมว่า น่าจะดียิ่งขึ้นครับ ลองเล่น Excel ดูครับ แล้วจะอ๋อ ครับ ******************************************* และอย่างที่ คุณ Parplean บอกครับข้อเสียของ Margin จะเสียหาย2เด้ง ผมไม่นิยมให้ใช้ Margin เพื่อ ลงทุนระยะสั้นครับ เพราะ หากเราคิดว่า จะลงทุนระยะสั้น การทำการบ้านให้ละเอียด ปิดความเสี่ยงทุกด้านจะต่ำลง วางแผนอย่างรอบคอบ ก็น้อย คิดแค่ว่า ซื้อเอาเด้ง ไม่เด้งก็ Cut การคิดลงทุนระยะสั้นจึงมีความเสี่ยงมาก และการ Cut ในแต่ละไม้ทำให้เรา เสียหายได้หนัก แต่การ ทำ Short Againts Port  แบบ DSM จะเป็นอีกเรื่อง มีการวางแผนรองรับแบบระยะยาว ซึ่ง จะต้องคำนวนสัดส่วน ให้แผนการซื้อคืนไม่สะดุด แต่ไม่ได้หมายความอย่างที่หลายคนคิดว่า การลงทุนระยะยาวต้องลงทุนนานๆ แต่เป็นเรื่อง ว่าเรามองยาวๆ และรอบด้าน ครับ ************************************ ไม่รู้ว่าอ่านแล้วงง ไหมครับ ถ้ามีคำถามยินดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 00:32:30 จากคุณ : chinn เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 00:10:56

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับคุณชิณณ์ครับว่าไม่ควรเสี่ยงใช้วงเงินมาร์จินสำหรับการเก็งกำไร ตอนนี้ผมก็มีการใช้วงเงินโดยอาศัยการกระจายถัวน้ำหนักไปยังหุ้น 4-5 ตัว ซึ่งผลตอบแทนของแต่ละตัวในรูปของเงินปันผลนอกจากจะ cover ภาระค่าดอกเบี้ยของวงเงินแล้วยังต้องเหลือ gain ในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าตราสารหนี้ ซึ่งผมยังถืออยู่จำนวนหนึ่ง โดยหลักการของผมเพื่อหลีกเลี่ยงการโดน call ผมเลยพยายามรักษาส้ดส่วนของวงเงินต่อหลักประกัน หรือ MM rate ให้ไม่ต่ำกว่า 60% จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 08:38:45