ความคิดเห็นที่ 1 1/2 ความหมายเดียวกันครับ .... ภายใต้ข้อกำหนด ห้ามขาดการลงทุน 2 ปีต่อเนื่อง นั่นหมายถึง ปี เว้น ปี ... ก็จะไม่ขาดการลงทุนต่อเนื่อง 2 ปีครับ เพราะขาดแค่ปีเดียว แล้วซื้อต่ออีกปี สลับไปเรื่อยๆ ได้ครับ แต่การนับปีที่ครบตามข้อกำหนด จะนับเฉพาะปีที่มีการลงทุน และต้องนำไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ด้วยเท่านั้นครับ สำหรับการสับเปลี่ยนกองทุนระหว่าง RMF ... สรรพากรไม่สนใจมากนัก ขอเพียงไม่เป็นกรณีการขายคืนเท่านั้นครับ .... สำหรับสิ่งที่จะนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้นั้น ดูที่หนังสือรับรองการซื้อ ที่จะจับเฉพาะรายการ ซื้อ หรือสับเปลี่ยนเงินลงทุนจากกองทุนทั่วๆ ไป ที่ไม่ใช่ RMF มาลงทุนใน RMF เท่านั้นครับ การสับเปลี่ยนระหว่าง RMF ด้วยกัน สามารถทำได้ โดยไม่มีผลต่อการนำ ไปใช้สิทธิ์ทางภาษี ไม่ว่าจะกำไร หรือขาดทุนจากการสับเปลี่ยนก็ตาม ยังคงยึดจำนวนเงินที่นำไปใช้ลดหย่อนได้ เฉพาะต้นทุนเงินลงทุนในปีนั้นๆ เท่านั้นครับ การสับเปลี่ยนระหว่าง RMF ของ SCBAM จะไม่มีค่าธรรมเนียมทั้งเข้าและออก โดยที่ ราคาสับเปลี่ยนออก = ราคาหน่วยลงทุน ราคาสับเปลี่ยนเข้า = ราคาหน่วยลงทุน + 0.0001 บาท ระยะเวลาการสับเปลี่ยน T+0 ... หมายถึง เมื่อสับเปลี่ยนออกจากต้นทาง สามารถเข้าลงทุนปลายทางได้ในวันเดียวกันกับที่สับเปลี่ยนออกครับ RMF มีทั้งหมด 6 กองทุน SCBR1 - ไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อการเลี้ยงชีพ :: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัย ไม่หวังผลตอบแทนที่สูงนัก เพื่อประโยชน์ทางภาษีเป็นหลัก   SCBR2 - ไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการเลี้ยงชีพ :: เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ความคู่กับประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากการลงทุน   SCBR3 - ไทยพาณิชย์เฟล็กซิเบิ้ล ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ :: ระดับความเสี่ยงปานกลาง ด้วยการเพิ่มการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ควบคู่กับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้   SCBR4 - ไทยพาณิชย์หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ :: ระดับความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการลงทุนโดยเลือกหุ้นกลุ่ม SET50 บางตัวที่มีสภาพคล่อง และปริมาณการซื้อ-ขายในตลาดที่สูง SCBR5 :: ถือเป็นกองทุนประเภทดัชนี ที่มีการลงทุนในหุ้นต่างๆ ตามสัดส่วนเดียวกับที่ใช้คำนวณ SET50 INDEX SCBRG : ถือว่ามีความเสี่ยงสูงสุด ที่เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ทางเลือก คือราคา หุ้นทองที่สิงคโปร์ เสมือนไม่มีการกระจายความเสี่ยงใดๆ เลยเนื่องจากลงทุน ในหุ้นตัวเดียว (ETF ทอง) เท่านั้นครับ อีกทั้ง แม้จะเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ ด้วยสกุลเงิน US แต่ก็ ได้มีการจัดการเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนจนให้ค่อนข้างคงที่ จึงเสมือนกับการ ตัดตัวแปลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนออกไปได้ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 08:59:26

ความคิดเห็นที่ 2 การซื้อทุกปี .... 1 ปี หมายถึง ปีภาษี ที่นับตั้งแต่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. ดังนั้นการซื้อต่อเนื่องทุกปี (หรืออย่างน้อยปีเว้นปี) ...... ในปี พ.ศ. ไม่ว่าจะซื้อวันไหนก็ตาม ... ใน พ.ศ. ถัดไป ก็ต้องซื้อ ใหม่ โดยจะซื้อวันไหนก็ได้ ตั้งแต่วันทำการแรกของปี จนถึงวันทำการสุดท้ายของปี แต่ถ้าเป็นการนับระยะเวลาการลงทุนภายใต้เงื่อนไข ไม่น้อยกว่า 5 ปีการลงทุน จะนับแบบวันชนวัน จากวันแรกที่เริ่มลงทุนใน RMF .... ไปอีก 5 ปีข้างหน้า โดยปีที่ลงทุนนับเป็นปีที่ 0 ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 09:09:38

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนอื่นขอบคุณคุณ Pjuk มากครับสรุปว่า ถ้าซื้อปี 54 เว้นปี 55 แล้วไปซื้อปี 56 ได้ผมเข้าใจถูกนะครับ แสดงว่าที่กลต เขียนไว้ไม่ค่อยชัดเจนน่ะครับ(ในความรู้สึกส่วนตัว) แล้วสอบถามเพิ่มหน่อยน่ะครับว่าถ้าเป็นแบบ SCBR2 หรือ SCBR3 จะได้ผลตอบแทนประมาณ 3-4% ต่อปีพอได้ไหมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Gelidus เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 13:07:24

ความคิดเห็นที่ 4 SCBR2 ... ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว มีความผันผวนปนอยูด้วย ทำให้โอกาสได้ 3-4% ต่อปี หรือบางช่วงจังหวะเวลาอาจจะไม่ได้ครับ SCBR3 ... ลงทุนทั้งในตราสารหนี้ และหุ้น อย่างละ 50% ดังนั้น โอกาสมีได้ แต่การสูญเสียก็มีมากเช่นกันครับ ไม่มีความแน่นอนในการลงทุน ..... แต่ถ้าเป็น SCBR1 ช่วงเวลานี้ ที่ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ อาจจะทำได้ที่ประมาณ 3% ต่อปีได้ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 13:57:37

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ จากคุณ : Gelidus เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 20:49:09