### พี่น้องเอ๊ยยยย Teety จะสอนบทเรียนราคาแพงให้กับพี่น้องอีกสัก 1 บท ###
|
|
การลงทุนในตลาดหุ้น มันไม่เหมือนการล่ะเล่นในเกมส์อื่นๆ โดยทั่วไป การเล่นหุ้น คือ ศาสตร์+ศิลป์+กึ๋น อย่างแท้จริง !
วิทยาศาสตร์มันใช้ไม่ได้กับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากตลาดหุ้นมันไม่ใช่ตรรกะ 1+1 ที่จะต้องเท่ากับ 2 ผลลัพพ์ที่จะออกมาจาก 1+1 อาจจะเป็น 1 หรือ 1.5 หรือ 2 หรือ 3 ก็ได้ เนื่องจากตลาดหุ้น คือ เกมส์กินเงินซึ่งกันและกัน นั่นคือ การชิงไหวชิงพริบกันซึ่งและกันนั่นเอง โดยมีฝรั่ง (หัวดำหรือแดงก็ได้) เป็นเจ้ามือใหญ่ รายย่อยใหญ่ไม่จริง เนื่องจากรวมตัวกันไม่ได้ ต่างคนต่างคิด ดีใจก็ซื้อ ตกใจก็ขาย ความคิดของรายย่อยไม่มีระบบ การที่รายย่อยไม่มีระบบทางด้านจิตใจนี่ล่ะครับ จุดอ่อนตรงนี้ เขาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกอบโกยผลประโยชน์จากรายย่อยไทย เรียกว่า "สูบ" เงิน สูบเลือดสูบเนื้อจากรายย่อย ผ่านราคาหุ้น เขารู้ว่า ทุบแดงหนักๆ จัดๆ คุณต้องขาย ลากขึ้นไปเขียวๆ คุณต้องอยากซื้อชัวร์
รายย่อยไม่รู้จังหวะว่า ตรงไหนควรและไม่ควรที่จะเข้าไปซื้อ โอกาสไหน จังหวะไหน ควรขาย
รายย่อยส่วนใหญ่มี "ความโลภ" เป็นที่ตั้ง แต่มักไม่ค่อยใช้สติปัญญาที่ตนเองมีอยู่ (ทุกคนมีสติปัญญา) นำออกมาใช้เพื่อวิเคราะห์จุดซื้อหรือขายให้กับตนเอง ใช้ความกลัวและความโลภเป็นเครื่องมือนำหน้าความคิดในการตัดสินใจเพียงอย่างเดียว รายย่อยไทยเราจึงมักจะ "เสียท่า" ให้กับเจ้ามือเสมอๆ
อันที่จริงแล้ว เงินจากตลาดหุ้นไทย หาง่ายมาก แต่คุณจะต้องไม่เล่นคร่อมจังหวะของตัวเอง คิดใหม่ ทำใหม่ซะนะครับ ไม่งั้นก็รุ่งยากสำหรับวิชาชีพนี้
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นวิชาชีพที่ดีที่สุดในโลก ! นั่งห้องแอร์สบายๆ ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีลูกจ้าง-นายจ้าง ไม่ต้องปวดหัวกับคู่แข่งทางธุรกิจ ไม่ต้องกลัวโดนปล้นเนื่องจากคุณรวยจากการเล่นหุ้น หากคุณไม่ไปโพทนาว่าคุณกำไรเท่าไหร่ๆ ใครๆ ก็ไม่รู้ เสาร์-อาทิตย์ก็ได้หยุดพักผ่อนเต็มที่ ที่ตลาดหุ้น มีเงินให้หยิบออกไปจากตลาดหุ้นทุกวัน ยกเว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันวันนักขัตฤกษ์
จะเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น คุณจะต้องมีเครื่องมือครบชุด มีพอร์ตเล่นหุ้นเพียงอย่างเดียว ไม่พอ ! ครับ พอร์ต Tfex ก็สำคัญมาก สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ
หากนักลงทุนไทย มีพอร์ตหุ้นอย่างเดียว ก็เท่ากับส่วนใหญ่รอความตาย แบบตายผ่อนส่ง เนื่องจากคุณจะต้องรอให้หุ้นที่คุณซื้อมันจะต้องวิ่งขึ้นอย่างเดียวคุณจึงจะได้ตังค์ แต่ชีวิตจริงๆ ของคน และตลาดหุ้น มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อใดที่คุณเจอข่าวร้ายท่วมโลก สีแดงท่วมจอ ! นอกจากคุณจะพ่ายแพ้ให้กับตลาดหุ้นแล้ว คุณยังพ่ายแพ้ต่อชีวิตประจำวันด้วย นั่นก็คือ ในแต่วันที่คุณจะต้องรอคอยให้ราคาหุ้นมันดีดกลับขึ้นมาให้คุณเท่าทุนหรือมีกำไร คุณต้องกินต้องจ่ายต้องใช้เงินทุกวัน เท่ากับยังไงคุณก็แพ้ เว้นเสียแต่ คุณเป็นคนโชคดีมากๆ ที่ราคาหุ้นที่คุณติดอยู่หรือถืออยู่นั้นๆ มันมีกำไรให้คุณมากมายจนสามารถเอาชนะค่าใช้จ่ายเหมารวมทั้งหมดที่คุณเสียเวลาไปกับหุ้นนั้นๆ ได้ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะมีสักคนที่จะโชคดีอย่างนั้น
การถือหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาว เนื่องจากเห็นว่าดีกว่าฝากแบ็งค์ หรือตั้งใจมาซื้อหุ้นเพื่อถือกินปันผล ก็เป็นความคิดที่ผิดมาก ราคาหุ้นที่คุณสูญเสียไปจากการที่สภาวะตลาดหุ้นตกต่ำ โดยคุณไม่กล้าที่จะตัดสินใจขายทิ้ง มันคุ้มกันไหมกับเงินปันผลที่คุณได้มา (ลองคิดดู)
หากอยากจะเล่นหุ้นในลักษณะของการลงทุนดีกว่าฝากแบ็งค์หรือคิดว่าจะกินปันผล สู้คุณ รอ รอ รอ และรอ ให้เซ็ตไทยตกต่ำมากๆ แล้วจึงเข้ามาซื้อ โดยถือรอสักระยะหนึ่ง เมื่อเซ็ตไทยผ่านพ้นข่าวร้ายกลายมาเป็นขาขึ้น หรือเทคนิเคิ้ลรีบาวน์ คุณจึงค่อยขาย จะเป็นวิธีที่ดีกว่า การพยายามที่จะคิดในแบบแรกกับคำว่า ดีกว่าฝากธนาคารหรือกินปันผล โดยเฉลี่ยแล้ว ปีหนึ่งๆ เซ็ตไทยจะตกต่ำ 100-200-300 จุดให้เห็นๆ เสมอ ปีล่ะประมาณ 2-3 ครั้งแทบทุกปี คุณรอจังหวะอย่างนี้ ตกหนักๆ มาซื้อ ขึ้นแรงๆ มาขาย จะดีกว่า
การเล่นหุ้นนั้นง่าย ใครๆ ก็เล่นได้หากมีเงิน เปิดพอร์ตและเทรดน์ก็เท่ากับเล่นหุ้นแล้ว แต่การที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านการลงทุนที่ดีได้นั้นๆ ค่อนข้างจะยากหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้
มือใหม่กับมือเก่า ต่างกันตรงที่ เวลาที่มือใหม่เห็นผี มือใหม่เห็นพระ เวลาที่มือใหม่เห็นพระ มือเก่าจะเริ่มเห็นผี !
