เกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาส
1.เสียเปรียบสถาบัน
ยกตัวอย่างจากหนังสือ One good trade : คนเขียนเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Proprietary trading firm ขนาดปานกลาง ที่มีสไตล์การเทรดแบบ Day trade ประมาณว่า เล่นยาวกว่า Scalping แต่ปิด Position ในหนึ่งวัน
สรุปตามสิ่งที่ผมเข้าใจ
1.1การคัดเลือกคน:
- เน้นเรียนเก่ง
- จบมหาลัยดัง
- เป็นคน Active เช่น วันหยุดชอบไปเที่ยวต่างประเทศหลายที่ในคราวเดียว เป็นนักกีฬา
1.2 การฝึกสอน
- มีการสอนก่อนเทรดจริง
- มีเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยง โดยให้นั่งเทรดข้าง ๆ กัน
- มีโปรแกรม Simulator ให้หัดเทรดโดยสามารถหัดเทรดในสภาวะตลาดทั่วไป หรือ ว่าจะเลือกหัดทีละเทคนิคก็ได้ เช่น หัดเทรด Momentum, จังหวะย่อตัว
- สอนจังหวะที่ควรเข้า โดยเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์น้อยจะหัดจากรูปแบบที่ง่าย ๆ ก่อน
- มีการประเมินผลอย่างละเอียด ไม่ว่าเป็น ช่วงเวลาที่เทรดได้กำไร รูปแบบที่ถนัด
- มีการบันทึกวิดีโอการเทรดของเทรดเดอร์แต่ละคนเพื่อให้ดูว่าตอนตัวเองเทรดเป็นยังไง จังหวะไหนไม่น่าเข้า สภาพอารมณ์
- โดยเฉลี่ยกว่าจะทำกำไรได้เทรดเดอร์จะใช้เวลา 6-8 เดือนจึงเริ่มได้กำไร
- หลายคนกว่าจะกำไรขาดทุนหลายหมื่นเหรียญ
- โอกาสคนที่รับเข้ามาแล้วประสบความสำเร็จ ในกรณีของธนาคารใหญ่ประมาณ 50%
- เทรดเดอร์ใหม่ห้ามสวนเทรนด์เด็ดขาด
1.3 เทรดจริง
- Win rate เฉลี่ยที่ทำได้คือ 60 - 70% ,reward/risk = 5/1
- มีการ Meeting ทุกเช้าว่าหุ้นตัวไหนน่าเทรด เค้าใช้คำว่า "Stock in play"
- มีการแชร์ข้อมูลตลอดเวลาว่าขณะนี้หุ้นตัวไหนน่าสนใจ
- ติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด ถ้ากำไรน้อยลงนิดเดียวเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะช่วยกันหาสาเหตุ และหาวิธีการแก้ไข โดยอาจกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มให้ หรือเพิ่มโปรแกรมฝึกซ้อมพิเศษให้เป็นรายบุคคล
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 22:27:56
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 22:27:24
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 22:25:04
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 21:06:25
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 20:00:52
แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 54 19:48:51