ความคิดเห็นที่ 1 Q : แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่กองทุนติดลบเกือบๆ 9% ทั้งๆที่เป็นกองตราสารหนี้ มันต้องไม่เสี่ยงสิ!! A : ใจเย็นครับ อย่าเพิ่งอารมณ์ขึ้นตอนนี้ จะลงทุน เราต้องเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองลงทุน ที่ผ่านมา ถ้าไม่เข้าใจมันบ้าง ก็ไม่เป็นไร ยกโทษให้ตัวเอง (และคนขาย) แล้วเริ่มกันใหม่ ทั้งคนขาย (และตัวเอง) ^^ อธิบายกันต่อเลยนะ Templeton Global Bond มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีสกุลเงินเป็น USD แค่ 35% เท่านั้น นอกนั้นเป็นเงินสกุลอื่น ... พอเงิน US Dollar เกิดอยู่ดีๆแข็งค่าขึ้นมา ก็ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นอ่อนค่าทันที พอกองทุนต้อง Mark to Market ก็กลายเป็นว่า มูลค่ากองทุนลดลงตามไปด้วย ถ้าดู Dollar Index จากต้นเดือน ก.ย. มาจนจุดสูงสุดในเดือน ต.ค. ช่วงวันที่ 4 พบว่า Dollar Index ดีดตัวขึ้นมาถึง 6.7% ทีเดียว และจริงๆก็ไม่ใช่แค่เรื่องการ Mark to Market เท่านั้นครับ ในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ก็ยังถือว่าเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจอเมริกาชะลอตัว และปัญหาหนี้ยุโรป จน Fund Managers และนักลงทุนทั่วโลกเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา และกลับไปถือ USD แทน ทั้งนี้ ถึงแม้ Templeton Global Bond จะลงทุนแต่ Government Bond เท่านั้น แต่ก็เป็นพันบัตรรัฐบาลของประเทศเกิดใหม่ที่ Credit Rating ไม่ได้สูงมากมายอะไร เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย จึงขายทิ้ง และโยกไปถือ Dollar ถึงแม้จะดอกเบี้ยต่ำขนาดนั้นก็ตามที จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:22:08

ความคิดเห็นที่ 2 Q : โธ่ แล้วทำไมไม่ถือตราสารหนี้สกุล USD ไว้เยอะๆล่ะ ผู้จัดการกองทุนของ Templeton ทำงานบ้างเปล่าเนี่ย? A : อย่าโวยวายไปครับ มุมมองของผู้จัดการกองทุนเขายังมองว่า US Dollar ยังไงก็ต้องอ่อนค่าในระยะยาว ปริมาณเงิน US Dollar ในระบบตลาดเงินทั่วโลกเยอะขึ้น จากการมาตรการอัดฉีดเงินอย่าง QE ก็จำเป็นจะต้องมีเพิ่มเติม และจริงๆรัฐบาลสหรัฐฯเองก็อยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อนค่าอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้สินค้าในประเทศสามารถส่งออกไปสู้กับจีนได้ในราคาที่ถูกลง (จริงๆแล้ว การขึ้นของ USD ไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวม) แต่ที่มันขึ้นไปได้ เพราะเจอนักลงทุนกลัวปัญหาจะลุกลามพร้อมๆกัน เลยขอกลับเข้า Safe Haven ช่วงหนึ่ง มาถึงตรงนี้ ก็ตอบได้แล้วอย่างหนึ่งว่า ใครที่มีมุมมองแย้งกับ Templeton (เขาเชื่อว่า US Dollar ไม่น่าจะแข็งค่าไปอีก) ก็แนะนำว่า กองทุนนี้ ค้านกับมุมมองของท่านนะ ดูดีๆ เพราะ Templeton ยืนยันว่าจะยังคงสัดส่วนการลงทุนไว้แบบนี้ ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไร Q : แล้วมันตกลงมาหนักขนาดนี้ ไหวอ่ะเปล่าเนี่ย? A : ต้องใช้ภาพประกอบอีกครั้ง ภาพนี้แสดงให้เราเห็นว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากลงทุนในกองทุนนี้ อาจเจอช่วงขาดทุนหนัก (Drawdown) เยอะๆ ไม่บ่อยนัก 10 ปี เจอไป 6 ครั้ง เฉลี่ยแล้ว หากทนถือได้ ภายใน 4 เดือนนิดๆจะสามารถกลับคืนทุนได้ โดยช่วงขาดทุนนั้นเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ -8% ในขณะที่ หากถือได้ 1 ปีขึ้นไป ผลตอบแทนเฉลี่ยปกติ อยู่ที่ 25.5% ทีเดียว จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:23:02

