เข้ามาสวัสดีทักทายทุกท่านอีกครั้งหนึ่งค่ะ
ความคิดเห็นที่ 31 คุณออสระโอ
โชคดีจังนะคะที่ยังมีเวลาทำงานอีกตั้ง 30 ปี
เห็นได้ชัดว่าการที่คุณได้ผ่านวิกฤตหนัก ๆ มาก่อนเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี
ที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุน
โดยเฉพาะการเน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและเน้นการถือหุ้นยาว
ขอแสดงความยินดีด้วยและขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะคะ
ขอคาระวะคุณเอเวอเรสต์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการหุ้นมาถึง 16 ปีแล้ว
คุณสุดยอดมากเลยค่ะที่พอร์ตไม่มีต้นทุนและที่เหลือเป็นกำไรทั้งหมด
เห็นแต่ชื่อถ้าให้เดาก็คิดว่าน่าจะติดดอยสูงสุดหาทางลงไม่เจอ
อิอิ...ล้อเล่น
อยากเก่งแบบนี้บ้างจัง
แต่ความหวังคงริบหรี่เพราะเข้ามาตลาดหุ้นได้ยังไม่ครบ 2 ปีเลยค่ะ
ว่าแต่ที่บอกว่าตลาดหุ้นไม่ยากไม่ง่ายเกินไปถ้ามือถึง ตาถึง ใจถึง
เงินถึง และบุญถึง นั้นเป็นเช่นไรหรือ?
และที่บอกว่า จขกท มีบางอย่างในนี้คืออะไร ดูจากอะไร?
เพราะมาส่องดูกระจก...เอ๊ยย...นั่งพิจารณาดูว่าเรามีอะไรในนี้
ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่ามีตรงไหนเพราะ...
มือถึง...ไม่น่าใช่ เพราะยังด้อยความรู้ไร้ประสบการณ์และยังต้องเรียนรู้อีกมาก
ตาถึง...ก็ไม่น่าใช่ เพราะจับหุ้นตัวไหนก็ดอยทุกที
เงินถึง..ก็ไม่น่าใช่ เพราะเร็ว ๆ นี้เพิ่งเข้าโรงรับจำนำ Oopss...ความแตก
บุญถึง..ก็ไม่ใช่อีก เพราะชีวิตที่ผ่านมามีแต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่หยุดหย่อน
ใจถึง...อืมมม หรือว่าจะเป็นอันนี้ที่คุณมองเห็น
เอ..แต่ใจถึงนี่มันจะช่วยทำให้การลงทุนในหุ้นง่ายอย่างไรรึ?
ความคิดเห็นที่ 33 คุณมาอีกแล้ว
นั่นนะซิ..ไม่มีใครเอ่ยถึง mos ของคุณ endophine เลย
สงสัยแฟนคลับไม่ได้มาเข้ากระทู้นี้เลยไม่มีใครเอ่ยถึง
หรือไม่ต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมแผนรับมือกับตลาดหุ้นที่ยังผันผวนอยู่
ส่วนตัวก็ได้อ่านข้อคิดดี ๆ ของคุณ endophine เสมอ ๆ
แต่ยังไม่เคยทำตามได้ซ๊ากกกกที
ความคิดเห็นที่ 34 คุณ SWEET TOFFY
เรื่องไม่ขายไม่ขาดทุนแต่กระอักเลือดนี่ใช่เลยค่ะ
เพราะตอนนี้กำัลังตกอยู่ในสภาวะแบบนั้นอยู่
เนื่องจากติดดอยเกินจุดที่จะขายแล้ว
ก็เลยปลอบใจตัวเองว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน
แต่แอบกระอักเลือดอยู่ไม่ให้ใครเห็น
แง ๆๆๆ
ความคิดเห็นที่ 35 คุณ แม่ครับ...อั่งเปารักแม่นะครับ
เห็นชื่อคุณอั่งเปาแล้วต้องกระซิก ๆๆ เพราะติดดอยท่าน PAO แทบกระอักเลือดเลยค่ะ
อิอิ ขออภัยที่เอาชื่อมาล้อเล่น อย่าถือสานะคะ
ดีใจที่คุณอั่งเปามาร่วมด้วยช่วยบริจาคเงินให้ผู้ประสบภัยกันค่ะ
การบริจาคไม่ได้ดูกันที่จำนวนเงินหรือสิ่งของ
แต่ดูกันที่น้ำใจและเจตนามากกว่านะคะ
จะลองยกตัวอย่างดูว่าสามารถช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนไหมว่า
มีคน 2 คนกำลังบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลคนละ 100 บาทเท่ากัน
คนแรกเปิดกระเป๋าออกมามีเงิน 200 บาท
คนที่สองเปิดกระเป๋าออกมามีเงิน 2 หมื่นบาท
หากเราพิจารณาโดยไม่มีปัจจัยอื่นมาเปรียบเทียบ
เราน่าจะสรุปได้ว่าคนแรกมีน้ำใจมากกว่าคนที่ 2 มากมาย
เพราะบริจาคเงินถึง 50% ของเงินที่มีอยู่ทั้งหมด
ส่วนคนที่ 2 บริจาคเพียง 0.5% ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินที่มีอยู่ทั้งหมด
แต่ไม่ว่าจะมากจะน้อย
เงินทุกบาททุกสตางค์จากน้ำใจคนไทยที่หลั่งไหลไปสู่ผู้ประสบภัย
มีคุณค่าและสามารถช่วยซับน้ำตาและบรรเทาความทุกข์ยากของพี่น้อง
จนกว่าวิกฤตนี้จะหมดไปและทุกคนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตเป็นปกติได้
ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทุกคนอีกครั้งหนึ่ง
สู้ ๆๆ นะคะทุกท่าน