ค่าเงินบาท แข็งค่า หรือ อ่อนค่า ดูอย่างไร ขออธิบายง่ายๆนะครับ เช่น
วันที่เราไปลงทุน ค่าเงินบาท เมื่อเทียบกับ ดอลล่าร์สหรัฐ แล้วอยู่ที่ 30 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ
หากวันถัดมา อัตราแลกเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงไปเป็น 29 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เรียกว่า ค่าเงินบาทแข็งค่า หรือ
หากวันถัดมา อัตราแลกเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงไปเป็น 31 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เรียกว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่า
แสดงว่า ถ้าเราลงทุนแล้ว สิ่งที่คาดหวังคือกำไร ฉะนั้น เราก็ต้องลุ้นให้
1. ราคาทองคำปรับตัวสูง ขึ้น หรือ ค่าเงินบาทอ่อนลง หรือ
2.ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น มากกว่ากว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น หรือ
3.ราคาทองคำปรับตัวลดลง น้อยกว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเพิ่มขึ้น
เชื่อได้ว่าบางท่าน เมื่ออ่านจบแล้วอาจจะสงสัย ข้อ2,3 มันยังไงกันแน่ อย่างที่บอกไปคือ ราคาทองคำ กับ ผลของค่าเงินบาท จะมีส่วนที่ทำให้เราเกิดกำไรขาดทุนได้ ขอยกตัวอย่างนะครับ เช่น
หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
จาก 1,700 เหรียญ ไปอยู่ที่ 1,800 เหรียญ เท่ากับว่าเพิ่มขึ้น 5.882% และ
ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจาก
30 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 29.5 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เท่ากับว่าปรับตัวลดลง -1.667%
นั้นแสดงว่า สุทธิแล้ว GOLD ETF ก็ควรจะเหลือบวกอยู่ที่ 4.216%
ในทางกลับกัน แม้หาก
หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
จาก 1,700 เหรียญ ไปอยู่ที่ 1,800 เหรียญ เท่ากับว่าเพิ่มขึ้น 5.882% แต่
ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจาก
30 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 28 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เท่ากับว่าปรับตัวลดลง -6.667%
นั้นแสดงว่า สุทธิแล้ว GOLD ETF ก็ควรจะปรับตัวลดลงไป -0.784%
เห็นไหมครับแม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น แต่หากค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่า ก็จะทำให้ราคา GOLD ETF ติดลบลงได้ แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่า GOLD ETF ราคาลดลง จนติดลบแล้ว ราคาทองคำแท่งที่ขายกันตามบ้านเรา ที่เยาวราชจะไม่ลดลงนะครับ ไม่ว่าจะทองเยาวราชหรือ GOLDETF ก็ล้วนแล้วราคาจะต้องปรับตัวลดลงทั้งสิ้น
(นอกเหนือจากปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อราคาที่บอกไปข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยที่เรียกว่า tracking error ด้วยนะครับ ขอติดไว้อธิบายในหัวข้อถัดไป)
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 54 11:45:44
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 54 11:44:38