ความคิดเห็นที่ 1 เสี่ยงมาก ผลตอบแทนก็มีโอกาสได้มาก จากส่วนต่างที่เกิดจาก ลบ และ บวก เสี่ยงน้อย ราคาการลงทุนขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะหมายถึงโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ต่ำ จากส่วนต่างราคาที่มีแต่ผลบวก ..... เลือกก่อนครับ ว่า รับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด .... ถ้าเสี่ยงมาก เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูง ก็อาจจะหมายถึง โอกาสของการสูญเสียที่อาจจะมีมากขึ้นได้ด้วย .... ถ้าอดทนรอรับได้ไม่มากครับ เริ่มต้น.... เริ่มจากการเรียนรู้ เริ่มเพื่อสร้างความเข้าใจรูปแบบการสร้างผลตอบแทน ที่เกิดจากส่วนต่างของราคา เพื่อจะได้สร้างโอกาสมากกว่าการรอรับดอกเบี้ยแบบเดิม ที่คุ้นเคย ขึ้นต้นว่า ลงทุน .... ไม่ใช่ฝากเงิน ..... การลงทุนทุกอย่าง ต้องมีต้นทุนเสมอ ถึงจะสามารถสร้างผลตอบแทนด้วยผลลัพท์ ของราคาที่ต่างจากต้นทุน อาจจะเริ่มต้นจากกองทุนตราสารหนี้ ที่ให้ทั้งโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทน ได้ไม่แพ้เงินฝากประจำ และด้วยสภาพคล่องที่มีมากกว่าเงินฝากประจำ อย่างมาก จึงเหมาะที่จะเก็บออม เก็บเงินได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยเริ่มต้น ขั้นต่ำกันที่ 5,000 บาท และครั้งต่อไปตั้งแต่ 1,000 บาทไปได้ไม่มีข้อจำกัด เพียงแต่อาจขาดความแน่นอน ที่ต่างจากดอกเบี้ยที่สามารถทราบได้ล่วงหน้าก่อนฝาก แต่การลงทุนจะกำหนดความแน่นอนได้ยาก ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการลงทุน ไม่ต้องเท่ากันทุกเดือน ไม่ต้องมีจำกัดเพดาน ก็สามารถได้รับการยกเว้น ภาษีหัก ณ.ที่จ่าย 15% ได้ ซึ่งต่างจากการฝากประจำมากครับ เก็บเมื่อมี เอากลับมาใช้ได้ยามจำเป็น โดยไม่ต้องรอเวลาให้ครบกำหนด และยังได้ผลตอบแทนครบถ้วน โดยไม่ต้องเสียสิทธิ์ SCBTMF - กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารรัฐตลาดเงิน หรือ SCBSFF - กองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ สามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวันทำการ และเมื่อขายคืน เงินจะกลับเข้าบัญชีให้ในวันทำการถัดไปเวลาประมาณ 9:00 - 9:30 น. และการที่ SCBTMF/SCBFF มีสภาพคล่องใกล้เคียงกับการฝากออมทรัพย์ จึงสามารถทดแทน เงินฝากออมทรัพย์ ได้ครับ ทั้งนี้ ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ใกล้ หรืออาจสูงกว่า การฝากประจำ 3-6 เดือนได้ และยังได้รับการยกเว้นภาษี สำหรับผลตอบแทนที่ได้จากการขายคืน จึงสามารถทดแทนเงินฝากประจำได้อีกด้วยครับ รวมทั้งยังเหมาะที่จะเป็นที่พักเงิน ก่อนการขยับขยายการลงทุนไปกับกองทุนประเภทอื่น อย่างเช่น เอาไว้ลุ้นสู้กับดัชนีหุ้นไทย - SCBSET , SCBSET50 หรือดัชนีเฉพาะหมวดธุรกิจทั้งพลังงาน (SCBEnergy) หรือ ธนาคาร (SCBBanking) เอาไว้ทดสอบค่าเงิน - SCBAUD เอาไว้กระจายการลงทุนไปทั่วเอเซีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) - SCBAEM เอาไว้ก้าวสู่ระบบโลก 3 ทวีป (ยุโรป-อเมริกา-ญี่ปุ่น) - SCBPGF เอาไว้ท้าทายกลับตลาดหุ้นจีน - SCBCE เอาไว้กระจายการลงทุนในหุ้นเล็ก และใหญ่ - SCBPMO เอาไว้เน้นลงทุนระยะยาวกับหุ้นที่จ่ายปันผลทุกปี - SCBDV เอาไว้สร้างโอกาสในการเติบโตด้วยการเลือกหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำๆ - SCBSE หรือแม้เอาไว้ท้าทายกับราคาทอง - SCBGOLD, SCBGOLDH ซึ่งสามารถทำการสับเปลี่ยนย้ายเงินลงทุนไปยังกองทุนต่างๆ ได้ด้วยขั้นต่ำ เพียง 1,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นกองทุนใดก็ตามครับ หลากหลาย รูปแบบการลงทุน และการเก็บออม รวมถึงการสร้างโอกาสจาก การลงทุน ที่สามารถใช้ SCBTMF/SCBSFF และบริการ SCB Easy Net เป็นจุดเริ่มต้น การเรียนรู้ และสร้างสมประสบการณ์ การลงทุนกับกองทุน ได้เป็นอย่างมาก ด้วยการที่ SCB Easy Net เตรียมพร้อมสำหรับ การทำรายการกองทุน ทั้ง ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน ในเวลาทำการ (จนถึงเวลา 16.00 น.) หรือจะทำรายการ ขายคืน-สับเปลี่ยน ล่วงหน้าได้ตลอด 24 ชม. และยังเตรียมรายงาน การตรวจสอบผลตอบแทน และต้นทุนเฉลี่ยการลงทุน และอีกหลายๆ อย่างที่ช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายครับ สามารถติดต่อการเริ่มต้นการเก็บออมผ่านกองทุน ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา (สาขาตามห้าง วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้ครับ) โดยเพียงแค่นำ - บัตรประชาชน - พร้อมบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ (ถ้ามี) ไปติดต่อ ขอเอกสารสำหรับ - การเปิดใช้บริการกองทุน : เพียงครั้งแรกครั้งเดียว เพื่อจะได้มี เลขผู้ถือหน่วยลงทุน (12 หลัก) ไว้ทำรายการ กับกองทุน - การขอออก Fund Book : ไว้สำหรับตรวจสอบมูลค่าการลงทุน - การเขียนใบคำสั่งซื้อกองทุน : ด้วยขั้นต่ำในการเริ่มต้นลงทุนครั้งแรก เพียง 5,000 บาท ครั้งต่อไปสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ได้ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 21:17:30