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ามองแค่สถิติย้อนหลัง ก็จะพบว่า ที่ NAV ของ Templeton Global Bond ลดลงในช่วงเดือน ก.ย. นั้น มันลงมาหนักพอๆกับค่าเฉลี่ยที่เคยติดลบเมื่อในอดีตแล้วนะ (ราวๆ -8%) ฉะนั้นถ้าเหตุการณ์ในตลาดโลกไม่แย่กว่านี้ ส่วนตัวนะ ผมก็เชื่อว่า ยังน่าถือต่อ และคนที่สนใจลงทุน ก็น่าสะสมลงทุนในระยะยาว Q : นอกจากเรื่อง FX ที่เสี่ยงแล้ว กองทุน Templeton Global Bond มีความเสี่ยงอื่นที่ต้องกังวลไหม? A : ที่ต้องรู้ไว้ แต่ไม่น่าจะกังวลเท่า FX ก็คือ เรื่องของ Credit Rating Allocation ของตราสารในพอร์ต เนื่องจากตราสารหนี้ในพอร์ตของกองทุน มีประมาณ 15% ที่ต่ำกว่าระดับ Investment Grade (ต่ำกว่า BBB) ซึ่งหากบางช่วงกองแม่ Templeton ถือ Non-Investment Grade เกินกว่า 20% กองทุนในไทยก็ต้องไปหาซื้อพันบัตรในประเทศเพื่อไม่ให้มี Non-Investment Grade ในพอร์ตกองไทยเกิน 20% ซึ่งมากกว่าที่ กลต. กำหนดไว้ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:24:14

ความคิดเห็นที่ 4 Q : ถ้าเปรียบเทียบกับ PIMCO Total Return Bond แล้ว ลงทุนตัวไหนดี? A : ถ้าใครลงทุนมาแล้วทั้งสองกอง ก็คงตอบแทนผมทันทีว่า “ห่วยพอๆกัน” ซึ่งผมก็ไม่เถียงกลับนะ เป็นความจริง ... แต่แค่ครึ่งเดียว สาเหตุที่บอกอย่างนี้ จริงๆ ต้องย้อนกลับไปที่หลักการในการลงทุนกองทุนแบบ Global Bond เหล่านี้ครับ นักลงทุนทั่วไป ลงทุนใน Global Bond เขาถือได้ยาว เฉลี่ย 2-3 ปี หรือมากกว่านั้น แต่นักลงทุนไทย แค่ 6 เดือน ก็มากเกินจะรับไหวแล้ว ... คราวนี้ เวลาย้อนหลังไปดูผลตอบแทนไกลๆ จะเห็นว่า ทั้ง PIMCO Total Return Bond Fund และ Templeton Global Bond Fund ก็ดูดีทั้งคู่ แต่มาเจอ Jackpot ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และนักลงทุนไทยเราก็ยังมี Knowledge Gap และความทนทานต่อความเสี่ยงที่ไม่เท่ากับที่เราเองคาดหวังผลตอบแทน -- ใครๆก็ชอบ ผลตอบแทนสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และขอเสี่ยงต่ำที่สุด ในเวลาเดียวกัน คุยกันแบบตรงๆแล้วใครจะไปทำได้ครับ ถูกต้องไหม? จะเลือกระหว่าง PIMCO Total Return Bond Fund และ Templeton Global Bond Fund ต้องเข้าใจก่อนว่า แต่ละกองมีความต่างกันตรงไหน ดูตารางนี้ครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:25:12

