Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปิดโผหุ้น'ดาวรุ่ง-ดาวร่วง'วิกฤตน้ำท่วม ติดต่อทีมงาน

เปิดโผหุ้น"ดาวรุ่ง-ดาวร่วง"วิกฤติน้ำท่วม!!! 12 อุตสาหกรรมอ่วม คาดประกันภัยหนักที่สุด ส่วนหุ้น ค้าปลีก-เกษตร อาหาร-ก่อสร้าง" อนาคตรุ่ง

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมกำลังจะกดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย โดยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ คือ นิคมอุตสาหกรรม ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้รายย่อยจำนวนมาก ประกันวินาศภัย ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย บันเทิง และ การท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกและวัสดุก่อสร้าง น่าจะได้ประโยชน์ เนื่องจากประชาชนยังคงต้องกินต้องใช้ ผู้บริโภคต่างพากันกักตุนอาหารและน้ำดื่ม ยกตัวอย่างเช่น แก๊สประเภทแคมปิ้ง ขายดีจนขาดตลาด และน้ำดื่มที่ไม่มีจำหน่ายแล้ว ส่วนวัสดุก่อสร้างนั้น เมื่อน้ำลดจะมีการสร้าง ซ่อม ตั้งแต่ถนนไปจนถึงบ้านจากหลังคา ฝาบ้าน จนถึงฐานราก

"ยังไม่มีใครพูดถึงกำลังซื้อภายในประเทศคือคนรากหญ้า เมื่อน้ำท่วมหนักขนาดนี้ เรือกสวนไร่นาจมหาย เก็บเกี่ยวไม่ได้ กำลังซื้อจะกระทบหนัก หากรัฐบาลไม่เร่งวางแผน 1 แผน 2 ในการรับมือ การเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะกระทบมากกว่าที่บอกว่าน่าจะหายไป 1% ซึ่งรัฐต้องปรับแผนใช้เงิน งบสร้างรัฐสภาใหม่ไม่จำเป็นเลย งบซื้อรถใหม่ก็ไม่จำเป็น และงบแจกแทบเล็ต ก็ยิ่งไม่จำเป็นในสถานการณ์อย่างนี้ควรรวบรวมเงินไปฟื้นฟูผู้คนที่น้ำท่วม"

นางวรวรรณ กล่าวว่า ในเบื้องต้นมีการประเมินว่า น้ำท่วมคราวนี้ได้ทำลายพื้นที่เพาะปลูกและแหล่งเศรษฐกิจไปกว่า 27 จังหวัดแล้ว ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี ขอนแก่น  อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์  ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี นครราชสีมา และ ร้อยเอ็ด

12 กลุ่มอุตสาหกรรมอ่วม

ส่วนผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมากน้อยต่างกัน โดยอุตสาหกรรมที่ได้ผลกระทบเรียงจากมากที่สุดไปยังน้อยที่สุด คือ 1.กลุ่มประกันวินาศภัย จะได้ผลกระทบมาก เนื่องจากคาดว่าการเบิกจ่ายค่าสินไหมจะปรับตัวสูงขึ้นมาก 2.กลุ่มยานยนต์ กระทบต่อการผลิตโดยตรง เพราะโรงงานชิ้นส่วนหลายแห่งในนิคมต้องปิดโรงงาน จึงมีแนวโน้มที่จะลดการผลิตเพราะขาดแคลนชิ้นส่วน กระทบต่อแนวโน้มยอดขายทุกบริษัท

3.กลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้รายย่อยจำนวนมาก โดยเฉพาะปล่อยกู้ยานยนต์ จะได้รับผลกระทบมากเพราะคนไม่มีกำลังผ่อน  4.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ล่าช้ากว่าที่คาด ทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาการผิดชำระหนี้จากผู้ประกอบการที่ประสบภัยน้ำท่วม ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อลดลง แต่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า


5.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จะมีการก่อสร้างโครงการล่าช้าลง เป็นปัจจัยลบต่อทุกบริษัท 6.กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย จะกระทบเนื่องจากประชาชนจะชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน เพื่อพิจารณาทำเลที่ตั้งโครงการที่ได้รับผลกระทบ และมีความเสี่ยง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับกลางระดับล่างแถวชานเมือง ส่วนคอนโดมิเนียมในเมืองน่าจะได้รับผลกระทบน้อยสุด 7.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม มีพื้นที่ของนิคมฯ น้ำท่วมเสียหายไปแล้วหลายแห่ง  8.กลุ่มท่องเที่ยว อาจจะได้รับผลกระทบที่คนกลัวน้ำกัน ทำให้ต้องหยุดท่องเที่ยวชั่วคราว

9.กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลกระทบปานกลาง เพราะหลายรายที่อยู่ในพระนครศรีอยุธยาต้องหยุดการผลิตชั่วคราว 10.กลุ่มบันเทิง เนื่องจากรายได้หลักจากรากหญ้าได้จะหดหายไป เพราะได้รับผลจากน้ำท่วมสูงสุด จึงเป็นแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ชะลอการโฆษณา 11.กลุ่มสื่อสาร อาจได้รับผลกระทบในระยะสั้นเล็กน้อยจากลูกค้าที่ผิดชำระหนี้ และใช้บริการโทรศัพท์น้อยลง เนื่องจากขาดไฟฟ้า และ 12.กลุ่มเหล็ก อาจได้รับผลกระทบระยะสั้นจากความยากลำบากในการขนส่ง เนื่องจากเส้นทางเสียหาย

ค้าปลีก-เกษตร/อาหาร-ก่อสร้างส้มหล่น

ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ ประกอบด้วย 1.กลุ่มค้าปลีก ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยหากท่วมไม่นานจะได้ผลบวกมากเนื่องจากประชาชนกักตุนสินค้า หรือซื้อเพิ่มเพื่อบริจาค หากท่วมอาจกระทบ เพราะต้องปิดสาขาเพิ่มขึ้น แต่น้ำลดยอดขายสินค้าอุปกรณ์ใช้สอยในบ้านจะเพิ่มขึ้นเพราะต้องซ่อมบ้าน 2.กลุ่มเกษตรและอาหาร กระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีนัยสำคัญต่อบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มนี้ 3.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง หลังน้ำท่วมจะต้องมีการฟื้นฟูซ่อมแซมทรัพย์สินหรือถนนหนทาง ทำให้มีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น

นางวรวรรณ กล่าวว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยให้แกว่งตัวหากเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศ และในเขต กทม. อย่างยาวนาน ซึ่งจะทำให้กำไรตลาดปีนี้ต่ำกว่าที่คาด โดยเฉพาะกลุ่มภายในประเทศ แต่เชื่อว่าดัชนียังมีแนวรับที่แข็งแกร่งที่ PER 10 เท่า ซึ่งเป็นระดับสะท้อนพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถรับได้ทุกครั้งที่มีปัญหากดดัน

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศ เห็นได้จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับข่าวดีจากยุโรป หลังจากปัญหาหนี้เริ่มคลี่คลาย ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้านปัจจัยภายในประเทศ หากสามารถฟื้นฟูและเยียวยาปัญหาน้ำท่วมได้เร็ว เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาได้เร็วเช่นกัน

http://ไม่ใช่ลิขวิดครับ/pKKWeh

จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา
เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 12:53:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com