นั่นหมายความว่า มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะคิดในลักษณะตรงกันข้ามกับความร่ำรวย
ราคาหุ้นต่ำๆ ถูกๆ ไม่ซื้อ เพราะเชื่อว่า ถูกแล้วมีถูกอีก ฯลฯ ซึ่งการคิดอย่างนั้น ไม่จำเป็นจะต้องถูกหรือไม่จำเป็นจะต้องผิดเสมอไป มันอยู่ที่ดุลพินิจ สติปัญญา การอ่านเกมส์ + กึ๋น ของผู้ซื้อเอง ว่าสมควรซื้อได้หรือยัง
รายย่อยส่วนใหญ่มักนิยมซื้อเมื่อเขียว ยิ่งเขียวจัดๆ ยิ่งจะเพ้อฝันและบ้าระห่ำ ประมาณว่า "ชอบแสงสี" ที่นี่คือ ตลาดหุ้นนะครับ ไม่ใช่ดิสโก้เธค เห็นแสงไฟแว๊บๆ แล้วจะได้ยิ่งมัน ตลาดหุ้นยิ่งเขียวมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเจ็บตัวก็มีมากยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้น เขียวมากก็ดอยสูงมาก มันคือ "สัจธรรม"
ร้อยล่ะ 95% ไม่มีกลุ่มเจ้ามือคนไหนหรอกครับ ที่จะหลอกล่อเชิญชวนให้คุณเข้ามาซื้อหุ้นต่อจากเขา ด้วยการทำให้แดง เขาจะหลอกล่อให้คุณเข้ามาซื้อหุ้นต่อจากเขา ด้วยการปั่นเขียว เขียว เขียวแล้วเขียวอีก เพื่อล่อให้คุณมือใหม่หรือรายย่อย หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ก็ผสมโรงเข้าไปร่วมเล่นกับเขา สุดท้าย คือ ติดหุ้น ราคาสูงลิบลิ่ว
และวิธีการของหายนะ หรือภัยพิบัติที่รายย่อยนิยมชอบใช้เสมอๆ คือ กำไรรอบแรกด้วยจำนวนหุ้นน้อยๆ เมื่อหุ้นขึ้นก็ซื้อเพิ่มหนัก ยิ่งขึ้นเยอะก็ยิ่งจะเพิ่มปริมาณหุ้นมากขึ้น เหมือนปิระมิดกลับหัว หากคุณพยายามทำอย่างนี้ คุณรอ "เจ๊ง" หุ้นได้เลย เนื่องจากที่เมื่อใดที่คุณไปเจอหุ้นที่คุณผิดจังหวะสักตัวหนึ่ง กำไรที่เคยได้จากหุ้นนั้นๆ หรือจากหุ้นตัวอื่นๆ มาโดนหุ้นผิดจังหวะตัวเดียว ก็สามารถล้างกำไรจากหุ้นต่างๆ ที่คุณเคยได้หมดเกลี้ยงได้ง่ายๆ เผลอๆ บางคนก็ติดลบกำไรไปด้วยเลย "แสบ" ไปเลย
การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ในเมื่อความเสี่ยงนั้นๆ เป็นไปได้ทั้ง 2 ด้าน คือ เสี่ยงที่จะรวย กะเสี่ยงที่จะจนลง และคุณก็เลี่ยงมันไม่ได้ ที่จะต้องลงมือที่จะเสี่ยง เพื่อให้ได้มาซึ่งด้าน +
คุณก็จะต้องมีวิธีการจัดการบริหารความเสี่ยงนั้นๆ
เช่น ดูให้มั่นใจซะก่อน ก่อนที่จะลงมือกระทำการซื้อหรือขาย การซื้อหรือขายหุ้น คุณก็จะต้องรู้ถึงหลักการวิธีการทยอยซื้อและทยอยขาย ไม่จัดไม้เดียวแบบเต็มแม็กซ์ เนื่องจากคุณเองยังไม่ใช่มืออาชีพ หากคุณเป็นมืออาชีพหรือนั่งติดกับคนทำราคาหุ้น ก็ว่าไปอย่าง
เชื่อเถอะ ก่อนที่คุณจะเป็นมืออาชีพ คุณจะต้องเซฟตัวเองให้มากกว่านี้ครับ ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อน คือ ตัวคุณเอง !
จากคุณ |
:
teety
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ต.ค. 54 04:39:41
|
|
|
|