ความคิดเห็นที่ 2 พี่จุก ยามากครับ ^^'' ขอบคุณครับ จากคุณ : ไอ้วู่ เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 21:50:39

ความคิดเห็นที่ 3 การลงทุนในกองทุนรวม ผู้ลงทุนต้องพิจารณาความสามารถรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนเอง ซึ่งแต่ละกองทุนมีนโยบายการลงทุนแตกต่างกัน ดังนั้นความเสี่ยงจึังแตกต่างกันค่ะ รับความเสี่ยงได้น้อย กองทุนตราสารหนี้ที่ความเสี่ยงต่ำ แนะนำ K-MONEY ลงทุนเงินฝาก ตั๋วเงินคลังและตราสารหนี้เอกชนระยะสั้น รับความเสี่ยงได้ปานกลาง กองทุนผสมระหว่างตราสารหนี้กับหุ้น แนะนำ K-PLAN 1, K-PLAN 2 และ K-PLAN 3 ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ 3 กองนี้จะต่างกันที่สัดส่วนลงทุนในหุ้นค่ะ รับความเสี่ยงได้สูง กองทุนหุ้นแนะนำ K-FEQ ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 0-100 %, K-SET50 ลงทุนในหุ้นอ้างอิงกับดัชนี SET50, K-VALUE ลงทุนในหุ้นและมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง รับความเสี่ยงได้สูง กองทุนต่างประเทศ แนะนำ K-GOLD ลงทุนในกองทุนหลัง SPDR GOLD TRUST ที่ลงทุนทองคำโลก K-OIL ลงทุนในกองทุนหลัก Power Shares DB ที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน กรณีที่ต้องการนำเงินลงทุนลดหย่อนภาษีแนะนำ RMF 1. เค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในกองทุนทองคำในต่างประเทศ 2. เค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในหุ้น(อาจลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 25%) 3. เคหุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในหุ้น(แบบยืนหยุ่น) 4. เค บาลานซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้ 5. เค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพดี 6. เค พันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 7. เค ตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น หรือ LTF การลงทุนใน LTF นั้น กองทุนจะต้องลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% ซึ่งกองทุน LTF ส่วนใหญ่จะลงทุนในหุ้นเกินกว่า 90% ทั้งนั้น ยกเว้นกองทุน K70LTF และ KSDLTF ซึ่งจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% โดยเรียงตามลำดับความเสี่ยงจากสูงไปต่ำได้ดังนี้ K20LTF ลงทุนในหุ้นไม่เกิน 20 บริษัท มีการกระจายการลงทุนในหุ้นรายตัวน้อยกว่ากอง LTF กองอื่นๆ มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เลือกลงทุนกองทุนนี้ถ้ามั่นใจในการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนที่เลือกหุ้นน้อยตัวกว่ากองทุนอื่น KGLTF ลงทุนในหุ้นที่เลือกแล้วว่ามีแนวโน้มอัตราการเจริยเติบโตของบริษัทสูง จะเป็นหุ้นบริษัทใหญ่ หรือบริษัทเล็กก็ได้ มีนโยบายจ่ายเงินปันผล KEQLTF ลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เป็นกองทุนเดียวที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล KDLTF ลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เหมือน KEQLTF แต่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล K70LTF ลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% เป็นหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานดี มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลือ 30% จะเป็นการกระจายการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก หุ้นกู้ และตั๋วแลกเงิน มีนโยบายจ่ายเงินปันผล KSDLTF มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายหุ้นล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นลง มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เลือกลงทุนกองทุนนี้ถ้ากังวลเรื่องความผันผวนของราคาหุ้น เพราะกองทุนนี้จะผันผวนน้อยที่สุด +/- น้อยกว่ากองทุน LTF กองอื่นๆดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ กองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% กองทุนทั้งหมดสามารถซื้อ ขายได้ทุกวันทำการ มีขั้นต่ำซื้อ ขาย 5,000 บาท สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ kasikornasset.com เลือกกองทุนรวมค่ะ จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 54 09:51:52