ความคิดเห็นที่ 5 Q : ข้อมูลถูกใจ ขอ Save เก็บไว้เป็นหลักฐานได้ไหม? เออ... ว่าแต่มันดูยังไงนิ? A : Save ได้ครับ ไม่ว่ากัน หุหุ ความต่างอย่างแรกระหว่าง 2 กองนี้คือ Duration หรือ อายุเฉลี่ยตราสารในพอร์ต โดย PIMCO ถือตราสารอายุยาวกว่า ในกรณีที่ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในขาลง จะได้รับอานิสงส์จากการ Mark to Market มากกว่า Templeton ฉะนั้น ณ จุด ดอกเบี้ยทั่วโลกขึ้นยากหน่อย PIMCO อาจดูดีกว่า ยกแรก PIMCO ชนะไป Q : อ๊ะ มีเป็นยกด้วย แล้วยกสองล่ะ? A : Yield to Maturity ถึงแม้ Templeton จะมีอายุเฉลี่ยตราสารในพอร์ตสั้นกว่า แต่สัดส่วนการลงทุนในปัจจุบัน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า จึงทำให้ YTM ของ Templeton ชนะ PIMCO เกิน 1% ผ่านมา 2 ยก เสมอกัน ถัดมา Credit Quality ยกนี้ Templeton แพ้ เนื่องจากตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ได้รับ Credit Rating จาก Agency ต่ำกว่า US และ Developed Countries อยู่แล้ว PIMCO ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 Q : โอยยยย สูสีๆ Templeton เร่งเครื่องหน่อยๆเพ่!! A: ต่อกันที่ Sharpe Ratio ผลตอบแทนเปรียบเทียบความเสี่ยง สาเหตุที่ต้องดูอัตราส่วนตัวนี้ เพราะถ้าดูแค่ผลตอบแทน เราคงโยกเงินเข้าลงทุนใน Templeton Global Bond ทันทีแน่นอน แต่จริงๆแล้ว ผลตอบแทนที่ได้มาสูงขึ้น ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูงขึ้น หากดูความผันผวนของ NAV ทั้งสองกอง และเอามาคำนวน Sharpe Ratio จะเห็นว่า กลายเป็น PIMCO Total Return Bond ให้ค่าที่สูงกว่า นั้นแปลว่า เทียบกับความผันผวนของ NAV แล้ว PIMCO Total Return Bond ได้ความนิ่งมากกว่า สรุป กลายเป็น 3-1 จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:27:03

ความคิดเห็นที่ 6 Q: อุตส่าห์เชียร์ Templeton ถือมาตั้งแต่ IPO ยังไม่ได้ขายเลย T____T A : ใจเย็นๆครับ ชีวิตเรายังมีหวัง มากันที่ยกสุดท้าย Past Performance พาไปดูกราฟย้อนหลัง 5 ปี เปรียบเทียบทั้งสองกองทุนครับ ช่วงที่เป็นขาลง ก็เหมือนจะลงด้วยกันทั้งคู่ แต่ Templeton ดูจะเหวี่ยงกว่าพอสมควร แต่หากถือได้ยาวๆทั้งสองกองทุน ผลตอบแทนจาก Templeton Global Bond ดูจะให้มากกว่า PIMCO Total Return Bond มากอยู่ครับ ทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาแต่หมดยกซะก่อน จบเกมส์ 3-2 PIMCO ชนะ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:27:39

ความคิดเห็นที่ 7 Q : งั้น นี้ฉันต้องขาย Global Bond ทิ้ง แล้วไปซื้อ Total Return Bond หรือนี้ ม่ายยยยยยย >.< A : Drama จริงๆ!! ดูจากกราฟ และสรุปด้วยความคิดส่วนตัวเลยก็คือ ในช่วงภาวะตลาดปกติ ถ้านักลงทุนรับความเสี่ยงได้ Templeton ดูจะเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนระยะยาวมากกว่า PIMCO แต่ ช่วงที่ตลาดบอนด์มีปัญหา PIMCO ถือว่าเหวี่ยงลงไม่แรงเท่ากับ Temple จึงเหมาะเป็น Safe Haven ในการจัดพอร์ต Asset Allocation รองรับตลาดผันผวน สำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมากกว่า Q : ขอความเห็นส่วนตัวหน่อย ชอบกองไหน? A : สำหรับผม ผมรับได้กับความเสี่ยงที่ Templeton มี แลกกับโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่หากเทียบในมุมองอื่นๆประกอบด้วย ก็จะเห็นแล้วว่า ทั้ง Credit Rating , Sharpe Ratio และ Duration กองทุนตอนนื้ การอยู่ใน PIMCO ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าเกลียด แถมดูดีกว่า Templeton ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละรายมากกว่า เพราะสุดท้าย ตอนคุณขาดทุน คนขายเขาก็แค่เครียดที่ทำลูกค้าไม่ได้กำไร แต่คนเสียเงินไป มันคือตัวเราคนเดียว ศึกษาให้มาก หาความรู้ให้เยอะ ห้ามขี้เกียจ ห้ามใช้ความรู้สึก แล้วผลลัพทธ์จากการตัดสินใจลงทุน มันจะออกมาดีเอง มีอะไรคืบหน้า จะกลับมา Update กันครับ ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:29:07

ความคิดเห็นที่ 8 ขอเก็บเนื้อหาก่อนเผื่อในอนาคตต้องไปข้องเกี่ยว ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:42:41

ความคิดเห็นที่ 9 กว่าจะมาให้อ่านอีก คุณ Mr.Messenger ห่างหายนาน จากคุณ : biki เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:52:15

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะ  มีทั้ง 2 กองเลย  เท่าที่ผ่านมา Templeton จะดูดีกว่าประเภทเหวี่ยงแรง กลับเร็ว กำลังคิดอยู่ว่าจะลงเพิ่มทั้งสองกองตอนนี้ดีมั้ย จากคุณ : Raspberry Truffle เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:52:46

ความคิดเห็นที่ 11 สนใจมานานแล้ว แต่เลือก Templeton Global Bond แบบมีปันผลดีกว่า ของทหารไทยแปลกกว่าชาวบ้าน จากคุณ : Henry2k เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 17:02:49

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ จากคุณ : EngiN_Duck เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 20:43:55

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบกระทู้นี้มาก ^_^ เอาไปเลย 3 กีบ ทั้ง PIMCO และ TEMPLETON จัดเป็นกองทุนพันธบัตรระดับโลก ผมเคยถือทั้งสองตัวเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งมาสลับเอา TEMPLETON ออกไปไว้ PIMCO ช่วงกลางปี ยังไงก็ขาดทุนอยู่ดี แต่ PIMCO ก็ขาดทุนน้อยหน่อย ส่วนตัวผมคิดว่า TEMPLETON ยังไม่น่าถือครับ ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้นักลงทุนจะมั่นใจประเทศเกิดใหม่มากไปกว่า อเมริกาและยุโรป และผมยังมองว่า PIMCO + GOLD ยังเป็น Safe Heaven อยู่ดีในช่วง 5 ปีต่อไปนี้ เอาไว้เครดิตประเทศต่างๆทยอยปรับขึ้นผมถึงจะเอา PIMCO ครึ่งหนึ่งย้ายกลับไป TEMPLETON จากคุณ : Securesoft เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 20:47:37

ความคิดเห็นที่ 14 นอกจาก 2 กองทุนที่กล่าวมาคือ PIMCO กับ Templeton แล้วเพิ่มเติม Bond Fund อีกกองที่อาจเป็นทางเลือกในช่วงนี้ สำหรับคนที่สนใจกองทุนรวมตราสารหนี้ คือกอง AEOB หรือกองทุนเปิด อีเมอร์จิ้ง ออพพอร์ทูนิตี้ส์ บอนด์ ฟันด์ ของ Aberdeen ที่มีผลตอบแทนน่าสนใจเช่นกัน ได้ข้อมูลมาจากเพื่อนในวงการ เลยอยากแชร์เป็นทางเลือกค่ะ YTD performance (as of 21 Oct 2011) จากคุณ : Galnextdoor (Galnextdoor) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:35:39

ความคิดเห็นที่ 15 การลงทุนมีความเสี่ยง ยังไงศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจนะค่ะ จากคุณ : Galnextdoor (Galnextdoor) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:45:50